ตอนที่ 27หยกที่คุ้นเคย
“ภาพลายปัก ? “โม่จื่อฟงแสยะยิ้มที่มุมปากยิ่งทำให้คนคาดเดาได้ ยากนิ้วเรียวยาวของเขาพลิกภาพวาดอย่างสบายใจ”ภาพวาดนี้ไม่ เหมือนกับภาพลายปักของเจ้ามีบางอย่างที่ผู้หญิงไม่ควรลอง”
เขากำลังดูถูกนางในใจของหลินซินเยียนรู้สึกเจ็บปวดนิดๆ โดยเฉพาะ ตอนที่เขาออกปากพูดจาดูถูกต่อหน้าผู้หญิงยิ่งทำให้นางไม่อยากจะ ยอมรับแม้นางจะไม่ได้เรียกร้องให้ฐานะทางสังคมของชายและหญิง เท่าเทียมกันในยุคสมัยนี้แต่อย่างน้อยนางก็สามารถทำให้ตนเองไม่ เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นได้
“หากเป็นเช่นนั้นท่านอ๋องเรามาพนันกันดีหรือไม่ ? “หลินซินเยียนเลิก นวดขาให้เขาแล้วรินน้ำชาให้ตนเองอย่างพอใจ
เมื่อโม่จ่อฟงได้ยินก็เหมือนกับรู้สึกสนใจ”ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองว่ามาเจ้า อยากได้อะไร ? “เขาคิดว่านางต้องการทำเพื่อให้ตนเองได้บรรลุเป้า หมายอะไรสักอย่างถึงหยิบภาพวาดมาให้ดูเช่นนี้ก็ดีอย่างน้อยก็ไม่ได้ โยนมาให้
หลินซินเยียนไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจเพียงยิ้มเล็กน้อยแล้ว เข้ามาใกล้เขา”ที่จริงแล้วง่ายมากข้าคนนี้ชื่นชอบเงินสำหรับท่านอ่อง แล้วคงไม่ได้ขาดเงินเท่าไรเอาเช่นนี้ดีหรือไม่ข้าจะลองประกอบภาพ วาดนี้ถึงภาพมันจะขาดไปหลายส่วนหากข้าประกอบมันเข้ากันได้ท่าน อ่องต้องให้เงินข้าสักหนึ่งพันตำลึงดีหรือไม่ ?”
“หนึ่งพันตำลึง ? เจ้านี่กล้าไม่ใช่น้อยเป็นแค่สาวใช้อุ่นเตียงเงินเดือน เดือนหนึ่งก็ได้แค่1ต่ำลึง หนึ่งพันตำลึงนี่เพียงพอสำหรับครอบครัว ธรรมดาใช้ได้ทั้งชาติ”โม่จื่อฟงไม่ได้ตอบตกลงนางทันที
หลินซินเยียนยักไหล่ราวกับคาดเดาการโต้ตอบของเขาได้”ท่านอ่อง แม้ข้าจะไม่รู้ว่าภาพวาดนี้ใช้ทำอะไรแต่ทำให้ท่านอ๋องอู่เสวียนสนใจได้ มันต้องไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่หากข้าช่วยท่านเล็กๆน้อยๆได้ สำหรับท่านแล้วเกรงว่าคุณค่าของมันคงไม่ใช่แค่หนึ่งพันตำลึงถึง อย่างไรท่านก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไรเหตุใดต้องคิดเล็กคิดน้อยด้วย ?”
ในรถม้าเกิดความเงียบอีกครั้งทั้งสองคนจ้องมองอีกฝ่ายไม่มีใครพูด อะไรผ่านไปเนิ่นนานโม่จื่อฟงก็ยิ้มเขายื่นมือมาเชยคางของหลินซิน เยียนแล้วเอาหน้าเข้าไปใกล้ลมหายใจที่สัมผัสตรงริมฝีปากของนาง เพียงฟังที่เขากำลังพูด”ได้เปิ่นหวางจะให้เจ้าลองทำ”
“พูดแล้วไม่คืนคำ “หลินซินเยียนปัดมือเขาออกแล้วหยิบภาพวาด นั้นพลิกไปพลิกมาดู
นางตั้งใจทำอย่างมากอาจจะเป็นเพราะคุ้นเคยกับงานในชาติก่อน ตอนดูภาพวาดก็ต้องดูอย่างละเอียดเพื่อวัดขนาดของภาพวาดถึง สามารถทำให้เพื่อนร่วมงานของนางทุกคนในทำงานอยู่ในห้องทดลอง กันตลอดทั้งวันทั้งคืนเช่นนั้นตอนที่นางใช้มือสัมผัสภาพวาดบุคลิกของ นางก็ค่อยๆเปลี่ยน
การเปลี่ยนไปเป็นคนละคนทำให้นางไม่ทันสังเกตว่าโม่จื่อฟงที่อยู่ ข้างๆ ได้ส่งสายตามองอย่างเคร่งขรึมเขาใช้นิ้วเคาะตรงขอบหน้าต่างใน รถม้าลมพัดผ่านจนผ้าม่านเลิกขึ้นเล็กน้อยทำให้มีลมหนาวได้เล็ดลอด ผ่านเข้ามา
ในรถม้าถึงจะอบอุ่นแต่เพราะลมหนาวนั้นอุณหภูมิก็ลดลงอย่างมาก โม่จื่อฟงขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าหลินซีนเยียนที่ตกอยู่ในโลกของตนเอง กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลยสักนิดบนตัวของนางสวมผ้าแพรบางแม้จมูก เริ่มแดงกำแต่ก็ยังสูดลมหายใจและดูภาพวาดต่อไป
“จินมู่”โม่จื่อฟงขมวดคิ้วทันใดนั้นก็เลิกม่านขึ้นเรียกคนที่อยู่ข้างรถม้า
“ท่านอ๋องมีอะไรจะรับสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ ? “จินมู่ขี่ม้าเข้ามาหาเด็กชาย ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาก็สวมเสื้อผ้าบางหนาวจนแก้มแดงก่ำเมื่อผ้าม่าน เปิดขึ้นเด็กชายก็มองเข้าไปในรถม้าอย่างไม่วางตาตอนที่เห็นเพียงโม่ จื่อฟงแต่กลับไม่เห็นหลินซินเยียนจึงแสดงความผิดหวังออกมา “พอถึงเมืองแล้วหาคนพาพวกนางไปซื้อชุดกี่ตัวในเมืองด้วย “โม่จงื่อฟง พูดอย่างจริงจัง
จินมูตะลึงงั้นอ๋องอู่เสวียนรู้สึกเป็นห่วงเสื้อผ้าของคนอื่นตั้งแต่ เมื่อไร ? แต่ไหนแต่ไรมาก็มีคนเป็นห่วงเพียงแต่เขา!
“ทำไมอยากให้เป็นหวางพูดอีกรอบ รี ? “โม่จื่อฟงส่งเสียงเย็นชาอย่าง รู้สึกไม่พอใจออกมา
“ข้าน้อยทราบแล้วพ่ะยะค่ะพอถึงเมืองจะรีบไปจัดการทันที ! “จินมู่ รีบตอบกลับและเก็บอาการตกใจเมื่อครู่นี้
โม่จือฟงยังไม่ได้ละสายตาจากนอกหน้าต่างก็ได้ยินเสียงร้องอย่าง ตื่นเต้นของหลินซินเยียนดังมาก”ท่านอ่องท่านดูนี่ข้าประกอบได้ถูก หรือไม่ ?”
เติมทีโม่จอฟงก็ไม่ได้หวังว่าหลินซินเยียนจะทำได้ทักษะการประดิษฐ์ อาวุธยากเกินไปสำหรับคนทั่วไปสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นที่เขารับปาก นางเพราะคิดจะเยาะเย้ยนางเมื่อนางทำไม่ได้แต่คิดไม่ถึงว่าหลินซิน เยียนกล้าทำจริงๆ
“เป็นหวางคิดว่าเจ้าเพียงทำขอไปที…”ในปากคำว่า’เป็่นหวาง’2คำยัง ไม่ได้พูดทันใดนั้นสายตาก็หยุดชะงักไปที่ภาพวาดที่อยู่ตรงหน้าของ เขาเนิ่นนานก็ยังไม่คืนสติ
อ๋องอู่เสวียนผู้ที่ช่ำชองในการรบยามเผชิญศึกกับศัตรูนับหมื่นกลับ ไม่เคยแสดงอาการตกตะลึงออกมาไม่เสียทีที่นางเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ ด้านอาวุธระดับนานาชาติ
“ท่านคิดว่าข้าประกอบถูกหรือไม่?”หลินซินเยียนเห็นเขาไม่ตอบอะไร กลับมาจึงถามไปอย่างยิ้มๆ
โม่จื่อฟงไอกระแอมหนึ่งทีแล้วปล่อยผ้าม่านในรถม้าลงเขาหยิบภาพ วาดขึ้นมาดูอย่างละเอียดอีกครั้งส่งสายตาอย่างรู้สึกสงสัยออกมา”เป็น เจ้าประกอบมันเองจริงรี ?”
หลินซินเยียนพยักหน้าถอนหายใจแล้วเอ่ย”ท่านอ๋องท่านคิดว่าในรถ ม้ายังมีคนที่3รี ?”
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ! “โม่จอฟงจ้องนางด้วยสายตาเย็นชาสายตาแบบ นี้ทำให้คนขนลุกอย่างอดไม่ได้บางทีหลินซินเยียนเคยเห็นสภาพน่า อนาถของเขาในป่าแล้วถึงตอนนี้เขาเกรี้ยวกราดแค่ไหนนางก็ไม่ตกใจ เลยสักนิด
“มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ 7 ข้าก็บอกไปแล้วข้าเก่งเรื่องภาพลายปักแม้ สิ่งนี้จะไม่เหมือนกับภาพลายปักนักแต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากภาพวาด นี้เมื่อทำได้แล้วอย่างอื่นมันก็ทำได้แต่เดิมมันก็เหมือนกันอยู่แล้วไม่ใช่ รี?”
นางพูดจาฉะฉานแต่ที่จริงในใจกลับตื่นกลัวหลังจากที่ประกอบภาพ วาดได้นางก็คาดเดาไว้แล้วว่าการออกแบบนี้มันต้องยอดเยี่ยมเป็นอย่าง แน่แต่พรสวรรค์ของนางก็สามารถมองกลไกการประดิษฐ์อาวุธหน้าไม้ นี้ออกมาได้ง่ายดาย
แต่ก็ไม่อาจเรียกว่าง่ายหากไม่ลองทำก็ไม่มีทางรู้ได้ทว่าคำพูดนี้หลิน ซินเยียนไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถบอกกับโม่จื่อฟงได้
ผ่านไปสักพักโม่จื่อฟงถึงจะพยักหน้าเขาเก็บภาพวาดและเก็บอาการ ตกตะลึงบนหน้า”เจ้าพูดมาก็มีเหตุผลอยู่หลายส่วนภาพวาดของเจ้า ประกอบได้ดียิ่งนักเดี๋ยวข้าจะให้จินมู่ส่งเงินหนึ่งพันตำลึงให้เจ้า”
“เดี่ยวคือตอนไหนรี?”เมื่อไม่ได้เห็นเงินหลินซินเยียนก็ไม่วางใจเรื่อง พวกนี้ไม่อาจเลื่อนเวลาออกไปได้อีกอย่างอารมณ์ของอ่องอู่เสวียนก็ไม่ แน่นอนยากที่จะเชื่อถือได้หากเป็นไปได้นางก็อยากให้เงินถึงมือก่อน
ท่าทางใจร้อนของนางดูน่าขบขันทันใดนั้นโม่จื่อฟงก็เกิดความคิด อยากจะเห็นนางทำหน้ารู้สึกผิดซะหน่อยเขาจึงล้วงหยกออกมาจากใน เสื้อแล้วส่งให้นาง”บนตัวเป็่นหวางไม่มีเงินหยกนี่มีค่าอย่างมากส่งให้เจ้า ก่อนแล้วกันเอาเปรียบเจ้าแล้ว”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ