หญิงหม้าย

ตอนที่11 หญิงหม้าย 11



ตอนที่11 หญิงหม้าย 11

ทั้งสองเดินแกมวิ่งผ่านเข้าไปในตัวเรือนพลันต้องชะงัก เมื่อเห็นฝางฮูหยินร่ำไห้ในอ้อมกอดของชายหนุ่มผู้หนึ่ง ที่ยืนหันหลังให้ประตู ตรงเก้าอี้รับแขกด้านข้างมีหญิงสาว นางหนึ่งนั่งอมยิ้มน้อยๆมองดูอยู่อย่างสงบ แต่ยามที่นาง เบนสายตามาที่หน้าประตูพลันสองตาของหญิงนางนั้นมี แววตื่นตระหนกเมื่อเหลียวเห็นนางทั้งสองซึ่งหยุดยืนอยู่ กลางห้อง

“ท่านแม่เจ้าคะ”หม่าเหลียนเฟยส่งเสียงเรียก

“เฟยเอ๋อร์” ฝางฮูหยินคลายอ้อมแขนทั้งดึงให้ชายผู้นั้น หันมาหาหญิงสาว เมื่อเห็นใบหน้าของเขาสองตาพลันเบิก กว้างความทรงบางอย่างแล่นผ่านสมอง

“ฝางหยวนใช้!!

“ใช่แล้ว เหลียนเอ๋อร์ พี่หยวนไซ้ของเจ้า เขากลับมาแล้ว ในที่สุดก็กลับมา ฮือๆ อาไช้ เจ้ากลับมาหาแม่แล้ว ขอบคุณ สวรรค์”

ฝางฮูหยินทั้งยิ้มทั้งร่ำไห้เฝ้าลูบหน้าลูบตาชายหนุ่ม ลูกชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของนางรอดกลับมาอย่างปลอดภัย มีมารดาคนใดบ้างที่จะไม่ยิ้มทั้งน้ำตายาม ได้เห็นหน้าบุตรที่ขาดการติดต่อนานแรมปีเช่นนี้

“ท่านแม่อย่าร้องไห้อีกเลยขอรับ ข้ากลับมาแล้ว ต่อไป ข้าจะดูแลท่านจะไม่ทิ้งท่านไปไหนอีกแล้ว ว่าพลางหันมา ทางหญิงสาว

“ขอบใจเจ้ายิ่งนักเหลียนเอ๋อร์ ที่เจ้าดูแลท่านแม่ของ พี่เป็นอย่างดี แล้วเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง” เขาถามพร้อมส่ง สายตาขอบคุณมาให้นางแต่ในแววตานั้นกลับเปร่งประกาย ลำบากใจปนอยู่ลางๆ

“ข้า เอ่อ สบายดีเจ้าค่ะ แล้วท่านล่ะเจ้าคะ” หญิงสาวเอ่ย พลางย้ายสายตาไปทางหญิงสาวอีกนาง ที่ตอนนี้ก้าวเข้า มายืนเคียงชายหนุ่มยามได้ยินเขาเอ่ยถามนางพร้อมทั้งยัง เอื้อมมือมาแตะลงบนท่อนแขน ทำให้เขาต้องละสายตา จากนางเหลียวกลับไปมอง ยามชายหนุ่มละสายตาจากร่าง หญิงผู้นั้นหันกลับมาสีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจอย่าง ยิ่ง

“พี่ สบายดี “

” เอ่อ ท่านแม่ นี่คือกงหย่าฮวาขอรับ” เขาขยับเบี่ยงกายประคองนางผู้ยืนเคียงให้หันไปค่านับมารดา ฝาง หยินที่ยืนซับนํ้าตาอยู่พลันชะงักพลางมองดูหญิงสาว แปลกหน้าค่อยๆโค้งคํานับโดยมีบุตรชายตนคอยประคอง อย่างประคบประหงม เมื่อเห็นท่าทางแววตาหนักใจของ บุตรชาย ทําให้นางต้องละสายตาหันไปมองลูกสะใภ้ของ ตนอีกครั้ง หนนี้นางถอนหายใจพลางถอยไปนั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมทั้งเอ่ยปากถามในสิ่งที่ตนพอจะคาดเดาได้

“นาง เป็นผู้ใดหรือ อาไ

“นาง คือ นางเป็นฮูหยินอีกคนของลูก และตอนนี้นาง ยังตั้งครรภ์สายเลือดสกุลฝางของเราอีกด้วยขอรับท่าน แม่” ฝางหยวนใช้เอ่ยเสียงเบาพลางเหลือบตามองใบหน้า หวานที่มีสีหน้าเรียบเฉย ยามได้ยินเขาเอ่ยปาก

คราวนี้เป็นฝางฮูหยินที่รีบลุกขึ้นมาประคองฮูหยินอีกคน ของบุตรชาย พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดีอย่างไม่ปิดบัง

“นางตั้งท้องอยู่หรือนี่ รีบลุกขึ้นเร็วเข้า อย่าให้กะเทือน ถึงหลานข้าเชียว อาไช้ทำไมถึงไม่ระวัง นี่กี่เดือนแล้วล่ะ ฮ วาเอ๋อร์”นางว่าพลางเอื้อมมือไปลูบหน้าท้องของหญิงสาว เบาๆ
“พึ่งจะเข้าเดือนที่สามเจ้าค่ะ ท่านแม่”หญิงสาวเอ่ยตอบ เสียงเบาอย่างเอียงอายทั้งยังก้มลงใช้มือลูบที่หน้าท้องที่ ยังแบนราบพลางยกยิ้ม

ฝางหยวนไชเหลียวมองหน้าฮูหยินของตนพลางหันไป ทางหญิงสาวอีกนางที่ยืนสงบนิ่งไร้คำพูด ชายหนุ่มถอน หายใจแผ่วเบาพลางเอ่ยคำ

“เหลียนเอ๋อร์ ข้าอยากให้เจ้าเอ็นดูนางดังน้องสาว ฮวาเอ๋ อร์ยอมเป็นรอง นางขอแค่อยู่อย่างสงบไม่เรียกร้องสิ่งใด ขอแค่เจ้าเมตตานาง ให้นางอยู่ร่วมเป็นครอบครัวเดียวกัน กับเจ้าและข้า จะได้หรือไม่”

หญิงสาวยืนฟัง!สามี!เอ่ยคำอย่างเฉยชา นางไม่รู้ว่าควร กล่าวสิ่งใด ฝางหยวนใช้เป็นสามีของร่างนี้ แต่ไม่ใช่สามี ของนาง อีกทั้งยามนี้เขายังกลับมาพร้อมกับฮูหยินอีกคน ที่กำลังตั้งท้อง นางคิดว่าหากเป็นหมาเหลียนเฟยตัวจริง นางคงจะเจ็บปวดและเศร้าใจยิ่งนัก เพราะในความทรงจำ ที่ยังหลงเหลือ ฝางหยวนใช้เคยสัญญาว่าจะมีนางเป็น หยินแต่เพียงผู้เดียว มาบัดนี้เขากลับนำหญิงอื่นเข้ามาร่วม ชายคา อีกทั้งยังตั้งครรภ์ ขณะที่ยามหม่าเหลียนเฟยตั้ง ท้องจนกระทั่งแท้งและสิ้นลมไปเขากลับไม่ได้รับรู้สิ่งใด เลย ถึงจะไม่ใช่ความผิดของชายหนุ่มแต่อย่างใด เพราะ นางเลือกที่จะปิดบังด้วยไม่อยากให้เขาห่วงหน้าพะวงหลังยามที่ต้องออกไปสู้ รบกับข้าศึก

หากแต่หญิงใดเล่าที่ไม่อยากเป็นที่รักของผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นสามีและพ่อของลูก ยามนี้เห็นเขาประคบประหงมหญิง อื่น หากเป็นหม่าเหลียนเฟยตัวจริง คงยากจะทำใจยอมรับ ได้อย่างแน่นอนและถึงแม้ชายหนุ่มจะเอ่ยว่าหญิงสาวผู้ นั้นยอมเป็นที่สอง แต่เพียงแค่มองแววตาก็รู้ได้ว่านางหา ได้สมยอมที่จะเป็นรองไม่ ใจคนยากแท้หยั่งถึง แม้ปากจะ บอกว่าได้แต่ข้างในจิตใจนั้นเล่าจะยอมหรือไม่ ใครเล่าจะ รับรู้ อีกทั้งชีวิตคู่คือคนสองคนคู่ก็คือสองหากเมื่อใดเพิ่ม เป็นสามสี่ห้า ก็ยากนักที่จะมีชีวิตสงบสุข

เอาล่ะ ในเมื่อเหตุการณ์เป็นไปเช่นนี้ เห็นทีว่าคงจะต้อง จัดการขั้นเด็ดขาดแล้ว เพราะหากจะให้ใช้ผู้ชายร่วมกับ หญิงอื่นดังคนในยุคนี้ เธอขอยอมอยู่คนเดียวเสียยังดีกว่า คราแรกที่เข้ามาอยู่ในร่างนี้เธอยังเคยแอบหนักใจว่าหาก สามีของเจ้าของร่างกลับมา เธอจะทำเช่นไร เพราะหาก ต้องอยู่กินฉันผัวเมียกับคนแปลกหน้าทั้งที่ไม่ได้รัก เธอคง อกแตกตายแน่ แต่โชคดีนักที่เขาหายไปโดยที่ไม่มีแม้แต่ ข่าวคราว จนเธอเกือบจะลืมไปเสียแล้วว่าร่างนี้ยังมีสามีอยู่ แต่อยู่ไปอยู่มาไหงโผล่มาได้ก็ไม่รู้ แต่ก็ยังดีที่เขาดันพา เมียใหม่มาด้วย อย่างนี้เธอก็จะมีข้ออ้างให้ งแล้วใช้ชีวิตสาวโสดให้คุ้มค่าไปเลย

!ขอโทษนะ เหลียนเฟย แต่ฉันคงจะไม่สามารถทำหน้าที่ เมียที่แสนดีให้กับสามีของเธอได้ ไหนๆเธอก็ตายไปแล้ว ถือเสียว่าเธอกับเขาหย่าขาดจากกันก็แล้วกันนะ ขอให้ฉัน ได้ใช้ชีวิตเป็นของตัวเองซักทีนะ!

หญิงสาวก้มหน้าซ่อนแววตาและความคิดที่แสนจะ ลิงโลดไว้อย่างมิดชิด ซึ่งอาการของนางนั้นในสายตาของ ทุกคนเห็นเพียงนางก้มหน้า ดอก อาการคล้ายคนที่เจ็บ ปวดและผิดหวัง ยามนางเงใบหน้าที่เคร้าหมองขึ้นมา ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือปานจะขาดใจ

“ข้ายังจําได้ ท่านเคยบอกว่าชาตินี้จะมีข้าเป็นฮูหยินเพียง คนเดียวของท่าน แต่มาวันนี้ท่านกลับพาหญิงอีกคนที่ กําลังตั้งท้อง มาบอกให้ข้ายอมรับนางเป็นดั่งน้องสาวอีก คน ให้มาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน แต่หากข้าไม่ยินยอมท่าน จะทําเช่นไร” หญิงสาวเร่งกล่าวต่ออย่างว่องไวด้วยไม่ อยากให้ชายหนุ่มได้คิดไตร่ตรองสิ่งใดที่จะขัดต่อความ ต้องการของนาง

“แต่เอาเถิดไหนๆเรื่องมันก็เลยเถิดมาจนป่านนี้แล้วอีกทั้งนางก็ยังตั้งท้องสายเลือดสกุลฝาง ข้าจะยอมเป็น ฝ่ายจากไปเอง ขอเพียงท่านยอมเขียนหนังสือหย่าให้ข้า ให้ถือเสียว่าเป็นเราไร้วาสนาต่อกันก็แล้วกัน อย่าให้แม่ นางที่มีสายเลือดสกุลของท่านอยู่ในท้องต้องตกเป็นรองผู้ ใดเลยนะเจ้าคะ”

เมื่อนางพูดจบ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าที่แตกต่างกันไป ฝาง เหยียนใช้และมารดาของเขาต่างมีสีหน้าตกตะลึง กงหย่า ฮวาเผยสีหน้ายินดีอย่างปิดไม่มิดหากแต่ก็ทํากลบเกลื่อน ด้วยการก้มหน้าลงไปลูบหน้าท้องที่แทบจะมองไม่เห็นรอย นูนแห่งการตั้งครรภ์แม้แต่น้อย

“ใยเจ้าพูดจาเหลวไหลเยี่ยงนั้น มีที่ไหนกันภรรยาขอหย่า สามี ใครรู้เขามีแต่คนจะครหาว่าร้ายเจ้านะเหลียนเอ๋อร์ พี่ จะคิดเสียว่ามิเคยได้ยินในสิ่งที่เจ้าพูดมาก็แล้วกัน ส่วน เรื่องฮวาเอ๋อร์ ไว้เราค่อยพูดคุยกันอีกทีเมื่อเจ้าทำใจได้ แล้ว”

“ไม่เจ้าค่ะ ในเมื่อท่านเป็นคนผิดสัญญา ข้าก็มีสิทธิ์ที่จะ ขอหย่า หากท่านไม่ยินยอมข้าก็จะไปฟ้องร้องต่อศาลให้ ช่วยตัดสิน เขียนหนังสือหย่าให้ข้าเถิดนะเจ้าคะ อย่าปล่อย ให้น้องฮวาที่กำลังท้องกำลังไส้เป็นทุกข์ใจที่ต้องกลาย เป็นฮูหยินรองของใครเลยนะเจ้าคะ
!โธ่เอ้ย อีตานี่ อยากจับปลาหลายมือนักสินะ ฉันไม่ยอม เป็นเมียหน่งเมียสองของนายแน่!

หญิงสาวคิดอย่างเป็นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หากแต่จะพูดหรือทํา สิ่งใดรุนแรงไม่ได้ เนื่องจากในยุคเช่นนี้ที่ให้ชายมีสิทธิ์มี เสียงมากกว่าหญิง เกิดชายหนุ่มไม่พอใจแล้วไม่ยอมเขียน ใบหย่าให้ เธอก็ต้องติดแหง็กอยู่กับเขาอย่างนี้ ความหวัง ที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเองต้องจบสิ้นแน่ๆ เธอพยายามพูด ให้เขาเห็นแก่ฮูหยินคนใหม่ที่ตอนนี้นั่งทําตาแดงๆ บหน้า ท้องตัวเองราวกับคนถูกรังแกก็ไม่ปาน

“เหลียนเอ๋อร์ เจ้าใจเย็นลงซักหน่อยเถิด เรื่องนี้เป็นเรื่อง ที่ละเอียดอ่อนยิ่งนัก ถึงอาใช้จะมีฮวาเอ๋อร์เข้ามาเป็น หยินรอง แต่ก็ใช่ว่าจะยกนางขึ้นเหนือเจ้า ตำแหน่งฮูหยิน เอกที่เป็นเมียแต่งไหว้ฟ้าดินก็คือเจ้า อย่าได้คิดหย่าร้าง เลย เกิดมาเป็นหญิง หากต้องกลายเป็นหญิงหม้ายให้คน ครหา ก็ไม่ต่างจากคนไร้ค่าหาได้มีชายใดมาเหลียวแล หญิงมีตำหนิหรอกนะ เจ้าเชื่อข้าเถิด ฮวาเอ๋อร์ก็ใช่จะดูเลว ร้าย ไม่แน่ว่าเมื่ออยู่ใกล้ชิดรู้จักมักคุ้น นางอาจจะเข้ากับ เจ้าได้ดีก็เป็นได้”

ฝางฮูหยินพูดกล่อมฮูหยินอีกคนของบุตรชาย นางยังรัก และเอ็นดูหม่าเหลียนเฟยดังเดิมเพียงแต่ตอนนี้ฮหยินคนใหม่ของอาไช้กำลังตั้งท้องหลานของนาง ใจของ คนที่จะได้เป็นย่าย่อมเอนเอียงไปทางหลานน้อยไม่มากก็ น้อยเป็นเรื่องธรรมดา

ตอนนี้หม่าเหลียนเฟยกำมะลอให้นึกอยากร้องกรี้ดๆ เหมือนนางร้ายในละครยิ่งนัก ทำไมคนยุคโบราณถึงได้พูด ยากพูดเย็นอย่างนี้นะ อีกคนก็อยากมีเมียสองไม่แน่ว่าใน อนาคตอาจมีเพิ่มเป็นสามหรือสี่ นางไม่เชื่อหรอกว่าชาย หนุ่มจะหยุดอยู่แค่นางกับกงหย่าฮวา ในเมื่อมีสองได้ทำไม จะมีสามสี่ห้ามิได้เล่า อีกทั้งเหล่าหญิงสาวทั้งหลายในยุค สมัยนี้ต่างยินยอมพร้อมใจเป็นรองกันทั้งนั้น ส่วนทางฝาง ฮูหยินคาดว่าป่านฉะนี้คงถูกหลานน้อยที่ไม่รู้ว่ายังเป็นไข่ หรือเป็นตัวแล้วที่อยู่ในครรภ์ของหญิงสาวอีกนางจับเอา ไว้อยู่หมัดแล้วล่ะ ก็ดูเอาเถิดปากพูดอยู่กับนาง แต่ตากลับ จ้องอยู่แต่ที่หน้าท้องของลูกสะใภ้อีกคนอยู่เกือบตลอด เวลา

ไม่ได้ ขึ้นนางยอมตอนนี้ ต่อไปคงต้องเตรียมตัวเล่นบท สามสี่คนผัวเมียแน่นอน ได้ในเมื่อไม่ยินยอม ถ้าอย่างนั้นก็

“แต่ข้าหมดรักในตัวท่านแล้วเจ้าค่ะ ท่านจะทนอยู่กับสต ที่ไม่มีใจให้ท่านได้หรือเจ้าคะ ขอท่านเมตตาหย่าขาดให้ ข้าด้วยเถิดนะเจ้าคะ” ในเมื่อขอหย่าดีๆแต่ชายหนุ่มดันดื้อดึงไม่ยอมปล่อยนางๆจึงต้องลองเสี่ยงครั้ง สุดท้ายด้วยคำพูดที่จี้ถึงศักดิ์ศรีของความเป็นชาย จะมีใคร เล่าที่อยากจะทนอยู่กับหญิงที่ไม่ได้รักตัว นางเทหมดหน้า ตักแล้วนะ หย่าให้นางเสียทีเถิด

หญิงสาวเอ่ยทั้งแอบลุ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มอึ้งไปนานกับ คำพูดสุดท้าย

“นั่นสิเจ้าคะ ในเมื่อพี่เหลียนเฟยไม่ได้รักท่านแล้ว ท่าน ก็ปล่อยให้นางมีชีวิตเป็นของตัวเองเถิดเจ้าค่ะ หากใครได้ รู้ว่าท่านบังคับใจหญิงที่ไม่ได้รักให้อยู่ด้วย ชาวบ้านร้าน ตลาดจะครหาว่าร้ายท่านได้นะเจ้าคะ” หนี่เหยาเอ๋อร์ที่ยืน ฟังเรื่องราวอย่างเงียบๆมาพักใหญ่เอ่ยสอดขึ้นด้วยถ้อยคำ ที่ทำให้นางอยากจะหันไปยกนิ้วโป้งให้จริงๆ เก่งมากน้อง รัก หากข้าได้ใบหย่ามาจะพาเจ้าไปเลี้ยงขอบคุณที่พูดได้ ตรงจุดดีขนาดนี้

“ก็ได้ ในเมื่อเจ้าหมดเยื่อใยกับข้าแล้ว อยากจะกลายเป็น หญิงหม้ายถูกสามีหย่าก็ตามแต่ใจเจ้าเถิด แต่ข้าขอบอก ให้รู้ไว้ว่าเมื่อหย่ากันแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะตกทุกข์ได้ยากเพียง ไร ข้าก็จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเจ้าอีก พบหน้าก็ให้ถือเสียว่า เราไม่รู้จักกัน”

ฝางหยวนใช้เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน เขารู้สึกเสียหน้าหนุ่มดันดื้อดึงไม่ยอมปล่อยนางๆจึงต้องลองเสี่ยงครั้ง สุดท้ายด้วยคำพูดที่จี้ถึงศักดิ์ศรีของความเป็นชาย จะมีใคร เล่าที่อยากจะทนอยู่กับหญิงที่ไม่ได้รักตัว นางเทหมดหน้า ตักแล้วนะ หย่าให้นางเสียทีเถิด

หญิงสาวเอ่ยทั้งแอบลุ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มอึ้งไปนานกับ คำพูดสุดท้าย

“นั่นสิเจ้าคะ ในเมื่อพี่เหลียนเฟยไม่ได้รักท่านแล้ว ท่าน ก็ปล่อยให้นางมีชีวิตเป็นของตัวเองเถิดเจ้าค่ะ หากใครได้ รู้ว่าท่านบังคับใจหญิงที่ไม่ได้รักให้อยู่ด้วย ชาวบ้านร้าน ตลาดจะครหาว่าร้ายท่านได้นะเจ้าคะ” หนี่เหยาเอ๋อร์ที่ยืน ฟังเรื่องราวอย่างเงียบๆมาพักใหญ่เอ่ยสอดขึ้นด้วยถ้อยคำ ที่ทำให้นางอยากจะหันไปยกนิ้วโป้งให้จริงๆ เก่งมากน้อง รัก หากข้าได้ใบหย่ามาจะพาเจ้าไปเลี้ยงขอบคุณที่พูดได้ ตรงจุดดีขนาดนี้

“ก็ได้ ในเมื่อเจ้าหมดเยื่อใยกับข้าแล้ว อยากจะกลายเป็น หญิงหม้ายถูกสามีหย่าก็ตามแต่ใจเจ้าเถิด แต่ข้าขอบอก ให้รู้ไว้ว่าเมื่อหย่ากันแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะตกทุกข์ได้ยากเพียง ไร ข้าก็จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเจ้าอีก พบหน้าก็ให้ถือเสียว่า เราไม่รู้จักกัน”

ฝางหยวนใช้เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน เขารู้สึกเสียหน้ามาแสนนาน

ถึงตอนนี้คงเหลือเพียงแค่นางสองคนที่จะอยู่และใช้ชีวิต ในเรือนหลังนี้ ดูไปก็มิได้เงียบเหงาซักเท่าใด เพราะหนึ่ เหยาเอ๋อ ไม่ยอมให้นางอยู่เพียงลำพัง ราวกับกลัวว่านาง จะซึมเศร้าเสียใจหรืออย่างใดก็สุดจะรู้

เสร็จจากอาหารค่ำ ทั้งสองก็พากันนอนสนทนาในห้อง นอนของหม่าเหลียนเฟยซึ่งคาดว่าค่ำคืนนี้เด็กสาวได้ย้าย ตัวเองมานอนกับนางอย่างแน่นอน จนกระทั่งเริ่มดึกทั้ง สองที่กำลังเริ่มเคลิ้มหลับ พลันต้องสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยิน เสียงคนพูดคุยกันดังแว่วมาจากด้านหลังเรือน เนื่องจาก ห้องนอนของนางอยู่ติดกับชายป่าด้านหลังเสียงจึงค่อน ข้างชัดราวกับกระซิบอยู่ที่ข้างหู..


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ