เทพบุตรตัวเต็งในใจของฉัน

บทที่ 10 อวดรวย



บทที่ 10 อวดรวย

“ยี่เสี่ยวถง แต่เดิมก็ไม่คิดจะเปิดสถานบันเทิงแห่งนี้ หรอกนะ แต่เธอก็รู้นิ มีผู้หญิงส่วนหนึ่ง ชอบความทันสมัย ที่เจริญหูเจริญตาของสังคม แถมยังห้ามตัวเองไม่ได้”

“สําหรับพวกเธอแล้ว ผับบลูดรีมเป็นแค่สถานที่ที่รวมตัว ของพวกเธอ แต่ในมหาวิทยาลัย เรื่องมีคนส่งเสียแบบนี้ก็ มีไม่น้อย”

“แต่ในความเป็นจริง ผับแห่งนี้ จริงๆยังเป็นที่สำคัญที่ รองรับให้แก่คนที่ต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย”

“จริงๆ ผับบารทุกแห่ง นอกจากมีบาร์เทนเดอร์หน้าตา หล่อๆแล้ว ยังมีคนอื่นๆ ที่เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย ตงไห่อีกด้วย ส่วนพวกพนักงานเอนเตอร์เทนก็ต้องมี ลักษณะบางอย่างที่เป็นที่ต้องการ แต่สำหรับตำแหน่ งอื่นๆ ก็คือบุคลิกดีเรียนรู้งานไว”

“ในนี้ที่กำลังทำงานอยู่ ทั้งเสิร์ฟ ทั้งทำความสะอาด ล้วน จะเป็นนักศึกษาที่เรียนดีของมหาวิทยาลัยตงไห่และมีพื้น ฐานทางครอบครัวที่อยู่ในระดับปานกลาง แล้วยี่เสี่ยวถ งก็ให้เงินเดือนสูงมาก แต่เวลาในการทำงานไม่นาน

“ดังนั้นนักศึกษามหาวิทยาลัยตงไห่หลายคน ใช้เวลาเพียงน้อยนิด ก็สามารถได้ทิปเพิ่มจากลูกค้าได้

มากมาย!

“ในเวลาเดียวกันสําหรับพวกเขาแล้ว ที่นี่ก็เป็นโอกาส ในการทํางานของพวกเขาเช่นกัน เพราะผู้บริหารระดับ สูงของหลายๆ บริษัทก็แวะเวียนมาที่นี่บ่อยๆ มักจะให้ ความสำคัญกับนักศึกษาที่ทําความสะอาด หรือทำหน้าที่ จัดการบริหารทั่วไป รับเข้าทำงานในบริษัท เรื่องแบบนี้ ก็ ถือเป็นเรื่องที่พบเจอบ่อยมาก”

“ฉะนั้น ผับนี้จะพูดยังไงดีล่ะ สำหรับผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน ที่แห่งนี้ก็ถือว่าเป็นสวรรค์แห่งความมั่นคง และสําหรับ นักศึกษาที่ต้องส่งตัวเองเรียน ที่แห่งนี้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งใน องค์ประกอบหลักที่ให้เขาอยู่รอดต่อไปได้”

“แต่จะว่าไปแล้วการทำงานตรงนี้ถูกจำกัดด้วยเวลา สำหรับนักศึกษาที่ทำงานอยู่ที่นี่ ระบบการจ่ายเงินเดือน ของผับได้ถูกจดบันทึกไว้ทุกเดือน ถ้าหากว่ายอดเงิน เดือนที่จ่ายไปสูงพอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายจนจบการศึกษา ได้แล้ว ผับจะให้พวกเขาออกจากงาน และรับพนักงานชุด ใหม่เข้ามาแทน”

คำพูดของหนันกงเจว๋ ทำให้เสิ่นหวนพยักหน้าตลอด เวลา ระบบการจัดสรรเงินและสวัสดิการแบบนี้ ความจริง ก็เพื่อจะช่วยนักศึกษาในเรื่องของค่าใช้จ่ายนี่เอง!
“แล้วพวกเธอละ ฉันคิดว่าถ้าเป็นเหมือนพวกเธอสอง คน คืนเดียวก็น่าจะถึงเรตที่ตั้งไว้แล้ว” เสิ่นหวนได้ชี้ไปที่ เพิ่งจื่อยีกับซือเวย

“เพิ่งจื่อยีการเงินที่บ้านก็ไม่ถือว่าแย่ ก็ไม่ได้ขาดเงิน อะไร ฉะนั้นรายรับของเธอ จะให้พูดว่าเทลงให้กับผับเป็น กําไรก็ว่าได้”

“ส่วนสถานการณ์ของซือเวยก็ค่อนข้างจะซับซ้อนอยู่ บ้าง เท่าที่ฉันรู้ การเงินทางบ้านถือว่าแย่เลยทีเดียว ได้ ข่าวว่ามีพ่อที่ป่วยหนักอีกด้วย แม่ก็มีโรคภัยไข้เจ็บติดตัว มียอดค่ารักษาแต่ละเดือนหนักอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเธอ มาทำงานที่นี่ก็เพื่อจะหาเงิน ส่วนรายละเอียดอื่นๆฉันก็ไม่ แน่ใจเหมือนกัน” หนันกงเจว๋คิ้วขมวด และพูดเสียงเบา ๆ

ในเวลานั้น ด้านล่างก็มีเสียงประหลาดดังขึ้นมา

เห็นเพียงพนักงานสาวสวยสองคนเดินตรงไปที่หน้าเวที และพูดเสียงดังว่า “ แขกโต๊ะ12 ได้มอบกุหลาบให้คุณ หนูเฝิ่ง 99ดอก ”

99 ดอก งั้นก็เท่ากับเงินเก้าหมื่นเก้าพันหยวนเลยนะซิ สําหรับนักศึกษาแล้ว เป็นยอดเงินก้อนโตเลยทีเดียว

แต่ก็ไม่ทันสิ้นเสียง ก็ได้มีพนักงานอีกหนึ่งคนถือกุหลาบเดินขึ้นมา เดินไปหยุดตรงด้านหน้าของข้อเลย และพูดเสียงดังว่า ” แขกโต๊ะ 12 ให้กุหลาบคุณหนูซือ 99 ดอก ”

เจ้ามือใหญ่ จ่ายเงินไปสองแสนหยวน ทำให้ผู้คนตรงนั้น เริ่มกระซิบกระซาบกัน ต่างก็พากันสงสัยว่ามีเศรษฐีจาก ที่ไหนเข้ามาเที่ยวผับในวันนี้ด้วย

“เหอ เหอ แล้วมีเจ้าโง่ที่ไหนมาอวดรวยที่นี่อี กละเนี่ย! “หนุนกงเจว่ได้มองไปด้านล่างเวที แล้วพูด ด้วยใบหน้านิ่งเฉย

เสิ่นหวนได้อุทานและส่ายหน้า แท้จริงแล้วมันคือโลก ของคนมีตังค์ เขาเป็นคนจนคงยากที่จะเข้าใจ

“แขกโต๊ะ 10 มอบกุหลาบแม่มดสีฟ้าให้คุณหนูเพิ่ง คุณ

หนูซือ คนละ99 ดอก

“แขกโต๊ะ 8 มอบกุหลาบแม่มดสีฟ้าให้คุณหนูเพิ่ง คุณ หนูซือ คนละ99 ดอก

กุหลาบแม่มดสีฟ้าคือดอกกุหลาบที่มนุษย์สร้างขึ้น กลีบ ดอกเป็นสีฟ้า เมื่อเข้าในผับ ถือเป็นดอกกุหลาบยอดนิยม ประเภทหนึ่ง ราคาดอกละสองพันหยวน
หรือจะพูดว่า แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เพิ่งจื่อยี่และซือเวยสอง คน ได้หารายได้เข้าผับในราคาเกือบครึ่งล้าน

“เขาแข่งกันรวยเหรอเนี่ย” หนันกงเจว๋ที่นั่งอยู่บนโซฟา ได้มองลงไปที่พนักงานที่ส่งมอบดอกไม้กันไม่หยุด และ พูดออกมาเบาๆ

เสิ่นหวนมองลงไปอย่างคิ้วขมวด โดยปกติแล้ว การแข่ง รวยกันแบบนี้ ผลที่ตามมามักไม่ค่อยจะราบรื่นนัก

ที่จริงแล้ว กุหลาบแม่มดสีฟ้าพึ่งจะออกมาไม่นาน แต่ เวลานี้กลับเห็นพนักงานสาวสวยเดินขึ้นไปข้างหน้าอย่าง ตื่นเต้น

“แขกโต๊ะ 12 มอบให้คุณหนูเพิ่งจื่อยี่ เป็นกุหลาบ 999 ดอก”

“มอบให้คุณหนูซือเวย เป็นกุหลาบ 999 ดอก”

เมื่อได้ยินเสียงประกาศจากพนักงาน แขกที่อยู่ในผับก็ ถึงกับแตกตื่นกันไปไม่น้อย

สองล้านเลยเหรอ

เป็นเศรษฐีมาจากที่ไหน ให้ทีเดียวสองล้านเลย !
อาจจะเป็นเงินจำนวนน้อยสำหรับเมืองตงไห่ก็ว่าได้ สอง ล้านอาจจะไม่ถือว่าเยอะแยะมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นคือ นี่ มันแค่ผับทีเดียวนะ

ก็เพราะว่าเห็นสองสาวสวยที่ดูสดใสในเวลานี้ โดนทุ่ม เงินสองล้าน สิ่งที่ได้รับเหมือนไม่ใช่เงินแล้ว ซึ่งในตอนนี้ กลับเห็นชายหนุ่มเดินขึ้นไปบนเวทีอย่าง

สุภาพ และหยุดตรงด้านหน้าไมโครโฟน

“วันนี้ผมมามหาวิทยาลัยตงไห่เป็นวันแรก ไม่คิดว่าน อกจากมหาวิทยาลัยตงไห่จะเป็นสถานที่ในฝันของใคร หลายคนแล้ว ยังมีเพิ่งจื่อยีและซือเวยที่ถือเป็นความ สวยงามประจําเมืองแห่งนี้อีกด้วย เจียหมิงไร้ความ สามารถ ดอกกุหลาบเหล่านี้แทนความหมายแห่งการ ยกย่องให้เกียรติ หวังว่าสาวงามทั้งสองคน และเพื่อนของ เจียหมิงสองสามคนนั้น พอจะสามารถไปชนแก้วกับเรา ได้” ซ่งเจียหมิงพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

เมื่อพูดจบ เขาก็หันกลับไปมองเพิ่งจื่อยีและซือเวย

ตอนนี้มีเพียงเพิ่งจื่อยี่ที่หยุดยืนอยู่ตรงนั้น มองซ่งเจียห มิงด้วยความรังเกียจ และพูดมาว่า “ ไม่เห็นจะน่าสนใจ เลย ”

เมื่อซ่งเจียหมิงได้ยิน แสดงสายตาที่ตกใจและโกรธออกมา

แต่เดิม เขาคิดว่า ถ้าเขาทุ่มเงินไปสองล้าน ก็พอที่จะ สามารถเป็นที่น่าพอใจของสองสาวสวย และค่อยเลี้ยง เบียร์ดีๆให้พวกเขาสักแก้ว ก็ไม่ถือว่าจะเป็นเรื่องหนัก หนาอะไร

แต่ไม่คิดว่า เ ง อยีกลับปฏิเสธเขา

เขารู้สึกถึงความอับอายกลางเวที แม้กระทั่งพนักงาน สาวที่ส่งมอบดอกไม้ก็พูดอะไรไม่ออก

“คุณหนูเฟิงไม่ยอม ก็อย่าไปบังคับใจเขาเลย แต่คุณหนู ซือเวย ไม่แน่ใจว่าจะยอมมาดื่มเบียร์ด้วยกันหรือเปล่า อย่ากังวลไปเลย ก็แค่เป็นการจิบไวน์กัน เพราะคุณหนู ซือเวยและเพิ่งจื่อยีมีเสน่ห์มาก เพื่อนของผมสองสาม คน ก็อยากจะใกล้ชิดชมความงามของทั้งสองคนเลย” ซ่ง เจียหมิงยังคงพูดโน้มน้าวต่อ

“ฉัน…..….….. ซือเวยได้แสดงสีหน้าอึดอัดใจออกมา ต่างกับ เพิ่งจื่อยี ซึ่งซือเวยต้องการเงินในตอนนี้

พ่อแม่ของเธอก็ป่วยหนัก ทุกวันต้องจ่ายค่ารักษา พยาบาล ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินที่เยอะพอสมควร แถมยัง ต้องหาพยาบาลมาดูแล ยังไม่รวมค่าผ่าตัดต่างๆนานา คืนนี้ให้รางวัลสักหนึ่งล้าน สำหรับเธอแล้ว เป็นรายรับที่มากพอ ถึงแม้ว่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้หมดทุกอย่าง แต่ พอจะช่วยแบ่งเบาภาระที่หนักหน่วงได้

แต่ที่เหมือนกันคือ ซือเวยก็เข้าใจดี พวกคนมีเงินเหล่า นี้ที่ทุ่มเงินอย่างไม่ลังเล ที่พวกเขายอมจ่ายเงิน ก็เพื่อ ประโยชน์อะไรบางอย่าง

อเวยไม่ใช่คนที่เพียงแต่จะยอมรับเงินเพื่อเอาตัวเข้า แลก ไม่อย่างนั้นด้วยหน้าตาของเธอ เธอคงได้แต่งงาน กับพวกคนรวยเหล่านั้นแล้ว

“เวยเวย ไม่ต้องไป” เพิ่งจื่อยีคิ้วขมวด และพูดด้วย อารมณ์เย็นชาออกมา

“โถ่ พวกนายทำอะไรกัน ถ้าไม่ไว้หน้ากันก็จะไม่ไว้ คืนนี้ ไม่ต้องพูดถึงดื่มเหล้าหรอก พวกนั้นคิดแค่จะนอนกับเธอ ชวนไปนอนไงล่ะ ยังไงต่อล่ะ”

ณ ตอนนี้ ก็มีชายหนุ่มเจ้าชู้อย่างเดินออกมา ชี้ไปที่ เพิ่งจื่อยี และพูดด้วยอารมณ์โกรธว่า

“คุณ……..” เพิ่งจื่อได้ยินคำพูดของชายดังกล่าว สีหน้า ก็แสดงอารมณ์โกรธออกมา

ไม่ทันรอให้เขาพูดจบ ชายเจ้าชู้คนดังกล่าวก็แทรกขึ้น มาว่า “ คุณอะไรคุณ เพิ่งจื่อยี คิดว่าฉันไม่รู้ประวัติเธอหรอกรี บริษัทเพิ่งหวงถึงแม้จะมีเงินน้อยนิด แต่พวกฉันก็ อยากให้ล้มละลาย ต้องลุ้นอยู่ทุกเวลา เพิ่งหมิงซวน พ่อ ของเธอ อยู่เมืองตงไห่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ”

“เมื่อกี้เจียหมิงยังไว้หน้าเธออยู่ ยังให้เกียรติ แต่เธอกลับ ขายหน้าซะเอง คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรักษาหน้าเธอ ไว้” ชายดังกล่าวพูดด้วยความหยิ่งยโสกับเฟิงจื่อยี

เพิ่งจื่อยีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที ไม่คิดว่าชายผู้นั้นจะสืบ หน้าประวัติของเธอได้ และพูดออกมาอย่างไม่เกรงกลัว อะไร

“คุณผู้ชาย คุณอย่ามาสร้างปัญหาอะไรตรงนี้เลยนะ” ในตอนนั้น ชายชุดดำคนหนึ่งได้เดินออกมา หยุดยืนอยู่ ตรงหน้าซ่งเจียหมิงกับเพื่อนชายคนดังกล่าว แล้วพูดด้วย นําเสียงที่เคร่งขรึม

“ฉันจะสร้างปัญหาที่นี่ แล้วยังไง ใช่แล้ว ได้ยินมาว่า ที่ นี่ยังมีเถ้าแก่เนี้ยสวยๆอีกคน ถูกขนานนามพร้อมกับสอง สาวคนนี้ว่าเป็นสามสาวสวยแห่งเมืองตงไห่ เรียกเธอมา หาฉันหน่อยสิ ให้ฉันได้ชมเชยหน่อย สามสาวสวยนี้จะ สวยแค่ไหนกันเชียว” ชายดังกล่าวพูดด้วยอารมณ์นิ่งเฉย

“คุณผู้ชาย ช่วยระงับอารมณ์ก่อนครับ” เป็นคำพูดของชายชุดด่า ที่มีแววตาโกรธเคือง และพูดออกมาเหมือน กําลังยับยั้งอารมณ์อยู่

“เหอๆ ระงับอารมณ์เหรอ” เขาหัวเราะเยาะเย้ย และ ค่อยๆดีดนิ้วชี้ออกมา

จู่ ๆก็เห็นเงาปริศนาของใครบางคนเดินไปบนเวที แล้ว ตรงไปที่ชายชุดด่าคนนั้นถีบเข้าอย่างจัง

ชายชุดดำหลบและถอยมาข้างๆ เพื่อไม่ต้องการให้ เงาปริศนาเข้ามาใกล้ หลังจากนั้นได้เกิดการต่อสู้อย่าง รวดเร็ว ไม่นานร่างของชายชุดดำก็หล่นลงกลางอากาศ

ผลัวะ”

ในที่สุด ชายชุดดำก็ถูกเงาปริศนาเตะกระเด็น เลือด กระเด็นเต็มอากาศ หลังจากนั้นก็ค่อยๆฟุบลงที่พื้น

“ฮึบ เสร็จไปหนึ่ง” ชายหนุ่มผู้ไม่เกรงกลัวได้พูดอย่าง สะใจออกมา

และตอนนี้ ประตูห้องกินเบียร์ของเสิ่นหวนได้เปิดออก มา โดยมียี่เสี่ยวถงที่มีสีหน้ากังวลได้เดินออกมา

“คุณชายเจว๋ ครั้งนี้คงต้องรบกวนเธอสักหน่อย คนของฉันสองสามคน คงจะสู้แรงของพวกเขาไม่ได้ หลัง จากที่ยี่เสี่ยวถงเดินเข้ามา ได้พูดน้ำเสียงนิ่งกับหนันกง เจ *

“อ้าว พี่ยี่ แม้แต่มือดีของพี่ ยังสู้แรงมือของพวกเขาไม่ได้ นั้นเหรอ” หนันกงเจว๋พูดด้วยความประหลาดใจ

ยี่เสี่ยวถงฝืนยิ้มออกมา แล้วพูดแบบเศร้าๆว่า “ ลูกน้อง กลุ่มนั้น น่าจะมาจากเขตรักษาความปลอดภัยฝั่งตะวัน ออกเฉียงใต้ คนที่ลงมือคนนั้น น่าจะเป็นคนของเซินเจี้ยน เธอก็รู้ว่าคนของเซินเจี้ยนกลุ่มนี้น่ากลัวอย่างกะอะไรดี ฝั่งฉันตรงนี้ คงสู้กับเขาไม่ได้”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ