บัลลังก์เสน่ห์หา หมอยาข้ามภพ

ตอนที่ 14 องค์จักรพรรดิก็มีภรรยาแล้ว



ตอนที่ 14 องค์จักรพรรดิก็มีภรรยาแล้ว

จากที่ไกลเหมือนมีเสียงลมที่กำลังพัด แต่กลับไม่เหมือนเสียงลม ในระหว่างนั้น กลับมีแสงเงาสะท้อนสีขาวอันส่องประกายเข้ามา ใกล้ๆ พูดได้อย่างเต็มปากเลยว่ามันกำลังลอยอยู่เหมือนกับเป็น สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในยามค่ำคืนนี้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เล่น ไม่ต้องมาพบเห็นสิ่งตรงหน้าด้วยตาตนเอง จึงตาโตอย่างช่วยไม่ ได้ ที่จริงแล้วเหล่าตำนานที่ถูกเล่าขานกันมา กับสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ นั้นมีอยู่จริง

บนภูเขาลูกนี้ พวกเขาที่กำลังยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ คน นั้นก็ยืนอยู่อย่างเงียบสงบอยู่ตรงนั้นเช่นกัน ชุดที่ขาวสะอาด หมดจดยิ่งกว่าหิมะ สว่างยิ่งกว่าดวงจันทร์บนท้องฟ้าในยาม ค่ำคืนนี้ ผมที่ดำสนิทถูกปล่อยยาวลงกลางหลังสะบัดไปตามแรง ลมเบาๆ มองไม่เห็นใบหน้าของชายผู้นี้ แต่เห็นเพียงรูปร่างที่นั่ง ยืนตรงราวกับสามารถพลิ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดไปมาอยู่บน เขานี้

“เจ้ามาแล้วหรือ” ทันทีที่เขาคนนั้นพูดขึ้น น้ำเสียงที่ชัดเจน กลับมีความหนาวเย็นจางๆ ทันใดนั้นร่างของเล่น โม่พลันแข็งทื่อ อย่างควบคุมไม่ได้ จนทำให้ดวงตาคู่คมค่อยๆเย็นลง

สายลมบนภูเขา กับความเงียบที่เข้าปกคลุมไปทั่วทั้งสี่ทิศ

“มองดูแล้วช่างไม่เหมือนวิธีการของโม่หยูนเก๋อเลยจริงๆ” ชายผู้นั้นจำเสียงต่ำ เมื่อฟังต่อกลับได้ยินเสียงอีกคนที่อยู่ใกล้กันชายผู้นั้นสวมชุดสีมืด ที่มีเสื้อคลุมสีม่วง ใบหน้าที่ไม่ปรากฏถูก เก็บซ่อนไว้ภายใต้หน้ากากสีบรอนซ์นั้น แล้วก้าวเดินอย่างไม่รับ ร้อน ไปยังข้างกายของชายชุดขาว

“งั้นหรือ?” ชายชุดดำหัวเราะอย่างมีเสน่ห์ที่ชั่วร้าย การกระทำ และคำพูดล้วนเหมือนเป็นการดูหมิ่นเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินต่อ อย่างสบายอารมณ์ดั่ง ไม่มีอะไรต้องกังวลกับค่ำคืนที่ผ่านไป อย่างเชื่องช้านี้

“เงินทั้งหมด ข้าก็จ่ายแล้ว เจ้ายังใช้เวลานานถึงเพียงนี้อีก หรือว่าประสิทธิภาพในการทำงานของโม่หยุนเก๋อนั้นเป็นเช่นนี้ หรือ”

ชายชุดขาวกล่าวเสียงเย็น เย็นพอที่จะกระทำให้ผู้อื่นต้อง หนาวอย่างสั่นเทา ด้วยความไม่สมัครใจ แต่คนที่เขาสนทนา ด้วยนั้น กลับไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกถึงสิ่งใด แต่มองด้วยสายตาที่ ต้องการเยาะเย้ยจางๆไปทางเขา เพียงในชั่วขณะ กลับทำให้ ภายในจิตใจของชายชุดขาว ถึงกับรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ ได้

“องค์จักรพรรดิก็มีภรรยาแล้ว หากยังมัวแต่คิดถึงผู้ที่ตายไป แล้วแบบนี้คงไม่ดีเท่าไร” ชายชุดดำกลับยิ้มเย็น

“จะกล่าวอันใดกับข้า ก็ให้เกรงใจและระวังคำพูดของเจ้าเสีย หน่อย ไม่อย่างนั้นแล้ว ฮี สิ่งที่ขาชอบพอมากที่สุด นั่นก็ไม่พ้น การมองดูความวุ่นวายที่ทำให้เกิดขึ้นได้เช่นกัน”

“เจ้า…” ชายชุดขาวระงับความโกรธพลางถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ในความเป็นจริงแล้วเขานั้นกล้าที่จะโกรธแต่ไม่กล้าที่ จะเอ่ยออกมา ไม่มีอะไรที่ไม่หยุนเกือไม่รู้ไม่มีข่าวสารใดที่ไม่หย นเก๋อไม่ขาย เขาเองก็ต้องเสียทั้งทรัพย์และยังต้องใช้พลัง มหาศาลเพื่อรับงานสายนี้เช่นกัน

“ยังไม่มีข่าวคราวเรื่องการยังมีชีวิตอยู่ไม่หยูนเก่อเอ่ยปาก พูดเบา แล้วหมุนกายจากไป

“ข้าสามารถขอตรวจเพิ่มอีกผู้หนึ่งได้หรือไม่” ชายชุดขาวถาม ขึ้นจะในทันที คำถามที่ถามขึ้นนี้ก็ล้วนต้องถามอย่างระมัดระวัง เพราะรู้ว่าค่าใช้จ่ายต้องสูงมากเป็นแน่

โม่หยูนเก๋อหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับมา ภายใต้หน้ากากสี บรอนซ์ดวงตาคู่นั้น เหมือนกำลังนึกคิดบางสิ่ง ดูลึกเป็น ประกายออกมาอย่างลับๆ ภายใต้หน้ากากที่ปิดอยู่นี้

“ต้องการตรวจสอบผู้ใด แล้วผู้ใดเป็นคนจ่ายกัน

“ข้าต้องการให้เจ้าตรวจประวัติของหมอหลวงเล่นโม่ ที่อยู่ใน ร้านการแพทย์จี้หมินทางเมืองเขตใต้” ชายชุดขาวไม่สนถึงการ ถูกเยาะเย้ยที่จะเกิดขึ้นจากเขา และดำเนินการพูดต่ออย่างไม่ สนใจ

“บุคคลธรรมดางั้นหรือ” โม่หยูนเก๋อหรี่ตาลงอย่างใช้ความ คิด ใต้แสงจันทร์ที่มีความรู้สึกแปลกประหลาดใจ ล้วนถูกเก็บ ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากสีบรอนซ์เป็นอย่างดี “แค่สองหมื่นสอง ต่าลึงพอ”

“เจ้า!”เมื่อสิงโตตัวนี้อ้าปากขึ้น มักจะทำราวกับเขาเป็นภูเขาเงินภูเขาทองก็ไม่ปาน ชายชุดขาวเริ่มรู้สึกโกรธ ปกติคน ธรรมดาแค่คนเดียวไม่น่าเกินสองตำลึง แต่นี่กลับมากเกินหลาย สิบเท่า หรือว่าประวัติของเจน ไม่นั้นไม่ธรรมดานั้นหรือ

“เจ้าเองก็รู้กฎของทางโม่หยุนเกือเป็นอย่างดีมิใช่หรือว่าต้อง มีเงินที่มากพอถึงจะเสนองานมาให้ทำได้ หรือจะต้องมีการแลก เปลี่ยนที่เท่าเทียมกัน หากเจ้าไม่มีของที่จะนำมาแลกเปลี่ยน อีก อย่างก็จะต้องไม่น่าเศษเหล็กเศษทองแดงมาแลกได้ เพราะมัน ไม่มีค่าพอที่จะให้แลกได้อยู่แล้ว” เช่นนั้นสองหมื่นสองตำลึงที่ เจ้าว่ามานี้ถือเป็นเศษเหล็กเศษทองแดงหรืออย่างไร ชักสีหน้าอันแข็งกร้าวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ชายชุดขาว

ท่านชายโม่หยูนเก๋อที่ด้านหนึ่งกำลังพูด ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ มองสํารวจไปยังหลังต้นไม้ใหญ่ และภายใต้ความมืดนั้นเองเขา กลับยิ้มขึ้นอย่างขี้เล่นที่มุมปาก

ตอนนี้สภาพภายในใจของเล่นไม่รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือก ที่ถูกส่งออกมา รู้สึกถึงลมหายใจของตนเริ่มอ่อนแอลง ทำไม ชายผู้นั้นถึงให้ความรู้สึกที่เป็นอันตรายอย่างมาก ชายชุดขาวที่ อันตรายมากแล้ว แต่เขาที่อยู่ภายใต้หน้ากากนี้ กลับให้ความ รู้สึกอันตรายมากกว่าชายชุดขาวนั่นเป็นหลายเท่าตัว

สายตาของท่านชายโม่หยุนเกือเพียงสำรวจไปยังตรงนั้น แล้ว จากไป เพียงผ้าคลุมที่โบกสะบัด ภายในพริบตา เขาก็หายไป จากภูเขากลางป่าอย่างรวดเร็ว

ชายชุดขาวยืนอยู่ที่เดิมด้วยจิตใจที่ขุ่นมัวของความเกลียดชัง“ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน” มีสักวันแล้วจะเป็นอย่างไรนั้น เขา กลับไม่พูดออกมา แล้วจากไปอย่างรีบร้อน ชั่วขณะนั้นก็มีเสียง ม้าร้องขึ้นที่ตีนเขา เสียงกีบเท้าของม้าที่ค่อยๆจางหายไป บน ใบหน้าของเขาปิดไว้วยผ้าหนาทึบ ก็เพราะด้วยกลัวว่าจะมี ผู้คนพบเห็นใบหน้าของตน

เวลาที่เนิ่นนาน ที่แอบอยู่หลังต้นไม้อย่างอดทนนี้ ทำให้เล่นไม่ ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่หนึ่ง แต่ตอนนี้เขากลับเต็มไปด้วย เหงื่อที่เย็นไปทั่วร่างกาย

“พวกเขากำลังจะตรวจสอบท่าน” หลิงหยูนซื้อมองเล่น โม่ อย่างเป็นกังวล พลางถอดเสื้อคลุมออกเช็ดเหงื่อให้กับเจนไม่ เงาที่ถูกสะท้อนจากแสงจันทร์ทำให้เห็นชัดถึงเหงื่อเป็นเม็ดขาว ใสราวไข่มุกที่ผุดออกมาตามใบหน้า แต่ทำไมต้องตรวจสอบเล่น โม่ด้วย มีความบาดหมางกับเขาหรือ ภายในใจของหลิงหยูน อมีคำถามที่มากมายเต็มไปหมด

“โม่หยูนเก๋อ คือใคร อะไร” เล่นโม่กลับหลิงหยูนซื้อพากันเดิน ตรงมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านหลังเล็ก จึงถามขึ้นมาในระหว่างนั้น

เย่อเหย็นแต่เดิมเป็นหญิงสาวที่ประตูใหญ่ไม่ออก ประตูเล็ก ไม่เข้าอยู่แล้ว สิ่งที่รู้จึงมีจำกัด ทำให้เป็นโม่เริ่มสังเกตเห็นและรู้ ถึงจุดข่าวกรองของตนนั้น เหมือนกำลังถูกปิดกั้นเข้าเสียแล้ว

“สำนักข่าวกรองอันดับหนึ่งที่แผ่นดินใหญ่เฟิงเกอ ที่เชี่ยวชาญ ในการขายข่าวทุกชนิด ได้ทำการก่อตั้งขึ้นเมื่อสิบปีก่อน และเริ่ม โด่งดังเมื่อแปดปีก่อน ส่วนสำนักงานใหญ่อยู่ที่แคว้นหนูนยาง มีสาขาอยู่ทั่วทุกประเทศ คนนั้นคือใคร ไม่หยูนเก้ออยู่ที่ไหน ไม่ เคยมีผู้ใดรู้จักเขามาก่อน และไม่มีใครล่วงรู้ว่าพวกเขารวบรวม ข่าวสารอย่างไร แต่ว่า ตั้งแต่ที่พวกเขารับทำมาต่างก็เก็บความ ลับของผู้ว่าจ้างได้อย่างดีเยี่ยม คืนนี้ช่างเป็นเรื่องน่าบังเอิญเสีย จริง” หลิงหยูนซื้อพูดอธิบายถึงสิ่งที่ตนรู้ หลังจากพวกเขาที่เป็น เด็กขอทาน และยังได้ผ่านการรับรู้ข่าวสารแบบนี้จากเล่น โม่ เขา จึงเริ่มใส่ใจและจัดระบบข้อมูลต่างๆขึ้นด้วยตนเอง

“โม่หยูนเกือ?” เล่นโม่ที่ทำเพียงพูดกระซิบออกมาอย่าง ครุ่นคิด ในตอนนี้เหงื่อที่ไหลเย็นได้เปียกชุ่มไปทั่วเสื้อและแผ่น หลังของเขาแล้ว และด้วยอากาศที่หนาวเย็นนี้ ทำให้เริ่มรู้สึกถึง อาการชาที่ราวกับได้รับพิษจากตัวหนึ่งที่กำลังค่อยๆเข้าสู่ ร่างกาย

ยังคงเป็นเพียงเสียงกระซิบออกมาเบาๆของเขา จากนั้นเล่น ไม่ก็ไม่พูดอะไรต่ออีก ภายใต้ดวงจันทร์ท่ามกลางท้องฟ้าอัน ปลอดโปร่งที่เงียบสงบ เช่นโม่และหลิงหยูนจื้อทำเพียงออกเดิน หน้าไปพร้อมกัน แต่ในใจของทั้งสอง ต่างก็รู้ดีว่าจะต้องเกิดพายุ ลูกใหญ่ขึ้นในไม่ช้านี้อย่างแน่นอน

ช่วงที่ผ่านมา เวลาที่เล่นไม่ได้รับมาเพื่อสร้างอำนาจ และ ความแข็งแกร่งขึ้นนั้น มันช่างมันน้อยนิดเหลือเกิน

“วันมะรืนนี้กลับเข้าเมืองไปกับข้า” เมื่อเดินมาใกล้หน้าบ้าน แล้ว เล่น โม่ทำเพียงพูดขึ้นเบาๆ

หลิงหยูนจือมองไปยังเล่นโม่ที่เดินเข้าบ้านอย่างเงียบๆ แต่เขากลับเดินตรงไปนั่งยังหน้าต่าง มองดูด้านนอกที่เป็นค่ำคืนอันมืด สนิท เขาจับบางสิ่งที่อยู่บนคอแล้วใช้มือกมันเบาๆ สายตาที่อ่อน โยนค่อยๆแปลเปลี่ยนเป็นความเย็นชา และในระหว่างความเย็น ชาที่หนาวเย็นนี้ กลับมีแต่ความเจ็บปวดที่เต็มไปด้วยความ เกลียดชังอย่างไม่ปกปิด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ