บทที่10เซารังแกฉัน
นี่คือครั้งสุดท้ายที่เขาได้พบหน้ากับครอบครัว การจากไปครั้งนี้ เขาก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย
หลังจากหลี่หลินจากไปสิบวัน เวลาแห่งการทำนาที่ เหน็ดเหนื่อยก็เริ่มขึ้น
จริงๆก่อนตรุษจีนฤดูใบไม้ผลิก็ได้มาเยือนแล้ว ชาวนาก็มักจะ เป็นแบบนี้ ในวันขึ้นปีใหม่ต่างพากันเฉลิมฉลองกัน วันที่สอง ญาติพี่น้องกลับบ้าน วันที่สามกราบไหว้บรรพบุรุษ วันที่สี่พักผ่อน หนึ่งวัน วันที่ห้าก็เริ่มออกไปทำงานกันแล้ว
ตอนนั้นคนทำงานยังไม่ได้แยกย้าย คนส่วนใหญ่จึงอยากใช้ โอกาสนี้ทำนาในที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองให้เสร็จก่อน
กุ้ยหลานเป็นสะใภ้ใหม่จะไม่ไปทำงานก็ไม่ได้……..
ไถไร่ไถนางานหนักแบบนี้ก็ปล่อยให้พวกผู้ชายเป็นตัวเองไป เหตุผลที่หลี่ชวนยังให้ลูกชายคนรองด้าหลินอยู่บ้านก็เพราะเขา แรงเยอะนั้นเองลูกชายคนที่สามหลินยังเรียนหนังสืออยู่ช่วงฤดู ร้อนถึงจะจบ ส่วนลูกคนเล็กก็ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง อยู่บ้านก็ ต้องคอยเลี้ยงดูเอาแต่กินเหมือนสัตว์เลี้ยง
เผาไฟทำกับข้าวเป็นหน้าที่ของแม่ย่า ส่วนงานหว่านเมล็ดใส่ ปุ๋ยงานเบาๆแบบนี้ก็ตกเป็นหน้าที่ของกุ้ยหลาน
ช่วงนี้กุ้ยหลานค่อนข้างคิดมาก เธออยากหย่าร้างกับหลินแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดกับพ่อของเขายังไงดี
อีกอย่างจินกุ้ยจะพาเธอไปได้จริงๆเหรอ? คู่หมั้นของเขาเซี ยงหล่าวก็คงจะชอบจินกุ้ยแล้วเหมือนกัน
เซียงหย่าวมีหน้าตาที่สะสวยมาก ไม่น้อยไปกว่ากุ้ยหลานเลย แต่รูปร่างดีกว่า ถ้าไปยืนอยู่ตรงนั้นก็ไม่ต่างกับต้นไม้ที่สูงยาว เรียวสง่า ท่าทางก็อ่อนโยน เป็นสาวงามอันดับต้นๆของหมู่บ้าน เฮยสีเลยก็ว่าได้
เซียงหล่าวเป็นคู่ครองของจินกุ้ยที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เด็ก กุ้ย หลานได้ยินมาว่าหลังจากตรุษจีนรอให้จินยอายุครบสิบปีเขาก็ ต้องร่วมห้องกับเซียงหล่าวแล้ว อีกทั้งพ่อของจีนกุ้ย เหอหล่าวก็ งก็เริ่มจัดเตรียมงานแต่งแล้ว
หญิงสาวที่เคยแต่งงานนั้นมันไม่สมบูรณ์แบบ ต่อให้จะยังไม่ เคยเข้าเรือนหอกับผู้ชายก็ตาม แต่มันก็คือดอกไม้ที่มีตำหนิ ส่วน เซียงหย่าวนั้นเธอเป็นดอกไม้ที่แสนจะบริสุทธิ์
ถ้าเกิดจินกุ้ยไม่เลือกเธอขึ้นมาจะทำยังไง?อีกอย่างเซียงหย่าว ยังเป็นพี่สาวแท้ๆของหลิน เธอจะไปแย่งผู้ชายของพี่สาวไม่ได้
หลายวันที่ห่างกับจินกุ้ยนั้น กุ้ยหลานได้แต่คิดแล้วคิดอีก เธอ รู้สึกว่าควรฝืนใจตัวเองสนับสนุนจินกุ้ยกับเซียงชาว
เธอไม่รู้จะเอายังไงดี เธอกลัวเธอจะทำร้ายจินกุ้ยทำร้ายเซี ยงหข่าวและทำร้ายหลิน พอเวลานั้นมาถึงแม้แต่ที่จะนั่งร้องไห้ ก็คงไม่มี
ดังนั้นกุ้ยหลานจึงได้ตั้งใจทำงานอย่างขันแข็ง เพื่อให้ความ เหนื่อยล้าเหล่านี้มาทำให้เธอลืมเรื่องน่าปวดหัวพวกนี้ไปได้ ปัญหาก็คงต้องค่อยๆแก้ไขกันไป
ตอนทํางานมีตาอยู่ข้างมันไม่เคยละสายตาไปจากเธอเลย ตาคู่แรกเป็นของหลี่ซวนผู้เป็นพ่อของซูหลิน ส่วนคู่ที่สองคือขอ งด้าหลินน้องคนรองของซูหลินนั่นเอง
หลี่ชวนกับหลี่ด้าหลินสองพ่อลูกทำตัวเหมือนเทียบไอ้นั่นกัน ทําตัวเหมือนนกเขา ทั้งต่างก็ชอบกุ้ยหลาน
หลี่ชวนมองดูเรือนร่างของลูกสะใภ้ จนน้ำลายไหลยาวสอง
กิโล
เขาแหกปากตะโกน ก้าวเท้าด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย ซอยเท้า ลงพื้นอย่างหนักแน่…………………..ต้อนจนสัตว์ทำงานตาม ไม่ทันแล้ว
ลูกชายของเขาด้าหลินยิ่งไปกันใหญ่ จงใจถอดเสื้อบนออก เผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อที่เป็นมัดๆ เดินมาโชว์ตัวตรงหน้าพี่สะใภ้ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วยังมางอขาเบ่งกล้ามแขน จนมองเห็นกล้ามเนื้อ ก้อนโตสองก้อน เหมือนกับนักเพาะกายไม่มีผิด
พอเห็นว่ากุ้ยหลานไม่สนใจเขา เขาเลยไปเดินตามหลังกุ้ย หลานต้อยๆ
เอาพลั่วกลบดินไปแล้วก็แซวไปด้วย “อาซ้อ พี่ชายไม่อยู่กลาง คืนพี่คงอัดอั้นน่าดูเลยใช่ไหม?”
สำหรับบรรดาสะใภ้แล้ว การพูดคุยแบบนี้ถือเป็นเรื่อง ธรรมดา หรือจะให้พูดก็คือ ในหมู่บ้านชาวนา น้าสะใภ้กับหลาน ชาย พี่สะใภ้กับน้องตัว จะมาพูดจาจีบกันนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก อะไร เช่นเรามาคบกันเถอะไปนอนด้วยกัน ต่างก็เป็นคำพูด ติดปากอยู่แล้ว มันแสดงถึงความใกล้ชิด ดังนั้นเมื่อถ้าหลินอยู่ ต่อหน้ากุ้ยหลานเขาจึงไม่ค่อยมีความเกรงใจสักเท่าไหร่
กุ้ยหลานเป็นสะใภ้ใหม่ หน้ายังบางอยู่ อะไรนิดหน่อยก็หน้า แดงแล้ว แดงเหมือนกับแอปเปิ้ลบนภูเขา ทนไม่ไหวแล้วด่าไป” ไปไกลๆเลย!”
ด้าหลินเห็นว่ากุ้ยหลานไม่ต่อต้าน จึงต่ออย่างผู้ชนะ “อาซ้อน พี่ชายไม่อยู่ ถ้าซื้อรู้สึกว่าที่นอนมันอุ่นไม่พอ ตอนกลางคืน ให้ผม ไปช่วยเพิ่มความอบอุ่นขึ้นเอาไหม?”
กุ้ยหลานทนไม่ไหวแล้ว ยกเท้าขึ้นมาเตะเขาไปที่หนึ่งไสหัว ไปหุบปากเน่าๆของแกซะ!”
หลีด้าหลินหัวเราะชอบใจ กระโดดหลบออกไปไกล ไม่มีซะ หรอก ถ้าซื้อจะให้เหมือนกับพี่ชาย เตะทีเดียวให้ผมหักเนี่ย ถ้า เป็นอย่างนั้นผมก็คงมีทายาทไม่ได้แล้วสิ
กุ้ยหลานรู้ดีว่าถ้าหลินกำลังแกล้งเธออยู่ เธอรู้สึกไม่เป็นธรรม จึงตะโกนฟ้องหลี่ซวนจู่ไปด้วยใบหน้าที่แดง”พ่อคะ ด้าหลิน เขารังแกหนูค่ะ!!
หลี่ชวนจูถลึงตาใส่ลูกชาย “ทำตัวให้มันดีๆหน่อยไอ้ลูกไม่เอา ไหน!”เขาถ่มน้ำลายไปทิศทางเดียวกับมือ แล้วมองค้อนหนักๆให้ลูกชายไปอีกทีหนึ่ง จากนั้นก็หันไปต้อนสัตว์เลี้ยงต่อ
ชายหญิงร่วมมือกันทำงานก็ไม่เหนื่อย เพราะมีกุ้ยหลานอยู่ ด้วย สองพ่อลูกจึงทำงานอย่างขยันขันแข็ง เหมือนแรงเหลือไม่รู้ จักหมดจักสิ้น
พอถึงตอนเที่ยง แม่ของซูหลินเอาอาหารกลางวันมาส่ง เธอ ถือขวดโหลมาด้วยใบหนึ่ง ตะโกนเรียกสามพ่อลูก ให้กินมาแต่ ไกล
หลี่ชวนกับหลี่ด้าหลินพอรู้ว่ามีของกินก็เหมือนกับวิ่งกระดิก หางต้อยๆมาทางนี้ทันที
สาลี่อวบจัดเตรียมถ้วยชามให้เรียบร้อย แล้วหยิบเอาทาร์ต แป้งออกมายื่นให้ลูกสะใภ้ด้วยมือตนเอง”เหนื่อยไหมสาว น้อย?”
กุ้ยหลานสายหัว”ไม่ค่ะ
“กินข้าว กินข้าว ที่บ้านฐานะไม่ค่อยดี แต่ก็ฝืนกินหน่อยนะ
มันก็ไม่ใช่กับข้าวที่ดีอะไร มีแค่มันเทศ ทาร์ตแป้ง ผักดอง ซุป ข้าวฟ่าง
แม่ของกุ้ยหลานฝีมือใช้ได้ แถมยังเอาแป้งข้าวโพดที่ทำเป็น แพนเค้กแปะไว้ตรงขอบหม้อ ย่างจนมันเหลืองหอมมากแถม อร่อยมากด้วย
สองพ่อลูกกินกันมูมมามจนเสียภาพพจน์ ชุดข้าวซดน้ำเสียง ดังมาก เหมือนอดอยากมาจากไหนไม่รู้ อดใจไม่ไหวยกน้ำซุปขึ้นมาเทลงท้องไป
มันทำให้กุ้ยหลานนึกถึงลาสองตัวที่อยู่ในกองการผลิต ตอนที่ พวกมันกินน้ำก็จะส่งเสียงแบบนี้ออกมา
กุ้ยหลานพูดขึ้น “แม่คะ ยุ่งมาครึ่งวันแล้วแม่ก็คงจะเหนื่อย แล้วเหมือนกัน แม่ก็กินหน่อยเถอะค่ะ”
แม่ของซูหลินตอบไปกินเลยกินเลย แม่กินมาจากบ้านแล้ว แม่ของซูหลินกำลังพูดโกหก ความจริงเธอยังไม่ได้กินอะไร เลย
ผู้หญิงชาวนาก็มักจะเป็นแบบนี้ พอมีอะไรน่ากินก็จะนึกถึงสามี กับลูกๆก่อน รอพวกเขากินเสร็จ ข้าวเหลือเท่าไหร่ก็กินเท่านั้น ถ้าไม่เหลือก็รอกินมื้อต่อไป บางทอดไปหลายวันเลยก็มี
หญิงสาวชาวนานั้นยิ่งใหญ่มาก ความยิ่งใหญ่ที่ถูกชีวิตบีบ บังคับ แต่พวกเธอก็อดทนกับมันด้วยความเต็มใจ แค่เห็นสามี และลูกๆร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์พวกเธอก็สุขใจแล้ว
แม่ของซูหลินพอส่งข้าวเสร็จเธอก็กลับไปเลย หลี่ซวนใช้
จังหวะที่ลูกชายเผลอ แอบยัดแพนเค้กครึ่งแผ่นเข้าไปไว้ในมือขอ งกุ้ยหลาน กุ้ยหลานหน้าแดงรับไว้ด้วยความเกรงใจ พอเธอกินเสร็จ หลี่ซวนจูเช็ดปากแล้วถามไปว่า”กุ้ยหลานอิ่ม
หรือยัง? ถ้ายังไม่อิ่มก็เอา………
ใบหน้าของกุ้ยหลานแดงเหมือนผ้าดิบ”พ่อคะ หนูอิ่มแล้วค่ะ แน่นท้องจะตายอยู่แล้ว แล้วพ่อหล่ะอิ่มหรือยัง?”
หลี่ชวนถอนหายใจยาว”พ่อมันแตกต่างจากเธอ เธอมี สถานะที่พิเศษกว่า พ่อโตมาจากช่วงปฏิรูป ตอนนั้นพ่อกินเปลือก ไม้ต้นหญ้าเป็นอาหารก็ยังอยู่รอดมาแล้ว มาตอนนี้ถึงแม้ฐานะ จะไม่ดี แต่ข้าวปลาก็มีมากพอ สาวน้อย แต่งงานกับหลินคง ทำให้ลูกลำบากมากสินะ
กุ้ยหลานรู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจ กลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วตอบไป ไม่เลย ไม่นํามากเลย..
กุ้ยหลานตกเข้าไปอยู่ในห้วงความคิดอีกครั้ง
ยิ่งสาลี่อวบกับหลี่ชวนทำดีกับเธอเท่าไหร่ เธอยิ่งไม่กล้าที่จะ เปิดปากเรื่องที่จะหย่าร้างกับหลินมากเท่านั้น
ถึงแม้หลี่ชวนกับแม่ของซูหลินจะไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่ายๆ
ร่วมหลับนอนกับคนมากมายในหมู่บ้าน แต่เสือร้ายมันไม่กินลูก
ตัวเอง
หลี่ชวนจู้นั้นชอบลูกสะใภ้มาก บางครั้งเขายังเคยเกลียดตัว เองที่เกิดเร็วไปยี่สิบปี พลาดโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในรุ่นเดียว กับกุ้ยหลาน
ส่วนเรื่องที่ไร้จรรยาบรรณแบบนั้น หลี่ซวนก็ไม่มีทางทำได้ลง หรอก
กินดื่มจนอิ่มก็เริ่มทำงานต่อ เสียงวัวเสียงลาร้อง เสียงรองเท้า กระทบพื้น เสียงคนต้องต้อนสัตว์เลี้ยงแล้วยังมีเสียงหมาเห่าที่ดังมาแต่ไกล หลอมรวมจนกลายเป็นท่วงทำนองอันไพเราะ
บนภูเขาปรากฏดินเหนียวสีดำทมิฬก้อนมหึมา และดินเหนียว ก้อนใหญ่ที่คอยบดบังตลอดช่วงฤดูหนาวมานี้ในที่สุดก็ถูกแดด ส่องจนได้ ไอแห่งความอบอุ่นปรากฏขึ้น
อาทิตย์ตกดินแล้ว ท้องฟ้าเริ่มถูกปกคลุมด้วยม่านของยาม ค่ำคืน กุ้ยหลานกลับถึงบ้านพร้อมชวนสองพ่อลูก
กลางดึก เธอนอนอยู่บนที่นอน ทำยังไงก็นอนไม่หลับ ไม่รู้เป็น เพราะอะไรอยู่ดีๆก็เกิดมีความต้องการรู้สึกคันเนื้อคันตัว รู้สึก ทรมาน ในที่ตรงนั้นก็
ท่ามกลางความสับสน เธอก็เห็นเหอจินกุ้ยเดินเข้ามา จินกุ้ย ยังคงดูสง่าผ่าเผย……….
กุ้ยหลานตกใจตื่น แล้วพบว่าร่างกายยังปกติดีอยู่
กุ้ยหลานหัวใจเต้นรัว ไอ้หย่า ! นี่ฉันเป็นอะไรเนี่ย?
ใบหน้าของเธอแดง ใจเต้นไม่หยุด แถมยังกลัวอีกนิด หน่อย
ทำไมเธอจึงรู้สึกว่าต้องการมาก ทั้งที่ตอนทำกับจินกุ้ยครั้งนั้น มันรู้สึกเจ็บมาก แต่เป็นความเจ็บที่มาพร้อมกับความสุข หรือว่า ชายหญิงกับเรื่องอย่างนี้มันจะเป็นเรื่องที่ขาดกันไม่ได้?
ตอนนี้เธอคิดถึงเหอจินกุ้ยมาก อยากให้เขาปรากฏอยู่ตรง หน้าตอนนี้เลย แล้วจะรีบเข้าไปซบทือกเขา
แต่เธอรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เหอจินกุ้ยเขาเข้าไปอยู่ใน เขาเฮยสีแล้ว ร้อนใจไปก็เท่านั้น ที่อยู่ไกลไม่สามารถช่วยแก้ กระหายได้………
กางเกงเปียกแล้ว กุ้ยหลานอายจนไม่กล้าไปพบหน้าใครแล้ว ต่อมาเธอก็คิดว่า รีบลุกขึ้นมาซักกางเกงดีกว่า ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ จะเอาอะไรใส่ เมื่อข้างบนมันเหนียวๆ
กุ้ยหลานรีบเปิดประตูออก ลุกไปต้มน้ำโดยเร็ว ตอนนี้พ่อผัว แม่ผัวหลับเป็นตายเหมือนหมู ห้องน้องผัวก็เงียบไปแล้ว มีเพียง เสียงกรนดังมาเป็นช่วงๆ
เธอเทน้ำร้อนลงไปในถังไม้ ไม่กล้าจุดไฟ แล้วกระโดดลงไป ในถัง……..
ความรู้สึกตอนอยู่ในน้ำร้อนมันช่างสบายเหลือเกิน เหมือนกับ
มือของจีนกำลัง……….
เธอค่อยๆ โยกย้ายไปในน้ำ สองมือไหลผ่านลำคอ ถูลงไปใน
ไหปลาร้า……
ถ้าเกิดว่าจินกุ้ยออกมาตอนนี้มันจะดีขนาดไหนกัน ต่อให้ทำ เธอจนตายเธอก็ยอม
ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว จนน้ำในถังเริ่มเย็นเธอถึง จะได้สติกลับมา รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอกหัก นี่ฉันเป็นอะไรไป เนี่ย?”
เธอรีบลุกขึ้นจากถังน้ำ ใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวจนแห้งแล้วรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย
กุ้ยหลานซักเสื้อผ้าชุดนั้น ในถังน้ำจนสะอาด ตากมันไว้ข้าง เตาไฟ จากนั้นจึงจะกลับเข้าไปนอน
แต่เธอหารู้ไม่ว่า ในตอนที่เธอกำลังอาบน้ำอยู่นั้น ได้มีตาคู่ หนึ่งจับจองเธออย่างไม่ละสายตา
คนที่อยู่ข้างนอกนั้นน้ำลายไหลยาวจนจะไหลถึงที่ขาแล้ว สายตาเป็นประกายเหมือนตาของหมาป่า สองมือจับอยู่บนขอบ หน้าต่าง จนหน้าต่างทั้งบานเกือบถูกเขากระชากจนฟังแล้ว
คนคนนั้นก็คือหลีผ้าหลิน
ช่วงนี้หต้าหลินนั้นนอนไม่ค่อยหลับ มีพี่สะใภ้ที่แสนสวยนอน อยู่ห้องตรงข้ามตามลำพัง พี่ชายก็ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าอาซ้อจะเหงาจน เปล่าเปลี่ยวหรือไม่?เขาควรจะเข้าไปปลอบเธอดีหรือเปล่านะ?
เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มกว่าแผลที่หัวเขาจึงหายสนิท พอแผล
หายก็ลืมเจ็บ แล้วเขาก็เริ่มมีความคิดชั่วๆอีกครั้ง
แอบตื่นขึ้นมากลางดึก อยากจะรู้ว่าพี่สะใภ้จะหลับหรือยัง ต้องการให้ใครแบ่งความอบอุ่นให้หรือเปล่า?
เขาเอาใบหูแนบกับหน้าต่าง ตั้งใจฟังเสียง ได้ยินเหมือนเสียง น้ำกระทบพื้น เขาก็รู้ขึ้นมาในทันทีว่าพี่สะใภ้กำลังอาบน้ำอยู่ เขา ยังได้ยินพี่สะใภ้เรียกชื่อของเหอจินกุ้ยครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นเสียง ที่เบามากเหมือนคนกำลังละเมอ
ด้าหลินเข้าใจขึ้นมาทันที อ๋อ….ที่แท้ผู้หญิงคนนี้มีชายอื่น ยังลืมเหอจินกุ้ยไม่ได้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ