หญิงหม้าย

ตอนที่7 หญิงหม้าย 7



ตอนที่7 หญิงหม้าย 7

“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกเช่นไร” หญิงสาวถามพร้อม ขยับไปไกล้ร่างใหญ่ก๋าย่าที่ทรุดตัวลงนอนแผ่หลาหมด สภาพ

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นหรี่มองมายังนางพลางรวบรวมกําลัง ตอบอย่างช้าๆ “าไม่มีแรงเลย ยาพิษของมันช่างร้ายกาจ นัก ไม่มีแม้แต่แรงจะเดินกำลังภายในขับพิษออกจาก ร่างกายได้ เจ้ารีบหนีไปเถิด หากมันฟื้นขึ้นมา ข้าคงไม่ สามารถช่วย…เจ้า..ได้

เสียงอันแผ่วเบาที่เล็ดรอดออกจากริมฝีปากแห้งผาดของ ชายหนุ่ม ก่อนที่จะสิ้นสติไปสิ่งที่เขาเห็นอันเลือนรางคือ นางวางมือลงบนแผลของเขาอย่างแผ่วเบา…

สายลมพัดเอื่อยๆจนกระทั่งเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อฟ้า เริ่มครึ้มเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฝนเริ่มตั้งเค้า ชายหนุ่ม ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ มองเห็นเพียงหลังคามุงจาก เก่าๆแต่ยังไม่ทันได้สำรวจรอบกายกลับต้องรีบหลับตาลง อีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ เขาลองเกร็ง ลมปราณไปที่ฝ่ามือแต่ก็หาได้รู้สึกถึงพลังลมปราณใน ร่างกายไม่ ดังนั้นจึงตัดสินใจเค้นเรี่ยวแรงที่มีเพียงน้อยนิด ยกมือสกัดจับเอาสิ่งที่กำลังผ่านบนหน้าของเขา
“โอ้ย”

ได้ยินเสียงร้องอุทานเบาๆตรงหน้า ชายหนุ่มจึงลืมตาขึ้น มองอย่างแปลกใจ ตาคมมองเห็นดวงหน้ากระจ่างใสที่ กำลังแหยเกเพราะแรงบีบที่ข้อมือ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง สบเข้ากับตาคมดุอย่างตื่นตระหนกเห็นแล้วให้รู้สึกทั้งชวน ขันทั้งน่าเอ็นดูยิ่งนัก

“โอ้ยขาเจ็บเจ้าค่ะ” เสียงอุทรจากสาวน้อย ส่งผลให้ชาย หนุ่มรีบปล่อยมือจากข้อมือบางพร้อมกับยันตัวขึ้นนั่ง

“ข้าขออภัยแม่นาง แล้วเจ้าเป็นใครใยมาอยู่ที่นี่ ข้ายังไม่ ตายใช่หรือไม่ แปลกยิ่งนัก ข้าต้องพิษนี่ ทำไมข้าถึงไม่รู้ สึกเจ็บแล้ว”

เด็กสาว ……

“จะให้ข้าตอบคำถามไหนก่อนดีเจ้าคะ ข้านึกคำตอบ ไม่ทันเจ้าค่ะว่าพลางยกยิ้มเต็มใบหน้า

“ข้าชื่อหนี่เหยาเอ๋อร์เจ้าค่ะ ข้ามาอยู่ที่นี่เพราะพี่เหลี ยนเฟยบอกให้ข้ามาคอยช่วยดูแลท่าน เพราะตอนนี้นางกำลังกลับบ้านไปต้มยามาแก้พิษให้ท่าน ส่วนเรื่องอื่นๆ ข้าว่าท่านรอถามกับพี่เหลียนเฟยเองดีกว่านะเจ้าคะ ข้าไม่รู้ รายละเอียดมากนักหรอกเจ้าค่ะ นางว่าพลางลุกขึ้นยืน

“ในเมื่อท่านฟื้นแล้ว งั้นข้าจะออกไปรอพี่เหลียนเฟยที่ นอกกระท่อมนะเจ้าคะ อ้อ แต่มีอยู่อย่างนึงที่ข้ารู้แน่ๆ คือ ท่านยังมีชีวิตอยู่เจ้าค่ะ แม่นางน้อยยกยิ้มทะเล้นพร้อมหัน หลังก้าวเดินออกจากกระท่อมไป ทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งนิ่งงัน อยู่อย่างนั้น หากแต่ผ่านไปเพียงเสี้ยวนาทีกลับผุดรอยยิ้ม เล็กๆที่มุมปาก

เด็กสาวออกไปสักพักชายหนุ่มจึงได้หลุดออกจากภวังค์ เขาถอนหายใจเบาๆเอนหลังพิงผนังพร้อมกับคิดทบทวน เรื่องราวก่อนที่เขาจะสลบไป

“เกาฉางเย่” หรือองครักษ์เกา เขาประจำอยู่ที่จวนของ อ๋องสามผู้ซึ่งเป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนสนิท ซึ่งทั้งสองเป็น เพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เยาว์วัย เนื่องจากมารดาของเขาเป็น แม่นมของอ๋องสาม เมื่อเติบใหญ่ก็พากันไปฝึกวิทยายุทธ์ กับอาจารย์คนเดียวกัน จนเมื่ออ๋องสามต้องการย้ายมาที่ หัวเมืองทางเหนือเขาจึงติดตามมาเป็นองครักษ์คอยอยู่ ข้างกาย
อ๋องสาม ” อหมิงชน”เป็นอนุชาองค์เดียวที่เหลืออยู่ของ ฮ้องเต้องค์ปัจจุบัน พระองค์ทรงรักและเป็นห่วงพระอนุชา องค์นี้มาก เพราะกว่าจะได้ขึ้นครองราชทั้งสองพระองค์ ต้องผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาไม่น้อย สงครามแย่งชิงราช บัลลังก์ที่คร่าชีวิตเหล่าองค์ชายทั้งหลายไปมากมาย แม้ ตอนนี้ทุกอย่างจะคลี่คลาย บัลลังก์มังกรได้ตกสู่มือของผู้ที่ เหมาะสมแล้วแต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสียสละของอ๋อง สามผู้เป็นน้องชาย

ปีนั้นทางวังหลวงมีการจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แม้จะทรงขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน เหตุเนื่องจากฮองเฮาคู่ บัลลังก์ทรงพระครรภ์ เหล่าขุนนางและข้าราชบริพารต่าง พากันมาถวายความจงรักภักดีกันพร้อมหน้า แม้การดูแล ความปลอดภัยจะเข้มงวดนัก ทหารเดินกันขวักไขว่คอย ตรวจตราสอดส่อง ทั้งคนเข้าและคนออกจะต้องมีป้ายคำ สั่ง

แต่คนป้องกันหรือจะต้านทานคนคอยจ้อง มีการนำเหล่า นางรํามีชื่อจากคณะต่างๆ ในแคว้นขึ้นรำอวยพร จึงกลาย เป็นช่องโหว่ที่ป้องกันได้ยากนักแม้จะตรวจตราอย่าง รอบคอบแค่ไหน เพราะครึ่งนึงในนั้นกลายเป็นนักฆ่าต่าง แคว้นแฝงตัวเข้ามา อาศัยช่วงที่ทุกคนกำลังดื่มกับ บรรยากาศสร้างความชุลมุน เมื่อมีโอกาศจึงซัดเข็มพิษใส่ ฮ่องเต้ แม้จะสะกัดได้ในบางส่วนแต่ก็ยังมีเล็ดรอดไปถึงองค์ราชัน เวลานั้นอ๋องสามผู้นั่งอยู่ใกล้ กับพระอนุชามากที่สุดจึงได้สละร่างกายรับพิษแทน

แม้จะทรมานเค้นความจริงจากเหล่านักฆ่าเพื่อหายา ถอนพิษแต่กลับไร้ซึ่งเบาะแส จนกระทั่งวันหนึ่งมีผู้รู้ที่เป็น หมอแก้พิษเดาถึงความเป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นพิษตะขาบ เริงแสงจันทร์ ที่มาจากทางฝั่งทะเลทรายดินแดนแห้งแล้ง แสนลึกลับ ซึ่งเป็นพิษต้องห้ามที่หายาแก้ได้ยากนักและมี ราคาสูงกว่าพิษชนิดอื่นหลายเท่า เพราะสูตรทำยาและสูตร แก้พิษนั้นมักจะได้รับการถ่ายทอดจากผู้นําเผ่ารุ่นต่อรุ่น เท่านั้น และคนจากเผ่านี้มักจะย้ายถิ่นฐานหลบซ่อนหรือไม่ ก็แฝงตัวรวมกับผู้คนอยู่เสมอๆทำให้สืบหาตัวได้ยากยิ่ง

ตั้งแต่ต้องพิษคราวนั้น ในทุกๆวันพระจัทร์เต็มดวงท่าน อ๋องจะต้องเจ็บปวดทรมานจากพิษร้ายที่นานวันยิ่งทวี ความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หน้าตาผิวหนังทั้งรูปโฉมที่เคย เกลี้ยงเกลาหล่อเหลากลับเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลที่ เกิดจากการเคลื่อนไหวของพิษราวกับสัตว์ร้ายที่มีชีวิตอยู่ ใต้ผิวหนังของมนุษย์ชายหนุ่มยิ่งคิดก็ให้ยิ่งแค้นใจ เป็นเขา ไร้สามารถจนป่านฉะนี้ก็ยังสืบหาเบาะแสของคนจากเผ่า ทะเลทรายไม่ได้เลย
ก่อนที่จะต้องพิษเขาได้ไล่ตามคนร้ายที่คิดว่าน่าจะมี เบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับพิษตะขาบเริงแสงจันทร์ที่แฝง ตัวเข้ามาทํางานอยู่ในจวน คนผู้นี้ฝีมือไม่ได้ร้ายกาจเท่า ไหร่เขาจึงไล่ตามมาเพียงผู้เดียว แต่ดันมาพลาดท่าโดน พิษที่หายาแก้ได้ยากยิ่ง

แต่ยังข้องใจว่าทำไมเขาถึงไม่ตาย ด้วย“พิษแมงป่อง หลับ” ซึ่งเหล่านักฆ่านิยมใช้กันยิ่งนัก ที่ลือกันว่าสามารถ ลัมสัตว์ใหญ่ได้ในชั่วพริบตาเดียว และหากผู้เยี่ยมยุทธ์ ต้องพิษชนิดนี้หากไม่ได้ยาถอนภายในครึ่งเสี้ยวชั่วยาม ก็จะค่อยๆหมดเรี่ยวแรงกระทั่งไร้ซึ่งแรงสูดลมหายใจจน ขาดใจตายอย่างช้าๆ แต่ก่อนที่จะสลบไปเขาจำได้ถึงไอ อุ่นจากมือเล็กที่ทาบลงบนแผล หรือนางผู้นั้นจะรู้วิธีแก้พิษ ชนิดนี้…

หากเป็นเช่นนั้น ย่อมหมายความว่าท่านอ๋องของเขา จะต้องมีทางรอดอย่างแน่นอน อย่างไรเสียเขาก็จะต้อง ขอร้องให้แม่นางผู้นี้ช่วยรักษาผู้เป็นนายให้จงได้ ชายหนุ่ม ครุ่นคิดอย่างหมายมั่น

Talk…ขอให้มีความสุขในการอ่านนะคะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ