ตอนที่1 ท่านอ๋องเปอหยิ่ง
เมื่อชายหนุ่มสวมชุดผ้าฝ้ายไม่เห็นมีใครเสนอราคาอีกจึงรีบตกลง ขายให้กับชายแก่อย่างด็อกดีใจ ชายแก่ส่งสัญญาณให้คนติดตามส่ง เงินให้กับชายหนุ่มสวมชุดผ้าฝ่ายทันที
ชายหนุ่มสวมชุดผ้าฝ้ายยิ้มจนตัวบิดไปบิดมา หลังจากรับเงินก็ หยิบโซ่เหล็กที่อยู่ข้างๆและเปิดกรงออก เขาเดินเข้าไปล่ามโซ่เหล็ก บนคอของเด็กชาย”นายท่าน ตอนนี้เด็กมารหัวขนนี่เป็นของท่านแล้ว ท่านจุงไปได้เลย”
ชีวิตของเด็กคนหนึ่งถูกเขาทำเป็นสัตว์ตัวหนึ่งที่นำมาขาย
ชายแก่พยักหน้าอย่างพึงพอใจให้คนติดตามไปจูงโซ่เหล็กมา การซื้อขายในครั้งนี้ถือว่าสิ้นสุดลง
เมื่อไม่มีเรื่องสนุกให้ดู ฝูงคนต่างก็ทยอยตัวกันออกไป มีเพียง หลินซินเยียนที่ยืนมองกรงเหล็กที่ว่างเปล่าอยู่นานนางคิดอยากจะช่วย เด็กที่น่าสงสารคนนั้นแต่ว่านางไม่ใช่คนเก่งกาจอะไร นางเป็นเพียงคน ธรรมดาและยังอ่อนแอนางจึงเลือกที่จะอดกลั้น
คนติดตามประคองชายแก่ขึ้นรถม้า สองข้างของรถม้ามีคน ติดตามของเขาเดินประกบอยู่ คนหนึ่งจับโซ่เหล็กลากเด็กชายให้เดิน ไปข้างหน้าอย่างโซชัดโซเช
รู้ว่าตนเองไม่สามารถช่วยอะไรได้ตอนที่รถม้าหายลับไปจาก สายตา หลินซินเยียนทนไม่ไหวจึงรีบวิ่งตามไป
หลังจากที่นางอยู่หลังรถม้าห่างออกไปหลายจ้งก็มองเท้าเปลือย เปล่าของเด็กคนนั้นเดินไปอย่างยากลำบาก บาดแผลที่ถูกแส้ฟาดยัง คงมีเลือดไหลอยู่ น้ำสีแดงสดที่ขัดหูขัดตาหยดลงพื้นทีละหยดทำให้ ฝุ่นที่ลอยมาติดเปลี่ยนสีไป หมู่บ้านไม่ค่อยใหญ่ เดินตามรถม้าไปสักพัก ในที่สุดรถม้าก็ หยุดที่หน้าประตูจวน ชายแก่เดินลงจากรถม้ามองเด็กที่อยู่ข้างรถม้า แล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจจึงกำชับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ “พาเข้าไปล้างตัว ให้สะอาด ใช่แล้ว เอาของเล่นที่ข้าซื้อมาจากเมืองหลวงครั้งที่แล้ว เข้ามาในห้องด้วย คืนนี้ข้าจะจัดการมันให้ดีๆ”
“เข้าใจแล้วนายท่าน ท่านวางใจเถิด รับรองว่าจะเตรียมการให้ เรียบร้อยดีทุกอย่าง”คนติดตามตอบรับอย่างรู้ใจ ใบหน้าที่แสดงความ ต่ำช้าออกมาทำให้คนมองก็รู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไร
หลินซินเยียนยืนอยู่ตรงมุมทางโค้งสายตามองไปที่คนติดตาม สองคนที่พาเด็กชายเข้าไปในจวน
เมื่อประตูบานใหญ่ปิด ท้องฟ้าก็ค่อยๆมีดลง
เป็นเวลานานกว่าที่หลินซินเยียนจะเรียกสติคืนมาได้ สายลม กลางคืนพัดมา นางรู้สึกถึงความเย็นบนใบหน้าจึงยกมือขึ้นมาจับ ที่แท้เป็นน้ำตาที่ไหลออกมาตอนไหนก็ไม่รู้
นางได้เห็นความโหดร้ายของสังคมนี้อีกครั้ง การปกครองระบบ ศักดินาที่เข้มงวดทำให้คนที่ไร้อำนาจเหล่านั้นต้องมีสภาพความเป็นอยู่ ที่น่าเวทนายิ่งนัก
นางถอนหายใจยาวทรุด นั่งลงพื้นอย่างรู้สึกหมดแรง แผ่นหลัง พิงติดกำแพงสักพัก ในหัวก็นึกถึงภาพชายแก่นั่นกำลังทำลายศักดิ์ศรี ของเด็กชาย…
ทันใดนั้นก็มีเสียงกีบเท้าม้าดังขึ้นทำให้นางเรียกสติคืนมาและ มองไปที่ขบวนรถม้าเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ หมู่บ้านเล็กนี้เป็นทางผ่าน เขตแดนที่ติดต่อกันระหว่างสองแคว้น ขบวนพ่อค้าส่วนใหญ่ต้องเดิน ทางผ่านเส้นทางนี้ นี่คงจะเป็นขบวนพ่อค้าที่กำลังเดินทางอยู่แน่
เมื่อคิดเช่นนั้นหลินซินเยียนเตรียมจะหลีกทางให้ขบวนพ่อค้า แต่กลับเห็นคนที่คุ้นเคยอยู่ห่างออกไป
“จินมู ? “นั่นเป็นองครักษ์ประจำตัวของโม่จือฟงไม่ใช้รี ?
นางหวาดผวาจึงหันหลังคิดจะวิ่งหนีไป แต่พอจะก้าวเท้าออก กลับชะงักหยุดลง นางกัดปาดและหันหน้าไปมองรถม้าที่จีนมู่อยู่ข้างๆ ทันที นางมั่นใจว่าโม่จื่อฟงต้องอยู่ในรถม้าค้นนั้นอย่างแน่นอน
พอหลินซีนเยียนหมุนตัวกลับมา จินมู่ก็เห็นนาง เขาเดินไปข้าง รถม้าอย่างปกติและพูดกับคนในรถ”ท่านอ่อง แม่นางซีนเยียนยังอยู่ ในหมู่บ้านนี้ ท่านอ่อง…ให้ส่งคนไปพาตัวนางมาหรือไม่ ?”
“ไม่ต้อง”น้ำเสียงของโม่จื่อฟงยังคงราบเรียบ ฟังไม่รู้ว่าอยู่ใน อารมณ์ไหน สัตว์เลี้ยงที่อยู่ในกรง เขาไม่รีบร้อนเพียงอยากจะปล่อย ให้สัตว์เลี้ยงตื่นกลัวแล้วค่อยใช้ตาข่ายดักจับมัน
“ครับ ! “จินมู่รับคำสั่งและสงบสติอารมณ์ ไม่หันไปมองทิศทาง ที่หลินซินเยียนอยู่ ทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้คิดอะไร
ขบวนรถม้าที่กลายเป็นจุดสนใจทำให้คนจำนวนไม่น้อยต่างยืนมุง ดู ในจำนวนนั้นก็มีคนที่คิดการชั่วร้ายปะปนอยู่ด้วย คิดจะใช้กวนน้ำ จับปลา แต่หลังจากมององครักษ์ที่อยู่ตรงรถม้าล้วนเป็นทหารที่สวม เครื่องแบบเต็มยศฝูง คนที่ยืนมุงดูก็เริ่มแยกตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ในต้นปีนี้ ไม่มีเงินสู้มีเงินไม่ได้ มีเงินสู้มีอำนาจไม่ได้ ถึงคนบน ถนนจะมีความกล้าแค่ไหนก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับทหาร
ขบวนรถม้าที่ค่อยๆเคลื่อนที่ไปอีกไม่นานก็จะไปจากถนนเส้นนี้ ในช่วงนั้นหลินซินเยียนคิดอะไรไม่ออกเมื่อกำลังเรียกสติคืนมาอยู่นั้น ตัวคนก็พุ่งเข้าไปขวางรถม้าของโม่จื่อฟง
คนข้างกายของโม่จื่อฟงแต่ละคนมีฝีมือเก่งกาจ หากไม่ใช่จินมู่ รีบมาหยุดก่อน นางในตอนนี้เกรงว่าจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว “จินมู เหตุใดถึงหยุดรถ ? “โม่งอฟงนั่งพิงหมอนอย่างเกียจคร้าน อยู่ในรถ ที่มุมปากก็ยกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“กราบทูลท่านอ๋อง มีคนขวางรถม้าฟะยะค่ะ”ปากของจินมู่สั่น ในใจรู้สึกหวั่นกลัว ด้วยวรยุทธ์ของท่านอ่องแม้แต่รถม้าปิดลง ท่าน อ่องก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดต้องถามเขาด้วย?
ในรถม้าที่เงียบไปชั่วขณะหนึ่งก็มีเสียงเบาๆเอ่ยขึ้น”กล้าขวางรถ ม้าของข้า ฆ่ามันซะ”
“เออ…”ครั้งนี้จินมู่ตะลึงไปสักพัก
แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตามคำสั่งของท่านอ๋องดีหรือไม่ ในขณะนั้น หลินซินเยี่ยนที่อยู่หน้ารถม้าได้ปืนขึ้นรถม้าด้วยตนเองแล้ว
“จินมู่ รถม้าของข้าให้คนอื่นขึ้นมาตามอำเภอใจได้หรือ ? “คำพูด ของโม่จื่อฟงแทรกไปด้วยความโกรธเล็กน้อย
ในที่สุดจินมู่ก็แสดงสีหน้ากังวลออกมา”ข้าน้อยไร้ความสามารถ ทำนอ่องโปรดให้อภัย ! ”
การเป็นองครักษ์ช่างยากลำบากยิ่งนัก ด้วยทักษะล่วงรู้ของนาย ท่านแล้วถึงจะเป็นสตรีที่ไม่เป็นวรยุทธ์ แต่ด้วยฝีมือที่เป็นเลิศ หาก ท่านอ๋องไม่เต็มใจก็ไม่ปล่อยให้เข้ามาใกล้รถม้าแม้แต่ก้าวเดียวด้วยซ้ำ
ช่างเป็นท่านอ่องที่เย่อหยิ่งยิ่งนัก จินมู่อยากจะร้องไห้แต่ไร้
น้ำตา !
ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับบ่าวสำหรับหลินซินเยียนแล้วราวกับ ไม่รู้สึกอะไร เมื่อเปิดม่านรถม้าแล้วก็เดินเข้าไป ใบหน้าปรากฏรอย ยิ้มที่งดงามออกมาทันที จากนั้นก็เข้าไปนั่งข้างกายของโม่จี่อฟง ราวกับลูกแมวอ้อนคน มีอเล็กๆก็พาดคอของโม่จื่อฟงและพูดจาอย่าง
อ่อนหวาน “ท่านอ่อง ข้าคิดถึงท่านแทบตาย ได้เจอกับท่านอ่องในที่ แห่งนี้ปาวรู้สึกดีใจจริงๆ”
โม่จื่อฟงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน หรี่ตามองหน้าของหลินชิ นเยียน”อ้องั้นรี ? “ๆ
“ก็ใช่สิ เพคะคิดถึงท่านจนข้าผ่ายผอมหมดแล้ว”ใบหน้าของ หลินซินเยียนยังคงยิ้มแต่ในใจรู้สึกอยากจะอ้วก ที่แท้การเป็นคนไร้ หนทางถึงจะถูกบังคับให้ทำอะไรก็ยอมทำทุกอย่าง
“ฮ”โม่จ่อฟังแค่นเสียงออกมาอย่างชั่วร้ายยกมือขึ้นไปลูบใบหน้า ของนาง นิ้วมือที่เรียวยาวลูบไล้ลงมาเรื่อยๆจนถึงลำคอของนาง ใน ที่สุดนิ้วที่สัมผัสรู้สึกถึงความอ่อนโยน เขาก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น “ข้าจำได้ว่า ก่อนที่จะไปได้เตือนเจ้าแล้วห้ามคิดหนีไปจากข้า…
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ