บัลลังก์เสน่ห์หา หมอยาข้ามภพ

ตอนที่ 19 จะละทิ้งข้าไม่ได้



ตอนที่ 19 จะละทิ้งข้าไม่ได้

“จะกลับแล้วหรือ” หลิงหยูนจื้อยืนอยู่ข้างเล่นโม่ ท่าทางที่เงียบ และสงบทำให้เกิดความน่าชื่นชมขึ้นในจิตใจของเล่นโม่ เต็มไป ด้วยความรู้สึกที่ว่าหลิงหยูนซื้อนั้นเป็นชายที่ไว้ใจได้ ไม่ว่าจะทั้ง เบื้องหน้าหรือเบื้องหลังก็ตาม

“เมื่อกลับไปยังศาลาการแพทย์ เจ้าก็จะกลายเป็นผู้ที่คอยรับ ใช้และคอยแบกกล่องยาให้ข้า เอาเปรียบเจ้าแล้ว” เล่น โม่บอก กล่าวเบาๆ รถม้าของโจซื้อ โจวค่อยๆลับตาไป ดวงตาอันเฉียบ คมของเล่นไม่ค่อยๆ ลึก มืดลงดุจดั่งภูเขาที่อยู่ท่ามกลางความ มืดมนในยามค่ำคืน มองไม่เห็นถึงอารมณ์อื่นๆ ที่ร่วมด้วยบน สีหน้าที่เรียบเฉย

ที่โจ๋จือ โจวถามว่าสามารถกำจัดไผ่ออกได้หรือไม่นั้น แต่กลับ คิดว่า น่าจะเป็นเพราะคิ้วของเล่น โม่มากกว่าที่ทำให้เขาเกิด ความสงสัย ยิ่งไปกว่านั้นเย่อเหย็นเพียงแค่ตกจากหน้าผา และ ยังไม่พบศพ อาจจะถูกสัตว์ป่ากัดกินไปแล้วก็จริง แต่ก็อาจจะยัง มีชีวิตได้อยู่เหมือนกันไม่ใช่หรือ

เล่น โม่เอื้อมมือแตะลงบนใบหน้าของตน จุดนั้นเคยเป็นผิวที่มี ปานขนาดใหญ่ จนกลายเป็นความผิดปกติที่น่าเกลียด หาก ไม่ใช่เพราะเล่นโม่ที่เข้ามา เย่อเหม็นเองก็จะไม่มีวันได้รู้ว่าปาน ใหญ่นั้นไม่ใช่ของจริง ปานนั้นทำออกมาได้ละเอียดอ่อนมาก ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของผิวบนใบหน้าของเขา ซึ่งก็ทำให้เขาประหลาดใจเช่นกัน

โดยแท้จริงแล้วนางเป็นหญิงที่งดงามเป็นอย่างมาก แต่เหตุ ใดกันถึงต้องทำเช่นนี้ และเพื่อจุดประสงค์ใด ภายในใจของเล่น ไม่เริ่มมีความสงสัยเต็มไปหมด หากไม่ใช่เพราะปานครึ่งหน้า นั้น เย่อเหย็นก็จะไม่ต้องทนถูกผู้อื่นมาดูถูกกล่าวหาว่าเป็นคนที่ อยค่า ถึงแม้ไม่ออกจากบ้านก็ดูรู้ว่านางเป็นหญิงผู้สูงส่ง เฉก เช่นโลกใบนี้ที่อยู่อย่างเราวกับถูกทอดทิ้ง ปล่อยให้ต้องอ้างว้าง เดียวดาย

เป็นความน่าสงสัยที่หาคำตอบมาพบ เจน ไม่ในตอนนี้เหมือน ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกอยู่ทั่วจิตใจของเขา ทุกอย่างดูทึบ ไปหมด แม้แต่จะหาเหตุผลยังไม่สามารถทำให้กระจ่างได้

“ท่านหมอเจน” หลิงหยูนจื้อจะเรียกแบบนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น

เล่น โมเงยหน้าขึ้นมองไปตามทิศทางที่หลิงหยูนจื้อชี้นิ้วไป กลับทันเห็นเพียงก้าวสุดท้ายของร่างที่สวมชุดสีแดงเพลิงเดิน เข้าไปยังร้านการแพทย์จี้หมิน

หรือว่า เล่น โม่ขมวดคิ้วรุ่น เจ้าคนน้ำตาลเหนียวที่สลัดไม่ออก

“ทำอย่างไรดี” หลิงหยูนซื้อที่คอยรับข่าวจากทางเมืองหลวง โดยเฉพาะข่าวที่เกี่ยวข้องกับเล่น โม่ จึงรู้ชัดเจนเป็นพิเศษว่าผู้ใด บ้างที่ข้องเกี่ยวกับเขา ฉะนั้นจึงรู้ได้เองว่าชายชุดแดงผู้นั้นคือผู้ที่ มีความศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้คนต้องเคารพอยู่ไม่น้อย

เล่น โม่เงยหน้าขึ้นมองไปยังรถม้าอันแสนสวยงาม ที่กรีดกราย อยู่หน้าร้านการแพทย์ หมิน ม้าขาวสองตัวที่ส่องแสงอยู่ใต้พระอาทิตย์ จริงหรือไม่ที่พอร่ำรวยแล้วก็จะไม่เหมือนเดิม

ดั่งดินโคลนที่กำลังเดือด ก็เหมือนคลื่นลมที่พัดแรง เมื่อพบ เจอกับปัญหา สิ่งที่ต้องสละทิ้งก่อนเป็นอันดับแรกก็คือคนแบบ เขาผู้นี้ และดูเหมือนจะไม่สามารถช่วยเขาได้เช่นกัน

“ไปกัน” เล่น โม่ขบฟันแล้วเดินหน้า ไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูก

เสือ

หลิงหยูนจื้อเดินตามอย่างเงียบๆ

“เจ้าของร้าน รีบบอกข้ามาว่าหญิงงามไปไหน ข้ามาเป็นรอบที่ ห้าแล้ว อาการป่วยนี้ทำให้ข้ากินไม่ได้ นอนไม่หลับ” ท่าทีที่นุ่ม นวลนี้ดูออกจะดุ้งติ้งไปหน่อย น้ำเสียงที่ทำให้ใต้เท้าถุงถึงกับยิ้ม แหยๆด้วยเหงื่อเย็นๆ ที่ไหลลงมากลางหน้าผาก จนต้องแอบก้าว ถอยหลังออกมาก้าวหนึ่งอย่างเงียบๆ เมื่อรอบๆที่เงียบสงบช่วย ให้เขาค่อยๆ โล่งใจมาหน่อย จับปลายแขนเสื้อแน่นแล้วมอง บรรยากาศตรงหน้าที่สว่างสดใสที่แสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมา เขาเองไม่ใช่เพิ่งจะเคยพบเป็นครั้งแรก

“ท่านหมอเล่น ได้ออกนอกเมืองไปเก็บยาแล้วขอรับ” ใต้เท้า ถงเริ่มทำอะไรไม่ถูก ผู้ป่วยที่อยู่ทางหน้าประตูต่างก็ถอยหนีกัน ไปจนไกล ชายชุดแดงผู้นี้ก็คือเทพเจ้าแห่งภัยพิบัติที่ยังมีชีวิตอยู่

“ไปเก็บยาที่ไหน กลับมาเมื่อไหร่ ห้องของเขาอยู่ที่ใด รีบบอก ข้ามา เร็ว ไม่อย่างนั้นข้าก็จะไม่ไปไหน…”เฟิงชิงเฉิงพูด พลาง นั่งลงบนพื้น ท่าทางที่เอาแต่ใจทำให้ผู้คนตาดำๆที่อยู่รอบกาย ต่างหน้ามืดตาลายกันไปหมด
องค์ชายก็เป็นผู้ที่มีหน้ามีตา ทำแบบนี้จะดีหรือ ความอับอาย ขายหน้า ในครั้งนี้ทำให้โม่เหยียนถึงกับต้องขยับขา จนตอนนี้อยู่ ไกลถึงสองเมตรแล้ว การกระทำนี้แสดงให้รู้ว่า เขาไม่ได้มีส่วน เกี่ยวข้องกับความหลอกลวง ในครั้งนี้

“เรื่องนี้ข้าน้อยไม่รู้จริงๆ” ใต้เท้าถุงถอนหายใจอีกครั้ง รู้สึก ถึงลมหายใจใกล้หมดในสองวันนี้แล้ว เช่น โม่เด็กแสบคนนี้นี่ กลับมาเขาต้องอบรมอย่างหนักแล้ว ทำไมต้องไปสะกิดบุคคลที่ เป็นภัยพิบัติเช่นนี้ด้วย

“ไม่บอก เช่นนั้นข้าจะร้องไห้ให้เจ้า” พูดพลางในดวงตาทั้งคู่ ของเฟิงชิงเฉิงก็เริ่มชื้นขึ้นน้อยๆ ท่าทางที่จะร้องไห้ช่างสวยงาม จนทำให้ผู้คนเริ่มสงสารปนน่าสมเพช

ร่างที่อวบอ้วนของใต้เท้าถุงสั่นแล้วสั่นอีก ขาเริ่มถอยร่นไปอีก ครั้ง รู้สึกหมดคำพูด สายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือที่มองไป ยังโม่เหยียน แต่ว่าโม่เหยียนทำเพียงเมินเฉยมองไปยังหลังคา เรื่องน่าอายเช่นนี้ไม่เกี่ยวข้องกับโม่เหยียนอย่างเขาสักนิด

“เจ้ารังแกคน” เฟิงชิงเฉิงชี้นิ้วมือที่ขาวเรียวอันสั่นเทาไปยังใต้ เท้าถง แล้วน้ำตาก็กลิ้งลงมาจริงๆ คนทั้งคนนอนราบไปกับพื้น กลิ้งและร้องไห้อย่างไม่สนใจรอบข้าง

ทั้งตัวที่สวมชุดแดงกลับเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นดิน ผมดำที่เริ่ม ยุ่งไปทั้งหัว

นี่ นี่ ไม่เพียงใต้เท้าถง แม้แต่โม่เหยียนยังตกตะลึง องค์ชาย ไม่ต้องไร้เดียงสาขนาดนี้ได้ไหม น่าอายที่สุด
เฟิงซิงเฉิงที่กลิ้งไปมาเหมือนจะไม่ยอมพูด ไม่แม้แต่จะไปเดิน ดูรอบๆศาลาการแพทย์ที่มีเหล่าผู้คนอยู่

เฮ้อ เริ่มเวียนหัวพักก่อนดีกว่า เพิ่งซึ่งเพิ่งหยุดลงและหอบเล็ก น้อย

“กลิ้งต่อไปสิ พื้นยังไม่สะอาดเลย” เสียงที่เย็นสดใสลอดเข้า มาทางประตู ฟังดูใสสะอาดดั่งน้ำล้างในฤดูใบไม้ผลิที่เกิดเสียง ดิง ดอง เมื่อได้ฟังแล้วจะถูกจดจำไว้ในใจ

ดวงตาทั้งคู่ของเฟิงซิงเฉิงสว่างขึ้น รีบเด้งขึ้นมาจากพื้น จาก นั้นอ้าแขนทั้งคู่เดินตรงไปยังต้นเสียง “แม่คนงามของข้า ข้า คิดถึงเจ้าใจแทบขาดอยู่แล้ว”

เจน ไม่ยิ้มน้อยๆ เพียงยื่นมือออกไป เพิ่งชิงเฉิงก็ล้มลงบนพื้น อย่างหมดเรี่ยวแรง จนไม่สามารถลุกขึ้นได้

“คนงาม เหตุใดเจ้าจึงลงมือเยี่ยงนี้กับข้าที่สละสลวยงดงาม ดั่งดอกไม้เช่นนี้” ตาคู่ที่งดงามดั่งดอกท้อที่กำลังเบ่งบาน กลับมี น้ำตาร่วงหล่นอย่างไม่ขาดสาย หากไม่ใช่เล่น โม่ที่ตัดเสื้อของ เฟิงชิงเฉิงจนพัง

เขาก็คงจะสงสัยว่าหญิงสาวที่ร่าเริงและสดใสคลอดคนตรง หน้ามาแน่

“เพราะว่า….” เจ่นโม่ย่อตัวลงข้างๆเขา ดวงตาคู่คมเต็มไป ด้วยความเย็นชาอย่างจงใจ “ข้ายังไม่อยากตาย

เมื่อตอนที่ถูกชายหน้าอัมพาตลากขึ้นรถม้า เล่น โม่ก็รู้แล้วว่าเพราะโจจอโจวหรือเพราะเพิ่งชิงเฉิง มีคนอยากรู้เกี่ยวกับเขา และความอยากรู้นี้ก็คือความอยากฆ่า หากเสือสองตัวจะต้อง ต่อสู้กันเช่นนั้น

ดวงตาคู่ดอกท้อของเฟิงซิงเฉิงสั่นไหวเบาๆ เล่นไม่ฉลาด กว่าที่เขาคิด “คนงาม ข้าจะกล้าให้เจ้าตายได้อย่างไรกัน เจ้ายัง จะต้องมาเป็นน้องสิบสามของข้าอยู่นะ”

” ….เล่นโม่ยิ้มเย็น คงคิดว่าเขาไม่รู้ถึงผู้ที่ทำให้ปืนลมร่วง ไปนั้นเป็นศัตรูกับใคร “พาองค์ชายของบ้านเจ้ากลับไป” เขา เหลือบมองไปยังโม่เหยียน

โม่เหยียนตกตะลึงเล็กน้อย ไม่เคยมีใครใช้น้ำเสียงแบบนี้มา พูดกับเขา และยังมีพลังที่ปฏิเสธไม่ได้

“น้องสิบสาม ข้าไม่ไป เจ้าจะละทิ้งข้าไม่ได้” เฟิงชิงเฉิงขมวด

คิ้วอย่างไม่เห็นด้วย

โม่เหยียนแบกเฟิงชิงเฉิงขึ้นมาอย่างเงียบๆออกไปทางนอก

ประตู

ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างหลีกทางให้อย่างกว้างขวาง

เหมือนกับมีแสงกะพริบจากไหนสักแห่ง เช่น โม่มองไปอย่าง เย็นชา “ระวัง !”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ