หญิงหม้าย

ตอนที่13 หญิงหม้าย 13



ตอนที่13 หญิงหม้าย 13

ยามเช้าที่จวนอ๋องช่างแตกต่างจากที่เรือนหลังเล็กเสีย กระไร เพียงพระจันทร์ลับขอบฟ้า เหล่าบ่าวไพร่ผู้มีหน้าที่ แตกต่างก็พากันเดินให้ขวักไขว่ หม่าเหลียนเฟยก้าวออก จากห้องเล็กที่อยู่ไม่ไกลจากจวนเล็กที่อ๋องหนุ่มพำนักอยู่

จะว่าไปที่นี่ก็น่าอยู่ไม่น้อยด้วยการตกแต่งจวนอย่างร่มรื่น มีเหล่าพรรณไม้สวยงามที่แข่งกันออกดอกชูช่อเบ่งบาน อีกทั้งมีต้นไม้เล็กใหญ่ขึ้นสลับกันอยู่รอบๆ ถัดไปด้านใน เห็นเป็นศาลากลางน้ำที่มีบริเวณกว้างขวางทั้งยังมีเหล่า ดอกบัวเบ่งบานรับน้ำค้างยามเช้า ช่างเป็นสถานที่ๆน่าอยู่ ยิ่งนัก แต่น่าเสียดายยิ่งที่สถานที่ๆสวยงามเยี่ยงนี้กลับ ปะปนไปด้วยอันตรายที่มองไม่เห็น หญิงสาวยีนสูดอากาศ สดชื่นเข้าจนเต็มปอด ก่อนจะออกเดินไปตามทางจนถึง หน้าจวนที่มีทหารยามยืนเฝ้าอยู่อย่างเข็งขัน เมื่อเห็นหญิง สาวหยุดอยู่ตรงหน้าจึงกล่าวทักทายพร้อมกับเปิดทาง นาง กล่าวขอบคุณก่อนจะก้าวเข้าไปในห้อง

“ถวายพระพรเพคะ “กล่าวพร้อมกับย่อตัวลง

“ลุกขึ้นเถิด แม่นางหม่า อย่าได้มากพิธี “เสียงทุ้มที่แหบ เล็กน้อยเอ่ยขึ้น
“วันนี้หม่อมฉันจะปรุงยาที่มีฤทธิ์บำรุงร่างกายให้พระองค์ ทรงดิ่มก่อนพระกายาหารเช้านะเพคะ หลังจากนั้นค่อยทา สมุนไพรรักษาแผลทั้งเช้าและเย็น ส่วนตัวยาถอนพิษคง ต้องใช้สมุนไพรหายากหลายอย่างคงต้องรบกวนพระองค์ ให้คนไปเสาะหามานะเพคะ”

นางอธิบายถึงวิธีการรักษาแก่ชายหนุ่ม เนื่องจากผิวหนัง ที่ถูกพิษชอนไชยามพิษกําเริบต้องใช้ความพยายามใน การรักษาที่ค่อนข้างจะเชื่องช้า เนื่องจากต้องค่อยๆใช้ฝา หนู(ว่านหางจรเข้)ทาลงบนผิวเนื้อที่พุพองและเป็นแผล โชคยังดีที่ฝาหนูป่าที่นางมีนั้น ค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพดี กว่าฝาหนูตามบ้าน เมื่อผ่าออกเนื้อด้านจะให้ความเย็นทั้ง ไร้ งความแสบร้อนยามแตะลงบนแผล หาไม่แล้วยามทา อ๋องหนุ่มคงต้องทนทรมานน่าดูชม

“เมื่อคืนหลับสบายดีหรือไม่” เสียงทุ้มเอ่ยถามยามฟังนาง กล่าวจบ

“สบายดีเพคะ ขอบพระทัยเพคะ”

“ข้าให้คนไปนำข้าวของๆเจ้ามาไว้ที่จวนแห่งนี้แล้ว ขอเจ้า จงวางใจ และขอแสดงความเสียใจด้วยเรื่องที่เจ้า..
นางเงยหน้าขึ้นสบตาคมด้วยความแปลกใจที่เห็นชาย หนุ่มหยุดพูดไปเฉยๆแต่หลังเห็นสีหน้าเห็นใจที่เขา แสดงออกมาก็พอจะคาดเดาได้ หากเขาส่งคนไปคอยดูแล นาง เช่นนั้นเขาย่อมรู้เรื่องทุกอย่างๆแน่นอน

“ขอบพระทัยเพคะ แต่หม่อมฉันไม่ได้เป็นอะไรเลยเพคะ หม่อมฉันและอดีตสามีจากกันนานแรมปี ยามเจอหน้ากัน อีกคราก็ดั่งคนแปลกหน้า อีกทั้งตอนนี้เขาก็มีฮูหยินคน ใหม่แล้ว ดังนั้นเรื่องระหว่างเราจึงจบลงแล้วเพคะ”

หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับเอ่ยเรื่องดิน ฟ้าอากาศ พาให้ชายหนุ่มนึกแปลกใจยิ่งนัก จะต้องมีใจที่ แข็งแกร่งปานใด จึงได้เงยหน้าสู้ฟ้าและยืนหยัดต่อสู้กับ คำครหาว่าเป็นหญิงหม้ายสามีหย่าโดยไม่สะทกสะท้านได้ เช่นนี้ เขายกยิ้มที่มุมปากพลางเอ่ย

“เจ้ามีความดีความชอบในการช่วยเหลือเรา หากต้องการ สิ่งใดตอบแทน ขอจงเอ่ยอย่าได้เกรงใจ

“ขอบพระทัยเพคะ”

หลังเสร็จจากการดูแลทายาให้ชายหนุ่ม นางก็ออกมาจัดข้าวของที่เหล่าบ่าวไพร่ขนมาให้จากเรือนหลังเก่า กว่า จะเสร็จก็ใกล้เที่ยงวัน จึงนำเหล่าสมุนไพรออกตากแดด กําลังแรงยิ่งนักโดยมีหนเหยาเอ๋อร์คอยช่วย นางตั้งใจว่า เวลาที่เหลือจากการปรุงยาให้อ๋องสาม ก็จะเริ่มผลิตครีม ต่างๆออกมาให้เด็กสาวเป็นผู้นำไปขายอีกครั้ง หญิงสาว วางแผนไว้แล้วว่าหากรักษาชายหนุ่มจนหายดี นางก็จะขอ รางวัลเป็นทรัพย์สินให้พอเปิดร้านได้อย่างที่หวัง แต่ก่อน จะรักษาได้คงต้องหางานอย่างอื่นเสริมไปด้วย

จนกระทั่งช่วงเย็น ถึงเวลาที่นางจะต้องทายาให้แก่ชาย หนุ่มอีกครั้ง ยามนางก้าวเข้าไปถึงห้องส่วนในของจวน ปรายตาไปที่บนเตียงใหญ่ก็เห็นร่างที่เต็มไปด้วยกล้าม เนื้อที่มีร่องรอยของบาดแผลมากมาย นั่งรออยู่โดยไม่สวม เสื้อ หญิงสาวให้รู้สึกหน้าร้อนผ่าว แต่ก็ทําเป็นไร้ความรู้สึก ลงมือทายาลงบนบาดแผลเหล่านั้นอย่างเบามือสวนทาง กับ ใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง

!โปรดหายไวๆเถิดนะเจ้าคะท่านอ๋อง หาไม่แล้วหม่อมฉัน คงต้องเป็นโรคหัวใจเข้าซักวัน!

วันรุ่งขึ้นไทเฮาทรงเสด็จมาเยี่ยมบุตรชายเพื่อจะบอก ลากลับวังหลวงเนื่องจากมีคนมาแจ้งพระองค์ว่าฮ่องเต้ทรง ประชวร เมื่อพระนางได้เห็นหน้าตาของเขาสดใสขึ้นเล็กน้อยพระนางถึงกับหลั่งน้ำตา พร้อมทั้งสั่งประทาน รางวัลให้หญิงสาวเพิ่มอีกหลายอย่าง นางได้แต่ทูลขอให้ ทรงระงับความดีใจไว้ก่อนจนกว่าจะแน่ใจว่าอ๋องหนุ่มจะดี ขึ้นจริงๆ จึงค่อยประทานรางวัลก็ยังไม่สาย

แต่หลังจากพระนางเสด็จกลับไปได้ไม่นาน ชายหนุ่มกลับ มีอาการพิษ าเริบขึ้นมาอีกครั้งโดยไร้ซึ่งสาเหตุ ทำให้ หญิงสาวข้องใจยิ่งนัก ยามนี้จึงได้แต่นั่งครุ่นคิด เพราะมัน ต้องมีใครคนใดคนนึงที่กระตุ้นพิษในกายของเขา ไม่มีทาง เป็นไปได้ที่พิษจะกำเริบติดต่อกันโดยไร้การกระตุ้น หญิง สาวจึงเฝ้าจับตาดูมิให้ผู้ใดที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการ ดูแลอ๋องหนุ่มได้เหยียบย่างเข้าใกล้แม้เพียงนิด

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป อาการของอ๋องสามดีขึ้นอย่างเห็นได้ ชัด อีกทั้งพิษร้ายก็หาได้กำเริบขึ้นอีก อ๋องหนุ่มจึงให้คน ประกาศออกไปว่าเขาใกล้จะหายดีแล้ว หากอสรพิษที่อยู่ ปะปนกับคนของเขาได้รู้ข่าว คาดว่าคงหาทางติดต่อกับผู้ เป็นนายอย่างแน่นอน

ตอนนี้หม่าเหลียนเฟยรอคอยเพียงสมุนไพรล้ำค่าที่ ต้องไปนำมาจากต่างแคว้นเพียงเท่านั้น เพื่อที่จะปรุงยา ถอนพิษให้แก่ชายหนุ่ม นางรอคอยด้วยใจจดจ่อ ด้วยไม่ค่อยแน่ใจนักว่า สูตรยา นางรับรู้สําหรับการแก้พิษนั้น เหมือนกับมันยังขาดส่วนประกอบที่สําคัญ ทําให้นางค่อน ข้างจะไม่มั่นใจในตัวยาเหล่านั้นเท่าที่ควร

“ทูลท่านอ๋อง คุณหนู ขอเข้าเฝ้าเพคะ” เสียงนางกำนัล หญิงเอ่ยบอกชายหนุ่มที่กำลังนั่งนิ่งๆให้หญิงสาวทาฝาหนู เขาหันมาสบตากับหม่าเหลียนเฟยก่อนจะเอ่ยปากอนุญาต ให้หญิงสาวสกุลจู่เข้าเฝ้า

“ถวายพระพร เพคะ ไทเฮาทรงมีพระประสงค์ให้หม่อม ฉันนําโสมแห้งที่ได้มาจากแดนใต้มาถวายพระองค์เพคะ ด้วยทรงดีพระทัยยิ่ง ทีพระอาการทรงดีขึ้น อีกทั้งยังมี ทําเหน็จอีกเล็กน้อยเพื่อมอบให้แก่ท่านหมอหม่าด้วย เพคะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างยิ้มแย้ม พลางหันไปโบกมือ ให้คนนําของขึ้นทูลถวาย ก่อนที่จะหันไปยกถุงผ้าขอบ ทองส่งให้กับหม่าเหลียนเฟยพร้อมทั้งเอ่ย

“นี่เป็นรางวัลพระราชทานจากไทเฮามอบให้ท่านหมอ เจ้าค่ะ ยินดีด้วยนะเจ้าคะ”

หญิงสาวยื่นมือออกไปรับ ทั้งเอ่ยขอบคุณ จากนั้นเชื่อ หนิงจึงอยู่ถามไถ่อาการของชายหนุ่มเพื่อไปรายงานแก่ไท เฮาพร้อมกับที่อ๋องหนุ่มเอ่ยสอบถามอาการของฮ่องเต้ที่ ตอนนี้เริ่มดีขึ้นมาก ราวหนึ่งชั่วยามนางจึงลากลับ

ถึงเวลาสำรับเที่ยง นางจึงออกไปทานอาหารพร้อมกับ หนีเหยาเอ๋อร์ที่กลับมาจากการออกไปส่งสมุนไพรให้เหล่า สาวงามที่หอนางโลม ทั้งสองทานไปคุยไปอย่างออกรส จนกระทั่งมีนางกํานัลวิ่งกระหืดกระหอบมาแจ้งว่า ท่าน อ๋องทรงพิษก่าเริบ ทําให้นางต้องวิ่งหน้าตั้งไปดู เมื่อไปถึง ก็เห็นชายหนุ่มกระอักเลือดอย่างรุนแรง หญิงสาวเข้าไป ประคองพร้อมทั้งนํายาสกัดพิษป้อนให้ เกือบเสี้ยวชั่วยาม อาการก็ทุเลาลง

“เกิดสิ่งใดขึ้น เหตุใดทรงพิษกำเริบขึ้นมาได้” หญิงสาว เอ่ยถามเหล่านางกำนัลถวายเครื่องเสวยที่พากันนั่งคุกเข่า ตัวสั่นเทาอยู่ด้านหน้า

“ไม่ทราบได้เจ้าค่ะ ทรงเสวยอยู่ดีๆก็ทรงกระอักพระ โลหิตออกมา ทั้งที่ทรงทดสอบพิษจากอาหารทุกอย่างก็ ไม่มีสิ่งผิดปกติเลยเจ้าค่ะ”นางกำนัลหญิงคนหนึ่งเอ่ยออก มาด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทาจนเกือบจะฟังไม่ได้ศัพท์ เห็นดัง นั้นนางพลันนึกขึ้นได้เพราะหากมีสิ่งใดผิดพลาดเหล่านาง กำนัลเหล่านี้ย่อมตกเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับต้นๆ หัวอาจจะ หล่นจากบ่าก่อนผู้อื่นได้ทุกเมื่อ

“พิษกําเริบอย่างนั้นเหรอ เป็นไปได้อย่างไร ทุกคนออกไปให้หมด เหยาเอ๋อร์เจ้าออกไปเฝ้าหน้าประตูไว้ อย่า ให้ใครเข้ามาเด็ดขาด พี่จะตรวจอาการทานอ๋อง” หญิงสาว สั่งอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งประคองให้ชายหนุ่มนอนลงที่ เตียงใหญ่

“เจ้าค่ะ เด็กสาวเอ่ยคําพร้อมทั้งเดินตามเหล่านางกำนัล ไปที่หน้าประตู จากนั้นจึงปิดประตูและยืนเฝ้าตามคำสั่ง ของหญิงสาว

“ทรงเป็นอย่างไรบ้างเพคะ ทรงเสวยสิ่งใดแปลกๆเข้าไป หรือไม่ ถึงได้เป็นเช่นนี้” นางเอ่ยถามชายหนุ่มที่ตอนนี้นอน หลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน

“ข้ารู้สึกเจ็บที่หน้าอก ทั้งยังรู้สึกเหมือนมีสัตว์ร้าย พยายามชอนไชอยู่ใต้ผิวหนัง ความเจ็บปวดแบบนั้นมัน กลับมาอีกแล้ว

เขาเอ่ยเสียงแผ่วทั้งขบกรามแน่น เนื่องจากหลายวันมานี้ อาการของเขาดีขึ้นจนแทบจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆเลย วัน นี้เมื่อพิษกำเริบขึ้นอีกครั้ง เขาจึงรู้สึกดังกับมีใครเอามีดมา เฉือนเนื้อทั้งความปวดแสบปวดร้อนที่หายไปนานหวนกลับ มาให้เขาจดจำความเจ็บปวดก่อนหน้าที่จะรักษากับหญิง สาวได้อีกครั้ง
ได้เห็นสีหน้าราวกับอดกลั้นต่อความเจ็บปวดเหลือแสน ของชายหนุ่ม ใจของผู้เฝ้าดูแลรักษาพลันขมขื่นทำให้นาง เผลอยกมือเรียวขึ้นลูบแผ่วเบาที่ใบหน้าคม นิ้วงามค่อยๆ ซับเหงื่อที่ไหลตกลงมาข้างขมับแกร่ง

เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอันแผ่วเบาที่ใบหน้าเขาจึงลืมตาขึ้น พลันสบเข้ากับสายตาหวานที่เปี่ยมไปด้วยความวูบไหว ของอารมณ์ที่บ่งบอกถึงความสงสารระคนเห็นใจจาก ใบหน้างาน ชายหนุ่มพลันยกมือกุมเอามือเรียวงามมาแนบ แก้มทั้งเอ่ยเสียงทุ้มอย่างอ่อนโยน

“ข้าดีขึ้นแล้ว อย่าห่วงเลย

“หม่อมฉัน ขออภัยนะเพคะที่ถวายการดูแลไม่ดี ทำให้ พระองค์ต้องเจอกับความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อ จากนี้ไป หม่อมฉันจะเฝ้าระวังจะไม่ยอมละสายตาไปจาก พระองค์เลยเพคะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่นทั้งยัง สบสองตาคนอย่างแน่วแน่บ่งบอกความในสิ้นแล้วจากแวว

ตา

มุมปากแกร่งยกยิ้มเมื่อได้ยินคำกล่าวอันหนักแน่นจาก หญิงสาว เขาขยับกายขึ้นลุกนั่งทั้งสองตาหาได้ละไป จากใบหน้างาม ยกมือขึ้นแตะคางมนได้รูปของหญิงสาว สายตาทั้งคู่สบกันอย่างสื่อความในโดยไร้ซึ่งคำพูดใดๆแต่กลับเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ชายหนุ่มโน้มใบหน้า เข้าหาริมฝีปากหวาน ยามสบเข้ากับสายตาที่บอกความใน จากชายหนุ่ม นางได้แต่นั่งตะลึงอย่างไร งหนทางขัดขืน แววตาคู่นั้น จนรู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่ทาบทับลงมาบนริม ฝีปากบาง พลันได้สติจึงยกสองมือนผลักอกชายหนุ่ม แต่ เขากลับใช้อุ้งมือหนากุมท้ายทอยงามไว้ ทั้งยังละเลียดชิม ความหวานจากปากงามจนหญิงสาวต้องกลั้นหายใจอย่าง วาบหวาม

“ท่านอ๋องพะย่ะค่ะ กระหม่อมเกาฉางเย่ พะย่ะค่ะ” เสียง องครักษ์เกาเอ่ยขึ้นที่หน้าประตู ทำให้นางหลุดออกจาก ความหวานนั้นและได้สติอีกครั้ง จึงเบือนหน้าหนีริมฝีปาก อันร้ายกาจนั้น พลันต้องตกตะลึงอ้าปากค้างเมื่อเขาละจาก ริมฝีปากเป็นแตะจุมพิตแผ่วเบาค้างไว้ที่แก้มนวล เมื่อถอน ริมฝีปากอ๋องหนุ่มต้องหลุดยิ้มกว้างเมื่อเห็นคาตาว่าแก้ม นวลหอมกรุ่นนั้นแดงเถือกราวแต้มสีชาด

“เข้ามา” เอ่ยปากอนุญาตแล้วจึงเอนร่างลงพิงหัวเตียง สองตามีประกายยังจับจ้องเจ้าของแก้มแดงนั้น ที่ยามนี้ก้ม หน้างุดจนคางแทบจะชิดอก

“พระองค์ทรงเป็นอย่างไรบ้างพะย่ะค่ะ องครักษ์เงาส่ง สัญญาณแจ้งแก่กระหม่อมว่าพิษทรงกำเริบขึ้นอีก ไหนแม่นางหม่าบอกว่าพระอาการทรงดีวันดีคืน แล้วไยวันนี้จึง เกิดอาการอย่างนี้ได้เล่าพะย่ะค่ะ”

เกาฉางเย่เอ่ยพลางจ้องมองทั้งสองอย่างงุนงง เมื่อเห็น หมาเหลียนเฟย นั่งหมิ่นๆอยู่ข้างอ๋องหนุ่มทั้งยังก้มหน้า หลบสายตา ทั้งที่ๆผ่านมาหญิงสาวเป็นคนที่เปิดเผยไร้ซึ่ง เล่ห์เหลี่ยมอีกทั้งยามพูดจายังจ้องหน้าดั่งคนที่แสดงความ โปร่งใสจริงใจ แต่ในวันนี้จึงเห็นนางนั่งก้มหน้างุดราวกับ ปิดบังซ่อนเร้นสั่งใด

“แม่นางหม่า เป็นอะไรรึปล่าวขอรับ ใยถึงนั่งนิ่งก้มหน้า เช่นนั้น หรือเกิดสิ่งใดร้ายแรงต่อท่านอ๋องของข้าน้อยห รือขอรับ” องครักษ์หนุ่มเอ่ยถามอย่างสงสัย และเมื่อนาง เงยหน้าขึ้น จึงได้เห็นหญิงสาวที่แก้มแดงราวผลไม้สุกเอ่ย ตอบเสียงเบาผิดวิสัยยิ่ง

“ปล่าวหรอกเจ้าค่ะ ท่าน ท่านอ๋องมิได้เป็นอะไรแล้ว เพียง แต่ตอนนี้ข้าขอคิดก่อนนะเจ้าคะ ว่าทรงเกิดอาการพิษ กําเริบได้อย่างไร

นางว่าพลางลุกขึ้นเดินไปยังสำรับของชายหนุ่ม พยายาม ดึงสติกลับคืนมาจากอารมณ์ที่เกิดจากการกระทำของอ๋อง หนุ่ม ก่อนจะมุ่งความสนใจไปยังสำรับชุดนั้น มือเรียวยก ถ้วยใส่สํารับขึ้นแตะมือลงบนอาหารทุกชนิด ตั้งสมาธิเพื่อเปิดประสาทรับรู้ แต่กลับไม่ได้สำผัสถึง สิ่งใดที่ผิดปกติ จึงหันหน้ากลับมาที่ชายหนุ่มทั้งสอง ทรุบ สายตา ง ายามสบเข้ากับตาคนที่มีประกายคู่นั้นก่อนจะ เอ่ยปากถาม

“หลังจากที่หม่อมฉันออกไปจากห้องนี้ พระองค์ทรงทำ หรือแตะต้องสั่งใดบ้างเพคะ”

“ก็ไม่มีสิ่งใดนะ หลังเจ้าออกไปข้าก็ให้จัดสํารับ แต่พอกิน ไปแค่ไม่กี่คำก็รู้สึกแน่นหน้าอกจนกระอักเลือดออกมา แต่ ในอาหารทุกจานก็ตรวจสอบอย่างเข้มงวด ทั้งนางกํานัล ทดสอบพิษก็ทดสอบไปแล้ว ทุกอย่างไม่มีสิ่งใดผิดปกติ

“ถ้าเช่นนั้น หม่อมฉันคิดว่าตัวกระตุ้นพิษคงไม่ได้มา จากเครื่องเสวยแน่นอนเพคะ” หญิงสาวครุ่นคิด พลางใช้ สายตามองสํารวจไปรอบๆห้อง ก่อนจะหยุดอยู่ที่ถาดขอบ ทองที่ใส่โสมพระราชทาน หญิงสาวก้าวเข้าไปหาพร้อมทั้ง แตะมือลงบนโสมแห้งที่วางอยู่บนถาดและหลับตาลง

เมื่อลืมตาขึ้นจึงหันไปทางชายหนุ่มก่อนที่จะก้าวเดิน เข้าไปหาพร้อมกับต้นโสมในมือ ก่อนถึงตัวชายหนุ่มมือ คว้าเอายาสกัดพิษที่อยู่ในอกเสื้อออกมาถือไว้ก่อนเอ่ยปากบอกชายหนุ่มที่นั่งทำหน้าสงสัย

“ทรงอดทนหน่อยนะเพคะ” ว่าพลางยื่นต้นโสมเข้าใกล้

เขา

“โอ้ยๆ เจ้า อักก”

Talk… ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ Love love


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ