เทพบุตรตัวเต็งในใจของฉัน

บทที่ 1 หน้าที่แห่งการแย่งชิงคู่ครอง



บทที่ 1 หน้าที่แห่งการแย่งชิงคู่ครอง

ณ เมืองตงไห่ บรรยากาศที่ครึกครื้นบนถนน จิง มี ชายรูปงาม ใส่เสื้อผ้าดูธรรมดา ลักษณะเป็นหนุ่มไสตล์ อังกฤษอายุประมาณ 20 ปี กำลังก้มหน้าก้มตาดูข้อมูล แผนที่บนจอมือถือ และดูเหมือนจะบ่นพึมพำอะไรอยู่

“อะไรกันเนี่ย นี่มันอะไรกัน ขนาดวันหยุดยังต้องรับผิด ชอบงาน ไม่มีจรรยาบรรณเอาซะเลย ไม่คิดจะให้คนได้ หยุดพักผ่อนบ้างหรือไง”

“อาจารย์ก็จริงๆเลย อะไรที่ควรทำไม่ทำ อะไรที่ไม่ควร ทํากลับต้องทํา ทําอย่างกับว่าฉันขาดผู้หญิงแล้วจะตาย อย่างนั้นแหละ แต่ทว่าช่วงนี้ร่างกายอ่อนล้า ต้องรีบหา เวลามาชดเชย ก็เหมือนชายชรายุโรปคนนั้นที่ถึงคราวจะ ตายแต่ไม่ตายสักที แม่งเอ๊ย กลัวก็แต่ปู่จะได้รับบาดเจ็บ”

ในขณะที่ชายหนุ่มบ่นพึมพำอยู่นั้น ตาก็จ้องมองหาชื่อ เขตชนบทข้างๆอย่างละเอียดไปด้วย

ประตูทางเข้าวิลล่าหลงหยู้ ด้านบนเขียนชื่อไว้อย่าง ชัดเจน ชายหนุ่มได้ยิ้มมุมปากออกมา หลังจากนั้น เขา ได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดโทรไปที่เบอร์เบอร์หนึ่ง

“ใช่ ผมคือเสิ่นหวน

“โอเค ผมรอเธออยู่ที่หน้าประตู

เมื่อกดวางสาย ไม่ถึง 10 นาที มีรถออดี้รุ่นเอ 6 คัน หนึ่งได้ขับมาช้าๆ และจอดตรงหน้าเสิ่นหวน หลังจากนั้น ประตูฝั่งคนขับได้เปิดออก ผมสีขาวแซมทั้งสองฝั่งของ ศีรษะ เป็นผู้เฒ่าอายุประมาณ 50 ถึง 60 ปีเดินลงมาจาก รถ

“คุณเสิ่น มาเยือนถึงเมืองตงไห่ทำไมไม่บอกกล่าวกัน สักคำ ผมจะได้หาคนไปรับคุณ” ผู้เฒ่าได้สำรวจมองเสิ่น หวนอยู่ชั่วครู่ เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นคนเดียวกันกับในรูป จึงได้ยิ้มและกล่าวทักทายกัน

เสิ่นหวนหัวเราะและพูดว่า “ไม่เป็นไร รู้สึกเบื่อๆนิด หน่อย จึงเดินทางมาก่อน “

“เชิญคุณขึ้นรถก่อน เดี๋ยวผมจะพาคุณเข้าไปเอง” ผู้ เฒ่าได้พูดด้วยความเคารพ
เส้นหวนพยักหน้า เดินไปนั่งในรถ และไม่พูดอะไรออก มาอีกเลย

ความจริงเขากำลังสงสัยว่า ปู่ของเขาและอาจารย์ท่าไม ถึงได้มาที่นี่ให้เป็นบอดี้การ์ดก็ดีอยู่แล้ว ก็แค่ยื่นมือ เข้าไปทำอีกเรื่องหนึ่งอีก แต่ที่คาดไม่ถึงคือ ให้มาชิงคู่ ครอง

ซูไต้ ถูกขนานนามให้เป็นหญิงสาวสวยคนแรกแห่งเมือง จิง มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม และเธอยังไม่ได้แต่งงาน เป็นที่ รู้กันดีว่าเป็นผู้หญิงของชิงเทียนแห่งเมืองจิง เจ้าชายแห่ง ตระกูลเย่ในเมืองจิง

เฮ้อ เย่ชิงเทียน ก็ถือเป็นคนสนิท เย่ชิงเทียนเขาดูน่า สงสาร อ่อนแอจนถูกชายชราสวมเขา ก็ไม่รู้ว่าชายคนนี้ ได้ทําเรื่องเลวร้ายอะไรอีกบ้าง

ใครจะตายก็ตายแต่ฉันต้องไม่ตาย ความจริงเขากับซู ได้ก็ไม่ได้รักกันจริง เพื่อเส้นหวนตัวเขาเอง ต้องเสียสละ ให้เย่ชิงเทียนสักหน่อย ยังไงก็ไม่มีทางเลือก สุดท้ายก็ ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ไม่นาน รถก็มาถึงด้านหน้าวิลลาสวยหรู ประตูได้เปิด อย่างช้าๆ และผู้เฒ่าก็ได้หยุดรถ

“คุณเสิ่น คุณเข้าไปนั่งในล็อบบี้ก่อนเถอะ ผมขอจอดรถก่อน เดี๋ยวจะมาเรียกคุณ” ลุงผู่ได้เอ่ยขึ้นขณะนั่งบน รถ ซึ่งเขาก็ได้แนะนำตัวไปก่อนหน้านี้บ้างแล้ว

เสิ่นหวนได้พยักหน้า พร้อมกับเดินขึ้นบันได มุ่งหน้า เข้าไปในล็อบบี้ของวิลล่า

เมื่อเดินเข้าไปในล็อบบี้ เสิ่นหวนได้สำรวจดูรอบๆ และ พยักหน้าด้วยความชื่นชม

การตกแต่งที่สวยหรูเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ แต่ทว่าการ ดีไซน์หรูหราสไตล์ตะวันตก ยังคงรักษาความงดงามแบบ ตะวันออก จึงเป็นการตกแต่งที่ผสมผสานระหว่างสไตล์ ตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน โดยคนที่ตกแต่งห้อง นี้ จะต้องเป็นคนที่มีไสตล์

ต่อมา เสิ่นหวนได้มองดูรอบๆอีกครั้ง ตอนนั้นเองเห็น ว่าที่ประตูล็อบบี้ มีรถเบนซ์รุ่นS600ได้ขับตรงเข้ามา และด้านหลังยังมีรถเบนซ์ขับตามมาอีกหนึ่งคัน

“ก็ไม่แน่นะ ในรถนั้นจะเป็นเป้าหมายของเราก็ได้” เขา ได้มองดูรถเบนซ์ที่ขับเข้ามา เสิ่นหวนได้แต่แอบคิดอยู่ใน ใจ

แต่สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือ หลังจากที่รถเบนซ์ได้จอด สนิท พบว่าไม่ใช่หญิงสาวอายุแรกรุ่น แต่กลับเป็นหญิงดู มีชาติตระกูลอายุประมาณ 40 ปี สวมชุดนักธุรกิจของเวอร์ซาเช่ ในมือถือกระเป๋าชาแนล

ด้านหลังยังมีชายชุดดำสองสามคนเดินตามมาอีกด้วย และดูเหมือนทุกอย่างจะอยู่ภายใต้คำสั่งของหญิงคนนี้ กล่องลังขนาดใหญ่ที่ถูกขนลงมาจากรถ ได้ถูกย้ายไปยัง ล็อบบี้ทันที

หลังจากที่เดินเข้าประตูมา หญิงคนนี้ได้ชี้ไปยังพื้นที่ ว่าง และเอ่ยด้วยเสียงแหลมสูงออกมาว่า “พวกเธอระวัง กันหน่อยนะ หยิบของออกมาวางบนพื้นด้วย ค่อยๆ เปิด กล่องลังล่ะ อย่าทำอะไรให้เสียหาย ต่อให้เอาพวกเธอไป ขายก็ยังไม่มีเงินชดใช้พอ ”

จากนั้น หญิงคนดังกล่าวจงใจเดินเข้ามาข้างๆของเสิ่น หวน เหลือบมองอยู่ชั่วครู่ เมื่อเห็นการแต่งตัวของเขาที่ แสนธรรมดา จึงได้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยามว่า “เธอเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ”

เมื่อเขาเห็นลักษณะของเธอที่ดูถูกเหยียดหยาม เสิ่น หวนจึงรู้สึกรังเกียจขึ้นในใจ และได้แสดงมุมปากโค้งมน ออกมา แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเธอ

เมื่อได้เห็นกิริยาของเสิ่นหวนที่แสดงออกมา หญิงคน นั้นจึงรู้สึกเกิดความท้าทายเป็นอย่างมาก จึงกระทืบเท้า เดินตามมาข้างๆของเสิ่นหวน พร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้าที่ เคร่งขรึมว่า “ฉันถามว่าเธอเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ หูหนวกหรือไงถึงไม่ได้ยินที่ฉันถาม ”

“แล้วคุณเป็นใคร” เสิ่นหวนได้ถามกลับแบบไม่แยแส

“ยังจะอยากรู้อีกว่าฉันเป็นใคร ขนาดฉันเธอยังไม่รู้จัก ฉันเลย แล้วเธอมาทําอะไรที่นี่”

“หลินฟู ใช่หลินผู่หรือเปล่า” ไม่นาน เธอก็ตะโกนออกมา จากลำคอ

หลินฟูคือชื่อของผู้เฒ่าที่เป็นคนขับรถเมื่อสักครู่ และยัง เป็นคนที่พ่อของซูไต้หามาให้ดูแลซูได้อีกด้วย

“มาแล้ว มาแล้ว โอ้ ประธานซู ท่านกลับมาแล้วเหรอ ครับ” ซึ่งเป็นจังหวะที่หลินฟูเดินออกมาจากลิฟต์พอดี เมื่อ ได้เห็นหญิงมีตระกูลผู้นี้ ถึงกับเอ่ยถามด้วยความตะลึง

“หลินฟู บอกเขาไปซิ ฉันเป็นใคร” หญิงมีตระกูลผู้นั้นได้ ชี้ไปยังเสิ่นหวน พูดอย่างภูมิใจ

หลินฝูถึงกับชะงัก และแสดงสีหน้าอมยิ้มเล็กน้อย หัวเราะและพูดออกมาว่า “ ประธานซู มีอะไรเข้าใจผิด อะไรกันหรือเปล่าครับ นี่คือเสิ่นหวน เป็นบอดี้การ์ดที่ ปู่ทวดจัดหาให้ไต้ไต้ ออใช่แล้วครับ คุณเสิ่นครับ นี่คือ ประธานซูของบริษัทเถิงชงเป็นน้องสาวของท่านประธานของพวกเรา เป็นอาของซูไต้!

เสิ่นหวนพยักหน้า มิน่าล่ะผู้หญิงคนนี้ถึงได้ดูหยิ่งยิ่งนัก!

และอีกด้านหนึ่ง สีหน้าของซูเยว่ ได้หัวเราะเยาะออกมา ชำเลืองดูเสิ่นหวนอยู่พักหนึ่ง และพูดเบาๆออกมาว่า “ฉัน เป็นใครกันนะ ที่แท้ก็เป็นบอดี้การ์ดนี่เอง แต่ทว่าสารรูป ผอมขนาดนี้ ขนยังไม่ยาวเท่าไหร่เลยมาเป็นบอดี้การ์ด ได้ด้วยหรือ ใครเป็นคนเลือกให้พี่ชายฉันนะ ”

“หลินฟู พาเขาออกไปก่อน พวกเราซูไต้ ไม่ต้องการบอดี้ การ์ดที่ไม่เอาไหนแบบนี้ ออใช่ฉันมีธุระจะคุยกับนาย พอดี ชิงเทียนพึ่งจะโทรมาหาฉันเมื่อกี้ มีเรื่องสำคัญสอง เรื่อง เรื่องแรก เขาจ่ายเงินให้นักสะสมจากอิตาลีเป็นเงิน 500 ยูโร เพื่อซื้อไวโอลินตัวเล็กหนึ่งตัว ตัวเดียวกับที่ปา กานีนีเคยใช้

“ราชาแห่งไวโอลินปากานีนี” เสิ่นหวนทนไม่ไหวที่จะแก้

ให้ถูก

เมื่อซูเยว่ได้ยิน ก็แสดงสีหน้าอับอายออกมาทันที และ พูดด้วยความโมโหออกมาว่า “ หุบปาก มันเป็นเวลาที่เธอ ควรจะพูดหรือเปล่า ไอ้เด็กไม่ได้รับการสั่งสอน ”
เมื่อชูเยว่พูดจบ ก็มองเสิ่นหวนด้วยความรังเกียจ แล้ว พูดต่อว่า ” ยังมีอีกเรื่อง ชิงเทียนอยู่ที่ยุโรป ได้หาบอดี้ การ์ดผู้หญิงสองสามคนมาให้ได้ไต้ เป็นบอดี้การ์ด ป่านาญการ ก๋าลังเดินทางมาเมืองตงไห่ ดังนั้นบอดี้ การ์ดคนนี้ ให้เขากลับไปซะ ”

“ต่อให้เป็นผู้ชาย ที่มาดูแลไต้ไต้ ถ้าเข้าถึงหูชิงเทียน ละก็ คงจะไม่ดีเท่าไหร่ เพื่อที่จะรักษาชื่อเสียงของไต้ได้ รีบให้เขาออกไปจากที่นี่ซะเถอะ สำหรับพี่ชายฉันฝั่งนั้น เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

สีหน้าของหลินฟู ได้แสดงท่าทีลำบากใจออกมา ถึง แม้ว่าเขาไม่รู้ประวัติของเสิ่นหวนเลย แต่ได้รับคำสั่งทาง โทรศัพท์ให้ดูแลเขาเป็นอย่างดี ไม่สามารถปฏิบัติต่อเขา แบบบอดี้การ์ดคนอื่นๆได้

ในตอนนี้ คำพูดของซูเยว่ กลับทำให้เขารู้สึกลำบากใจ

และในเวลาเดียวกัน เสิ่นหวนได้เดินไปนั่งที่โซฟาด้วย สีหน้าที่ไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร

เมื่อเห็นการกระทำของเสิ่นหวน ซูเยว่ก็มีสีหน้าที่โกรธ พร้อมกับเดินเข้าไปหาเสิ่นหวน และพูดด้วยวาจาประชด ประชันว่า “เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรอกเหรอ ทำไมยังอยู่ ตรงนี้อีกล่ะ ใช่สิ ต้องการเงินใช่ไหม ช่างเหอะ ฉันไม่รู้ว่า พี่ชายฉันให้เธอไปหรือยัง ฉันให้เธออีกก็ได้ รับเงินแล้วรีบออกไปซะ ได้ไต้ของพวกเรา ไม่ ต้องการบอดี้การ์ดตัวเล็กแบบเธอ ”

เธอได้เปิดกระเป๋าสตางค์ หยิบเงินมาก้อนใหญ่ และโยน เงินไปที่โต๊ะชาที่อยู่ด้านหน้าของเสิ่นหวน

“หยิบเงิน แล้วออกไปซะ” ซูเยว่พูดด้วยความไม่เกรงใจ แล้วชี้ไปที่ประตู

ซึ่งสีหน้าของเสิ่นหวน ตอนนี้ เริ่มแสดงท่าทีรังเกียจ การกระทำของผู้หญิงคนนี้ จึงยิ้มเยาะเย้ย และพูดด้วย เสียงเรียบเฉยว่า “ ผมคิดว่า คนที่ควรออกไปคือคุณ เพราะบ้านหลังนี้ ตอนนี้เป็นของผม ”

“ฉะนั้น ผมไม่ต้อนรับคุณ รีบออกไปซะ” เสิ่นหวนหัน ไปพูดกับซูเยว่ และยกขาไขว่ห้างขึ้นมา พร้อมกับชี้ไปที่ ประตู


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ