ตอนที่ 19 เซียวหลัง
ตอนที่ 19 เซียวหลัง
ผ่านไปไม่นาน ฉินเฟิงที่หนีไป กลับมาที่เกิดเหตุอีกครั้ง
“เล่นใหญ่ขนาดนี้ หรือจะเป็นฝีมือของหยางเฟิง ” ฉิน เฟิงคิดใคร่ครวญ พบว่าหยางเฟิงมีความน่าสงสัยมาก ที่สุด เพราะนอกเหนือจากนี้แล้วเขาก็คิดความเป็นไปได้ อื่นไม่ออกอีกแล้ว หรือว่าเป้าหมายของนักฆ่าจะเป็น เก้า ถนน ไม่น่าจะเป็นไปได้
ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือ หาตัวคนร้ายให้ได้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ยอมเสียเวลาให้หลินซีจับเขาได้ กลับมาที่นี่ อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ขุดเอาลูก กระสุนที่บิดเบี้ยวนั้นขึ้นมา ก่อนหน้านั้นเขาได้ไปตรงจุด ที่คนร้ายลั่นไกมาแล้ว แต่ว่าที่เกิดเหตุถูกจัดการอย่าง สะอาดเรียบร้อยไปแล้ว ไม่เหลือร่องรอยเบาะแสใดๆให้ เขาตามสืบได้เลย
หัวกระสุนนี้ จึงเป็นเบาะแสเดียวที่จะตามหาคนร้าย ได้ และยังต้องการอุปกรณ์เฉพาะทาง เจ้าหน้าที่เทคนิค พิเศษรวมทั้งเจ้าหน้าที่ข่าวกรองด้วย หากเป็นเมื่อก่อน เรื่องราวพวกนี้ไม่ทำให้ฉินเฟิงปวดหัวได้แน่นอน แค่เขา พูดเพียงประโยคเดียว ก็มีคนช่วยเขาจัดการแล้ว แต่ตอนนี้เขาทําได้แค่คิดหาวิธีอื่นเท่านั้น
จะให้ฟางหยูนช่วยเหลือก็ได้ แต่ทางฟางหยูนนั้นคงจะ ไม่สามารถหาข้อมูลของคนร้ายได้
“ใช่แล้ว เซียวหลิงเหมือนจะอยู่ที่ซีจึง” ใช้คนเดียวก็ สามารถทําได้ไม่ต้องหาคนอื่นเพิ่ม ฉินเฟิงหาคนที่มีความ สามารถครบทั้งสามเงื่อนไขได้อย่างรวดเร็ว แต่เขากลับ ล้งเลขึ้นมาอีก ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟางหลิง จะดูสลับซับซ้อน แต่ว่าเมื่อนึกถึงฟางหยูนและป่ายฉิน ฉินเฟิงก็ตัดสินใจที่จะลองดูสักครั้ง ถ้าไม่ได้จริงๆค่อยไป หาฟางหยูนก็ยังไม่สาย
ฉินเฟิงไม่มีช่องทางในการติดต่อกับเซียวหลิง แต่มีวิธี แก้ปัญหาที่ง่ายมาก ควักโทรศัพท์มือถือออกมา พิมพ์ ข้อความที่ประกอบด้วยตัวเลข24ตัวแล้วส่งออกไปที่ หมายเลขหนึ่ง สิบวินาทีต่อมาก็มีเบอร์โทรศัพท์ส่งมา ข้อความมา ผ่านไปอีกสิบวินาที ข้อความที่อยู่ในเบอร์ โทรศัพท์เบอร์นี้ รวมทั้งรหัสลับที่ฉินเฟิงกดส่งออกไปก็ หายไปหมด
แน่นอนว่าฉินเฟิงนั้นจำเบอร์โทรศัพท์ได้ขึ้นใจ กดโทร ออกไป เสียงโทรศัพท์ดังเป็นครั้งที่เจ็ดก็ถูกตัดสายไป ซ้ำ ไปซ้ำมาแบบนี้สามครั้ง
ก็มีข้อความใหม่เข้ามาอีก ในนั้นมีเบอร์ใหม่อีกเบอร์
เบอร์โทรศัพท์นี้เมื่อโทรออกไป ไม่นานก็มีคนรับสาย “ฮัลโหล..”
ไม่ผิดแล้ว เสียงนี้แหละ แม้จะไม่ได้พบกันหลายปี แต่ ฉินเฟิงก็ยังฟังออกว่าเสียงที่รับสายนั้นคือเสียงของเชียว หลัง
“อะแฮ่มๆ ผมคือจิ้งจอกเงิน…
“ตุ๊ดๆๆๆ ” เสียงโทรศัพท์ถูกตัดไป ไม่นานก็ดังขึ้นมาอีก จิ้งจอกเงินตายแล้วไม่ใช่เหรอ ตกลงคุณเป็นใครกันแน่”
นับตั้งแต่ที่ฉินเฟิงเกษียณอายุราชการออกมาวันนั้น แน่นอนว่าจิ้งจอกเงินได้ตายไปแล้ว
“จิ้งจอกมีเก้าหาง จิ้งจอกเงินเป็นลำดับที่เจ็ด” ประโยคนี้ ดูเหมือนจะติดตรึงอยู่ในความทรงจำของชีวิตฉินเฟิง พูด ออกมาโดนไม่ต้องคิดอะไร
“คุณอยู่ที่ไหน” เซียวหลิงน้ำเสียงเปลี่ยนเป็นสูงขึ้นมา ฟังออกว่ามีความตื่นเต้นภายในใจ ยังไม่ทันที่ฉินเฟิงจะ ตอบ หล่อนก็ถามขึ้นมาอีกว่า “คุณอยู่ที่เดิม ห้ามไปไหน ไม่นานฉันก็ถึง” พูดจบก็จบการสนทนา
สิบนาทีหลังจากนั้นก็มีรถออฟโรดที่ผ่านการดัดแปลง คันหนึ่งมาจอดที่ข้างๆฉินเฟิง “ขึ้นรถ” ฉินเฟิงเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งข้างคนขับ รถขับออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ นานก็เข้ามาสู่ถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถรามากมาย
เขียวหลังอยู่ในชุดฝึกลายพรางทหาร ผมตัดสั้นมาก บวกกับใบหน้ารูปไข่เล็กเท่าฝ่ามือ เหมือนกับตุ๊กตาดิน เผา นี่คือสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของฉินเฟิง
“ตัดผมสั้นตั้งแต่เมื่อไหร่” ฉินเฟิงอดไม่ได้ถามออกมา
อย่าพูดมาก บอกมา หาฉันมีเรื่องอะไร” จมูกเรียวของ เซียวหลังย่น ไม่ไว้หน้าฉินเฟิงแต่อย่างใด หล่อนสามารถ มาพบเขาได้ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่แล้ว
ฉินเฟิงเองก็ไม่พูดมาก หยิบลูกกระสุนที่ห่อด้วยกระดาษ ออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้หล่อนดู
หลังจากเซียวหลิงรับมาแล้ว ก็ขมวดคิ้ว “นี่มันลูกกระสุน ของปืนไรเฟิลซุ่มยิง คุณปะทะกับนักฆ่ามืออาชีพเหรอ”
“ช่วยผมสืบหน่อยว่าคนๆนี้เป็นใคร ผมจะเอาหัวกระสุน ไปคืนเขา” ฉินเฟิงหัวเราะออกมา แววตามีแสงเป็น ประกาย
“ได้ ให้เป็นหน้าที่ฉันเอง” เซียวหลิงสีหน้าเคร่งเครียดคนนี้กล้าลงมือกับฉินเฟิง คงจะไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เซียวหลิงขับรถเข้ามาที่ลานฝึกใน ค่ายทหาร ที่หน้าประตูมีทหารอาวุธครบมือเฝ้าอยู่ มอง เห็นรถออฟโรดเข้าก็ทําความเคารพ
“เป็นไงบ้าง รู้สึกคิดถึงบ้างมั้ย” เซียวหลิงชำเลืองมองไป ทีฉินเฟิง
ฉินเฟิงสองมือกุมศีรษะ มองไปด้านบนหลังคารถ พูดว่า “ผ่านไปอีกสักสี่ห้าสิบปี ผมอาจจะคิดถึง แต่ว่าตอนนี้ไม่มี เลยแม้แต่น้อย”
“ปากไม่ตรงกับใจ” เซียวหลิงไม่พอใจ
“ตอนนี้คุณไม่ใช่ โก๋เป่า หรือทำไมถึงมาฝึกที่นี่ล่ะ” ฉิน เฟิงมีความสงสัย เซียวหลิงเป็นโก๋เป่า แต่หล่อนกลับมา ปรากฏตัวที่ ทั้งสองหน่วยงานนี้ต่างกันโดนสิ้นเชิง
“อย่าพูดถึงมันเลย ภารกิจครั้งก่อนเกิดผิดพลาดเบื้อง บนมีคำสั่งให้มาพิจารณาตัวเองเงียบๆ” เซียวหลิงถอน หายใจ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทำให้หล่อนโมโห หลังจาก นั้นก็มองไปที่ฉินเฟิง “คุณดีกว่า มีชีวิตที่ไร้ความทุกข์ กังวล”
ฉินเฟิงส่ายหน้า “ไร้ทุกข์กังวลบ้าอะไรล่ะ มีเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน วันนี้ก็เกือบได้กินลูกกระสุนแล้วเนี่ย” ไม่พูดถึง ก็ยังดี พอพูดแล้วก็น่าโมโห แม้แต่ตัวฉินเฟิงเองก็ยังไม่ เข้าใจ
ว่าทำไมถึงต้องเจอแต่เรื่องแย่ๆแบบนี้ พอเจอแล้วไม่
สนใจก็ไม่เหมาะ ช่างน่าปวดหัวจริงๆ “มันเป็นตัวตนของคุณไม่ว่าไปที่ไหนก็เหมือนกัน” เซียว
หลิวไม่เพียงไม่เห็นใจฉินเฟิง แต่ยังดูพอใจมากอีกด้วย
“พอแล้ว ผมไปรอคุณบนรถ เสร็จแล้วเรียกผม” ฉิงเฟิง ไม่คิดจะลงจากรถ เพราะเขาถือเป็นคนนอก มาปรากฏ ตัวในค่ายทหารดูจะไม่ค่อยเหมาะ และการฝึกแบบนี้ แม้แต่เซียวหลิงเองยังทนดูไม่ได้ เขายิ่งไม่ต้องพูดถึง
หลังจากที่เซียวหลิงเดินจากไป ฉินเฟิงหลับตาทั้งสอง ข้างนอนเอาแรง เตรียมอยู่ในท่าที่สบายที่สุด เพื่อรอรับ สงครามที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“ก๊อกๆๆๆ”
กระจกของรถออฟโรดถูกเคาะจากด้านนอก ฉินเฟิงจึง ลดหน้าต่างมองดู เป็นผู้ชายใส่ชุดฝึกลายทาง น่าจะเป็น โก๋เป่าเช่นกัน
“คุณเป็นใคร” จางหยางตะโกนถามเสียงดัง
ฉินเฟิงยิ้มอ่อน แล้วปิดหน้าต่างตามเดิม ฉันเป็นใคร เกี่ยวอะไรกับนาย จะทําอะไรก็ไปทําสิ ไม่ต้องมาถาม นี่ น่าจะเป็นที่คอยมาตามตอแยเซียวหลิง นึกถึงตอนแรก หากเขาไม่เข้ามาช่วยเชียวหลิงแก้ปัญหาเรื่องนี้ ก็คงไม่ เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแบบนี้หรอก
จางหยางตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าฉินเฟิงจะไม่เห็นหัวเขา แบบนี้ หน้าตาบึ้งตึง หากไม่คำนึงว่าเป็นรถของเซียวหลิว แล้วยังผ่านการดัดแปลงมาด้วยแล้ว ไม่แน่ว่าเขาอาจจะ ทุบกระจกรถแล้วลากฉินเฟิงออกมาคิดบัญชีแล้ว
“จางหยาง มีเรื่องอะไรเหรอ” ชายสองคนที่สวมชุดฝึก ลายพราง เห็นสีหน้าของจางหยางไม่ค่อยดีนักจึงเดินเข้า มาถาม
จางหยางนั้นแอบปลื้มเซียวหลิงมานาน เป็นเรื่องที่คนใน โก๋เป่าของเมืองซีจิงต่างรู้ดี เมื่อเห็นฉินเฟิงที่อยู่ในรถ ทั้ง สองคนนั้นจึงเข้าใจอย่างรวดเร็ว ว่าทำไมจางหยางต้อง โกรธขนาดนั้น
“คนนั้นใคร”หนึ่งในนั้นคนที่เตี้ยๆ ชื่อว่าหยวนหวาถาม
จางหยางคิดแล้วคิดอีก ก็ส่ายศีรษะ “เมื่อก่อนไม่เคย เห็น” เขาคุ้นเคยกับคนในโก๋เป่าดี ไม่อาจพูดได้ว่าเคยพบมาหมดทุกคนแล้ว แต่แปดสิบเปอร์เซ็นต์ก็ไม่มีปัญหา แต่หนึ่งในนั้นไร้เงาของฉินเฟิง
อีกคนที่ผอมๆชื่อว่าเหอเย่ พูดว่า “อาจจะเป็นคนนอก”
หยวนหวาหัวเราะ “ต่อให้เป็นคนนอกเข้ามาที่นี่ ไม่ เปลี่ยนชุดฝึกก็ถือว่าผิดกฎ ในทางกลับกัน เขากับจาง หยางเข้ามาใกล้ชิดกันยิ่งกว่าเดิม ยิ่งเห็นข้อแตกต่าง ชัดเจนขึ้น
“ช่างเถอะ คนกันเองทั้งนั้น เกิดเรื่องมันจะไม่ดี” เหอเย่ เกลี้ยกล่อมอยู่ข้างๆ
สําหรับเสียงเอะอะด้านนอกนั้น ไม่ใช่แค่ว่าฉินเฟิงไม่ ได้ยิน แต่เขาไม่คิดจะสนใจ นอนหลับอย่างสบายอก สบายใจ ปล่อยให้คนนอกรถออฟโรดนั้น ที่เพิ่มมากขึ้น เรื่อยๆเกือบยี่สิบคนมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ปล่อย ปละละเลยหน้าที่มาดูคนนอนหลับ นี่มันเรื่องอะไรกัน
ฉินเฟิงมองจางหยางออกว่าเขาไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น ถึงได้ไม่สนใจเขาแบบนี้ แต่สำหรับหยวนหว่าและเหอเย่ รวมถึงคนอื่นในโก๋เป่า ไม่ได้อยู่ในแผนของเขา
ในสถานการณ์ที่ประดักประเดิดแบบนี้ ยาวต่อเนื่องไปอีกครึ่งชั่วโมง
จนกระทั่งมีบางคนคิดอยากจะถอยไป ทันใดนั้นเสียง แหบพร่าก็ดังขึ้นด้านหลังพวกเขา”มาล้อมที่นี่ทำอะไร ไม่มีอะไรทํากันเหรอ
พวกทหารต่างแบ่งเป็นสองแถว แล้วพร้อมกันส่งเสียง ทักทายว่า “หัวหน้า”
ครั้งนี้ที่คนของโก๋เป่าเข้าร่วมฝึกในค่ายนี้ นำโดยหัวหน้า โก๋เป่า หวางหง เขาบังเอิญเดินผ่านมาพอดี เห็นว่ามีคน มารวมตัวกันอยู่ตรงนี้หลายคน จึงคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น รีบวิ่งมาดู แต่พอมองเห็น ก็ไม่เหมือนว่าจะเกิดอะไรได้
“จางหยาง พวกคุณมาทำอะไรที่นี่”
จางหยางที่ถูกเรียกชื่อ จึงจำเป็นต้องตอบคำถาม แต่ลูก ตาเขากลอกไปมา ทำใจแคบตอบไปว่า “รายงานหัวหน้า เราพบว่ามีคนกำลังแอบอู้ครับ ไม่เพียงไม่เข้าร่วมการฝึก แต่ยังไม่เปลี่ยนชุดฝึกด้วย
หวางหงโบกไม้โบกมือ พูดว่า “เซียวหลิวเป็นหน่วยข่าว กรองพิเศษ พวกคุณไม่ต้องยุ่ง ไม่มีอะไรก็แยกย้ายกันได้ แล้ว”
“ผมไม่ได้พูดถึงเซียวหลิง แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง หัวหน้าดู สิครับ…” จางหยางเพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมา เขาไม่ยอมให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆแน่ พยายามพาหัวหน้าไปที่หน้ารถออฟ โรด ชี้ไปที่ฉินเฟิงที่กำลังนอนอย่างสบาย
หวางหงชะงักไปเล็กน้อย ร้อง”ห้า”ออกมา คนๆนี้ตนเอง ไม่รู้จักนี่
ในโก๋เป่ามีคนที่เขาไม่รู้จักด้วยหรือ คำตอบคือ แน่นอน ว่าไม่มี ซึ่งหมายความว่าคนในรถไม่ใช่คนของโก๋เป่า เป็น คนที่เซียวหลิงลักลอบพาเข้ามา ถือว่าเป็นความผิดใหญ่ หลวง
ด้วยเหตุนี้ใบหน้าของหวางหงจึงดูแย่อย่างมาก
แต่จางหยางที่เป็นคนเห็นก่อนนั้น คิดว่าหวางหงโกรธฉิน เฟิงที่ไม่เคารพกฎกติกา ในใจจึงแอบสะใจขึ้นมาทันที
“พอแล้ว พวกนายไปฝึกก่อน อีกสักครู่ฉันจะเอาเขาลง มา หวางหงคิดตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่า จะเก็บเรื่องนี้ไว้ แล้วหาวิธีแก้ไข พอเห็นหวางหงโกรธแบบนี้ ทหารคนอื่นก็ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกรีบออกไปจากลานจอดรถ
“ก็อกๆๆๆ”
หวางหงเคาะไปที่กระจกรถออฟโรด แน่นอนว่าไม่มีปฏิ กิริยาใดๆ
ยังโชคดีที่ เซียวหลิงผ่านการทดสอบมาพอดี กำลังเดิน เข้ามาที่ลานจอดรถ เมื่อเห็นเซียวหลิง หวางหงก็รีบปราด เข้าไปทันที แล้วฝืนยิ้มออกมา “เซียวหลิง คุณกําลังหา เรื่องให้ผมแล้ว”
“มีอะไรเหรอคะ หัวหน้า” เซียวหลิงกระพริบตาปริบๆไม่ เข้าใจว่าหวางหงพูดอะไร
“คนบนรถนั่นเป็นเพื่อนเธอเหรอ คุณพาเขาเข้ามาใน ค่ายฝึก เป็นการทําผิดกฎ ถ้าไม่มีใครเห็นก็ไม่เป็นไร แต่ นี่มีคนเห็นเกือบยี่สิบคน เรื่องนี้ก็ไม่ใช่จะจัดการได้ง่ายๆ แล้ว”
หวางหงคิดจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แต่เขาก็แค่หัวหน้า กองคนหนึ่ง เบื้องบนยังมีหัวหน้าระดับสูง หากมีคนร้อง เรียน เขาเองก็คงจะเดือดร้อน
ด้วยเหตุนี้จึงต้องมาปรึกษากับเซียวหลิง ดูว่าจะทำ อย่างไรกันดี
“เขาทำอะไรเหรอคะ” เซียวหลิงท่าทางพูดไม่ออก แค่ชั่ว เวลาแป๊บเดียว ฉินเฟิงก็ก่อเรื่องแล้ว
“เฮ้อ….” หวางหงเกาศีรษะ ไม่รู้จะพูดอย่างไรเช่นกัน “เขาก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก แค่นอนอย่างนี้ตลอด” พูดไป หวางหงก็รู้สึกว่าฉินเฟิงเองก็น่าสงสารนอนอยู่เฉยๆแท้กลับโดนรุมล้อมอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ตอนนี้ยังจะต้องมารับ โทษอีก
เซียวหลงเปิดประตูแล้วลากฉินเฟิงลงมา
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ