เทพบุตรตัวเต็งในใจของฉัน

บทที่ 8 เถ้าแก่เนี้ยแห่งผับบลูดรีม



บทที่ 8 เถ้าแก่เนี้ยแห่งผับบลูดรีม

เมื่อเห็นเสิ่นหวนได้ทำความรู้จักกับหนันกงเจว่ หลิน เสี้ยวเลี้ยวที่อยู่ข้างๆคุณหนูซูได้ ก็ได้รู้สึกประหลาดใจ เป็นอย่างมาก

แต่เดิมคิดว่าคงจะต้องเห็นเสิ่นหวนและหนันกงเจว่เกิด การท้าทายกัน แต่แล้วก็ไม่เป็นเช่นนั้น กลับต้องมาเห็น ทั้งคู่สร้างมิตรไมตรีต่อกัน

คนที่คิดเหมือนกับหมินเสี้ยวเสี้ยวก็คือคุณหนูซูได้นี่เอง แต่ที่ตกใจไปกว่าหลินเสี้ยวเสี้ยวก็คือ คุณหนูซูไต้ที่เกิด ความสงสัยอย่างเห็นได้ชัด

ประวัติของหนันกงเจว๋ เธอไม่ได้รู้จักมากนัก แต่ก็พอจะรู้ อยู่ว่า เป็นทายาทแห่งตระกูลที่มีชื่อเสียง ซึ่งเมื่อเทียบกับ เย่ชิงเทียน ก็ถือว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่

เขารู้จักกับเสิ่นหวนได้ยังไง หรือว่า เสิ่นหวนก็มาจาก ตระกูลที่มีชื่อเสียงเช่นกัน

หากเสิ่นหวนมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงละก็ ทำไมก่อน หน้านี้ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ แม้กระทั่งชื่อยัง ไม่เคยได้ยินเลย

และถ้ามาจากทายาทตระกูลดังจริงๆ ทำไมถึงได้มาเป็น บอดี้การ์ด ก็พูดยากเหมือนกัน !
ถึงแม้ว่าคุณหนู ได้รู้ดีว่า ตัวเองถูกขนานนามให้เป็น สาวสวยแห่งเมืองจิง และเธอก็รู้ว่า ยังถูกคนบางกลุ่มพูด ลับหลังอยู่ดี

คุณหนูซูได้มีหน้าตาสวยงาม เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป แต่ประชากรทั้งหมดใน 12 พันล้านคน สามารถหาผู้หญิง ที่สวยที่สุดออกมาได้ เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเสียจริงๆ

แล้วถ้าพูดถึง ในมหาวิทยาลัยตงไห่ ก็ยิ่งมีจำนวนผู้หญิง ไม่มากมายนัก และไม่แย่ไปกว่าคุณหนูซูไต้สักเท่าไหร่

คุณหนูซูได้ไม่เคยคิดมาก่อนว่า โฉมหน้าของเขาเองจะ เป็นที่หลงใหลของใครหลายคน เช่นหนันกงเจว๋ แต่ไหน แต่ไรก็ไม่เคยเลิกสนใจเธอเลย

แต่ความรู้สึกลึกๆของคุณหนูซูไต้ยังสงสัยกับประวัติ ของเสิ่นหวนอยู่ดี ซึ่งเป็นจังหวะที่เสิ่นหวนเอ่ยปากพูด ออกมาว่า

“ผมพึ่งนึกออกว่า ระเบียบข้อที่หนึ่งของการปฏิบัติหน้าที่ หากมั่นใจว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ปลอดภัยต่อเจ้านาย บอดี้การ์ดไม่สามารถรบกวนเวลาส่วนตัวของเจ้านายได้ ดังนั้นผมไม่สมควรจะรอตรงนี้ ขอออกไปรอที่อื่น หากมี ธุระก็โทรศัพท์หาผมได้เลย” เสิ่นหวนพูดด้วยความกระตือรือร้น ไม่ทันให้คุณหนูซูได้อนุญาต ก็รีบ ลุกเดินออกไปพร้อมหนันกงเจว่

คุณหนูซูได้มองดูเสิ่นหวนที่เดินออกไป ตอนนั้นเธอคิด อยากจะเข้าไปถีบเขาสักที

กฎบ้ากฎบออะไรกัน ที่แท้ก็อยากจะเดินเล่นกับหนันกง เจว แล้วก็หาข้ออ้างขึ้นมา

คุณหนูซูไต้พูดออกมาด้วยความไม่พอใจ แต่สีหน้าก็ยัง คงเก็บอารมณ์ไว้ได้ดี

และตอนนี้ เสิ่นหวนได้เดินออกจากห้องเรียนพร้อมกับ หนันกงเจว๋ เมื่อเดินออกมา หนันกงเจว่อดไม่ได้ที่จะถาม ขึ้นว่า “ พี่หวน ทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้ละ แล้วก็ พี่เป็นอะไร กับคุณหนูซูไต้ แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมถึงมาเป็นบอดี้ การ์ดรับใช้เขา ”

“ใช่ไง ตอนแรกก็อยากจะกลับมาพักผ่อน ไม่คิดว่า ปู่ทวดจะเตรียมการไว้แล้ว ให้มาเป็นบอดี้การ์ดของคุณ หนู รู้สึกน่าเบื่อมาก ฉันก็รับคำแบบไม่เต็มใจสักเท่าไหร่”

“แต่ว่า ปู่ทวดคงไม่รู้ คุณหนูซูไต้ รับหมั้นเย่ชิงเทียนไว้ แล้ว” หนันกงเจว๋ได้พูดออกมาด้วยความสงสัย
“ก็รู้นะ ” เสินหวนตอบมาอย่างมั่นใจ

“แล้วทำไมปู่ทวดถึง……… หนันกงเจว่ยังคงถามต่อด้วย ความสงสัย

เสินหวนครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก็ตอบว่า “ คงไม่ต้องปิดบัง อะไรนาย บอดี้การ์ดเป็นแค่หน้าที่บังหน้า หน้าที่ที่ทำให้ ปู่ทวดจริง ๆก็คือ ให้ฉันมาแย่งชิงคู่ครอง ”

“แย่งชิงการคู่ครอง” หนันกงเจว๋เมื่อได้ยินเสิ่นหวนพูด ดังนั้น ก็รู้สึกช็อกจนแทบจะเป็นลม แต่ยังฝืนพูดต่อไปว่า “โจทย์ข้อนี้น่าสนใจจริงๆ พี่หวน ผมเชียร์พี่นะ”

“เชียร์ฉันจะมีประโยชน์อะไรกันเชียว แต่ก็คิดๆดูแล้วว่า หนุ่มดวงตกอย่างเย่ชิงเทียนก็น่าสงสารไม่น้อย นายลอง คิดดูว่าปู่ทวดของตระกูลพวกเราให้ฉันมาทำเรื่องไร้ศีล ธรรมแค่นี้จริงๆหรือ พ่อของคุณหนูซูไต้ก็ตะล่อมฉันไม่ หยุด หวังอย่างเดียวให้ฉันแย่งลูกสาวกลับมาให้ได้ ช่างดู โง่เขลาจริงๆ” เสิ่นหวนพูดแบบหมดหนทาง

หนันกงเจว๋ก็หัวเราะออกมา และพูดเบาๆว่า “ พี่หวน แสดงว่าพี่ยังไม่รู้เรื่องภายในบางอย่าง

“ขอพูดเลยละกัน บริษัทตระกูลซูของคุณหนูซูไต้ ปีที่ แล้วประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ต่อมา เย่ชิง เทียนก็ปรากฏตัวเย่ชิงเทียนก็ทำเหมือนเข้ามาช่วย ไม่แค่นั้นนะยังขอหมั้นกับคุณหนูซูไต้ แล้วยังเพิ่มเงินอัดฉีด เข้าบริษัทตระกูลซูอีกด้วย”

“ไม่เพียงเท่านี้ จากที่ฉันรู้มา เย่ชิงเทียนต้องการจะ แย่งชิงหุ้นในบริษัทตระกูลซู และยังได้ข่มขู่ประธานของ บริษัทตระกูลซูพี่คิดว่าพ่อของคุณหนูซูไต้รู้เรื่องนี้แล้ว ยัง จะยกลูกสาวให้กับหมอนั่นอีกหรือ”

เสิ่นหวนพยักหน้า และถอนหายใจพูดออกมาว่า ” ที่แท้ เป็นอย่างนี้นี่เอง คิดจะได้ทั้งคนทั้งเงิน ต้องบอกว่า เจ้าเย่ ชิงเทียนช่วงสองสามปีมานี้ทำอะไรเยอะแยะมากมาย รอ ให้เจอกับเขาก่อน ฉันอาจจะต้องสั่งสอนเขาสักหน่อย

“ฮ่ ๆ ผมคิดว่าถ้าเย่ชิงเทียนรู้นะ ว่าพี่หวนมาอยู่ข้างๆคุณ หนูซูไต้ เขาคงกระอักเลือดแน่ ไอ้หนุ่มนั้น ตอนนั้นก็เสีย เปรียบพี่หวนไม่น้อย พูดไปแล้ว เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเอง เขาอาจจะจำพี่ได้” หนันกงเจว๋หัวเราะพูดออกมา

เสิ่นหวนหัวเราะร่า ไม่ได้พูดอะไร คิดแค่ว่าเป็นเรื่อง เล็กๆที่ผ่านไปหลายปีก่อน

“ไปกันเถอะ พี่ พวกเราหาร้านกันดีกว่า นั่งดื่มชากันสัก แก้ว” หนันกงเจว๋พูดกับเสิ่นหวนอย่างตื่นเต้น

เสิ่นหวนพยักหน้า และพูดด้วยความสงสัยว่า “แล้วคุณชายกัวเป็นเพื่อนกับนายหรือ ”

เมื่อหนันกงเจว๋ได้ยิน ก็พูดมาว่า “ ก็ถือว่าใช่ ไอ้หนุ่มนั้น สมองช้า ๆหน่อย ทำอะไรไม่ค่อยคิด แต่ก็ไม่ได้เป็นคน เลวอะไรนะ บ้านผมกับบ้านเขามีความสัมพันธ์กันอยู่บ้าง นับว่าเป็นผู้สนับสนุนของพ่อผม เขาก็เคารพให้เกียรติผม ดี ฉะนั้นปกติที่โรงเรียน ผมก็ดูแลเขา ”

“แล้วนายยังให้เขาไปยุ่งกับคุณหนูซูได้อีกเหรอ ไม่กลัว เย่ชิงเทียนเหรอ” เสิ่นหวนถามด้วยความสงสัย

“อืมอืม พี่ ถ้าหากเป็นที่เหยียนจิง ไม่แน่ผมอาจจะต้อง จัดการสักหน่อย แต่ที่นี่ตงไห่ ผมไม่กลัวเย่ชิงเทียนหรอก ว่าก็ว่าเถอะ กัวเอ้อตานั่นก็ไร้สาระ ให้เขาไปกวนเย่ชิง เทียน ผมก็อดที่จะดีใจไม่ได้ แต่ตอนนี้พี่ พี่กลับมาแล้ว เดี่ยวครั้งหน้าผมจะเตือนเขาให้ อย่ายุ่งกับคุณหนูซูไต้ อีก” หนันกงเจ พูดอย่างสบายๆ

เสิ่นหวนหันไปมองหนันกงเจว๋ที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจ ออกเบาๆ เขาคิดว่าเด็กที่เคยวิ่งเล่นกับเขาเมื่อหลายปี ก่อน ได้กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งในตอนนี้

ถึงแม้ว่าตัวเองอยู่ในหน่วยทหาร ไม่ค่อยได้สนใจเรื่อง ภายนอกเท่าไหร่นัก แต่ก็ได้ยินอยู่บ้าง พ่อของหนันกง เจว๋ช่วงสองสามปีมานี้เป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมือง ก็คือ ผู้นำแห่งเมืองตงไห่ และหลังจากปีนี้ กำลังจะเลื่อนเป็นเลขาของรัฐมนตรีอีกด้วย

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ หวาเซี่ยคงมีผู้นำที่แข็งแกร่ง มิน่าล่ะ หนันกงเจวถึงไม่ได้เกรงกลัวเย่ชิงเทียนเลย

“ไปกันเถอะ พี่ ผมอยากจะออกไปดื่มเหล้าที่ร้านดีๆสัก แห่งหนึ่ง เดี๋ยวจะพาไปเอง รับรองไม่ทําให้ผิดหวัง” หนัน กงเจว๋พูดด้วยสีหน้าที่ดีใจ

หลังจากนั้น ก็ได้พาเสิ่นหวนออกไป เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ออกจากมหาวิทยาลัย ไม่นาน ก็ได้มาถึงถนนที่คึกคักเส้น หนึ่ง และตอนนั้นพวกเขาสองคน ได้ยืนอยู่ที่หน้าประตู ผับบลูดรีม

ผับบลูดรีม!

นี่เป็นชื่อของร้านเหล้าเหรอ ฟังดูแล้วเป็นชื่อที่เก๋อยู่ไม่

น้อย

หลังจากที่เดินเข้าไปในร้าน เสิ่นหวนพบว่า ที่แห่งนี้เป็น บาร์ดีๆนี่เอง แต่ทว่าการตกแต่งด้านใน กลับดูหรูหราไม่ น้อย แต่ในความหรูหรา ยังซ่อนความสวยงามให้เห็นอีก ด้วย

คงจะหมดกับการตกแต่งอยู่ไม่น้อย เสิ่นหวนคำนวณดู แล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้าน และการออกแบบตกแต่งต้องเป็นฝีมือของนักออกแบบที่มีชื่อเสียงเป็นแน่

“พี่ นี้เป็นสถานที่ที่โด่งดังแห่งหนึ่งของมหาวิทยาลัยตง ไห่เลยนะ ไม่เพียงแต่บรรยากาศดี ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสาว สวยอีกเพียบ” หนันกงเจว๋หัวเราะและพูดกับเสิ่นหวน

“อ้าว คุณชายเจว๋ รอบนี้คุณพาเพื่อนมาด้วยหรือ” ใน ตอนนั้น มีสาวสวยหน้าตาสดใสคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก ทายหนันกงเจว่

“อืม ใช่ เถ้าแก่เนี้ยของเธอมาแล้วยัง” หนันกงเจว๋ได้ พยักหน้า แอบเนียนเป็นวัยรุ่นหนุ่ม พร้อมกับถามออกไป เบาๆ

“เถ้าแก่เนี้ยยังไม่มา คุณชายเจว๋จะนั่งที่เดิมหรือเปล่า” หญิงสาวผู้นั้นได้ให้การต้อนรับอย่างคุ้นเคย

“ใช่ แล้วก็ เธอช่วยเดินไปที่ห้องเก็บไวน์หน่อย หยิบขวด โรมาเนกองติออกมาให้ฉันด้วย” หนันกงเจว๋พูดไปสั่งของ ไปด้วยเลย

หญิงสาวผู้นั้น รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะ

จ้องมองเสิ่นหวน

คนทั้งโลกรู้ดีว่าไวน์ของราฟฟี่เป็นไวน์แดงที่มีชื่อเสียงและมีราคาแพงมาก แต่ว่าก็มีเพียงคนที่รู้จักไวน์เท่านั้นที่ เข้าใจ โรมาเนกองติ เป็นหนึ่งในไวน์แดงที่มีราคาสูงมาก

ไวน์กองติของหนันกงเจว่นั้น เขาซื้อมาในราคาที่แพง มหาศาล ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ เขาไม่เคยคิดจะเปิด เลย ถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มชั้นเยี่ยมของบาร์ทีนี่ คาด ไม่ถึงว่าวันนี้ ในที่สุดคุณชายเจว๋ก็เปิดมัน

และตอนนี้ หนันกงเจว๋ได้พาเสิ่นหวน เดินตรงไปชั้นบน ในเวลาเดียวกันก็อธิบายโน่นนี่นั่นให้เสิ่นหวนฟังตลอด ทาง

“พี่หวน ผมบอกก่อนนะ เถ้าแก่เนี้ยร้านนี้ เป็นคนค่อน ข้างแปลก จะพูดไปแล้ว ตอนนี้ ไม่มีใครรู้ประวัติของเธอ เลย แต่รูปร่างหน้าตางดงามมาก แถมยังเป็นคนมีเงิน แต่ ก็ไม่รู้ว่าทำไม มาเปิดร้านเหล้าที่มหาวิทยาลัยตงไห่ตรง

“ก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินไปทำไม พนักงานในร้านล้วนเป็น สาวสวยของมหาวิทยาลัยตงไห่ จริงซิ พี่รู้หรือยัง มหาวิทยาลัยตงไห่มีสาวสวยสี่คน หนึ่งในนั้นเป็นคุณหนู ซูไต้ อีกสามคนที่เหลือ ก็อยู่ในร้านนี้แหละ”

“อืม ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา คาดว่าอีกสักหนึ่งชั่วโมง พวก เธอคงจะมาถึง พอถึงตอนนั้นค่อยถางตาดูกันดีกว่า”หนันกงเจว๋มองดูเวลา แล้วพูดไปยิ้มไปด้วย

หลังจากนั้น พวกเขาสองคนก็มาถึงที่นั่งจิบไวน์ส่วนตัว ของหนันกงเจว๋ ที่นั้งตรงนี้ อยู่ตรงมุมของชั้นสอง ถึงแม้ จะเป็นส่วนของมุมตึก แต่ตำแหน่งถือว่าใช้ได้ทีเดียว เมื่อ มองออกไปจากตรงนี้ ก็จะเห็นบาร์เหล้า สามารถสอด ส่องทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้อีกด้วย

ในขณะนั้น ประตูได้ถูกเปิดออกอีกครั้ง เสิ่นหวนได้เงย หน้ามอง ก็ได้เห็นสาวสวยมีเสน่ห์อยู่ตรงหน้า สวมเดรส ลายผ้าก๊อซสีดำา ค่อยๆเดินเข้ามาในห้อง

“คุณชายเจว๋ ฉันเป็นคนที่ไม่ได้ถูกเชิญ คุณอย่าใส่ใจ เลยนะ” เห็นแค่หญิงสาวคนหนึ่งที่ในมือถือแก้วไวน์แดง และพูดหัวเราะออกมา จ้องมองไปที่เสิ่นหวนโดยที่เขาก็ ไม่รู้ตัว

ตอนนี้เสิ่นหวนรู้สึกได้ถึงความมีเสน่ห์ของหญิงผู้นี้ ซึ่ง ทำให้เขารู้สึกใจสั่นอยู่ไม่น้อย

นี้เป็นเสน่ห์ที่งดงาม เสน่ห์ของเธอทำให้คุณค่าของตัว เองสูงขึ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ