หญิงหม้าย

ตอนที่10 หญิงหม้าย 10



ตอนที่10 หญิงหม้าย 10

จู่เช่อหนิง ส่งยิ้มหวานพลางเดินแช่มช้อยอย่างรักษา กิริยามาหยุดที่หน้าประตู ย่อตัวลงยานปากเอ่ยค่า

“ลุกขึ้นเถิด คุณหนู “อ๋องสามเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยังคง อ่อนล้า

“เปนหวางก็หวังเช่นนั้น นี่คือแม่นางหมา นามเหลียนเฟย หมอหญิงที่จะมาช่วยรักษาเรา

“ยินดีที่ได้พบท่านหมอ ข้าจู่เช่อหนิง เป็นญาติผู้น้องของ พระสนมเอก เหมยฮัว เจ้าค่ะ

“ยินดีที่ได้พบเจ้าค่ะ”

นางพยักหน้าเอ่ยตอบรับก่อนยื่น อยาให้เด็กสาวพร้อม เอ่ยกำชับ “เหยาเอ๋อร์เจ้าไปต้มยาในห่อนี้ให้ข้า คอย เฝ้าดูเวลาให้ดีเล่าเพราะยานี้หากต้มนานหรือเร็วเกินไป สรรพคุณจะจางลงได้ เสร็จแล้วรีบนำมันมาให้ข้า

“เจ้าค่ะ พี่เหลียนเฟย”
เด็กสาวรับคำพร้อมทั้งนิ่วหน้าอย่างคลางแคลงสงสัย แต่ ก็หาได้เอ่ยคำใด เร่งเดินตามนางกำนัลออกไป

“มีสิ่งใดหรือไม่ หรือเสด็จแม่ทรงมีรับสั่งสิ่งใดถึงเป็นหวา ง” อ๋องสามเอ่ยปากเมื่อเห็น จู่เช่อหนิงนิ่งเงียบพลางมอง ตามหลังนางกํานัลที่เดินจากไป

“ไทเฮาทรงมีรับสั่ง หากท่านหมอเสร็จจากการรักษาท่าน อ๋องแล้ว ให้เชิญตัวไปเข้าเฝ้าเพคะ”

“อย่างนั้นหรอกหรือ ถ้าอย่างนั้นวานเจ้าไปทูลพระองค์ว่า หากเสร็จทางนี้แล้ว เป็นหวางจะให้องครักษ์เกาพาแม่นาง หม่าไปเข้าเฝ้า

“เพคะ อย่างนั้นหม่อมฉันทูลลา ขอพระอาการทรงดีขึ้น เร็วๆนะเพคะ” ย่อเข่าคำนับแล้วนางก็หันมายิ้มพร้อมเอ่ย กับหญิงสาวก่อนเดินออกจากประตูไป

“แล้วพบกันนะ ท่านหมอหม่า”

“เจ้าค่ะ”

ผ่านไปราวๆเกือบครึ่งชั่วยาม หนี่เหยาเอ๋อร์ก็เดินกลับเข้ามา ในมือถือถ้วยขนาดใหญ่ที่ข้างในเต็มไปด้วยน้ำยา เข้ม เด็กสาววางลงก่อนจะหันมายิ้มพร้อมทั้งพ่นลมหายใจ พรูออกจากปากเสียงดัง

“ได้แล้วเจ้าค่ะ ข้านั่งเฝ้าดูเวลาต้มไม่ขาดไม่เกิน มิได้ละ สายตาเลยเจ้าค่ะพี่เหลียนเฟย”

“ทําดีมากจ้ะ เอาผ้าสะอาดมาให้พี่ด้วย เดี๋ยวพี่จะใช้ชุบยา ทาแผลให้ท่านอ๋องเอง ไม่มีสิ่งใดให้ช่วยแล้วเจ้าไปนั่งพัก เถิด”

* ขออนุญาติเจ้าค่ะ “ว่าพลางขยับไปทรุดกายลงนั่งด้าน ข้างชายหนุ่ม ยกถ้วยสมุนไพรขึ้นมาก่อนจะใช้มือแตะลง บนนายาสีเข้มนั้น ชั่วสูดลมหายใจเข้าออกพลันยิ้มน้อยๆก็ เกิดที่มุมปากบาง

“อาจจะแสบแผลนิดนะเจ้าคะ “

* ขออนุญาติกระหม่อม แม่นางเหยาเอ๋อร์ มากับข้าเถิด ข้าจะพาไปกินของอร่อยระหว่างนั่งรอ ” ว่าแล้วองครักษ์ หนุ่มก็ฉวยข้อมือเด็กสาวจูงให้เดินตามออกไป

หลังจากทายาลงบนทุกบาดแผลที่เกิดจากพิษกำเริบแล้วก็เป็นเวลารับสำรับเที่ยงของชายหนุ่ม หากแต่นาง กำชับให้คนครัวทำแต่สำรับอ่อนๆเน้นซุปชนิดต่างๆเพื่อ บำรุงกำลังโดยเฉพาะ เพราะหากร่างกายยิ่งอ่อนแอก็จะยิ่ง เป็นผลร้ายคนป่วย

หากแต่ระหว่างที่เหล่าบ่าวไพร่และนางกำนัลกำลัง สําเลียงสํารับเข้ามานั้น อ๋องสามเกิดอาการพิษก่าเริบจน กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ตามล่าตัวเริ่มมองเห็นการ เคลื่อนไหวของพิษที่พยายามจะเคลื่อนตัวหนีออกจากตัว ยาที่ทาไว้ ทำให้หญิงสาวต้องป้อนยาสปั้นพิษซึ่งเป็นยา สกัดพิษได้ทุกชนิดชั่วคราวให้เขาได้คลายความเจ็บปวด ลงไปบ้าง ผ่านไปชั่วครู่อาการของชายหนุ่มจึงค่อยๆดีขึ้น

หลังจากอาการอ๋องสามสงบลงสามารถรับสํารับได้นาง ก็ขอตัวออกมาเพื่อจะไปเข้าเฝ้าองค์ไทเฮา ระหว่างเดิน ตามองครักษ์เกาไปตามทางนั้น หญิงสาวก็เฝ้าครุ่นคิดถึง อาการของชายหนุ่ม เพราะยาที่นางทาลงบนบาดแผลของ เขานั้น เป็นยาชนิดรุนแรงยิ่งนักเนื่องจากสกัดมาจากราก สมุนไพรที่หายากสรรพคุณจึงดีกว่ายาทั่วไป และตัวยานี้ สามารถสกัดพิษที่เกิดจากสัตว์เลื้อยคลานได้เกือบทุกชนิด ดังที่นางใช้ทาแก้พิษให้กับองครักษ์เกาไปเมื่อคราวก่อน ก็เป็นตัวยาชนิดนี้เช่นกันแต่อาจจะมีสรรพคุณเบาบางกว่า และส่วนใหญ่พิษเหล่านี้หากไม่มีตัวกระตุ้นก็จะไม่กำเริบ นอกจากจะเวียน ครบรอบขวบวันของพิษ

คิดได้ดังนั้นนางจึงเอ่ยปากถามผู้ที่คาดว่าน่าจะอยู่ใกล้ชิด

อ๋องหนุ่มมากที่สุด “ท่านองครักษ์เกา ข้าขอรบกวนสอบถามเกี่ยวกับพิษของ

ท่านอ๋องเพิ่มเติมหน่อยนะเจ้าคะ”

“ต้องการรู้สิ่งใดเพิ่มหรือ แม่นางหม่า โปรดถามมาอย่าได้ เกรงใจ

“ยามใดที่พิษมักจะกำเริบหรือเจ้าคะ”

“อันที่จริงพิษชนิดนี้มักจะกำเริบยามที่พระจันทร์เต็มดวง ขอรับ มีแต่ช่วงนี้ที่พิษกำเริบบ่อยขึ้นโดยหาสาเหตุมิได้”

กำเริบโดยหาสาเหตุไม่ได้หรือ ไม่สิ มันต้องมีสาเหตุ! หญิงสาวครุ่นคิด

พลันนึกถึงตอนที่นางสัมผัสได้ถึงสมุนไพรต่างชนิดออก ไปที่ผสมมากับใบเปียหยู ใช่แล้วจะต้องมีใครคนใดคนนึงที่ใช้สมุนไพรบางชนิดกระตุ้นพิษให้กาเริบขึ้นมา น่า เสียดายนักที่ตอนนั้นนางไม่มีสมาธิมากพอที่จะแยกชนิด ว่าเป็นสมุนไพรแบบใดที่ปนมา อาจจะเป็นเพราะการป้นจน ผสมกันทำให้ยากจะแยกชนิดได้รวดเร็วเหมือนดังสัมผัส ทั้งต้นหรือใบ

“แม่นางๆ แม่นางหม่า

“พี่เหลียนเฟยเจ้าคะ เป็นอะไรรึปล่าวเจ้าคะ “

เสียงเรียกพร้อมกับมือของเด็กสาวที่ยื่นมาแตะทำให้นาง คืนสติจากการครุ่นคิด

“ถึงแล้วเจ้าค่ะ ข้ารออยู่ข้างนอกนะเจ้าคะ” เด็กสาวร้อง บอกก่อนจะถอยไปนั่งรอตรงตั่งไม้ข้างประตูทางเข้า หญิง สาวจึงก้าวเข้าไปพร้อมองครักษ์เกาถึงด้านในห้องใหญ่ที่ ตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่มีความหรูหราบ่งบอกถึงความ ชอบของเจ้าของสถานที่ได้เป็นอย่างดี

มีเหล่านางกำนัลยืนประจำที่ทั้งด้านนอกและในห้องตาม ตำแหน่งต่างๆ ทั้งสองก้าวเข้าไปถึงห้องโถงใหญ่ ณ ตรง กลางห้องบนตั่งไม้ขอบทองสำหรับนั่งขนาดใหญ่ที่วาง เกือบติดผนังปรากฏร่างหญิงสาวเลยวัยกลางคนในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์นั่งอิงหมอนใบยาวอยู่ ใบหน้านางปรากฏเค้าความงามที่บ่งบอกถึงอดีตว่าเคยเป็น หญิงงามล้ำผู้หนึ่ง องครักษ์เกาก้าวนำนางไปทรุดตัวลง คุกเข่าพร้อมเอ่ย

“ถวายพระพร ไทเฮาพะย่ะค่ะ ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ พะย่ะค่ะ เพคะ”

“ลุกขึ้นเถิดองครักษ์เกา ไม่ต้องมากพิธี เจ้าด้วย

“ขอบพระทัย พะย่ะค่ะ เพคะ” ทั้งสองลุกขึ้น เกาฉางเย่ ขยับตัวแยกไปยืนด้านข้าง ปล่อยให้หญิงสาวยืนก้มหน้า อยู่ที่เดิม

“ทูลไทเฮาเพคะ นางคือหมอหญิงแซ่หม่า ผู้ที่กำลัง ทำการรักษาพระอาการของท่านอ๋องเพคะ” เสียงหวาน ของจู่เช่อหนิงทูลรายงาน

“ท่านหมอหม่าอย่างนั้นหรือ เจ้ายังดูอ่อนวัยยิ่งทั้งยังมี ความสามารถ เพียงแต่เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าจะรักษาอ๋องสาม ได้จริงๆ

“ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันเพียงแต่มีความรู้เรื่องสมุนไพรอยู่บ้าง นับว่าโชคดียิ่งนักที่พิษที่ท่านอ๋องได้รับ หม่อมฉันพอจะรู้ตำรับยาแก้พิษ จึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะแก้ พิษชนิดนี้ได้เพคะ”

“หากเจ้ารักษาชนเอ๋อร์ได้จริง ไม่ว่าเจ้าอยากได้สิ่งใดเป็น รางวัล เปิ่นกงให้ได้ทั้งนั้น ขอเพียงให้เขาหายดีเท่านั้น”

“หม่อมฉันจะพยายามสุดความสามารถเพคะ”

“ต้องรบกวนเจ้าแล้ว จู่เอ๋อร์” พระนางทรงโบกมือเบาๆ จู่ เช่อหนิงจึงยกถาดที่มีถุงผ้าสีทองวางอยู่มาย่อเข่ายื่นถวาย

“นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากเป็นกง

“ขอบพระทัยเพคะ” พระนางทรงซักถามอาการต่างๆของ บุตรชายเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย จากนั้นจึงอนุญาติให้นางกลับ ออกมาโดยมีจู่เช่อหนึ่งเดินตามออกมาส่ง

“พระองค์ทรงกังวลยิ่งนักเกี่ยวกับพระอาการของท่าน อ๋อง ทรงไหว้พระสวดมนต์ขอพรทุกวัน เพื่อให้ทรงหายดี โดยไว หวังว่าท่านหมอจะสามารถแก้พิษได้ในเร็ววันสมุนไพรอยู่บ้าง นับว่าโชคดียิ่งนักที่พิษที่ท่านอ๋องได้รับ หม่อมฉันพอจะรู้ตำรับยาแก้พิษ จึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะแก้ พิษชนิดนี้ได้เพคะ”

“หากเจ้ารักษาชนเอ๋อร์ได้จริง ไม่ว่าเจ้าอยากได้สิ่งใดเป็น รางวัล เปิ่นกงให้ได้ทั้งนั้น ขอเพียงให้เขาหายดีเท่านั้น”

“หม่อมฉันจะพยายามสุดความสามารถเพคะ”

“ต้องรบกวนเจ้าแล้ว จู่เอ๋อร์” พระนางทรงโบกมือเบาๆ จู่ เช่อหนิงจึงยกถาดที่มีถุงผ้าสีทองวางอยู่มาย่อเข่ายื่นถวาย

“นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากเป็นกง

“ขอบพระทัยเพคะ” พระนางทรงซักถามอาการต่างๆของ บุตรชายเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย จากนั้นจึงอนุญาติให้นางกลับ ออกมาโดยมีจู่เช่อหนึ่งเดินตามออกมาส่ง

“พระองค์ทรงกังวลยิ่งนักเกี่ยวกับพระอาการของท่าน อ๋อง ทรงไหว้พระสวดมนต์ขอพรทุกวัน เพื่อให้ทรงหายดี โดยไว หวังว่าท่านหมอจะสามารถแก้พิษได้ในเร็ววันเป็นอย่างไร”

“ตามพระประสงค์ทุกอย่างพะย่ะค่ะ”

“ดี เอาเครื่องเขียนมาให้เรา เป็นหวางจะส่งสารให้ถึงที่ หมายของพวกมันอย่างที่มันต้องการ” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อม แค่นยิ้ม !ไม่นานหรอกงูพิษ ข้าจะคว้าคอเจ้าออกมาให้ได้!

“พี่เหลียนเฟยเจ้าคะ ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้าค่ะ” เด็กสาว เอ่ยขึ้นระหว่างทางกลับบ้านซึ่งตอนนี้พวกนางกำลังนั่งอยู่ ในรถม้าจากจวนอ๋องที่กำลังนำพวกนางกลับไปส่งโดยมี ทหารคุ้มกันมาแทนองครักษ์เกาเนื่องจากชายหนุ่มเกิดมี งานด่วน

ไหนว่ามาซิ สาวน้อยของพี่ สงสัยสิ่งใดกัน”หญิงสาว แกล้งหยอกล้อ เพราะนางนึกรู้ว่าเด็กสาวสงสัยสิ่งใด

“ข้าอยากรู้ว่าทำไมพี่เหลียนเฟยถึงเปลี่ยนมาต้มยาทา แผลให้ท่านอ๋องแทนการแช่น้ำสมุนไพรเจ้าคะ ข้าจำได้ ว่าท่านเคยบอกว่าต้องล้างแผลให้สะอาดดีเสียก่อนถึงจะ ทายาซึ่งจะได้ผลดีกว่า”
“เอาเป็นว่า ขอให้เป็นความลับไว้ก่อนก็แล้วกัน เมื่อถึง เวลาแล้วพี่จะบอกเจ้านะ”

เด็กสาวยู่หน้าเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็เผยรอยยิ้มสดใสดัง เดิม

“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นแล้วข้าจะรอฟังนะเจ้าคะ”

หญิงสาวยกมือเรียวขึ้นลูบศีรษะงานเบาๆทั้งยิ้มอ่อนให้ กับความน่ารักน่าเอ็นดู น นับตั้งแต่หลุดมาอยู่ในยุคอดีต แห่งนี้ นอกจากฝางฮูหยินแล้วก็มีเพียงเด็กสาวข้างกาย นี่แหละที่คอยอยู่เคียงข้างนางเสมอ แม้จะพึ่งพบกันไม่ นานหากเทียบกับเวลาที่นางอยู่กับฝางฮูหยินแต่ก็ให้รู้สึก ราวกับว่ารู้จักคุ้นชินกันมานานแสนนาน และหากเป็นไป ได้นางยังอยากจะรักษาความไร้เดียงสาของเด็กสาวเอา ไว้ถึงแม้จะไม่รู้ถึงอนาคตข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดู จากสถานะการในจวนอ๋องวันนี้แล้ว ดูท่าว่าการช่วยเหลือ คนอย่างที่นางตั้งใจเอาไว้ คงมิได้ง่ายดายดังที่คิดไว้ หาก แต่อาจจะมีอันตรายรอบด้าน แต่ไม่ว่ายังไง หากวันนึงเกิด เหตุร้ายขึ้นมาจริงๆนางก็จะทำทุกวิถีทางให้ทุกคนอยู่รอด ปลอดภัยให้จงได้

สองสาวนั่งพูดคุยหยอกล้อกันจนมาถึงจุดหมายปลายทาง เรือนหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ที่พวกนางเช่าอยู่อาศัยมา แรมเดือนนับตั้งแต่เดินทางเข้ามาอยู่ในเมืองนี้ ซึ่งแม้ว่า ทางองครักษ์หนุ่มจะได้แจ้งถึงความประสงค์ของอ๋องสาม ที่อยากจะให้พวกนางพักอยู่ที่จวนแห่งนั้น เพื่อจะสะดวก ในการรักษา แต่นางเห็นว่าหากพากันไปอยู่คราวนี้เห็นที ฝางฮูหยินคงจะต้องรับรู้แน่ว่านางมีความสามารถในการ แก้พิษ ฉะนั้นกว่าจะบอกเล่าอธิบายที่มาที่ไปคงจะยุ่งยาก เอาการ และไหนจะข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์ต่างๆที่นาง ใช้ในการผลิตครีมออกขาย ทั้งเหล่าต้นสมุนไพรบางชนิด ที่นางเริ่มจะนำมันมาจากป่าเพื่อปลูกอยู่บ้างประปราย อีก ทั้งนางชมชอบความเป็นส่วนตัวอยู่มาก เกรงว่าหากเข้าไป อยู่ในจวนที่บ่าวไพร่พลุกพล่านขนาดนั้นคงจะลำบากใจ พอดู

คิดพลางถอนหายใจพร้อมก้าวลงจากรถม้า สองตาพลัน เห็นรถม้าสภาพกลางใหม่กลางเก่าจอดอยู่หน้าเรือน หญิง สาวนึกฉงนใจเพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่พวกนางไม่เคยติดต่อ หรือไปมาหาสู่กับผู้เป็นใหญ่เป็นโตเลยซักรายนอกจาก อ๋องสาม ดูจากขนาดของรถม้า คาดว่าน่าจะเป็นของผู้มี อันจะกินพอประมาณ มิเช่นนั้นคงไม่สามารถมีรถม้าพร้อม สารถีเช่นนี้

“รถม้าของผู้ใดกันเจ้าคะ พี่เหลียนเฟย หรือจะเป็นของ ลูกค้าที่ต้องการสั่งสินค้าของเรากัน”
เด็กสาวเอ่ยถามขึ้น ฉับพลันแว่วเสียงร้องไห้ดังออกมา จากด้านใน ทั้งสองมองหน้ากันแล้วจึงรีบสาวเท้าเข้าไป ด้านใน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ