หญิงหม้าย

ตอนที่12 หญิงหม้าย 12



ตอนที่12 หญิงหม้าย 12

เด็กสาวหันมามองหน้าหญิงสาว ทั้งสองสบตากันในความ มืด นางจึงค่อยๆก้าวลงจากเตียงอย่างเงียบๆ หูยังแว่วยิน เสียงพูดคุยกันของคนด้านนอก

“ป่านนี้พวกนางน่าจะหลับไปแล้วล่ะ เข้าไปเลยเถอะ หัวหน้า ข้าอยากจะลิ้มรสของเด็กสาวจะแย่อยู่แล้ว ท่าน สัญญาแล้วนะว่าจะยกนั่งเด็กนั่นให้ข้าน่ะ ห้ามเปลี่ยนใจ นา”

“เออ ข้าไม่เปลี่ยนใจหรอก ข้าไม่ชอบเด็กสาววัยขบเผาะ อย่างเอ็งนี่ อย่างข้ามันต้องนั่งแม่หม้ายหย่าผัวเว้ย ถึงจะ มีประสบการณ์การลีลาเร้าใจข้า หึหึ แล้วทำไมเอ็งไม่ใช้ ยาสลบที่ข้าบอกวะ เดี๋ยวมันก็แหกปากเรียกคนแห่กันมา ทั้งหมู่บ้านหรอก”

“โธ่ๆท่านหัวหน้า หากพวกนางสลบแล้วมันจะไปตื่นเต้น อะไรเล่า มิสยามหาความสุขบนเรือนร่างที่อุ่นๆยามนางดิ้น เราๆร้องครวญครางอยู่ใต้ร่าง มันช่างได้อารมณ์ยิ่งกว่า อีก ทั้งข้าดูลาดเลาอยู่ตลอด ตอนนี้ในเดือนมีเพียงแค่สองสาว เท่านั้น อย่างนี้แล้วจะกลัวไปไยล่ะขอรับ
“ถ้าอย่างงั้น จะมัวรออะไรอยู่วะเข้าไปหาความสุขกันเถิด เห้ยพวกเอ็งสามคนน่ะ รอข้าอยู่ข้างนอกนี่ล่ะ ให้พวกข้าอิ่ม หนำเสียก่อนแล้วถึงจะเป็นทีของพวกเอ็ง ไปเว้ย”

เสียงของผู้มาบุกรุกยามค่ำคืนหาได้เบาอันใดไม่ อาจเป็น เพราะพวกมันชะล่าใจอย่างยิ่งที่เห็นว่า ยามนี้มีเพียงแค่ หญิงสาวอ่อนแอแค่สองคนเท่านั้น ความคิดอันหยาบโลน จึงได้พรูพร้งออกจากปากอย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน หม่าเห ลียนเฟยจูงมือเด็กสาวค่อยๆย่องมาที่โต๊ะตัวขนาดกลาง ข้างเตียง มือล้วงเข้าไปในยามคู่ใจที่วางทิ้งไว้ ควานหา มีดเล่มเล็กที่เคยอยู่ติดย่าม แต่ก็แทบจะยกมือกุมขมับเมื่อ นึกขึ้นได้ว่า เคยใช้ไปครั้งนึงเมื่อไม่นานมานี้ มายามนี้จึงมี เพียงแค่ผงคันที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่หากไม่ได้อยู่ในระยะ ประชิดผงคันก็ไร้ความหมาย นึกแล้วก็ได้แต่โทษตัวเองที่ ประมาทไม่คิดปรุงยาชนิดอื่นไว้ป้องกันตัว

เห์ ให้ฉันหนีรอดไปได้ก่อนเถิด รอบนี้แม่จะปรุงยาสารพัด พิษนไว้ให้เต็มย่ามเลย!

นางคิดพลางค่อยๆย่องออกจากห้องนอน ตั้งใจจะเลี้ยว ไปทางห้องครัวหมายตาท่อนฟืนที่วางเรียงรายอยู่บนพื้น หวังใช้เป็นอาวุธชั่วคราว ฉับพลันก็มีสิ่งมีชีวิตพริ้วกายลงมาจากเพดานบ้านมาหยุดลงตรงหน้า ทั้งสอง ตกตะลึงอ้าปากค้างเกือบจะกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นเป็นรูป ร่างเพศชายที่อยู่ในชุดคําสนิท แต่ชายผู้นั้นกลับยกมือขึ้น ปิดปากทั้งสองแล้วกระซิบเบาๆที่ข้างหู

“แม่นางหม่า ข้าเองขอรับเกาฉางเย่ อย่าพึ่งส่งเสียงดัง

“องครักษ์เกา ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ แล้วมันเกิดอะไร ขึ้น คนพวกนั้นเป็นใครกันทำไมถึงต้องปองร้ายพวกข้า ด้วย” กลายเป็นหนี่เหยาเอ๋อร์ ที่กระซิบถามรัวๆ ด้วยความ ตื่นตระหนก

“เหยาเอ๋อร์น้อย เจ้าใจเย็นลงก่อน ไว้ข้าจะอธิบายให้ ฟัง แต่ตอนนี้แม่นางทั้งสองช่วยมากับข้าก่อนเกิดขอรับ” องครักษ์หนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าเรียกสีหน้างอ ของเด็กสาว ก่อนที่จะหันมาเอ่ยกับหม่าเหลียนเฟย หญิง สาวพยักหน้าก่อนเดินตามชายหนุ่มไปในเงามืดก่อนที่ผู้ บุกรุกจะล่วงเข้ามาในเรือน ยินเสียงองครักษ์เกาสั่งกำชับ คน

“จับเป็นทั้งหมด”
จวนอ๋องสาม

ยามวิกาลเช่นนี้ผู้คนต่างพากันนอนหลับพักผ่อนเอาแรง ไว้ต่อสู้กับกิจกรรมต่างๆของเช้าวันใหม่ แต่มิใช่กับเจ้าของ จวน ที่ตอนนี้นั่งหน้านิ่วรอคอยการมาของใครบางคน เสียง เคาะเบาๆพร้อมกับที่ผู้นำทางเผยโฉมให้เห็น พร้อมด้วย หญิงสาวทั้งสองนาง

องครักษ์เกาประสานมือคํานับเจ้านายตัวเองก่อนจะถอย ไปยืนด้านข้าง

“ถวายพระพรเพคะ ต้องขออภัยที่พวกหม่อมฉันมารบก วนเวลาพักผ่อนของพระองค์ หม่าเหลียนเฟยเอ่ยอย่าง เกรงใจยิ่งนัก เดินตามองครักษ์เกาขึ้นรถม้าโดยมิได้ถาม ถึงจุดหมาย มาแจ้งแก่ใจอีกครั้งยามก้าวลงมาจึงได้เห็น ว่าเป็นหน้าจวนหลังเล็กซึ่งพวกนางพึ่งจะจากไปเมื่อตอน กลางวัน มิทันได้ถามไถ่สิ่งใด ชายหนุ่มก็เดินนำผ่านประตู เข้าไป พวกนางจึงต้องเดินตาม

“ลุกขึ้นเถิด อย่าได้มากพิธีรีตอง เราต่างหากที่ต้อง ขออภัยแม่นาง ที่ทำให้เดือดร้อน แต่ถ้าไม่ทำเช่นนี้ เราก็ คงยังหาเบาะแสที่ต้องการไม่ได้” อ๋องหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างไม่ คิดปิดบัง ด้วยเขาเองก็รู้สึกผิดที่รู้ทั้งรู้ก็ยังปล่อยให้หญิง สาวทั้งสองที่ไม่เกี่ยวข้องสิ่งใดด้วยต้องตกอยู่ในอันตราย แม้เขาจะส่งเหล่าองครักษ์คอยอารักขา แต่ก็เดาได้ว่าหญิงสาวทั้งสองคงจะต้องตระหนกตกใจอยู่ ไม่น้อย

“มีเรื่องอันใดหรือเพคะ ใยองครักษ์เกาถึงได้อยู่ที่บ้าน ของพวกหม่อมฉัน แถมยังอยู่บนเพดาน อีกทั้งเหล่า องครักษ์ข้างนอกบ้านอีก พระองค์มีสิ่งใดที่จะบอกกล่าว แก่หม่อมฉันหรือไม่เพคะ”

หมาเหลียนเฟยถามขึ้นพร้อมกับเงยหน้าจ้องพระพักตร์ ของอ๋องหนุ่มที่ยังมีเค้าอิดโรย คาดว่าพระองค์ก็คงจะมิได้ พักผ่อนอย่างที่ควรจะเป็น แม้จะรู้สึกเห็นใจ ที่คนที่ป่วย ขนาดนี้ยังต้องฝืนร่างกายมาพูดคุยกันในยามที่ควรพัก ผ่อน แต่คาดว่าเรื่องราวน่าจะเลวร้ายกว่าที่นางคาดเดาไว้ อย่างยิ่ง ฟังเพียงเสียงของผู้บุกรุก ที่หวังกระทำการย่ำยี พวกนาง หากแม้มิได้เหล่าองครักษ์คอยช่วยเหลือ เกรงว่า ป่านฉะนี้นางและเหยาเอ๋อร์คงจะไม่ปลอดภัยได้เช่นนี้

หากวันนี้ไม่ได้รับความกระจ่างในเรื่องราวที่เกิดขึ้น เห็นที ว่านางคงต้องถอนตัวในการรักษาอ๋องหนุ่มผู้นี้ ลำพังเพียง นางหากเกิดสิ่งใดขึ้น ก็คงพอที่จะเอาตัวรอดได้ แต่นี่ยังมี เหยาเอ๋อร์ผู้ซึ่งนางรักและเอ็นดูราวกับพี่น้องที่คลานตาม กันมา หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับเด็กสาวนางคงรู้สึกผิดจนตัวตายแน่ อีกทั้งนางยังอยากมีชีวิตอีก ยาวไกล ยังอยากใช้ชีวิตให้คุ้มกับที่ได้มาอยู่ในร่างนี้ หลัง จากที่ต้องตายจากร่างเก่าในขณะที่ยังสาว เพราะหาก ดูจากสถานะการแล้ว รู้สึกได้ว่างานนี้มีความเสี่ยงถึงชีวิ น้อยๆของนางอย่างแน่นอน

“ขออนุญาตพะย่ะค่ะ แม่นางหม่า เรื่องนี้ขอให้ข้าเป็นผู้ บอกกล่าวแก่ท่านเถิดนะขอรับ เหตุเพราะข้าน้อยเป็นผู้นํ พาให้ท่านมาพบเจอกับเรื่องราวที่ค่อนข้างจะอันตราย ข้า น้อยจึงอยากจะเป็นผู้อธิบายให้กระจ่างถึงเหตุอันจําเป็น องครักษ์หนุ่มเอ่ยขึ้น

หลังจากได้รับฟังเรื่องราวที่ดูเหมือนจะเลวร้ายยิ่งกว่าที่ นางคาดไว้จากองครักษ์หนุ่ม หญิงสาวก็ช้อนสายตาขึ้น มองผู้ที่มีผลกระทบจากเรื่องราวเหล่านี้มากที่สุดที่นั่งเงียบ อยู่หลังโต๊ะทรงอักษร ทรงมีสีหน้าเฉยชาราวกับเรื่องทุก สิ่งที่ออกมาจากปากขององครักษ์เกาหาได้เกี่ยวข้องกับ เขาไม่ และเมื่อสองตาคมที่มีแววเฉยชาสมเข้าดวงตาคู่งาม ทำให้นางหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

!บ้าจริง แค่สบตาก็เขินแล้วเหรอเรา สติ กลับมาหน่อย ก็ แค่หนุ่มโบราณหน้าหล่อเท่านั้น เย็นไว้ลูกๆ !! นางคิดพลาง ยกมือขึ้นทุบขมับเบาๆดึงสติให้กลับมาจดจ่ออยู่ที่คําพูดขององครักษ์เกา

“ขอแม่นางอย่าได้เข้าใจท่านอ๋องผิดไปเลยนะขอรับ ทั้งหมดเป็นความคิดของข้าน้อยเอง เริ่มแรกท่านอ๋องยัง ทรงเอ่ยห้ามเสียด้วย า แต่เมื่อทรงมั่นใจว่าคนร้ายจะต้อง ไปหาพวกท่านแน่ๆจึงได้สั่งให้เหล่าองครักษ์เงาได้จับตา ดูคอยคุ้มกันพวกท่านอยู่ตลอดเวลานับตั้งแต่ท่านก้าวขา ออกจากจวนไป บอแม่นางอย่าได้ถือโทษโกรธเคืองเลย เพียงแต่หากไม่เอาท่านเป็นเหยื่อล่อ เราก็ไร้ซึ่งทางอื่น แล้วจริงๆ คนร้ายซ่อนตัวดีนักทำให้ยากที่จะหาเบาะแส แต่ ตอนนี้เราสามารถจับกุมมาได้ทั้งหมด คาดว่าคงอีกไม่นาน เราต้องกระชากหน้ากากพวกมันออกมาได้แน่ อีกทั้งตอนนี้ พวกท่านก็ได้มาอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัยแล้ว ข้ารับรองว่าต่อ ไปจะดูแลท่านไม่ให้มีได้แม้แต่รอยขีดข่วนเลยขอรับ

หลังจากรับรู้เรื่องราวทั้งหมด หม่าเหลียนเฟยก็ได้แต่ ถอนหายใจอย่างปลงตก เอาเถิดในเมื่อเรื่องมันก็มาถึงขั้น นี้แล้ว จะแก้ไขอย่างไรก็คงจะไม่ทันการแล้ว

!เอาวะลองซักตั้ง ! คิดได้ดังนั้นนางจึงหันมามองหนี่เหยา เอ๋อร์ที่นั่งนิ่งเงียบฟังเรื่องราวโดยที่มิได้ปริปากเอ่ยสิ่งใด ทั้งยังนั่งก้มหน้าราวกับคิดสิ่งใดไม่ตก
“แล้วเจ้าเล่า เหยาเอ๋อร์ คิดเห็นประการใด หายที่จะอยู่ที่ นี้เพื่อรักษาท่านอ๋อง เจ้าจะอยู่ด้วยกันหรือไม่ หากไม่ อยากอยู่พี่ก็จะไม่บังคับ เพราะการข้างหน้านั้นทางอันตราย ยิ่งนัก พี่ไม่อยากพาเจ้ามาลำบากด้วย

หญิงสาวเอ่ยขึ้นทั้งยังยกมือขึ้นลูบศรีษะมนาวให้นัก ห่วงใยเด็กสาวที่นับวันยิ่งผูกพัน จึงอยากถามให้กระจ่าง ก่อนจะคิดอ่านหรือกระทําสิ่งใดต่อไป

“อยู่สิเจ้าคะ พี่เหลียนเฟยอยู่ที่ไหนขาก็จะอยู่ที่นั่นอีก อย่างเราจะต้องกลัวอันใดเล่า ก็ในเมื่อองครักษ์ การับ ประกันความปลอดภัยให้ขนาดนี้ หากเกิดเหตุอันใดขึ้น ข้าก็จะฟ้องท่านอ๋องให้ลงโทษเขาเองเจ้าค่ะ” เด็กสาวว่า พลางหันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่องครักษ์หนุ่มพร้อมทั้งทำท่า เอามือปาดคอตัวเองแล้วฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ จนชายหนุ่ม ต้องถลึงตาใส่

สถานการเริ่มผ่อนคลายความตึงเครียดลง คราวนี้หญิง สาวจึงนึกได้ถึงสิ่งสำคัญที่หลงลืมไป จึงหันไปทางอ๋อง หนุ่มพร้อมกล่าว

“หม่อมฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องกราบทูลต่อพระองค์เพคะ”
“แม่นางหม่า เชิญว่ามาเถิด”

“เมื่อตอนกลางวันที่หม่อมฉันผสมน้ำสมุนไพรให้พระองค์ สมุนไพรรอบที่สองมีปัญหาเพคะ”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ซุ้มเสียงของชายหนุ่มเข้มขึ้น ตามอารมณ์เริ่มที่คุกรุ่น

“มีคนน่าสมุนไพรที่ไม่ใช่ของที่หม่อมให้เตรียมปนมากับ ตัวยาเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันไม่แน่ใจว่าเป็นสมุนไพรชนิด ใด เพราะไม่ได้ตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากตัวยา ป่นมาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จึงยากที่จะตรวจสอบเพคะ “

“ที่แท้ ก็มีหนอนตัวใหญ่อยู่ใกล้ชิดตัวข้าถึงเพียงนี้เชียว หรือ ช่างบังอาจนัก องครักษ์เกา ต่อไปจงจับตาดูบ่าวที่เข้า ออกเรือนเปิ่นหวางทุกผู้ใครน่าสงสัยข้าอนุญาติให้จับกุม ตัวมาสอบเงียบๆ เมื่ออาการขาดีขึ้น เราจะทำการขุดราก ถอนโคนพวกมันให้หมด

น้ำเสียงที่รับสั่งออกมาเจือไปด้วยแรงกดดัน เดิมทีอ๋อง หนุ่มหาใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง ชายหนุ่มค่อนข้างจะรักสงบ ด้วยซ้ำ น้อยครั้งที่เขาจะแทนตนเองว่าเป็นหวางแม้นมีศักดิ์เป็นถึงพระอนุชาองค์เดียวแห่งองค์ฮ่องเต้ แต่ พระองค์ก็ค่อนข้างจะชอบชีวิตที่สมถะเรียบง่าย หาได้เคย วางอำนาจบาตรใหญ่ใส่ผู้ใดไม่ หากแต่พยัคฆ์ก็คือพยัคฆ์ เมื่อใดที่ร้องคำราม เมื่อนั้นเหล่าศัตรูย่อมต้องอกสั่นขวัญ หาย

“รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”

“หม่อมฉันยังมีอีกเรื่องกราบทูลเพคะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้น อีกครั้งเมื่อฟังน้ำเสียงดุดันนั้นจบลง

“ว่ามาเถิด”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างพยายามผ่อนคลายอารมณ์

“จากนี้ขอให้หม่อมฉันเป็นคนดูแลเรื่องยาทุกชนิดที่เกี่ยว กับพระอาการเพคะ ไม่ว่ายาชนิดใดหากหม่อมฉันมิได้เป็น ผู้ถือมาถวายให้พระองค์ ขอทรงอย่าได้แตะต้อง” นางเอ่ย ปากขอในสิ่งที่ตั้งใจ ใช่สิหากนางไม่เอ่ยเช่นนี้ เกิดวันใดมี คนคิดวางยาทำร้ายอ๋องหนุ่มเพิ่มขึ้นมาอีก เห็นทีว่าคราวนี้ คงจะต้องตกเป็นแพะรับปาบให้ผู้อื่นโดยมิมีความผิดอย่าง แน่นอน มิสู้รับหน้าที่ดูแล ห้ามใครข้องเกี่ยว อย่างนี้จึงจะ เห็นทางรอดมากกว่า
“มีเหตุผลใด จึงต้องการเยี่ยงนั้น” ชายหนุ่มถามอย่าง ข้องใจ ด้วยหน้าที่สำคัญอย่างนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องการหลีก หนีด้วยหากเกิดข้อผิดพลาด หัวอาจจะหลุดจากบ่าเอา ง่ายๆ ซึ่งตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่ดาดดื่น

“เพราะหม่อมฉันไม่ไว้ใจผู้ใดเลยเพคะนอกจากตัวเอง ถึง แม้จะมีเหยาเอ๋อร์ที่เป็นดั่งน้องสาวที่ไว้ใจได้แน่นอน แต่ หากมีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้นางเป็นแพะในการทำร้ายพระองค์ เกรงว่าคราวเคราะห์คงจะมาเยือนพวกหม่อมฉันแน่นอน จึงอาสาทำหน้าที่นี้ โดยหากวันนึงเกิดสิ่งใดผิดพลาดและ อาจจะต้องโทษแต่อย่างน้อยก็ขอให้เกิดด้วยน้ำมือตัวเอง ดีกว่าถูกคนป้ายสีเพคะ”

ยามได้ฟังน้ำเสียงหนักแน่นเยี่ยงนั้น ทำให้ชายหนุ่มอด ที่จะชื่นชมหญิงสาวไม่ได้ ช่างมีไหวพริบและฉลาดเฉลียว ยิ่งนัก นี่หรือคือหญิงหม้ายที่จะไร้ชายใดชายตา แต่เขา กลับเห็นว่าชายเหล่านั้นช่างมีตาหามีแววไม่ หากหญิงสาว ที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและมีจิตใจที่ห้าวหาญจะไร้ชาย ใดหมายปอง เขาก็จะขอเป็นคนเก็บเอาเพชรล้ำค่าเม็ดนี้มา เปล่งประกายอยู่ข้างกายเสียเอง

หม่าเหลียนเฟยเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาคมคู่นั้นอีกครั้งเมื่อ ค้อมตัวฟังคำอนุญาตจากชายหนุ่ม แต่กลับหาได้ยินสิ่งใด เล็ดลอดออกมาจากคนตรงหน้าไม่ แต่แล้วกลับต้องรีบก้มหน้าลงอีกครั้งเมื่อทนสบกับดวงตาคม เข้มที่เหมือนจะเอ่ยความนัยบางอย่างที่ชวนให้ใจเต้นแรง คู่นั้นไม่ไหว

! ตาอ๋องบ้า อย่ามาทำตาหวานเชื่อมขนาดนั้นนะ เดี๋ยวแม่ ก็กระโดดกัดคอซะนี่ อร้ายยย เขิน (^^)!

Talk… ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ Love love


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ