บทที่ 13 เสินหวนผู้ทรงพลัง
เดิมทีก็คิดว่า พฤติกรรมของเสิ่นหวนก่อนหน้านี้จะโหด ร้ายพอแล้ว แต่ใครก็ไม่คิดว่า นี่มันเพิ่งเป็นการเริ่มต้น เท่านั้นเอง!
หวูเหยาฮุ่ยที่นอนอยู่ที่พื้นเหมือนกับกระสอบทราย เพราะถูกเสิ่นหวนกระทืบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงขั้นที่หวูเหยา ฮุ่ยหายใจไม่ส่งเสียงใดๆ แล้ว เพราะว่าความเจ็บปวดของ เขามันตีเข้ามาเป็นระลอกๆ จนทำให้เขารู้สึกชาไปทั้งตัว แล้ว
จนกระทั่งเขารู้สึกว่าตนเองใกล้จะตายอยู่แล้ว ขนาด แรงจะที่ส่งเสียงร้องออกมายังไม่มีเลย!
ทันใดนั้นก็มีน้ำเย็นที่ใส่ในขวดราดลงบนศีรษะของหวู เหยาฮุย ราดลงบนบาดแผลของเขา เพื่อทำให้สมองของ เขาตื่นขึ้น
ความเจ็บปวดมากมายเหลือคณานับพลันแล่นเข้าสู่ ระบบประสาทและสมองของเขาอยู่ๆ ไม่หยุด เพื่อเตือน เขาว่า เขายังมีชีวิตอยู่
แต่ไม่นานนัก ในสายตาของเขาก็ถูกครอบงำด้วยความ หวาดกลัวอีกครั้ง เพราะว่าผู้ชายคนนั้นเฉกเช่นปีศาจร้าย กำลังนั่งยองๆ ลงอีกครั้งในเวลานี้
“รู้หรือยังว่าทำไมฉันต้องทำร้ายแกด้วย?” เสิ่นหวนนั่ง ยองๆ ลงในเวลานี้ และพูดอย่างราบเรียบ
“ฉันไม่กล้าแล้ว!
“ต่อไปฉันจะไม่กล้าอีกแล้ว!”
“ยกโทษให้ฉันเถอะ!”
“อย่าฆ่าฉันเลย!”
เวลานี้เองหวูเหยาฮุยรู้สึกเหมือนตกใจจนสิ้นสติ อีกทั้ง ยังขดตัวนอนกองอยู่บนพื้น แต่สั่นเทาไม่หยุด ปากก็เพ้อ ไม่หยุด!
“พี่ อย่าทําร้ายมันต่อเลย ดูท่ามันว่ามันจะตายแล้ว!” หนันกงเจว๋ที่อยู่ด้านข้างในตอนนี้ แอบกระซิบเตือนเบา อย่างอดใจไม่ไหว
แม้ว่าประวัติความเป็นมาของเสิ่นหวนจะยิ่งใหญ่มาก ก็ตาม ทว่าการที่จัดการหลานของจอมทัพนายทหารให้ ตายไปคนหนึ่ง เขาก็ไม่ได้กำไรที่ดีอะไร
ความจริงแล้ว สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ เสิ่นหวนเองก็ ไม่ได้กำไรที่ดีอะไร การที่เขาทำร้ายหวูเหยาฮุ่ยจนอยู่ใน สภาพนี้นั้น จอมทัพหนูคงไม่มีทางที่นั่งอยู่เฉยๆ ไม่ดูดำดู ดีอะไร
ในเวลานี้เอง ภายในกองบัญชาการทหารซีหนาน ใน เวลานี้นักแกะหาร่องรอยทีมหนึ่งได้เริ่มตรวจสอบขึ้นมา แล้ว
“จอมทัพ หลังจากที่พวกเราได้คัดกรองข้อมูลบุคคล ทั้งประเทศที่ชื่อว่าเสิ่นหวนแล้วนั้น บวกกับข้อมูลของ โทรศัพท์ที่เพิ่งโทรเข้
ามานั้น หลักๆ แล้ว พวกเราสามารถล็อกเป้าหมายได้ แล้ว!” เวลานี้เลขาฯกระซิบพูดข้างหูจอมทัพหวู
“หือ? บอกกับฉันที ตกลงแล้วเป็นใครกัน?ถึงได้มั่นใจ กล้าหยิ่งจองหองขนาดนี้ได้!” เวลานี้จอมทัพหวูดวงตาทั้ง สองข้างโหดเหี้ยมดุร้ายมาก บนตัวมีรัศมีอันสะพรึงกลัว ปรากฏให้เห็นออกมาในตอนนี้ ราวกับเสือร้ายที่ตั้งท่า พร้อม เตรียมบุกฆ่าทำลายล้าง!
ทว่าใบหน้าของเลขาฯแสดงสีหน้าลำบากใจออกมาเล็ก น้อย จากนั้นก็กระซิบพูด “จอมทัพ คือเขา เสิ่นหวนคน นี้ เมื่อวานเพิ่งจะเดินทางจากเยนจิงมาถึงตงไห่ อีกทั้งยัง ผ่านขั้นตอนการลงทะเบีบนเรียนที่มหาวิทยาลัยตงไห่เรียบร้อยแล้ว!”
“ทางเหยาฮุย ตอนนี้ ก็น่าจะอยู่แถวมหาวิทยาลัยตงไห่!”
“แต่ว่าการเอาข้อมูลของเสิ่นหวนช่างลึกลับมาก อ่านาจ ของเรามีขีดจำกัด ไม่สามารถตรวจสอบได้!” เวลานั้นเอง เลขาฯพูดออกมาด้วยความอึดอัดอย่างหมดเปลือก
โดยปกติทั่วไปแล้ว อาศัยฐานะและสิทธิ์อานาจของเขา แล้ว ในประเทศทั้งหมด คนในประเทศ 95 เปอร์เซ็นต์เขา สามารถเข้าถึงไฟล์ข้อมูลได้อย่างครบถ้วน ส่วนอีก 5 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือนั้น ก็สามารถหาข้อมูลมาได้ในหลายๆ ด้าน
ด้วยอำนาจของเขาแล้วยังไม่สามารถตรวจหาข้อมูล ได้ เช่นนั้นก็หมายความว่า เบื้องหลังของเด็กหนุ่มคน นี้ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเก่งกล้ามาก จนต้องได้รับการ คุ้มครองปกป้องเป็นอย่างมาก หรือ เขาเป็นบุคคลผู้มี อำนาจมาก!
ทันใดนั้น หลังจากที่เลขาฯพูดจบแล้ว สีหน้าของ จอมทัพหวูก็เปลี่ยนไปทันที และถามกลับด้วยน้ำเสียง เคร่งขรึม “นายพูดว่าขนาดนายยังไม่สามารถตรวจสอบ ได้?”
“ครับ ในฐานข้อมูลสำนักงานใหญ่นั้น แสดงให้ผมเห็น เลยว่าอำนาจของผมไม่เพียงพอ ไม่อาจจะเปิดอ่านได้!” เลขาฯกระซิบพูดออกมาตอนนั้น
จอมทัพหวูนิ่งเงียบไปอยู่สักพัก จากนั้นก็ลุกขึ้น “ให้พวก เขาออกไปทั้งหมด!
“นายก็ออกไปด้วย!” จากนั้น จอมทัพหวูก็พูดกับเลขาฯ หลังจากที่รอให้เลขาฯออกไปแล้ว เขาลุกขึ้นแล้วเดินมา ด้านหน้าโต๊ะทำงาน หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก เขาก็หยิบ โทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาทันที
“เหล่าเฉิน ฉันเหล่าหวูเอง! วันนี้ฉันมาขอร้องให้แกช่วย สักเรื่อง ช่วยตรวจสอบฐานะของคนคนหนึ่ง!”
“ใช่ อาจจะเป็นเพราะว่าในค่ายทหารของเรา ไม่มีอะไร ก็แค่เหยาฮุยไปมีปัญหาเท่านั้นเอง ตอนนี้เหยาฮุยอาจจะ อยู่ในมือของเขา …. เสิ่นหวน …. ใช่ ที่เพิ่งมาถึงตงไห่นั่น แหละ!”
จากนั้น สีหน้าของจอมทัพหวูก็ถอดสีทันที ร่างกาย สะดุดจนเซเล็กน้อย และนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลัง
“เหล่าหวู ระดับความลับทางประวัติของคนคนนี้คือ ระดับSSS นายไม่ต้องไปสอบถามหรอก แต่ว่าฉัน สามารถบอกนายได้นิดหน่อย เขากับเสิ่นต้าเพ่าที่เป็นคณะกรรมการทางทหาร เป็นญาติกัน ดังนั้นขอแค่เหยา ฮุยไม่ตาย ไม่ว่าจะทรมานขนาดไหน นายก็ต้องอดทน เอาไว้หน่อย เพื่อนขอพูดกับนายสักประโยค กับเขาแล้ว นายจะไม่ได้รับสิ่งดีๆ อะไร!”
การได้พูดคุยกับเพื่อนเก่าคณะกรรมการทางทหารใน โทรศัพท์นั้น มันเหมือนการใช้ถ้อยคำที่เคร่งขรึมหนัก แน่นสื่อความหมายเที่ยงตรงและสื่อความหมายได้อย่าง กลมกลืน และยังดังก้องอยู่ข้างหูจอมทัพหนูไม่หยุด
สิ่งที่จอมทัพหวูหวาดเกรงอยู่ในใช่ฐานะของเขา แต่คือ ระดับที่อยู่ในขั้นSSSเนี่ยสิ!
แม้ว่าปู่ของเขาคือเสิ่นต้าเผ่าก็ตาม ก็พูดได้ตามปกติว่า เขาก็แค่ลูกหลานของนายทหารระดับสูง ระดับฐานะของ เขา ก็ไม่น่าจะแตะไปถึงระดับSSS เพราะว่าถึงแม้ว่าเขา เป็นแม่ทัพที่สง่างามก็ตามที ด้วยฐานะการป้องกันระดับ ความปลอดภัยยังไม่ถึงSด้วยซ้ำ!
ขนาดคนในราชวงศ์เหล่านั้น แม้กระทั่งพวกเหล่าผู้นำ จํานาจก็แค่SSเอง
คนที่สถานะความลับระดับ SSSได้ นอกจากคนไม่กี่คน ที่สามารถควบคุมความเป็นความตายของทั้งประเทศได้ แล้ว งั้นก็เป็นเพื่อนเก่าสามคนที่มากด้วยความสามารถอีกทั้งยังมีอำนาจมากมายนัก
วัยรุ่นคนนี้ ฐานะอยู่ในขั้นอำนาจระดับSSS นั่นก็ สามารถพูดได้เล็กน้อยว่า เขามีความสำคัญมากกับ ประเทศนี้ ไม่น้อยกว่าผู้นำเหล่านั้นเลย!
มิน่าล่ะถึงได้โทรศัพท์มาหาฉันด้วยความจองหอง ที่แท้ ในสายตาของเขา ไม่เห็นหัวฉันสักนิด!
ดวงตาของจอมทัพหวูพลันทอประกายความเศร้าโศก ขึ้นมาเล็กน้อย ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างอดใจไม่
ไหว!
ขึ้นภูเขาสุดท้ายแล้วก็ต้องเจอเสืออยู่ดี!
อีกฝั่ง เมื่อเห็นว่าหวูเหยาฮุยนอนหายใจรวยรินอยู่ที่พื้น แล้ว เสิ่นหวนถึงยอมลุกขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นก็มองไป อีกทาง ทางนั้น เป็นบอดี้การ์ดคนนั้นของหวูเหยาฮุ่ย เหย หยิ่ง!
เมื่อเห็นว่าเสิ่นหวนเดินก้าวเท้ามาหาตนเอง ใบหน้าของ เหยหยิ่งได้แต่สงบนิ่ง!
“แกไม่กลัวเหรอ?” เมื่อเห็นอากัปกิริยาอันสงบนิ่งของ เหยหยิ่งแล้ว เสิ่นหวนประหลาดใจจนถามออกมาทันที
“กลัวไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร? ชีวิตผม ก็ควรจะตายไป ตั้งนานแล้ว ผมรู้ว่า สักวันผมก็จะมีวันนี้ แต่ว่า ผมก็ไม่ได้ เสียใจ!” เหยหยิ่งพูดอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็หลับตาลง
ตั้งแต่ที่เขาได้แก้แค้นตั้งแต่วินาทีนั้นแล้ว เหยหยิ่งก็เป็น เหมือนคนตายที่ยังมีชีวิตอยู่ ที่เขายังมีชีวิตอยู่นั้น ก็เพื่อ คําสัญญาในครั้งนั้น
“ดูแล้ว นายดูมีที่มาที่ไป! แต่ช่างเสียดายจริง แต่ก็ไม่ สามารถไว้ชีวิตแกไว้ได้!” เสิ่นหวนพูดอย่างเรียบเฉย จาก นั้นก็เริ่มลงมืออย่างไม่ลังเล
ช่างเหมือนกับเหล่าตาว เหยหมิ่งหมดสภาพในทันที แม้ว่าไม่ส่งผลกระทบกับการเดินก็ตาม แต่ว่าพลังของเขา ได้หายไปหมดแล้ว!
เวลานี้ ท่ามกลางผับบลูดรีม เสียงกรีดร้องเงียบกริบ ทุกคนต่างจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มที่ใบหน้าประดับรอยยิ้ม ให้เล็กน้อยแต่กลับโหดร้ายทารุณมากอย่างหวาดหวั่น สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่อยากจะเชื่อ
หวูเหยาฮุยคนเมื่อครู่ เขาเป็นหลานชายของจอมทัพ ทหารคนหนึ่งเลย แต่กลับโดนทำร้ายจนเหมือนหมูตัว หนึ่ง ถึงขั้นชีวิตใกล้จะตายอยู่แล้ว
แต่ว่ามีเพียงเสิ่นหวนเท่านั้นที่รู้ว่า หวูเหยาฮุยที่ตอนนี้ดู เหมือนหายใจรวยริน แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บหนักอะไรมาก นั้น แค่ร่างกายของเขาอ่อนแอ และด้วยความเจ็บปวด อย่างรุนแรง จนทำให้ระบบประสาทของเขาไม่สามารถ รับไหวเท่านั้นเอง
ความจริงแล้วร่างกายของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากมาย อะไร แน่นอนว่า เรื่องระบบประสาทนั้น เสิ่นหวนไม่ สามารถรับประกันได้
แม้ว่าหวูเหยาฮุยจะหนักถึงขั้นเป็นบ้าไป เสิ่นหวนก็ไม่ได้ สนใจ ถ้าเกิดว่าไม่ได้อยู่ในผับแล้วละก็ เสิ่นหวก็คงลงมือ ฆ่าหนูเหยาฮุ่ยไปแล้ว
ความโกรธเกลียดที่สุดก็คือ คนที่ใช้อำนาจบารมีของที่ บ้านมาอวดเบ่ง คนนอกกฎหมายเหล่านี้ แม้ว่าจะเป็นเห มือนซ่งเจียหมิงที่ชอบเอาเงินฟาดหัวคน ยังแกร่งกว่าเขา หลายเท่านัก
ขนาดที่อยู่ตงไห่เขายังจองหองอวดดีได้ขนาดนี้ เสิ่น หวนก็พอจะเดาได้ ว่าในถิ่นเขตทหารซีหนาน เจ้าหมอนี่ คงหยิ่งผยองได้มากทีเดียว!
แค่คิดว่าเขานั้นได้ฆ่าคนจนครอบครัวแตกแยกไปแล้ว ก็คงไม่น้อย เมื่อคิดได้ดังนั้น ในใจพลันเกิดความรู้สึก อาฆาตจนอยากจะฆ่าคนออกมาอย่างรุนแรง
เวลานี้เอง เมื่อเห็นว่าเส้นหวนเริ่มแสดงความอาฆาตและ พุ่งมาหาตนเอง ซ่งเจียหมิงตัวสั่นทันที
ผู้ชายคนนี้ ราวกับปีศาจร้าย ทำร้ายรุ่นที่สองที่ซ่งเจียห มิงรู้สึก
นั่นหวูเหยาฮุยเลยนะ นั่นเป็นผู้ชายที่ในใจของเขาคิด ว่าสูงส่งเหนือกว่าผู้ใด จนได้รับฉายานามว่าเย่ชิงเทียนผู้ ซึ่งใหญ่คับฟ้า ขนาดหวูเหยาฮุยเองยังต้องเกรงใจอยู่สัก หน่อย
ทว่าเวลานี้ คนคนนี้ไม่เพียงทำร้ายหวูเหยาฮุยจนเกือบ ใกล้ตายอยู่รอมร่อ แถมยังบอกกับจอมทัพหวูด้วยตนเอง อีก!
“แกควรถือว่าโชคดี แกก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือโลหะชั้น ยอดในมือเย่ชิงเทียนเท่านั้นเอง ไม่เคยท่าเรื่องเลวทราม อะไร! หลังจากที่ไสหัวกลับไปที่ซีหนานแล้วช่วยบอกจอม ทัพหวูแทนฉันที บอกเขาว่าให้เขาสั่งสอนคนในบ้านของ เขาให้ดีๆ !”
“ถ้าครั้งหน้าฉันไปเจอเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก งั้นฉันก็ จะช่วยเขาเคลียร์ชื่อคนในทะเบียนบ้านให้ จำได้แล้ว ฉัน ต้องการให้แกพูดแบบนี้ไปอย่าได้ปรับเปลี่ยน เอาคำพูด ทุกคำทุกประโยคทั้งหมดนี้กลับไปด้วย!” เสิ่นหวนกำลังคุ ยกับซ่งเจียหมิงในเวลานี้
ส่วนทางด้านซ่งเจียหมิง ในเวลานี้เอง ทำได้แค่พยักหน้า ให้ตามสัญชาตญาณ ในหัวสมองนั้น ไม่มีความคิดอื่นใด เลย
เมื่อเห็นว่าซ่งเจียหมิงยืนเป็นตอไม้แห้ง เสิ่นหวนยิ้มให้ เล็กน้อย จากนั้นก็หันหลังกลับและพูดว่า “เสี่ยวเจว่ เรื่อง ดีๆ ที่เหลือก็ยกให้แกแล้ว แต่ว่าเรื่องในวันนี้ ฉันไม่หวังให้ มันแพร่กระจายออกไป ส่วนพวกเขา แกจัดการให้ดีๆ !”
เสิ่นหวนหมายถึงแขกเหรื่อที่อยู่ในผับพร้อมทั้งกวาดตา พูด จากนั้นต่างก็เดินแยกย้ายออกไปนอกผับแทน
หลังจากผ่านเรื่องของหวูเหยาฮุ่ยไปแล้ว อารมณ์ของ เสิ่นหวนเริ่มเลวร้ายลง และยังขี้เกียจจะอยู่ในผับต่อ
ความจริงแล้วหลังจากที่หวูเหยาฮุ่ยลงมืออย่างจองหอง แล้ว ยี่เสี่ยวถงก็จัดการปิดประตูใหญ่ของผับแล้ว แต่ว่า เวลานั้น ไม่มีคนกล้าห้ามเสื่นหวนเลย
หลังจากที่เสิ่นหวนออกไปแล้ว ยี่เสี่ยวถงก็เดินมาอยู่ บริเวณด้านหน้าของหนันกงเจว๋ พร้อมทั้งกระซิบพูด “คุณ ชายเจว๋ วางใจเถอะ เรื่องที่เหลือ ฉันจะจัดการให้ดี คนใน นั้น ทั้งหมดจะต้องปิดปากเงียบกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้!”
พูดกันตามตรง เธอก็ตกใจกับความบ้าพลังของเล่น หวน ไม่คิดเลยว่าคนที่หนันกงเจว๋พามาด้วยนั้น จะมีพลัง มหาศาลถึงเพียงนี้
เดิมทียี่เสี่ยวถงก็แค่อยากใช้โอกาสใช้งานหนันกง เจว๋เท่านั้นเอง แต่ไม่คิดเลยว่า หวูเหยาฮุยจะเป็นผู้ทรง อิทธิพลที่แข็งแกร่งที่แท้จริง
แต่สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงเลยนั่นคือ เสิ่นหวนคนนี้นี่ แหละ ถึงเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่แข็งแกร่งที่แท้จริง!
เมื่อคิดถึงคนคนนั้นที่อยู่ด้านหลังของตนเอง เวลานี้ยี่ เสี่ยวถงอดเอามาเปรียบเทียบไม่ได้!
ในเวลาเดียวกัน บนเวทีตอนนี้ ดวงตาที่กำลังขยับอยู่คู่ หนึ่ง ในเวลานี้เอาแต่จับจ้องหลังเสิ่นหวนที่เพิ่งหายไป ใน ดวงตาคู่นั้น เต็มไปด้วยสายตาหลงใหล
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ