ตอนที่ 16 คาดเดา
ตอนที่ 16 คาดเดา
“ไป!”
ฉินเฟิงโบกไม้โบกมือให้กับเด็กนักเรียนอายุ15-16ปีที่ อยู่บนพื้น แสดงความหมายว่าให้ไปซะ
เด็กนักเรียนคนนั้นไม่รู้ว่าเพราะถูกตีจนชินแล้วหรือ อย่างไร สองมือกุมศีรษะ สองขางอเข้ามาในอ้อมอก ท่าทางช่างได้มาตรฐาน ตอนที่ฉินเฟิงจัดการสวะพวกนั้น เด็กนักเรียนคนนั้นก็ลุกขึ้นมาจากพื้นแล้ว
มองเห็นพวกนักเลงที่ก่อนหน้านั้นเก่งกาจโหดร้าย นอน อยู่ที่พื้น ก็ทำหน้าตกใจ ตอนนั้นความกล้าหาญของเด็ก นักเรียนคนนั้นก็พลุ่งพล่านขึ้นมา เดินเข้าไปเตะอย่างบ้า คลั่งหลายที จากนั้นก็วิ่งหนีไป
“ไอ้เด็กคนนี้นี่…” ฉินเฟิงส่ายหน้าไม่หยุด เด็กนักเรียน คนนั้นกำลังได้ใจ รอให้พวกนักเลงนี่ได้สติขึ้นมาเมื่อไหร่ ถึงเวลาพวกมันต้องไปล้างแค้นแน่ แน่นอน ต้องรอดูว่า พวกมันจะหนีรอดเงื้อมมือของฉินเฟิงไปได้หรือไม่ก่อน
“ฉันถาม แกตอบ” หลินเฟิงพูด
นักเลงนั้นรู้ถึงพิษสงความร้ายกาจของหลินเฟิงแล้วจึง รีบพยักหน้า
“หูเกอ เป็นใครพูดมา” หลินเฟิงไม่อ้อมค้อม
“ต๊ะ “พอได้ยินหลินเฟิงพุ่งเป้าไปที่หู่เกอ เขาก็ร้องขึ้น อย่างตกใจ
“พลัวะ”
ครั้งนี้หลินเฟิงไม่ยั้งมือ นักเลงคนนั้นถูกกระแทกจนสลบ ไป “ถ้ามีครั้งหน้าอีก แกตายแน่” เสียงของหลินเฟิงเรียบ เฉยมาก เหมือนกำลังพูดเรื่องเล็กๆธรรมดา
ผู้ชายร่างผอมบางดูเจ็บปวดทรมานขึ้นมาทันที แต่ปาก ก็ยังคงพูดไม่หยุด พี่หูชื่อสูหู่ เป็นลูกพี่ใหญ่ของที่นี่ มีลูก น้องอยู่สักสี่ห้าสิบคน แหล่งกบดานพวกเขาอยู่ที่ผับแห่ง หนึ่ง
“กลับไปตัดผมที่มันยุ่งรุงรังออกซะบ้าง อายุยังน้อยทำ เรื่องที่มันดีๆบ้าง ไปซะ” หลินเฟิงโบกมือ
“ครับ ๆ ผมจะรีบกลับไปตัด”ผู้ชายซูบผอมคนนั้น ตาลีตาเหลือกลุกขึ้นจากพื้น วิ่งโซซัดโซเซออกจากซอย เล็กๆไป
“ผับหยูนวเหรอ”
หลินเฟิงหัวเราะหึๆ ชื่อนี้ฟังดูแล้วมีการคุกคามอยู่ใน ที ไม่รู้มีที่มาที่ไปอย่างไร หลังจากไปกินข้าวฟรีที่ร้านอา หารอีเว่ยจูหนึ่งมื้อแล้ว หลินเฟิงจึงไปผับหยูนวู่ด้วยความ แน่วแน่
ดูเหมือนไอ้นักเลงคนนั้นจะไม่ได้ไปรายงานคนที่นั่น เพ ราะผับหยูนวู่ยังคงดำเนินกิจการตามปกติ
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่ม ยังไม่ถึงเวลาที่คึกคักที่สุดของ ผับ แต่ก็มีคนจํานวนไม่น้อย
แต่นี่ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหลินเฟิงแม้แต่น้อย หลังจาก เข้าไปในผับแล้ว เขาก็ตรงดิ่งเข้าไปหาบอดี้การ์ดในชุด สูทร่างกำยำที่ยืนตรงแน่ว “หูเกออยู่ที่ไหน”
“แกเป็นใคร มาหาหูเกอท่าไม” บอดี้การ์ดคนนั้นมอง หลินเฟิงตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิจารณาแล้วถามเขา
“พลัก”
หลินเฟิงพลิกมือก่าหมัดชกออกไป แล้วตะคอกถามเขา ว่า “นี่คือสิ่งที่แกควรจะถามมั้ย”
“ที่…ที่ห้อง301” บอดี้การ์ดคนนั้นพูดพลางเอามือกุม ใบหน้า ตอนนี้แม้แต่หน้าที่ของตนเองก็คงลืมไปแล้ว พูด ออกมาอย่างรวดเร็ว
“หึ” ฉินเฟิงหึ่มในลำคอ เหวี่ยงบอดี้การ์ดไปไว้ข้างๆ แล้ว เดินตรงไปที่บันได
“ซานเกอ มีคนมาหาหูเกอ” รอจนหลินเฟิงเดินไปไกล
แล้ว บอดี้การ์ดคนนั้นก็ไปรายงาน
ปล่อยไปเถอะ ไปทำงานของตัวเองไป” ซานเกอคนนั้น ไม่ได้ใส่ใจ ที่นี่เป็นที่กบดานของหูเกอ วันไหนที่จะไม่มี เพื่อนของหูเกอมาเที่ยวบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว
หลินเฟิงเดินไปอย่างราบรื่นตลอดทาง ไปจนถึงชั้นสาม
และพบห้อง301
ด้านหน้าห้องนั้น มีชายร่างสูงใหญ่กำยำยืนอยู่สองคน
“ที่นี่ไม่ได้เปิดให้คนข้างนอกเข้ามา เชิญออกไปได้” หนึ่ง ในสองคนนั้นที่มีทรงผมสกินเฮดมองหลินเฟิง แล้วยื่นมือ ออกมาขวางเขาไว้
“พลั่ก” หลินเฟิงแทบไม่ต้องคิด ก็ปล่อยหมัดออกไปที่ หน้าของคนที่ตัดทรงสกินเฮด
“คุณ…”คนหัวล้านอีกคนทำท่าจะเข้ามา แต่ก็กล้าๆ
กลัวๆ
“น้องหูนี่ปกติสอนพวกแกยังไงกัน ไม่มีมารยาทเอาเสีย เลย” หลินเฟิงสะบัดมือโบกไปมาเหมือนปัดแมลงวัน “ฉัน มีธุระกับน้องหู พวกแกเฝ้าอยู่ข้างนอก อย่าให้ใครมารบก วน”
คนหัวล้านคนนั้น เดิมก็ขลาดกลัวอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเขา เรียกน้องหู ยิ่งทำให้เขาคิดว่าเจอคนใหญ่คนโตจริงๆ ก็ คำนับพร้อมเปิดประตูให้อย่างดี
“ปัง” หลินเฟิงเดินเข้าไป เสียงปิดประตูอย่างแรง
“อื้อ”ผู้ชายทรงผมสกินเฮดลุกขึ้นจากพื้น มองไปทาง ประตูห้อง ถามด้วยเสียงต่ำเบาๆ “ไอ้นั่นมันเป็นใคร ท่าทางอย่างกับใหญ่โตมาจากไหน”
ผู้ชายหัวโล้นนั้นก็ไม่รู้แน่ชัด แต่ก็ไม่เป็นปัญหาที่จะ แกล้งแนะนำอย่างผู้รู้จริงว่า “อะไรที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม ไม่เช่นนั้นจะตายยังไงก็อาจจะไม่รู้” หลินเฟิงปิดประตู พร้อมกับล็อคประตู
“อย่า พี่หู่ อย่า….” ภาพตรงหน้า ทำให้หลินเฟิงสงสัยว่า ตัวเองเข้ามาผิดเวลาหรือเปล่า แต่เขาก็สามารถแยกแยะ ได้ว่า หญิงสาวที่ถูกกดอยู่บนโซฟานั้น มีเสียงสะอึกสะอื้น เห็นชัดว่าไม่ได้เต็มใจ
โชคยังดีที่เพิ่งจะเริ่ม แต่ว่ากระโปรงก็ถูกฉีกขาดไป หลายรูแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงว่ามีคนเข้ามา สหูไม่หันศีรษะกลับไปมอง ตะโกนเสียงดังว่า”ออกไป ใครใช้ให้แกเข้ามา”
“ช่วยด้วย…” หญิงสาวยิ่งดิ้นรนขัดขืนหนักขึ้น ส่งเสียง ร้องดังขึ้นมา
สูหูหัวเราะเยาะ เงื้อมือขึ้น เตรียมจะฟาดลงไป แต่กลับ พบว่าอยู่ๆคอเสื้อก็รัดแน่นขึ้นมา
“พลั่ก” หลินเฟิงจับเขาโยนลงไป กระแทกกับโต๊ะน้ำชา แตกละเอียด กระจกใสแตกละเอียดอยู่บนร่างของสูหู เจ็บปวดจนต้องอ้าปากสูดอากาศ
แต่อย่างไรเสีย เขาก็เป็นลูกพี่ใหญ่ ยังไงก็ไม่ยอมส่ง เสียงร้องออกมา
แต่เมื่อเขาเห็นหลินเฟิงที่ย่อตัวลงมา สีหน้าก็เปลี่ยนไป ทันที ร้องด้วยความกลัวออกมาก “แก …แกอย่าเข้ามานะ”
“หึๆๆ พี่หู่ นี่แกกำลังจะหาเรื่องอะไรอีก “หลินเฟิงสาย หน้าไปมา
“ใครก็ได้ ช่วยด้วย” หลินเฟิงยังไม่ทันได้ทําอะไร สูหูก็ กลัวจนปอดแหก น่าเสียดายที่ห้องนี้เก็บเสียงอย่างดี ต่อ ให้สูหูตะโกนร้องจนคอแตก ก็ไม่มีใครได้ยิน
“ใช่แล้ว โทรศัพท์ๆ” สูหู่มองเห็นโทรศัพท์ที่ตกอยู่ข้างๆ ก็ รีบคว้าไว้ทันที
“อ๊าก”
วินาทีต่อมาหยินเฟิงกระทืบลงไปบนหลังมือของสหู่
อย่างแรง
ตอนนี้หลินเฟิงหันไปมองหญิงสาวที่จัดกระโปรง เรียบร้อยลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา ดูจากเสื้อผ้าที่หล่อน สวมใส่ น่าจะเป็นพนักงานต้อนรับของที่นี่ อายุไม่มาก ประมาณยี่สิบปีน่าจะได้ อาจจะเป็นนักศึกษาที่มาทำงาน พาร์ทไทม์ที่นี่
“โอ้ย ปวดหัว”หลินเฟิงพูดไม่ออก ไม่รู้จะจัดการกับหญิง สาวคนนี้อย่างไร
ผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนจะเข้าใจ รีบเอามือขึ้นมาปิดตา แล้วร้องบอกว่า “ฉันมองไม่เห็น มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”พูดไปพลางน้ำตาไหลออกมาเต็มหน้า
“คุณมีประวัติอยู่ที่นี่หรือเปล่า”หลินเฟิงฝืนยิ้ม แต่ก็ยัง ถามออกมา
“ฉันเพิ่งมาสัมภาษณ์วันนี้ค่ะ ยังไม่ได้เริ่มงาน”หญิง สาวตกใจรีบตอบเขา หล่อนจะไปรู้ได้อย่างไรว่าจะถูก สัมภาษณ์ด้วยวิธีแบบนี้
“ที่นี่ไม่มีธุระอะไรของคุณแล้ว ไปได้แล้ว”
หลินเดินไป แล้วเปิดประตูออก เรียกคนหัวโล้นกับคนที่ ตัดสกินเฮด “เข้ามา”
เจ้าหัวล้านกับสกินเฮดกลัวจนสั่นไปทั้งตัว เดินเข้ามา ทันที ผู้หญิงคนนั้นก็ออกไปตามที่หลินเฟิงบอก
“พี่หู่ พี่เป็นอะไร”เจ้าหัวโล้นกับสกินเฮดมองเห็นสูหูที่ มีเลือดนอง ก็อดไม่ได้ร้องถามออกมา พวกเขาไม่ได้ ปัญญาอ่อนที่จะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ไอ้พวกโง่ รีบเรียกคนอื่นมาสิ” สูหู่เห็นสองคนนี้ก็ ตะคอกออกมา
“เห่อๆ ” หลินเฟิงหัวเราะในลำคอ ไม่เพียงสูหูที่เงียบด้วยความกลัว แต่อีกสองคนนั้นก็หยุดชะงัก หน้าตาตื่น กลัว
ที่สูหูเป็นแบบนี้เพราะเห็นความเก่งกาจของหลินเฟิงแล้ว คิดว่าหลินเฟิงเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียจึงไม่กล้าตุกติก อะไรอีก
“พวกแกสองคนออกไปเฝ้าข้างนอกไว้” หลินเฟิงคำนวณ เวลา แล้วโบกมือให้ผู้ชายสองคนนั้น
“ครับ”ทั้งสองคนรีบตอบรับอย่างรวดเร็ว
“ปัง” ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้ง
หลินเฟิงเตะสูหู่มาอยู่ที่หน้าโซฟา ตนเองนั่งลงบนโซฟา พูดด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “หยวนโหวทางนั้นสถานการณ์ เป็นยังไง พูดมาให้ฟังหน่อยสิ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง สูหูยังไม่ยอมส่งเสียงร้อง ออกมา “หยวนโหวให้เงิน จ้างพวกเราไปก่อกวนหาเรื่อง เมื่อก่อนฉันกับหยวนโหวไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”
“อ้อ “หลินเฟิงได้ข้อมูลใหม่ แล้วถามว่า ใครเป็นคน แนะนำให้พวกแกรู้จักกันล่ะ”
สูหู่ตอบว่า “คนๆนั้นแกก็เคยเห็น ท่านรองหัวหน้ากอง กาวหลิน มองเห็นหลินเฟิงมีท่าทีสนอกสนใจ จึงเริ่มเล่า เรื่องราวของกาวหลินตั้งแต่ต้นจนจบ
“แกคิดจะถ่วงเวลาใช่มั้ย “ทำไมหลินเฟิงจะไม่รู้ความคิด ของสูหู แต่เขาไม่คิดจะใส่ใจ
“เปล่า ๆ ฉันไม่กล้าหรอก” สูหูแอบก่นด่าในใจ ไอ้สอง คนนั่นคงไม่ไปเฝ้าประตูอยู่จริงๆนะ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ตนเองคงถูกเล่นงานตายแน่
“ผับหยูนวู่เป็นของใคร” อยู่ๆหลินเฟิงก็ถามขึ้นมา
“ปะ…เป็นของคุณชายเฟิง” เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร สูหูจึงไม่ได้ปิดบังเขา “คุณชายเฟิง เฟิงชิงหยาง หนึ่งใน สามของคุณชายเมืองซีจิง ไม่ใช่คนที่แกจะหาเรื่องได้ ง่ายๆนะ”
เดิมทีหลินเฟิงคิดว่าที่นี่น่าจะเป็นสำนักเฟิงโข่คิดไม่ ถึงว่ากลับไม่ใช่ “ช่วงนี้แกก็ช่วยสงบเสงี่ยมหน่อย ฉันมา หาแกได้ทุกเมื่อ แน่นอนว่า แกเองก็สามารถไปหาฉันเพื่อ แก้แค้นได้ทุกเมื่อเช่นกัน ฉันยินดีต้อนรับ”
พูดจบเขาก็ค่อยๆเดินออกไป ทิ้งสูหู่นอนอยู่ที่พื้นอย่าง นั้น สีหน้าของสูหู่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนกระทั่งหลินเฟิง จากไปนานแล้ว ชายหัวโล้นกับคนที่ตัดทรงสกินเฮดจึงมาประคองเขาออกจากผับหยูนวู่ไป จากนั้นก็พาไปที่ โรงพยาบาล ทําเหมือนกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
หลินเฟิงคิดทบทวนดูแล้ว ตัดสินใจแล้วว่าจะขอดูต่ออีก เขามาที่เมืองซึจิงในระยะเวลาแสนสั้น ยังมีอีกหลายเรื่อง ที่เขายังไม่รู้ ถ้าสรุปเร็วเกินไป ก็ดูจะใจเร็วด่วนได้
ตอนที่กลับถึงวิลล่าหวงถิงเป่ย่วน ก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว
มองไปข้างหน้าซึ่งอยู่ๆก็มีมนุษย์หน้ากากกระโดดออก มา หลินเฟิงถอนหายใจแล้วพูดว่า”เมื่อไหร่คุณจะเลิกมา วุ่นวายกับผมสักทีเนี่ย ก็บอกแล้วว่าผมไม่ใช่จิ้งจอกเงินที่ คุณกําลังตามหา”
หน้ากากเหล็กหัวเราะหึๆ แล้วพูดว่า “ไม่ว่าคุณจะใช่ จิ้งจอกเงินหรือไม่ ครั้งก่อนที่คุณต่อยผมหมัดหนึ่ง ควร ต้องมาเอาคืน”
“พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ดูเหมือนวิลล่าหวงถิงเป่ย่วนจะยัง ไม่ได้จัดการ ” หากหน้ากากเหล็กไม่พูดขึ้นมา ก็ไม่เท่า ไหร่ พอพูดขึ้น หลินเฟิงก็นึกขึ้นมาได้ หลินเช่อหัวหน้า พนักงานรักษาความปลอดภัยเคยบอกว่าจะให้คําอธิบาย แก่เขา ทำไมไม่เห็นมีอะไรเลย
“แค่ก แค่ก “หน้ากากเหล็กไอแห้งสองครั้งอย่างรู้สึกกระดาก เพราะเขาเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ แต่กลับผลัก ภาระให้กับวิลล่าหวงถิงเป่ย่วน
“เท่าที่ฉันรู้มาเนี่ย เมื่อคืนวานหลินเชื่อได้พูดคุยกับป่าย ฉินแล้ว และตกลงกันเรียบร้อย” หน้ากากเหล็กเห็นท่าที ของหลินเฟิงงุนงง จึงคิดว่าควรจะบอกให้เขารู้เสียหน่อย
ตอนนั้นหลินเฟิงยังปืนหน้าผาเล่นที่อาคารร้างอยู่เลย
“อะไรนะ ไอ้หน้าขาวนั่นไปหาเมียฉันมาเหรอ” หลินเฟิง สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ร้องออกมาอย่างตกใจ “ฉันยังมี เรื่องที่ต้องทำ เรื่องต่อสู้เอาไว้ทีหลังนะ”
พูดจบ ก็วิ่งจากด้านข้างของหน้ากากเหล็กออกไปเร็ว ประหนึ่งลมพัด
” หน้ากากเหล็กสับสนอยู่ท่ามกลางลมนั้น
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ