บัลลังก์เสน่ห์หา หมอยาข้ามภพ

ตอนที่ 12 เพราะเจ้าคือเยอเหม็น



ตอนที่ 12 เพราะเจ้าคือเยอเหม็น

หลังจากเงียบ หลิงหยูนจื้อก็ยืนขึ้นเป็นคนแรก

ราวกับเจ่น โม่ผู้นี้ได้เกิดมาพร้อมกับกับพรแห่งพลัง ที่สามารถ ทำให้ผู้คนล้วนมีความเชื่อมั่นในตัวเขาได้

เขาที่ปกติจะเป็นคนไม่สนใจและไม่แยแสอะไร แต่กลับเป็นคน ที่อยู่ด้วยแล้วได้รับความปลอดภัย หากเรื่องใดก็ตามที่เขาบอก ว่าจะทำก็จะลงมือทำจนสำเร็จได้ในทุกครั้ง

ในตอนนั้น ก่อนที่เล่น โม่จะได้เข้ามาอยู่ที่นี่ ชายแก่กล่าวกับ เขาว่า หากในวันนี้เจ้าสามารถหาเงินมาได้หนึ่งร้อยสองตำลึง เพื่อที่จะให้ทุกคนได้รับการผลัดเปลี่ยนเสื้อกันหนาวที่อบอุ่น และ ให้ทุกคนได้กินอาหารกันอย่างเต็มอิ่ม ข้าจึงจะเชื่อเจ้า จึงจะให้ เจ้าพาคนที่นี่ไปได้ แต่ว่า เจ้าจะต้องทำให้ทุกคนเห็นถึงความ สามารถที่แท้จริงของเจ้าให้ได้

ตอนนั้นเล่นไม่เพียงแค่ยิ้มน้อยๆ แล้วหมุนกายเดินออกไป ด้วยทั้งกายที่สวมอาภรณ์ที่ทั้งเก่าและมีรอยปะของหลิงหยูนจื้อ แต่ว่าเขากลับไม่ไหวติง แผ่นหลังของเขากลับยืดตรงแข็งแรง ราวกับต้นไผ่ที่พึ่งแตกก้าน และไม่เคยล้มงอ เป็นไผ่ที่สูงตรง ตระหง่านขึ้นเรื่อยๆจนเติบใหญ่และแข็งแรงขึ้น แม้ถูกลมแรง พายุซัดก็ไม่เอนเอียง

และในช่วงเวลานั้นเอง จิตใจของชายแก่กลับเหมือนมีบาง อย่างเข้ามากระตุ้นที่จิตใจของเขา ในความเป็นจริงเขาเองก็สามารถเข้าไปยังเมืองหลวง เพื่อขออาหารกินได้เสมอ แต่กับ เด็กๆที่เขาดูแลอยู่เหล่านั้นล้วนแต่ไม่ควรต้องทำเช่นนี้ พวกเขา ควรมีชีวิตที่ดีมากกว่านี้

เมื่อพลบค่ำ เล่น โมก็เดินกลับมา ด้วยสองมือที่ว่างเปล่าและ ใบหน้าที่ขีดขาวดูไร้เลือด ราวกับคนที่จะหมดสติได้ในตลอด เวลา ชายแก่มองลึกเข้าไปที่เขามองจากท่าทางของเขาที่ยืนนิ่ง อย่างหมดแรงตรงนั้น จากนั้นจึงทำเพียงแค่นเสียง ฮี ขึ้นด้วย ความเย็นชา แล้วหมุนกายเดินกลับเข้าบ้านอย่างไม่สนใจใยดี แต่มีเด็กชายคนหนึ่งที่อายุราวสิบห้าสิบหกปี กลับได้รับเงินหนึ่ง ร้อยสองตำลึงด้วยมือของตนภายในวันเดียว ราวกับสวรรค์ยาม ค่ำคืน เขาเงยหน้ามองไปด้านนอกประตูบ้าน

“เจนโม่” เมื่อสิ้นเสียงอุทานของเขา หลิงหยูนจื้อจึงรีบวิ่งออก มาจากบ้าน เล่น โม่ที่ตอนนี้ที่อร่างกายมาจนถึงที่นี่ก็เหมือนจะ หมดกําลังทําให้ยืนต่อไม่ไหวแล้ว จึงล้มลงมาอย่างอ่อนแรง จาก นั้นจึงพบว่า บนร่างกายของเขายังได้รับบาดเจ็บสาหัส

ในดวงตาของชายแก่สั่นไหวอย่างสุดจะทนและพูดขึ้น “รอ เมื่อทําการรักษาเขาจนหายดีแล้ว ก็ให้เขาไปจากที่นี่ซะ” ชายแก่ มีความคิดว่าที่นี่มีความเป็นอยู่ที่ไม่เหมาะกับเขา

“คุณปู่…” แต่กลับมีกลุ่มเสียงอุทานที่ทั้งดีใจทั้งตื่นเต้นเป็น อย่างมากเรียกเขา เด็กๆที่มอมแมมไม่กี่คนวิ่งเข้ามาจากด้าน นอก ด้วยท่าทางที่กระโดดโลดเต้นอย่างมีกำลังใจ ด้านนอกมี รถเข็นจากห้องผ้าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเขตใต้ กำลังดำเนินลาก รถเข็นที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องนอนมากมาย แล้วกล่าวขึ้นว่าพี่ใหญ่เล่นเป็นผู้คนซื้อของทั้งหมด

เด็กโตหลายคนเดินยกข้าวสารกับเนื้อปลาเข้ามากันอย่างละ หนึ่งกระสอบ แล้วพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่เล่นซื้อมาล่ะ”

ใบหน้าของชายแก่เดี๋ยวแดงเดี่ยวตา พอตำแล้วแดง เจ้าเด็ก นั่นมีความสามารถเท่าใดกัน เขาได้แต่คิดถึงความน่าทึ่งที่เกิด ขึ้นตรงหน้าเหล่านี้

จากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวแพร่ไปทั่วทั้งเมืองเขตใต้ว่าผู้ป่วยของ ร้านการแพทย์ หมินที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เป็นเพ ราะเล่น โม่ช่วยไว้ ทำให้ร้านการแพทย์ หมินเป็นที่น่าไว้ใจมาก ขึ้นและสามารถลบคำครหาได้อีกด้วย เมื่อหญิงสาวจากตระกูล โกผู้มั่งมีในเมืองเขตใต้ เกิดการคลอดที่ยากลำบาก เมื่อโลงศพ ที่กำลังถูกยกมาถึงครึ่งทาง ทำให้เหล่าแพทย์ทั้งหลายล้วนลงมือ กันอย่างทำตัวไม่ถูกไปหมด แต่กลับถูกพี่ใหญ่เล่น โม่ช่วยเด็ก และแม่เด็กไว้ได้ทันทั้งคู่

หลังจากในวันนั้น เช่น โม่ก็ได้กลายเป็นหมอเทพเซียนแห่ง เมืองเขตใต้ ที่ถูกร่ำลือกันไปทั่วเมืองหลวง ถึงแม้ว่าในเวลานั้น เขาจะยังนอนรักษาอาการป่วยอยู่ในบ้านที่ทรุดโทรมอย่างไร้ เรี่ยวแรง แต่เขากลับไม่เคยปฏิเสธที่จะให้คำปรึกษาต่อผู้คนบน ลานที่แออัด

เย่นฝูหลิ่งและลูกชายก็ถูกเจ่นโม่ในตอนนั้นช่วยไว้เช่นกัน
ชายแก่จึงเชื่อในคําพูดของเล่น โม่ ที่เคยบอกถึงความแตก ต่างในชีวิต ทำให้เขาอยากจะเดิมพันเพื่อเด็กๆ สักครั้ง

“เจ้าเคยบอกไว้ว่า จะให้พวกเขามีชีวิตที่แตกต่าง” ชายแก่พูด เสียงเบา ตาทั้งคู่ที่สั่นไหวจากไฟที่ส่องสว่าง

“ขาผู้นี้อาจไม่มีกำลังพอที่จะปกป้องพวกเขาได้” เจ่นโม่พูดขึ้น ด้วยความรู้สึกที่มาจากใจจริง จากการที่เขาต้องแบกรับทุกสิ่ง ทุกอย่างไว้บนบ่าอย่างหนักหน่วงนั้น ก็เป็นสิ่งที่ชายแก่ล้วนคาด ไม่ถึงเช่นกัน

“ฝูหลิ่ง เจ้าไปทำกับข้าวให้มากหน่อยนะ เพราะพวกเด็กๆน่า จะกลับมากันแล้ว ส่วนหยูนจื้อ เจ้าก็ไปรอต้อนรับพวกเขากลับมา เถอะ”

ชายแก่ไม่ได้ตอบคำของเล่น โม่ แต่ทำเพียงให้หลิงหยูน อกับเย่นหลั่งออกไปจากที่ตรงนี้ก่อน

เล่น โม่วางตะเกียบลง ตาทั้งคู่ที่มองไปยังชายแก่ จดจ่ออยู่ อย่างนั้นเพื่อรอฟังเรื่องที่เขาจะพูด

ที่ข้าให้พวกเด็กๆคอยติดตามเจ้า ไม่ใช่เพราะทักษะทางการ แพทย์ของเจ้า และไม่ใช่เพราะเจ้าสามารถให้เสื้อผ้าอาหารแก่ พวกเขา” ชายแก่วางไหเหล้าในมือลง

เล่น โม่ยกคิ้วขึ้น ดวงตาเรียวราวเหยี่ยวมองด้วยความสงสัย เขาไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่นอกเหนือจากนี้อีกแล้ว พวกเขายังมีสิ่ง อื่นใดที่ต้องการอีก หลังจากครั้งก่อนที่หลิงหยูนซื้อได้ช่วยเขาไว้ ก่อนหน้านั้นพวกเขาก็ไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง” อยู่ๆชายแก่เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่มี ขลุ่ย

เล่นโม่แอบรู้สึกตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน บ้านทั้งหลังที่ตกเข้าสู่ ความเงียบงัน นอกจากเสียงของไฟที่กำลังถูกเผาไหม้ในตะเกียง และเสียงของสายลมที่พัดผ่านอยู่นอกบ้าน ก็ไร้สิ้นเสียงอื่นใด

เงียบอยู่นาน เจนไม่กลับหัวเราะขึ้นด้วยความขมขื่น “นี่ก็ยิ่ง เป็นสิ่งที่ท่านไม่ควรเชื่อใจข้าอีก ข้าที่เป็นเพียงหญิงนางหนึ่ง เมื่อ จะลงมือทําอะไรยังต้องมีข้อจำกัด

“แต่ที่ข้าให้พวกเขาติดตามเจ้า มันไม่เกี่ยวกับที่เจ้าเป็นสตรี นางหนึ่ง” ชายแก่ยิ้มบางด้วยท่าทางที่ดูลึกลับ

นี่ยิ่งทำให้เล่นโม่สับสนยิ่งขึ้นไปอีก

“เช่นนั้นแล้ว เป็นเพราะเหตุใดหรือ” ด้วยความที่ทนรอฟังไม่ ไหวจึงถามขึ้น เล่นไม่มองไปยังชายแก่ที่เริ่มถือไหเหล้ายกขึ้นดื่ม

“เจ้าเข้าไปที่ศาลาการแพทย์ และยังเปิดเม่ยเส้นฟาง ทำให้ข้า เห็นถึงความสามารถอันเป็นเลิศของเจ้า ดูเป็นหญิงที่ไม่แพ้ชาย ใด แต่บนโลกใบนี้ยังมีหญิงสาวที่มีความสามารถเช่นเจ้าอยู่ไม่ น้อย” คำพูดของชายแก่ราวกำลังโจมตีเล่น โม่ และยังสามารถ ดึงดูดความสงสัยของเขาได้เป็นอย่างดี

แต่เล่นโม่กลับรู้สึกได้ถึง เหตุผลที่ชายแก่กำลังพูดนั้น ราวเป็น เหมือนกับเสียงฟ้าร้องในฤดูหนาว

ชายแก่เงียบลง ไม่เอ่ยคําพูดใดต่อ ทำเพียงดื่มน้ำเมาของสาวงามอย่างเชื่องช้า

เล่น โมได้แต่นั่งอย่างสงบอยู่ที่เดิม แล้วมองไปยังชายแก่ที่ ไม่มีท่าทีว่าจะพูดต่อ เขาจึงหยิบตะเกียบขึ้นเพื่อจะเริ่มกินอาหาร

“แต่ก่อนขาเคยบอกกับเจ้าแล้วว่า ชายแก่อย่างช้าเคยเป็นผู้ ฝึกสอนการต่อสู้มาก่อน” ทันใดนั้นชายแก่ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

เล่น โม่จึงเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นจึงพยักหน้ารับ เพียงรู้สึกว่า ชายแก่ตรงหน้ายังแข็งแรงและกระฉับกระเฉง ทั้งๆ ที่ผ่านมาไม่ เคยขบคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย

“เช่นนั้นก็ช่างเถอะ ไม่รู้ก็ใช่ว่าจะเกิดผลร้ายอันใด ความไม่รู้ ของเจ้าก็ปล่อยให้เป็นหน้าของข้า ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น สนใจ เพียงความเป็นอยู่ที่ต้องผ่านไปให้ไหวเป็นพอ แต่หลังจากวันนี้ เจ้าให้หยูนจอคอยติดตามเจ้าไปก็แล้วกัน เลือดที่มาจากเมือง หลวงนี้ ช่างเหม็นคาวเสียจริง” ชายแก่พูดเสร็จ ก็ได้ยินเสียง ฝีเท้าของเด็กๆ ที่กำลังมาจากที่ไกล จึงยืนขึ้นไปเปิดประตู จนมี ลมที่พัดเข้ามาในบ้าน ทำให้แสงเทียนภายในบ้านสั่นไหวจนเกิด เงาที่ทอดยาวของเล่นโม่

“ด้วยเหตุใด” เล่น โม่ถามเสียงต่ำ ทำไมต้องช่วยเขาขนาดนี้ ทำไมถึงยังคงวางใจในตัวเขา ทำให้เขาในตอนนี้รู้สึกแสบขึ้นที่ จมูกชั่วขณะ

“เพราะ…เจ้าคือเย่อเหยืน” ชายแก่ที่ยกไหเหล้าขึ้นอยู่ข้างปาก พูดด้วยเสียงเบาหวิว เสียงที่เบาจนคนไม่น่าจะได้ยิน ให้เล่นโม่คิดว่าเขาเองไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกอย่างกลับเป็นเขาที่คิดไปเอง

เจน โม่ที่นิ่งอยู่ กลับได้ยินมันอย่างชัดเจน ก็เพราะเขาคือ เยอ เหม็น

เขาจึงยืนขึ้นในทันที จึงเกิดเสียงดังจากเก้าอี้ไม้ที่ล้มลงไป ด้านหลัง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ