ยั่วสวาทท่านอ่องโฉมงาม

ตอนที่ 80 เหวลึก



ตอนที่ 80 เหวลึก

สีหน้าของโม่จื่อเฟิงดูมืดครึ้มมาก ราวกับมีหยดน้ำหมึก ออกมา ด้านหลังเขายังมีจินฟูและมู่เหอตามมาด้วย ทั้งสอง เห็นหลินซีนเยียนผลักประตูออกมา แววตาก็ปรากฏความ เห็นใจออกมาทันที

ตอนที่โม่จื่อเฟิงปรากฏตัวออกมาอยู่ที่นี่ ความร้อนรน ในใจของหลินซีนเยียนทันใดนั้นก็สงบลง ราวกับก่อนจะถูก ตัดสินประหารชีวิต เมื่อมีดบั่นคอพยัคฆ์ได้ร่วงหล่นลงมาแต่ จิตใจกลับสงบลงแล้ว

ในเมื่อหลบไม่พ้นก็มีแต่ต้องเผชิญหน้าเท่านั้น

“ซานป่าย ข้าได้ยินผิดไปหรือเปล่า? อ๋องอู่เสวียนมาตา มหาผู้หญิงของที่นี่หรือ? หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ คุณหนูใหญ่ เซียวที่เป็นว่าที่ภรรยาของอ๋องอู่เสวียนเพิ่งจะถูกส่งตัวกลับ จวนไปแล้ว”อินฉีแค่นหัวเราะ แต่ไม่ได้ถอยออกไปกลับหันไป เอ่ยถามกับซานป่ายแทน

ใครก็รู้ว่าคำพูดนี้ได้เอ่ยให้โม่จื่อเฟิงฟัง ดังนั้นซานป่าย

จึงไม่ได้ตอบ

เมื่อโม่จื่อเฟิงมองไปยังหลินซีนเยียนที่อยู่หน้าประตู เอ่ยเสียงเรียบ “มานี่”

คําสองคําง่ายๆแบบนี้เป็นคำสั่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ดวงตาของหลินซีนเยียนมีน้ำเอ่อออกมา จนพร่ามัวไปหมด แต่ในขณะนั้นเธอก็กัดริมฝีปากแน่น ก้มหัว แล้วเดินไปหาโม่จื่อเฟิง

โม่จื่อเฟิงแค่นเสียงแล้วเอ่ย “ดีมาก เชื่อฟังดี”

คำพูดนี้ได้ทิ่มแทงลงมาในใจของเธอย่างไม่ต้องสงสัย หลินซีนเยียนก้าวเท้าไปก็หยุดชะงัก จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น มาแล้วเดินตรงไปข้างหน้า ตอนที่เดินผ่านอินฉี ทันใดนั้นก็มี มือยื่นมาจับที่แขนของเธอเอาไว้

เสียงทุ้มต่ำของอินฉีดังมาจากด้านข้างของเธอ “เพียง เจ้าไม่เต็มใจก็ไม่มีใครมาบังคับเจ้าได้”

ไม่มีใครมาบังคับเธอได้เหรอ? จริงๆเหรอ? ผู้ชายที่อยู่ ใต้คนเดียวแต่อยู่เหนือคนนับหมื่นคนนั้น จะไม่สามารถบังคับ เธอได้ด้วยเหรอ? เธอรู้สึกขบขัน จากนั้นก็สลัดมือของอินฉี ออก

“พี่ใหญ่อิน ขอบคุณในหวังดีของท่าน เพียงแต่…ข้า ไม่ คู่ควร”เธอเพียงตัวคนเดียว อย่างน้อยเธอก็ยังมีมโนธรรมอยู่ เธอกับอินฉีญาติก็ไม่ใช่มิตรก็ไม่เชิง ไม่ว่าอินฉีจะสามารถข่ม โม่จื่อเฟิงได้อยู่หมัด แต่เพื่อคนที่ญาติก็ไม่ใช่มิตรก็ไม่เชิง ด้วยแล้ว ถึงตัวเขาจะทำได้ แต่อิทธิพลของเขาจะทำได้เห รอ?

นี่เป็นโลกแห่งความจริง หากเธอเอาแต่ใจ แล้วขอร้อง ให้อินดีช่วยเหลือโดยที่ไม่สนอะไรเลย แล้วจากนั้นล่ะ? ก็ เป็นศัตรูกับโม่จื่อเฟิง แล้วเขาก็สูญเสียทุกอย่างไป แล้วเธอ กับอี้ก็ตายยังงั้นเหรอ? หรือเขาไม่สามารถทนแรงกดดัน ของโม่จื่อเฟิงได้ จากที่เคยให้ความหวังกับเธอแล้วก็มา ผลักไสเธอไปอย่างไร้เยื่อใยเหรอ?

ไม่ว่าบทสรุปจะออกมายังไง เธอก็ไม่ใช่เด็กสาวอายุ 10 กว่าปี เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความไร้เดียงสาแบบนั้นได้ผ่านพ้น มานานแล้ว

ตอนที่อินฉือยากจะพูดอะไร กลับเห็นโม่จื่อเฟิงเดินเข้า มาแล้วใช้แรงดึงแขนของหลินซีนเยียนกลับไป เขาพูดกับอิน ฉีว่า “ใช่แล้ว นางไม่คู่ควร นางเป็นแค่สาวใช้อุ่นเตียงของข้า เท่านั้น หากท่านมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายชื่นชอบล่ะก็ ข้าจะมอบ ให้ท่านเลยก็ได้ แต่ท่านมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายเป็นถึงขุนนาง ฝ่ายบุ๋นชนชั้นนำ จริงๆแล้วอยากได้สาวใช้อุ่นเตียงที่ใช้แล้ว ของข้าเช่นนั้นหรือ? หากท่านมหาเสนาบดีฝ่ายเต็มใจ แล้ว พวกขุนนางฝ่ายบุ๋นและเหล่าบัณฑิตที่อยู่เบื้องหลังของท่าน เกิดไปตีความกันเอาเองว่า ขุนนางตงหลินที่จิตใจดีงามกลับ ถูกสตรีนางหนึ่งยั่วยวนเข้าจนลุ่มหลงไปเช่นนั้นหรือ?”

“สาวใช้อุ่นเตียงหรือ? “อินฉีเงยหน้าขึ้นมาอย่างตกตะลึง ในสายตากลับปรากฏความผิดหวังออกมาในชั่วขณะ

ใช่แล้ว สาวใช้อุ่นเตียง?”โม่จื่อเฟิงดึงเยียนเข้า มาอ้อมอกของตนเองต่อหน้าผู้คน เขาเชยคางของหลินซีน เยียนขึ้นมาแล้วใช้นิ้วกดไปบนริมฝีปากที่แดงระเรื่อของเธอ สาวใช้อุ่นเตียงที่ได้รับความโปรดปรานจากข้ามากคนหนึ่ง ใต้เท้าอินเองก็เป็นบุรุษ คงจะรู้ว่าสาวใช้อุ่นเตียงนี่ใช้ทำอะไร ไม่ปิดบังเจ้าก็ได้ สาวใช้คนนี้มีฝีมือไม่เลวเลยทีเดียว หาก ใต้เท้าอินไม่อยากเป็นขุนนางตงหลินแล้ว ข้าไม่ถือสาที่จะให้ นางไปปรนนิบัติใต้เท้าอินสักครั้ง ”

คำพูดที่น่าอดสูเช่นนี้ได้พ่นออกมาจากปากของโม่ จื่อเฟิง ต่อหน้าต่อผู้คน เขาได้ทำลายศักดิ์ศรีที่เหลืออันน้อย นิดของหลินซีนเยียนลงอย่างโหดเหี้ยม เขาใช้วิธีที่ทรมาน สตรีในยุคนี้อย่างร้ายแรงที่สุดมาบดขยี้เธอ

ชื่อเสียง สำหรับสตรีในยุคนี้แล้วมีความสำคัญมากกว่า ชีวิตเสียอีก หากเป็นสตรีของที่นี่โดยกำเนิดแล้ว หลินซีน เยียนก็ควรจะอับอายจนฆ่าตัวตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?

บทสนทนาที่ดังขึ้น แม้กระทั่งจินมู่และมู่เหออดไม่ไหวที่ จะก้มหน้าลง

ซานป่ายเบิกตาโพลงกว้างกว่าเดิม อาจจะเป็นเพราะถูก โจมตีด้วยเรื่องที่หลินซีนเยียนเป็นสาวใช้อุ่นเตียงแต่ตั้งแรก แล้ว ทำไมเขาคิดไม่ถึงเลยว่าสตรีที่มีการศึกษาคนหนึ่งจะ เป็นเพียงสาวใช้อุ่นเตียง

ส่วนอินฉียังคงมีรอยยิ้มบางๆอยู่บนใบหน้าตั้งแต่แรก เมื่อรอให้โม่จื่อเฟิงกล่าวจบ เขาถึงเอ่ยขึ้น “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ นี่เอง เป็นขุนนางเองที่คงเข้าใจผิดไปเอง ก่อนหน้านี้ที่แม่นาง หลินและคุณหนูใหญ่เซียวตกไปในน้ำพร้อมกัน ข้าเห็นท่าน อ๋องรีบไปช่วยคุณหนูใหญ่เซียวโดยที่ลังเลยแม้แต่น้อย คิด ไม่ถึงว่าแม่นางหลินเองก็เป็นคนของท่านอ๋องด้วย” ใช่สิ ในตอนนั้น เขาเลือกช่วยเซียวฉางเยวโดยที่ไม่ ลังเลเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของเขาแล้ว เธอเป็นเพียงคนที่ ยอมเสียสละได้ตลอดเวลา

หากว่าคำพูดของโม่จื่อเฟิงเป็นดาบสั้นสองคม งั้นคำพูด ของอินฉีก็คงจะเป็นใบมีดที่แหลมคม คำพูดของทั้งสองคน ได้ผลักเธอตกลงไปในเหวที่ลึกที่สุดได้ในเวลาเดียวกัน

ในขณะนั้น กว่าเธอจะรู้สึกน้ำตาที่กลั้นไว้ไม่อยู่ก็ไหล ออกมาแล้ว ที่แท้ถึงเธอจะไม่ได้สนใจอะไร กลับรู้สึกเจ็บไป ถึงส่วนลึกได้ขนาดนี้

“ไม่เป็นไร ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิด ข้าก็จะไม่คิดเล็กคิด น้อยอะไร “เมื่อจากโม่จื่อเฟิงกล่าวจบก็กระชากแขนของหลิน ซีนเยียนเดินออกไปข้างนอก พละกำลังของเขามีมากเกินไป หลินซีนเยียนก้าวไปอย่างทุลักทุเล จนในที่สุดเธอก็ล้มลงพื้น

เมื่อเข่าชนเข้ากับแจกันดอกไม้ที่อยู่ข้างๆ จนแตก จน กระทั่งเศษแจกันที่แตกได้บาดเข้าเนื้อของเธอ เธอกลับไม่รู้ สึกอะไรเลย เพียงฝืนพยุงร่างขึ้นมาและจับราวที่อยู่ข้างๆจน ลุกขึ้นมาได้

เธอเพียงเดินตามหลังโม่จื่อเฟิงด้วยแผ่นหลังที่เหยียด ตรง โดยไม่หันกลับมาอีกเลย

เมื่อคนเหล่านั้นได้จากไป อินฉีที่กำหมัดแน่นอยู่ก็ค่อยๆ คลายออก ดวงตาคู่นั้นมืดมัวลง กลายเป็นความอาฆาตที่แผ่ ออกอย่างไม่หมดไม่สิ้น

นายท่าน….. “ซานป่ายเปิดปากแต่ไม่รู้ว่าในช่วงเวลาแบบ

นี้ควรจะเอ่ยอะไรดี

“ซานป่าย เจ้าว่า ศัตรูของศัตรูคือมิตรใช่หรือไม่? “อยู่ดีๆ อินฉีก็เอ่ยประโยคนี้ออกมา

“เอ่อ….” ซานป่ายยังไม่เข้าใจ เพียงมองไปทางอินฉีอย่าง รู้สึกสงสัย นอกจากอารมณ์ของอินฉีในตอนนี้ก็ไม่คำพูดใดๆ เอ่ยออกมาเลยแม้แต่น้อย

หลังผ่านไปเนิ่นนาน ก็ได้ยินคำสั่งของอินฉี “ต่อไปหา คนไปดูแม่นางหลินด้วย”

“ต้องปกป้องแม่นางหลินด้วยหรือไม่?”ซานป่ายรู้สึก

สงสัย

อินฉีถอนหายใจออกมาแล้วหันกลับไปเอ่ย “ซานป่าย เมื่อไรเจ้าจึงสามารถเรียนกับคู่หยาจื่อ

กู่หยาจื่อเป็นปัญญาชนคนหนึ่ง ส่วนข้าเป็นแม่ทัพ ทำไม ข้าต้องไปเรียนกับเขาด้วย”ซานป่ายยิ่งฟังก็ยิ่งสงสัยเข้าไป

อีก

“ฉลาดดี! เล่ห์เหลี่ยมนัก!

ออกไป

“อินกัดฟันแล้วพูดคำเหล่านี้ เมื่อซานป่ายโดนด่าก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรขึ้นมาอีก พอผ่าน ไปสักพักก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “แม่นางหลิน แม้จะเป็นคนดี แต่ไม่ใช่ว่าจะมีพื้นเพดี ข้าน้อยคิดท่าน….………

“พอแล้ว! “อินฉีจ้องเขม็งมาแล้วเอ่ย “ตอนนี้เจ้าไปเรียน เล่ห์เหลี่ยมกับคู่หยาจื่อเลยไป! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ