หญิงหม้าย

ตอนที่8 หญิงหม้าย 8



ตอนที่8 หญิงหม้าย 8

ณ จวนหลังใหญ่กลางเมืองเยื้องออกมาทางทิศใต้ของ วังหลวง บ่าวไพร่เดินกันขวักไขว่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่าง แข็งขัน เนื่องจากวันนี้มีคนสําคัญมาเยี่ยมเยือนนายท่าน อาวุโสของจวน บ่าวคนใดที่ไม่มีหน้าที่ประจำห้องโถงใหญ่ มีคําสั่งห้ามเข้าหรือออก บ่าวไพร่จัดเตรียมของว่างรับแขก อย่างคล่องแคล่วเมื่อเสร็จก็พากันหลบลี้หนีห่าง ทหารยาม ร่างกายก่าย่าพร้อมนางกํานัลเข้ามาประจําที่หน้าห้องโถง คอยสอดส่องไม่ให้มีคำพูดหรือสิ่งใดเล็ดรอดออกไปจากที่ แห่งนี้ได้

“เชิญพระสนมเอก พะย่ะค่ะ” จู่ชิงเหวิน หรือนายท่านผู้ เฒ่าสกุลจู่ อดีตราชครูผู้สั่งสอนเหล่าเชื้อพระวงศ์ค้อมตัว ลงพร้อมผายมือเชื้อเชิญ

“ท่านพ่อบุญธรรมอย่าได้เกรงใจ เชิญ” น้ำเสียงหวานไม่ แตกต่างจากรูปลักษณ์อันอ่อนช้อยกอปรกับรูปร่างอรชร อ้อนแอ้น ยามเคลื่อนไหวเยื้องย่างราวกับเทพธิดาร่ายรำ ความงามเหนือหญิงใดของ จู่เหมยฮัว สนมเอกแห่งแคว้น หนาน นางยิ้มกว้างขณะเดินนำอดีตราชครูเฒ่าไปยังเก้าอี้ ประธานของห้อง

ไม่ทราบว่าท่านมีสิ่งใดเร่งด่วนหรือเจ้าคะ ถึงได้ให้คนไป แจ้งให้ข้ามาพบ
“ขอพระสนมทรงอภัย ข้าเพียงแต่ร้อนใจ ในเมื่อปลา อดเหยื่อเข้าไปแล้วใยจึงไม่กระตุกเบ็ดเสียที ข้าเกรงว่า หากชักช้าจะมีมือดีมาปลดปลาออกจากเหยื่อเสียก่อนพะ ย่ะค่ะ”

“ท่านอย่าได้กังวลไป ครั้งนี้ข้าลงมือเองอีกทั้งเหยื่อที่ข้า ใช้นั้นก็แข็งแกร่งยิ่งนัก “ปลา”ย่อมไม่สามารถหลุดออก ไปได้ง่ายอย่างแน่นอน ท่านจงวางใจเถิด อีกอย่าง องค์ ชายของข้าก็เริ่มเติบใหญ่ แต่ฮองเฮากลับประสูติแต่องค์ หญิงทั้งสองพระองค์ อย่างนี้ท่านจะกังวลไปใย มิสู้กำชับ ให้”เชอเชอคอยกระตุ้นเหยื่อ ให้ข้ามิดีกว่าหรือ”

“หากพระสนมทรงมั่นพระทัยเยี่ยงนี้แล้ว ข้ากระหม่อมก็ วางใจพะย่ะค่ะ ส่วนเรื่องกระตุ้นเหยื่อนั้น เช่อเอ๋อร์ก็เพียร หมั่นกระทำอยู่ เพียงแต่ตอนนี้การเข้าใกล้ปลานั้นค่อนข้าง จะติดขัดอยู่ซักหน่อย”

“มิเป็นไร อย่างไรเสียปลาของท่านก็ไม่สามารถดิ้นรอด ออกจากเบ็ดของข้าได้แน่นอน

“พะย่ะค่ะ”
หลังจากจิบชาและสนทนาพาทกับราชครูเฒ่าจนกระทั่ง สายพระสนมเอกผู้งดงามดั่งเทพธิดาจึงได้เสด็จกลับ จู่ชิง เหวินมองตามหลังเกี้ยวอันทรงเกียรติค่อยๆหายลับไปจึง ได้หันหลังกลับเข้าจวนเดินตรงเข้าห้องหนังสือสั่งบ่าวไพร่ เฝ้าอยู่ด้านหน้าห้ามใครรบกวน เมื่อแน่ใจว่าปิดประตูแน่น หนาดีแล้ว จึงเดินผ่านหายเข้าไปหลังชั้นหนังสือ กวาดมือ คว้าในเงามืดอย่างเคยชิน จนได้ตะเกียงดวงเล็กจุดขึ้นแล้ว จึงเดินตามทางแคบๆลงไปด้านล่างจนถึงโถงกว้างที่มีพื้น ยกสูงอยู่ตรงกลางห้อง บนพื้นที่ยกสูงนั้นมีป้ายวิญญาณ วางอยู่พร้อมเครื่องเซ่นต่างๆอย่างครบครัน เขาตรงเข้าไป จุดธูปพร้อมคุกเข่าลงตรงหน้าป้ายค้อมตัวลงคำนับก่อนจะ ปักธูปลงในกระถาง เงยหน้ามองตรงไปยังป้ายที่อยู่ตรง หน้า ก่อนจะยกมือที่มีร่องรอยเหี่ยวย่นบ่งบอกถึงความแพ้ จ่ายของร่างกายต่อกาลเวลากุมเอาป้ายวิญญาณนั้นมาก อดแนบอก สองตาเริ่มชื้นน้ำ ชายชราทิ้งตัวลงกับพื้นเย็น เฉียบเอ่ยเสียงสั่นเครือ

“เฟยเอ๋อร์ เจ้ารออีกนิดนะ วันที่เรารอคอยใกล้จะมาถึง แล้ว สกุล อจะต้องพังพินาศพวกมันจะต้องชดใช้ให้เจ้า ตอนนี้อ๋องสามมันถูกพิษที่ยากจะรักษา หากวันใดที่มัน สิ้นชีพ ต่อไปก็จะถึงคราวของเจ้าฮ่องเต้ชั่วซื่อหลงจ้าว ข้า จะให้พวกมันทั้งหมดชดใช้ให้เจ้า ฮือๆๆ เฟยเอ๋อร์ รอข้าอีก นิด แล้วข้าจะตามเจ้าไป รอข้านะ ฮือๆ
เมื่อถึงเวลาที่นัดหมายกันเอาไว้ว่าหญิงสาวจะลอง เข้าไปดูอาการของฮ่องสามตามคำร้องขอขององครักษ์ หนุ่มเผื่อมีทางใดที่พอจะรักษาได้ เกาฉางเที่ยามนี้ ร่างกายแข็งแรงดีจนเกือบจะหายเป็นปกติแล้วมาพร้อมกับ รถม้าหลังขนาดกลางเพื่อรับสองสาวไปยังจวนอ๋อง เนื่อง ด้วยจวนที่ว่านั้นอยู่ติดภูเขาเยื้องไปทางนอกเมือง หากเดิน เท้าเกรงว่าจะทําให้ล่าช้ากว่าปกติ หม่าเหลียนเฟยพร้อม ด้วยหนี้เหยาเอ๋อ นั่งรถม้าผ่านเส้นทางลัดสู่ทางออกนอก เมืองที่มีผู้คนผ่านไปมาบางตานัก

หญิงสาวนั่งฟังอาการของอ๋องสามเพิ่มเติมจากองค์รักษ์ หนุ่มที่บอกเล่าอย่างกระตือรือร้น จนได้รู้ว่าตอนนี้พิษได้ กําเริบหนักขึ้นเรื่อยๆ แม้จะสามารถสกัดจุดไม่ให้พิษแล่น เข้าสู่หัวใจได้ แต่ส่วนอื่นๆของร่างกายล้วนแต่เต็มไปด้วย ร่องรอยของบาดแผลที่เกิดจากการขยับตัวของพิษที่สร้าง ความทรมานอย่างสุดแสนให้แก่ชายหนุ่ม

รถม้าแล่นมาด้วยความเร็วเพียงไม่นานก็หยุดนิ่งที่หน้า ประตูจวนหลังใหญ่ที่มีเหล่าทหารยามถือทวนขวางทาง เข้าออกอยู่ แต่เมื่อเห็นเกาฉางเย่เหล่าทหารก็รีบเปิดทาง ให้ผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็ว รถม้าวิ่งต่อไปไม่กี่ลมหายใจ เข้าออกก็จอดสนิท องค์รักษ์หนุ่มลงจากรถม้าพร้อมทั้งคอยช่วยรับหญิงสาวทั้งสอง เสร็จแล้วจึง เดินนำเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว หม่าเหลียนเฟยกระชับ ย่ามที่บ่าก่อนเงยหน้ากวาดสองตามองรอบจวนใหญ่ที่ ตกแต่งอย่างสวยงามสมฐานะอ๋อง จากนั้นจึงเดินเข้าไป ข้างในโดยมีหนเหยาเอ๋อร่เกาะแขนเดินตามนางทั้งเหลียว ซ้ายแลขวาอย่างตื่นๆ

ก้าวเท้าเร็วๆเดินตามเส้นทางคดเคี้ยวแต่เงียบสงบ พบ เจอบ่าวชายหญิงที่หลีกทางให้พร้อมยืนก้มหน้าอย่าง สํารวมเมื่อทั้งสามเดินผ่าน จนมาถึงหน้าจวนหลังเล็กที่มี ทหารเดินตรวจตราอย่างเข้มงวด สังเกตุเห็นว่าจวนหลังนี้ ได้แยกตัวออกมาจากจวนใหญ่ ชายหนุ่มผู้นําทางหยุดเดิน พร้อมหันมากล่าวกับนางและเด็กสาว

“แม่นางรอตรง ซักครู่ ข้าจะเข้าไปกราบทูลท่านอ๋อง”ว่า แล้วก็หมุนตัวเข้าไปด้านใน

ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็มีชายวัยกลางคนเดินตรงเข้ามาที่ ทั้งสองยืนอยู่

“เชิญแม่นางทั้งสองตามข้ามาขอรับ”

นางรับคําพร้อมทั้งเดินตามเขาเข้าไปด้านใน เพียงผ่านพ้นประตูจมูกพลันได้รับกลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงปนกลิ่น ไซซา(ใบเตย)อ่อนๆที่มีสรรพคุณช่วยดับกลิ่นคาว หากแต่ คาดว่าผู้ที่อยู่ด้านในคงอาการสาหัสยิ่ง เพราะกลิ่นคาว ของเลือดที่แห้งกรังนั้นรุนแรงจนแทบจะกลบกลิ่นอ่อนข องไซซาจนหมดสิ้น เห็นทีว่านางคงต้องบอกให้เปลี่ยน มาใช้สมุนไพรชนิดอื่นที่มีกลิ่นรุนแรงกว่าไซซาอย่างเช่น ใบป้อหนี(ใบกระวาน)จึงจะกลบกลิ่นเลือดได้ดีกว่านี้ มอง เข้าไปด้านในเห็นเตียงหลังใหญ่ตกแต่งด้วยม่านโปร่งสี เข้มทั่วทั้งหลัง ให้ความรู้สึกชวนหดหู่ยิ่งนัก ภายในห้องมี แสงสว่างเพียงเล็กน้อย มองทะลุมานไปเห็นเพียงเงาของ คนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่หลังม่าน ใจของหญิงสาวเต้นรัวด้วย ความประหม่า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางได้เข้าเฝ้าเชื้อพระ วงศ์แม้ตอนนี้จะได้เห็นแค่เงาก็เถอะ นางยืนนิ่งงันจนได้ยิน เสียงขององค์รักษ์เกาเอ่ยขึ้น จึงค่อยๆคุกเข่าก้มหน้าแนบ พื้น

“หม่อมฉัน หมาเหลียนเฟยขอถวายพระพรเพคะ” ค้อมตัว รอคำอนุญาตให้ลุกขึ้น หูแว่วเสียงทุ้มอันอ่อนแรงเอ่ยออก มาแผ่วเบา

“ลุกขึ้นเถิด ท่านคือหมอที่รักษาพิษให้องครักษ์เกาใช่ หรือไม่”
“เป็นหม่อมฉันเพคะ แต่กับอาการของพระองค์หม่อมฉัน ไม่ค่อยมั่นใจเพคะ แต่จะพยายามสุดความสามารถ ขอ ทรงวางพระทัย” ได้ยินเสียงที่อ่อนแรงจนพาลให้รู้สีก สงสาร อ๋องผู้นี้อายุกําลังอยู่ในวัยหนุ่มหากแต่ต้องมาทน หมกมุ่นอยู่แต่ในห้องมืดอับแสงไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเช่น นี้ ช่างน่าเวทนายิ่งนัก หญิงสาวนึกไปถึงตอนที่รับปากกับ องครักษ์เกาว่าจะมาช่วยดูอาการให้แก่อ๋องสาม นางยังจํา ได้ดีว่าองครักษ์หนุ่มผู้นั้นถึงกับทิ้งตัวลงคุกเข่าขอร้อง จน นางต้องจําใจรับปากว่าจะหาทางรักษาชายผู้นี้อย่างสุด ความสามารถ แต่ยามนี้เมื่อได้มาเห็นได้มารับรู้ถึงความเจ็บ ปวดและทรมานจากคนตรงหน้าด้วยตนเอง ทำให้นางเกิด ความรู้สึกทั้งเวทนาทั้งสงสาร ต้องเป็นคนโหดร้ายแบบใด กันถึงได้ทำกับมนุษย์ด้วยกันถึงขนาดนี้

!ไม่ต้องห่วง ข้าจะต้องรักษาท่านให้จงได้! นางตั้งปณิธาน ในใจพลางลุกขึ้นยืนพร้อมเพ่งสายตาอันแรงกล้ามองทะลุ ม่านไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ