เทพบุตรตัวเต็งในใจของฉัน

บทที่ 5 สอนเธอให้เป็นคน



บทที่ 5 สอนเธอให้เป็นคน

เมื่อเห็นเสิ่นหวนเดินเข้ามาหา สีหน้าของเขา มีรอยยิ้ม แหยๆซ่อนอยู่ ลึกๆในหัวใจของเหล่าวตาว ก็ยังรู้สึกเหน็บ หนาวอยู่

รอยยิ้มแบบนี้ เขาก็เคยเป็น จะเกิดขึ้นในช่วงที่ไว้กดขี่คู่ ต่อสู้ เป็นรอยยิ้มที่น่าเกรงขามเสียจริงๆ

แน่นอน เสินหวนไม่ได้คิดอย่างนั้นเป็นแน่

เมื่อไปถึงข้างๆเหล่าตาว เสิ่นหวนก็ย่อเขาลงช้าๆ ราวกับ ว่าไม่ได้เกรงกลัวเหล่าตาวแม้แต่น้อย

“คิดดูสิตั้งแต่นายปลดประจำการ เพื่อที่จะเป็นหมารับ ใช่ให้พวกเขา คงกัดคนนับไม่ถ้วนแล้วซินะ” เสิ่นหวน ได้พูดกับเหล่าตาว สีหน้าหดหู่ของเหล่าวตาว สายตาที่ หวาดกลัวมองไปที่เสิ่นหวน

“ถึงแม้จะเป็นหมารับใช้ ก็ไม่เหมือนกับการเป็นคนดี ดัง นั้น ฉันจึงยอมให้นายเป็นคน” เมื่อเสิ่นหวนพูดจบ ค่อยๆ ลุกขึ้น หลังจากนั้นค่อยๆเหยียดแตะพื้น

“อื้อ”

เหล่าตาวได้ส่งเสียงอุทานออกมา สีหน้าซีดเผือด ในดวงตาของเขา ไม่มีแม้แต่ความสดใส

แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจ สิ่งที่เสิ่นหวนกล่าวหมายถึงอะไร

เขาดูถูกตัวเองมาตลอด เหมือนตัดขาตัวเอง ไม่ได้กลัว

ว่าหลังจากนี้จะเจ็บมากน้อยแค่ไหน แต่กลัวว่าจะรักษา

กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้

และถ้าไม่มีพละกำลังอะไรมากพอ เขายังจะเป็นหมารับ ใช้ให้เจิ้นเฉินยังไง

เมื่อเห็นสีหน้าของเหล่าตาวขาวซีดขนาดนั้น เสิ่นหวนก็ ฉีกยิ้มมุมปากออกมาทันที ถ้าไม่เห็นกับว่าเหล่าตาวเคย สละชีวิตเพื่อรักษาประเทศเอาไว้ เสิ่นหวนคงไม่ปล่อย เขาไปแบบนี้หรอก

ขาของเขาที่ก้าวเดินไม่ถนัด ถึงแม้จะเป็นการดักขาตัว เอง แต่ทว่าหากได้รับการรักษา ก็จะสามารถกลับมาเดิน ได้ปกติไม่มีปัญหาอะไร

หลังจากนั้น เสิ่นหวนก็ไม่ได้สนใจเหล่าตาวอีก ได้แต่หัน กลับมา แล้วมองไปที่เจิ้นเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ

และตอนนี้ เจิ้นเฉินถึงตะลึงกับภาพที่ปรากฏด้านหน้า เหล่าตาวผู้ซึ่งไม่เคยยอมแพ้ เมื่ออยู่ใต้อำนาจของชายคนนี้ ถึงกับต้องยอมถอยได้ขนาดนี้ และดูเหมือนว่าเมื่อกั ถูกยึดอำนาจแล้ว

ในหัวของเจิ้นเฉินตอนนี้คิดได้แค่ ตัวเองคงเตะโดน เหล็กร้อนเข้าแล้ว

“นาย…นายคิดจะทำอะไร” เมื่อเห็นเส้นหวนเท้าเดิน เข้ามาหา เจิ้นเฉินเริ่มกลัวจนตัวสั่น ถามด้วยอาการกล้าๆ กลัวๆ

“วางใจเถอะ ฉันก็แค่รู้สึกว่า นายเหมือนคนที่ขาดการ อบรมสั่งสอน ดังนั้น ฉันขอสอนให้เป็นคนหน่อยละกัน”

เสิ่นหวนพูดไปยิ้มไปกับเจิ้นเฉิน ในขณะที่เจิ้นเฉินนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ เขายื่นฝ่ามือ และวางบนหน้าของ เจิ้นเฉิน

“ฝ่ามือนี้ แค่อยากจะบอกนายว่า คราวหน้าคราวหลัง เวลาจะเข้าห้องต้องเคาะประตูเสียก่อน เข้าใจไหม

“เซี๊ยะ”

เสิ่นหวนได้สลับฝ่ามือเป็นอีกข้างหนึ่ง

“สำหรับฝ่ามือข้างนี้จะบอกนายว่า คราวหน้าคราวหลังเวลาปฏิบัติกับคนที่อายุมากกว่า ต้องแสดงความเคารพ เข้าใจไหม”

เจิ้นเฉินได้ถูกฝ่ามือของเสิ่นหวน ตบบนใบหน้าจนรู้สึก เห็นดาว แม้แต่เสียงความเจ็บ ยังร้องออกมาไม่ได้

และเสิ่นหวน ดูจะไม่ร้อนรนอะไรสักเท่าไหร่ ค่อยๆวาง ฝ่ามือไปที่หน้าเจิ้นเฉิน ฝ่ามือแต่ละข้าง ต่างก็เป็นวิธีสั่ง สอนในการปฏิบัติต่อผู้อื่น

เมื่อเป็นครั้งสุดท้าย หน้าของเจิ้นเฉินก็บวมเหมือน

หัวหมู

“อย่ามาตีลูกฉันอีกนะ ฉันบอกไว้ก่อน” ซูเยว่ที่ยืนอยู่ ข้างๆได้โต้ตอบกลับมา เดินปรี่เข้ามาหา เหมือนผู้หญิงที่ มั่นใจไม่เกรงกลัวใดๆ จะเข้ามาจับเสิ่นหวนไว้

แค่เสิ่นหวนขยับตัวเบาๆ ก็หลบได้ แล้วซูเยว่เองพลาด ล้มลงกับพื้นทันที

“มะ!”

เจิ้นเฉินตะโกนพูดออกมาไม่ชัด เหมือนจะเรียกชื่อแม่ ของเขา แต่ด้วยใบหน้าที่เจ็บช้ำ ทำให้เปล่งเสียงเรียกได้ ไม่ดังมากนัก
“ไอ้คนชั่ว นายมารังแกพวกเราแม่ลูก ฉันไม่ยอมปล่อย นายไว้แน่ ๆ แล้วก็เธอ ได้ได้ เธอดูนิ่งเฉยกับการกระทำ ของบอดี้การ์ดที่เข้ามาตีน้องเฉิน เขาเป็นญาติพี่น้องกับ เธอนะ พวกเธอมันใจร้ายจริง ๆ………………….

ถึงตอนนี้ซูเยว่กลับไม่รู้สึกโกรธแค้นแบบที่ผ่านมา ได้แต่ นั่งปล่อยอารมณ์อยู่บนพื้น ร้องไห้โฮออกมาเสียงดัง

อีกด้านหนึ่งคุณหนูซูไต้ที่มีสีหน้าคิ้วขมวดอยู่ข้างๆ เธอ ไม่คิดว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ในพริบตาเดียว เสิ่น หวนสั่งสอนไปถึงสองคนพร้อมกัน ยังทำให้ใบหน้าเจิ้นเฉิ นกลายเป็นหัวหมูอีกด้วย

“เสิ่นหวน พอได้แล้ว” คุณหนูซูไต่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียง เยือกเย็น ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่ ซูเยว่กับเจิ้นเฉิน ก็ เป็นญาติที่สนิทของเธอ

“ไม่พอ ยังไม่พอ

แต่เดิมคุณหนูซูได้คิดว่า แค่เอ่ยปากออกมาก เสิ่นหวน คงไว้หน้าเธอบ้างไม่มากก็น้อย แต่สุดท้ายกลับไม่คิดว่า เสิ่นหวนกลับปฏิเสธ

หลังจากนั้น ก็เห็นเสิ่นหวนหมอบตัวลง หันไปมองซูเยว่ หัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ ตอนนี้เธอรู้จักพึ่งพาคนอื่นแล้ว ใช่ไหม เมื่อกี้ยังเก่งอยู่เลย
“แต่ฉันคิดว่าเธอคงยังไม่เข้าใจ ว่าที่นี่ใครมีอำนาจสั่ง การได้ทุกอย่าง”

“ในเมื่ออยากให้ลูกชายเข้ามาช่วยออกหน้ารับแทน ก็ ต้องสั่งสอนกันบ้าง จะพูดไปก็ ฉันก็เป็นคนจิตใจดีอยู่ เหมือนกัน อุตส่าห์สั่งสอนลูกชายของเธอให้ ไม่อย่างนั้น คงโดนคนอื่นดูถูกเป็นแน่

“อีกอย่าง ฉันยังจําได้ ฉันให้เธอสั่งสอนตัวเธอเอง เธอก็ ตบหน้าไปหน่อยหนึ่ง ตอนแรกฉันไม่คิดจะให้เป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนความคิดแล้วหรือว่าฉันจะกลับไปสั่ง สอนลูกชายเธออีกดี ให้เขารู้ไปเลยว่า การชดใช้แทนแม่ มันเป็นอย่างไร

พอพูดจบ เสิ่นหวนลากเจิ้นเฉินเข้ามา ให้เขาเอาหน้า บวมๆให้ซูเยว่ได้เห็น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นอีก ครั้งว่า

“พอได้แล้ว” เจิ้นเฉินพูดทั้งความเจ็บปวด ในที่สุดเขาก็รู้ ว่าเขาเป็นลูกของใคร

“อย่าตีลูกฉัน ฉันตีเอง ฉันตีเอง” ซูเยว่ได้ยื่นมือเข้าไป ปกป้องเจิ้นเฉินทันที และร้องไห้ออกมา

เมื่อพูดจบ ก็ยื่นมือ และตบหน้าตัวเองแรงๆไปหนึ่งที
หลังจากนั้น ก็ตบซ้ายทีขวาทีสลับกันไป

“เสินหวนนายพอได้แล้ว อย่าให้มันเกินไป” ช่วงเวลานั้น ด้านหลังของเสิ่นหวน ก็เป็นเสียงของคุณหนูซูไต้พูดด้วย อารมณ์โกรธขึ้นมา

เสิ่นหวนก็ค่อยๆลุกขึ้น มองไปที่ซูไต้ และพูดแบบ เหยียดหยามว่า “ฉันทำเกินไปงั้นเหรอ ทําไมล่ะ ชีวิต พวกเขาก็เป็นของพวกเขา แล้วชีวิตฉันไม่ใช่ของฉันเหรอ

“พวกเขาพาคนมาจัดการฉัน ทำไมเธอไม่พูดบ้างละว่า พวกเขาทําเกินไป พอตอนนี้เห็นฉันสั่งสอนเขา เธอกลับ พูดว่ามันเกินไป เธอมีสิทธิ์อะไรมากล่าวหาฉัน กล่าวหาผู้ อื่น อัปยศชัดๆ” เสิ่นหวนพูดอย่างไม่เกรงใจไปที่ซูไต้

สีหน้าของคุณหนูซูไต้ถึงกับพูดอะไรไม่ออก บวกกับ ความคับแค้นใจที่มีอยู่ ช่วงสองสามปีมานี่ ไม่เคยมีใครดู เธออย่างไร้ปรานีเช่นนี้

เธอไม่เคยคิดที่จะสั่งสอนเสิ่นหวนจริงๆ เพียงแค่เมื่อกี้ อยากจะให้เจิ้นเฉินกู้หน้าเธอแค่นั้นเอง

“เสิ่นหวน นายนี่โง่จริงๆ” ซูไต้พูดด้วยความโกรธออกมา และวิ่งกลับไปที่วิลล่าทันที พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า ไม่หยุด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ