เทพบุตรตัวเต็งในใจของฉัน

บทที่ 11 ไม่ใช่คนเก่งกล้าสามารถก็ไม่มีทาง ผ่านไปได้



บทที่ 11 ไม่ใช่คนเก่งกล้าสามารถก็ไม่มีทาง ผ่านไปได้

ได้ยินคำพูดของยี่เสี่ยวถง ตอนนี้หนันกงเจว่อดไม่ได้ที่ จะขมวดคิ้วขึ้นมา!

“เซินเจี้ยน? ค่ายตงหนานเหรอ? ในนั้นมีคนประเภทนี้เห รอ” หนันกงเจว๋ถามอย่างสงสัย

แม้ว่าเขาจะติดต่อกับบุตรชายของสำนักทางค่ายนั้น น้อยมาก แต่คุณชายที่มีฐานะหลายคนนั้น เขาก็ยังพอ รู้จัก สองคนด้านล่างที่เพิ่งออกมา ก็ไม่มีคนที่รู้จัก

อีกทั้งพูดกันตามความจริงแล้ว ในกองทัพ ลูกชายส่วน ใหญ่ เป็นทายาทที่สืบทอดกิจการของบิดา เข้ามาใน กองทัพแล้ว แม้จะมีบางคนที่เป็นลูกผู้ดีมีเงิน แต่ว่าภายใต้ การฝึกอันแข็งแกร่งของกองทัพ ก็กลายเป็นผู้นำที่แบกรับ ความรับผิดชอบต่อประชาชนได้!

มีแค่ประเภทครอบครัวที่พวกนายว่าขี้ข้าพลอยเท่านั้น ถึงได้ยอมต่อสู้ใช้อำนาจเบื้องหลังแล้วออกมาโชว์ความ เก่งกาจ!

นอกจากนี้ หน่วยรบพิเศษเซินเจี้ยนก็เรียกได้ว่าเป็น หน่วยยามพิเศษที่ดีเยี่ยมที่สุดใน ค่ายตงหนาน คนในนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นราชาแห่งรบ คนแบบนี้ นอกจากจะมีพลัง อันยิ่งใหญ่มากเป็นพิเศษในเขตแล้ว มิเช่นนั้นไม่มีทางที่กำลังความสามารถของคนผู้หนึ่งจะนำออกมาได้!

ก็คือพี่หูคนข้างกายของหนันกงเจว๋ ภายใต้ความบังเอิญ เพราะเหตุบังเอิญจึงถูกปู่ของเขาเรียกตัวกลับมา ให้เขา เป็นบอดี้การ์ด เป็นเรื่องฉุกละหุกอย่างนั้น!

“อ๊าย!”

ตอนนี้เอง ก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านล่าง เสินหวน หันหน้ามองไปอีกครั้ง เวลานี้เห็นเพียง คุณชายผู้ดีมี เงินคนที่เพิ่งออกมานั้น ใช้มือเพียงข้างเดียวจับซือเวย ไป พลันจับข้อมือที่ขาวราวหิมะของ อเวยเอาไว้ซือเวย ตกใจจนส่งเสียงกรีดร้อง แต่คุณชายผู้ดีมีเงินคนนั้นกลับ หัวเราะร่า

เมื่อมองเห็นภาพเบื้องล่าง ในดวงตาของยี่เสี่ยวถงเผย ให้เห็นความร้อนรนกระวนกระวายใจออกมาชั่วครู่ เมื่อ มองไปทางหนันกงเจว่ พร้อมทั้งรีบเอ่ยเตือนว่า “คุณชาย เจว๋ ครั้งนี้ขอให้คุณได้โปรดช่วยด้วย!ฉันยี่เสี่ยวถง จะไม่ ลืมที่คุณชายช่วยเหลือครั้งนี้อย่างแน่นอน!”

ตอนนี้หนันกงเจว่ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองไปยังยี่เสี่ยว ถงด้วยสายตาลึกล้ำ แม้ว่าอำนาจของคนด้านล่างผู้นั้น ดูแล้วไม่ธรรมดา แต่ยี่เสี่ยวถงก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แน่นอน
พูดกันตามปกติแล้ว เบื้องหลังของเธอที่อยู่ข้างหลังนั้น เรื่องนี้ไม่ควรจะเป็นเรื่องที่ยากลําบากอะไรมาก เพราะ เคยผ่านเรื่องวุ่นวายแบบนี้มานานแล้ว แต่ต่อมาก็สงบลง แล้ว ทำไมวันนี้ เธอกลับต้องขอความช่วยเหลือตนเอง ด้วยเล่า?

“ไปเถอะเสี่ยวเจว ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็เห็นแล้วว่า ไม่อาจ นิ่งดูดายได้” เสิ่นหวนที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้พูดอย่างเรียบเฉย

เมื่อได้ยินเสิ่นหวนเอ่ยปากหนันกงเจว่ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป พยักหน้าพูดว่า “ครับพี่ อย่างนั้นผมจะลงไปดูสักครั้ง”

“ฉันลงไปเป็นเพื่อนนายแล้วกัน!”

“เฮ้อ พวกคุณสองคนจะไปถือสาอะไรหนักหนา ในเมื่อ มาสถานที่อย่างไนท์คลับแบบนี้ ก็ไม่อยากจะเล่นกับ ความบริสุทธิ์ คุณชายไว้หน้าพวกคุณแล้วจริงๆ ” ตอน นี้ ผู้ดีมีเงินคนนั้นยังจับข้อมือของซือเวยเอาไว้แน่นไม่ได้ สนใจสีหน้าที่เจ็บปวดบนใบหน้าเธอเลยสักนิด พูดอย่าง โมโห

“แกปล่อยเธอเดี๋ยวนี้” เวลานี้เฟิงจื่อยีก็พรวดพราดขึ้น มาคิดจะลากซือเวยออกมา แต่กลับถูกผู้ดีมีเงินคนนั้นยึด เอาไว้
แบบนี้ เจ้าหญิงแห่งเปลวเพลิงกับชือหญิงสามัญชน สองในสี่สาวงามแห่งมหาวิทยาลัยตงไห่ ล้วนตกอยู่ใน เงื้อมมือของผู้ดีมีเงินคนนั้น

และตอนนี้ เขายังพูดกับซ่งเจียหมิงอย่างหยิ่งทระนงว่า “เจียหมิง เห็นแล้วสินะ ผู้หญิงพวกนี้ จะตามใจพวกหล่อน ไม่ได้ ยิ่งตามใจพวกหล่อน พวกหล่อนก็จะยิ่งได้ใจ!”

ซ่งเจียหมิงตอนนี้กลับได้แต่นั่งขมขื่นอยู่ข้างๆ อย่าง อับจนหนทาง แต่สถานะของอีกฝ่าย ก็ไม่ใช่คนที่เขาจะ ไปสร้างความบาดหมางได้!

ตอนแรกแค่คิดว่าเชิญสองสาวสวยไปดื่มเหล้าสักแก้ว แต่คิดไม่ถึงว่า เทพเจ้าปีศาจผู้นี้จะออกโรงด้วยตนเอง!

ซ่งเจียหมิงเวลานี้ ก็ได้แต่แอบถอนหายใจให้กับความ โชคร้ายของสาวสวยทั้งสองคน แน่นอนว่า ต่อไปก็อาจจะ เลือดตกยางออก ก็ต้องชดเชยให้พวกหล่อนเสียหน่อย!

ปัญหาของซือเวยนั้นไม่มาก ครอบครัวฐานะธรรมดา ทั่วไป แต่เฟิงจื่อยีนั้น ค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อย เงิน สำหรับเธอแล้วไม่มีค่าอะไร

“ทั้งสองคน พอสมควรแล้วก็หยุดเถอะ!”
ขณะเดียวกันนี้เอง น้ำเสียงเย็นยะเยือกก็ดังออกมาจาก ด้านข้าง จากนั้น ก็เห็นหนันกงเจว๋และเสิ่นหวนเดินมา ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

“ไม่อยากตายก็ไสหัวไป! มายั่วโมโหแล้ว จุดจบของมึง ก็จะเหมือนกับเขา คืนนี้กูจะส่งมึงไปโรงพยาบาล!” เห็น แค่ว่าตอนนี้ชายหนุ่มผู้ดีมีเงินคนนั้นหันมาขู่ตะคอกด่าทอ หนันกงเจ และเสินหวน

มุมปากของหนันกงเจว๋กระตุกเล็กน้อย มีความโกรธ เกรี้ยวฉายในแววตา นานหลายปีแค่ไหนแล้ว ที่ไม่เคยมี คนด่าว่าเขาขนาดนี้เ

“พวกแกสองคน เป็นลูกหลานตระกูลไหนวะ ถึงได้หยิ่ง ยโสโอหังที่นี่ขนาดนี้ ไม่มีขอมีแปหรือยังไง” หนันกงเจว๋ สะกดกลั้นความโกรธในใจ ถามด้วยเสียงเย็นเยือก

“หึๆ แกเป็นไอ้งั่งที่โผล่มาจากไหนอีก ที่นี่ข้าใหญ่!” ผู้ดีมี เงินคนนั้นพูดกับหนันกงเจว๋อย่างหยิ่งยโส!

“ฮาๆ น้องชาย นายนี่มันแน่มาก!” เสิ่นหวนเห็นสีหน้า หนันกงเจว๋บึ้งตึง เวลานี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ยื่นนิ้วโป้ง ออกมา พูดพร้อมยิ้มให้กับคนนั้น

“หึ ดูท่าพวกแกก็คือคนรุ่นที่สองของพวกที่พอจะมี อิทธิพลบ้างในตงไห่นี่ ทำไม จะบอกฉันทำนองว่าคนนอกจะมีอำนาจแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถกดผู้มี อิทธิพลในพื้นที่ได้เหรอ!

“แต่ว่าวันนี้ คุณชายผมจะบอกพวกคุณให้นะ นั่นก็คือ ถ้าไม่ใช่คนที่เก่งกล้าก็สามารถไม่มีทางผ่านไปได้!” ตอน นี้ก็เห็นว่าคุณชายคนนั้นปล่อยมือจากเฟิงจื่อยีแล้ว แต่ ยื่นนิ้วมือออกมาชี้ที่หนันกงเจว๋พลางเอ่ยปาก

ซ่งเจียหมิงที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้ในดวงตาเผยให้เห็นความ รู้สึกจนปัญญา เทพเซียนปีศาจนี่เริ่มจะไม่รู้จักกฎหมาย บ้านเมืองอีกแล้ว!

แต่ก็เป็นเพราะนิสัยไม่เคารพกฎหมายของเขานี้ ตนเอง จึงได้หลอกใช้เขาจนได้เงินมากมายขนาดนั้น!

“เสี่ยวเจว เขากําลังพูดกับคุณอยู่ เขาก็คือคนมีความ สามารถที่จะผ่านไปได้!” ตอนนี้เสิ่นหวนหันกลับมามอง ไปยังหนันกงเจว๋พูดพลางยิ้มบางๆ

“พี่ อย่างนั้นให้ผู้มีอิทธิพลเจ้าถิ่นอย่างผมนี้ ได้พบปะกับ คนที่เก่งกล้าจากต่างถิ่นคนนี้หน่อยเถอะ!” เวลานี้หนันกง เจว๋พูดพลางหัวเราะเยาะ

เสิ่นหวนพยักหน้า จากนั้นก็เห็นว่าหนันกงเจว๋ค่อยๆ เดิน ไปทางคุณชายคนนั้นทีละก้าว!
“เหยหยิ่ง สั่งสอนเขาสักหน่อยสิ!” เห็นแค่ว่าตอนนี้ คุณชายคนนั้นพูดพลางหัวเราะเยาะไปทางหนันกงเจว่

จากนั้น คนนั้นที่เมื่อครู่ต่อสู้กับบอดี้การ์ดชุดดำจน กระอักเลือดไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งพรวดออกมาทันที ใช้ ขาเตะอย่างแรงไปที่หนันกงเจว๋

แต่ว่าต่อจากนั้น บนใบหน้าเขาก็เผยให้เห็นสีหน้าตื่น ตกใจ เพราะขาข้างที่เขาเตะออกไปนี้ กลับถูกคนยึดเอา

ไว้!

คนที่ยึดขาข้างนี้ของเขาเอาไว้ ก็คือเสิ่นหวนคนที่ดูแล้ว ไม่มีพิษสงอะไร!

ไม่มีใครเห็นว่าเขาลงมืออย่างไร รู้สึกแค่ว่าคนที่ก้าว ออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และยังยื่นมือออกมา ในชั่วพริบ ตานี้ จับขาของร่างนั้นที่เตะออกมาได้พอดี

ที่ยิ่งสำคัญก็คือ ตอนนี้ไม่เหยหยิ่งคนนั้นจะดึงขา อย่างไร กลับดึงไม่ออก เพราะตอนนี้คนที่จับขาเขาเอาไว้ นั้น แม้ว่าบนใบหน้าจะยังมีรอยยิ้มอ่อนๆ แต่มือนั้นกลับ แข็งแกร่งราวกับเหล็ก ไม่มีใครมีเรี่ยวแรงพละกำลังเทียบ ได้!

“นี่คือบทสนทนาระหว่างผู้มีอิทธิพลในพื้นที่กับนักเลง ต่างถิ่น ฉันว่านายก็อย่าไปสร้างปัญหาอะไรเพิ่มจะดีกว่า พักผ่อนอยู่ที่นี่ดีๆ เถอะ!” หลังจากที่เสิ่นหวนพูดเลี่ยง ปัญหาแล้ว มือที่อยู่ด้านหลังก็ค่อยๆ เลื่อนไปข้างหน้า เบาๆ !

ขาของเหยหยิ่งตอนนี้ฉีกไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้ ใกล้จะล้มลงมาทั้งตัว

แต่เห็นแค่เสิ่นหวนมองไปเตะขาไปเบาๆ อีก จากนั้นร่าง ของเหยหยิ่งทันใดนั้น เขาถูกเสิ่นหวนเตะลอยออกไป จนกระแทกเปียโนข้างเวทีนั้น จากนั้นกระแทกลงกับพื้น นอนอยู่บนพื้นลุกขึ้นไม่ไหว!

เวลานี้ ผู้ดีมีเงินคนนั้นมองจนอึ้งไปเลย เหยหยิ่งเป็น บอดี้การ์ดชั้นเยี่ยมที่คุณปู่ของเขายอมเสี่ยงอย่างยิ่งเพื่อ จัดมาให้เขา จนถึงตอนนี้ เขาก็ไม่เคยเห็นเหยหยิ่งแพ้การ ต่อสู้เลย คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะแพ้ให้กับวัยรุ่นคนนั้น!

เขาเป็นใครกันแน่?

แต่เขาไม่ทันได้คิดว่าเสิ่นหวนคือใครแล้ว เพราะตอนนี้ หนันกงเจว๋เดินมาข้างๆ เขาแล้ว

“ปล่อยมือ!” หนันกงเจว๋มองเห็นมือของลูกผู้ดีมีเงินคนนี้ ยังจับซือเวยเอาไว้อยู่ ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว จนทำให้ ลูกผู้ดีมีเงินตกใจจนตัวสั่น จึงยอมปล่อยมือตามสัญชาตญาณ!

“หึหึ คนนอกที่เก่งกล้าสามารถใช่มั้ย!” หลังจากที่หนัน กงเจว๋มองเห็นเสิ่นหวนจัดการเหยหยิ่งคนนั้นแล้ว ความ วิตกกังวลภายในใจก็มลายหายไป!

หนันกงเจว๋พูดจบ ก็ตบไปหนึ่งฉาด ฟาดลงบนใบหน้า ของลูกผู้ดีมีเงินคนนั้น ทำให้บนใบหน้าเขามีรอยนิ้วมือ ประทับอยู่ห้านิ้วทันที!

“แก….” ผู้ดีมีเงินมองเขาอย่างตื่นตกใจ แทบไม่อยากเชื่อ ว่า ตนเองจะถูกตบหน้าแล้ว

และตอนนี้หนันกงเจว๋ก็ลงมืออีกครั้ง เตะเข้าที่หน้าท้อง แม้พละกําลังของเขาไม่ได้วิปริตน่ากลัวอย่าง เสิ่นหวน แต่ไม่นานก็เตะคุณชายคนนี้ลงไปกองกับพื้น

อย่างไรเสียหนันกงเจว๋ที่ฝึกฝนออกกำลังกายอย่าง จริงจังมาโดยตลอด ก็ย่อมแข็งแกร่งกว่าคุณชายที่ถูก เหล้าเข้ามาทำให้ร่างกายว่างเปล่ามากนัก

แต่ตอนนี้เอง มีเสียงดังมาจากด้านหลัง หนันกงเจว๋ก้ม หน้าหันมาตามสัญชาตญาณ หลบการโจมตีที่มาจากด้าน หลัง!

จากนั้นลุกขึ้นมองไป เห็นเพียงคนที่ลงมือเมื่อครู่ กลับกลายเป็นซ่งเจียหมิงที่สุภาพเรียบร้อยมาโดยตลอด!

หลังจากซ่งเจียหมิงหลบหนันกงเจว่แล้ว ก็รีบก้าวมาข้าง หน้าพยุงผู้ดีมีเงินคนนั้น พูดเบาๆ ว่า “เหยาฮุย คุณไม่เป็น อะไรนะ!”

คุณชายที่ถูกเรียกว่าเหยาฮุยตอนนี้ผลักซ่งเจียหมิงออก ไปทันที และจ้องเขม็งไปที่หนันกงเจว๋ พูดอย่างเยือกเย็น ว่า “ดี ดีมาก แกกล้าตบฉันเหรอ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”

“ไม่ปล่อยฉันเหรอ เหอะๆ ช่างน่าข่า ฉันก็อยากจะดูสิ ว่านายจะแน่สักแค่ไหน ถึงได้กล้าพูดกับฉันแบบนี้!” หนัน กงเจว๋ก็เอ่ยอย่างเยือกเย็น ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ โหดเหี้ยม

ซ่งเจียหมิงเห็นอย่างนั้นแล้ว ตอนนี้ก็รีบมาข้างหน้า เขา เองก็มองออก ว่าเจ้าถิ่นผู้มีอิทธิพลสองคนนี้ ก็คงไม่ ธรรมดา!

“น้องชาย ไม่ทราบว่านายอยู่แก๊งไหน ทางตงไห่นี้ พวก พี่ๆ ต่งฟาน โจวหยาง ก็เป็นคนคุ้นเคยกันกับผมดี ทุกคน ที่นี่อาจจะเกิดความเข้าใจผิดกัน!”ตอนนี้ต่งฟานพูดอย่าง สุขุม

ต่งฟาน โจวหยางที่เขาเอ่ยถึง ก็คือคุณชายที่มีชื่อเสียงของที่นี่ แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนันกงเจว่!

“เหอะๆ ผมไม่ได้เป็นเพื่อนกับพวกเขาเลย ดังนั้น ในที่นี้ ก็ไม่ได้เข้าใจผิดอะไร!” หนันกงเจเอ่ยอย่างเย็นชา

สีหน้าของซ่งเจียหมิงตอนนี้ก็ยิ่งแย่ลง พูดด้วยเสียงขรึม ว่า “น้องชาย จะไม่ไว้หน้ากันจริงๆ หรือ!แม้ว่าผมจะรู้ว่า พวกคุณไม่ใช่คนธรรมดา แต่พวกเราก็ไม่ได้ด้อยเช่นกัน! บ้านของเหยาฮุย คือครอบคลุมของค่ายซีหนาน คุณจะ ลงมืออีกก็คิดพิจารณาดูให้ดีนะ!”

คำพูดของซ่งเจียหมิง ทำให้ร่างของหนันกงเจสั่น สะท้าน มองไปยังวัยรุ่นที่ถูกเรียกว่าเหยาฮุยอย่างตกใจ

มิน่าเล่าเขาบอกว่าเขาคือผู้เก่งกล้าจากต่างถิ่น ที่แท้เขา มาจากค่ายซีหนานทางนั้นนี่เอง!

หลังจากรู้จักตัวตนที่แท้จริงของหวูเหยาฮุยแล้ว หนันกง เจว์ก็ลังเลจริงๆ เพราะเขาไม่เหมือนกับผู้ดีมีเงินที่ใสซื่อ ไร้เดียงสาอย่างหวูเหยาฮุย เรื่องที่หนันกงเจว่ต้องคำนึง ถึงมีมากมาย อย่างเช่นอาชีพอย่างเป็นทางการของพ่อ เขา

ปีหน้าจะเป็นปีที่สำคัญเกี่ยวกับอาชีพของพ่อเขา สำเร็จ แล้ว ก็จะก้าวหน้าขึ้นไปอีกก้าว กลายเป็นหนึ่งในผู้กุม อำนาจทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งยังมีความคาดหวังว่าก้าวต่อไปจะเข้าสู่ศูนย์กลาง

แต่ถ้าล้มเหลว ก็อาจจะแค่เสียโอกาสไปอีกครั้ง แม้ว่า จะมีโอกาสก้าวหน้าต่อไปในอนาคต แต่โดยพื้นฐานแล้ว หลังจากก้าวนั้นก็จะไปถึงจุดสูงสุด!

ตอนนี้ ถ้าบาดหมางใจกับผู้ครองอำนาจของค่าย หนาน อย่างนั้นหนันกงเจ๋าก็ต้องคิดพิจารณาให้ดีว่าการ บาดหมางใจกันนี้คุ้มค่าหรือไม่!

ผู้ครองอำนาจของค่ายซีหนาน ตำแหน่งอาจจะสูงกว่า ผู้เฒ่าของเขาเพียงครึ่งขั้น แต่นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาของ ตำแหน่งธรรมดาทั่วไป

ด้วยฐานะของอีกฝ่าย สามารถส่งผลกระทบต่อจุดยืน ของพวกเขาทั้งหมดได้ ถึงเวลาอาจจะเป็นเพราะการกระ ท่าที่หุนหันพลันแล่นของตนเอง ทำให้กลายเป็นคู่ต่อสู้ ที่แข็งแกร่งของครอบครัวตนเอง นี่คือสิ่งที่หนุนกงเจไม่ อยากจะเห็นอย่างยิ่ง

เห็นสีหน้าลังเลของหนันกงเจว่บนใบหน้าของหวูเหยา ยก็เผยให้เห็นรอยยิ้มหยิ่งผยอง

ภายในใจเขา ไม่ได้คิดอะไรมากอย่างหนันกงเจว่ สำหรับเขา หนันกงเจว่ทำให้เขาตกใจไปหมดแล้ว!
แต่หวเหยาฮุยตอนนี้ก็เข้าใจบ้างแล้ว ก็คือคนฉลาดจะ รู้จักหลบหลีกไม่ยอมเสียเปรียบใคร มังกรผู้ทรงอิทธิพล เป็นเจ้าถิ่นอย่างเขา เห็นชัดว่าไม่อาจกดขี่ผู้มีอิทธิพลเจ้า ถิ่นได้ โดยเฉพาะในแง่ของการใช้กำลังต่อสู้

เขาภาคภูมิใจที่สุด ที่อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษที่ เก่งกาจที่สุดในหมาป่าที่ซ่อนตัวเงียบในความมืดของค่าย ซีหนาน ต่างก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนคนนั้น ตนเองตอนนี้ยัง คงฝืนทนต่อไป ได้แต่ถูกตบเท่านั้น

“น้องชาย ที่มาที่ไปของทุกคนที่นี่ก็ล้วนไม่ต่างกัน พวก เรายังต้องได้พบกันอีกบ่อยๆ หลบเลี่ยงไม่ได้ ครั้งนี้พวก เราทำเกินไป เอาอย่างนี้ อีกเดี๋ยวผมจะส่งดอกกุหลาบ สองช่อ ให้คุณผู้หญิงคนสวยสองคนเป็นการขอโทษ คืน นี้ทุกคนเลิกแล้วต่อกัน ดีไหม”

เห็นสีหน้าลังเลบนใบหน้าของหนันกงเจว่ เวลานี้ซ่ง เจียหมิงก็รีบเติมเชื้อไปพูดเกลี้ยกล่อมต่อ

หนันกงเจว๋ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่หันหน้าไปมองเสิ่นหวน เขาไม่รู้ ว่าเสิ่นหวนมีท่าทีอะไรกันแน่!

เห็นหนันกงเจลืมมองมาทางนี้ เสิ่นหวนก็ส่ายหน้าอย่าง จนปัญญา ถอนหายใจ หนันกงเจว๋ยังเด็กเกินไป!

และในเวลานี้เอง มีชายชุดดำคนหนึ่งเดินมาข้างๆ เสิ่นหวน พูดเสียงเบาๆ ข้างหูเขาสองสามคำ

เสิ่นหวนพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที เมื่อครู่ลูกน้อง ของยี่เสี่ยวถง เดินมาแฉตัวตนที่มาที่ไปของซ่งเจียหมิ งกับเขา

หลังจากที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของซ่งเจียหมิงแล้ว เสิ่นหวน ประเมินเขาสูงเกินไป!

ช่างเป็นคนที่เฉลียวฉลาดจริงๆ ถึงตอนนี้ได้แต่ผลักหวู เหยาฮุยออกมา เป็นเกราะกำบังกระสุน แม้ต่อไปจะเกิด ปัญหาอะไรขึ้นมา ประเด็นสำคัญก็จะตกอยู่ที่หวูเหยาฮุย และหนันกงเจว๋

ภายนอกดูเป็นคนดีแต่จิตใจชั่วร้าย ก็หมายถึงคนอย่าง

เขานี่แหละ!

แน่นอนว่า ก็ต้องโทษที่หวูเหยาฮุ่ยโง่เขลาเอง ที่ยอมให้ คนอื่นเอาตัวไปเป็นโล่บังกระสุน!

“เสี่ยวเจว๋ นายคิดว่าคนโง่ที่ไม่มีสมองอย่างเขานี่ สำหรับเรื่องคืนนี้จะเลิกราต่อกันได้มั้ย” ตอนนี้เสิ่นหวน ไปที่หนูเหยาฮุ่ยพูดอย่างเรียบเฉย

ตอนนี้ สีหน้าของหนันกงเจว๋ซ่งเจียหมิงรวมถึงหนูเหยา ฮุ่ยที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็เปลี่ยนไป ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่า เสิ่นหวนจะพูดโพล่งตรงประเด็นเลย!

สายตาของหนันกงเจว๋เผยให้เห็นสีหน้าที่ครุ่นคิด ความ จริงแล้วเขาก็เข้าใจ ด้วยคนอย่างหวูเหยาฮุยนี้ ไม่มีทางที่ จะลืมเรื่องแบบนี้ไปไว้ข้างหลังอย่างสิ้นเชิง

แต่ตีสักที กับตีสักหน่อย อย่างไรเสียก็มีความแตกต่าง กัน!

ซ่งเจียหมิงและหวูเหยาฮุย ตอนนี้กลับมองไปยังเสิ่น หวนอย่างจงเกลียดจงชัง เพราะเห็นได้ชัดจากคำพูดของ เขาแล้วว่า เขาไม่ได้อยากรามือไปเช่นนี้

“น้องชาย คำพูดของคุณหมายความว่ายังไง” ซ่งเจียห มิงมองไปยังเสิ่นหวนอย่างระแวดระวัง พูดด้วยเสียงเย็น เยือก

เสิ่นหวนยิ้มอ่อนๆ จากนั้นก็พูดเรียบๆ ว่า “ไม่มีอะไร ผม รู้สึกว่าหวูเหยาฮุ่ยคนนี้ชอบต่อยตีรังแกคนอื่น!ส่วนผม ก็ มีงานอดิเรกแบบนี้อยู่เหมือนกัน รังแกคนธรรมดามันไม่ สนุก เพราะมันต่างกันเกินไป คนที่ผมชอบเหยียบย่ำมาก ที่สุด ก็คือคนที่มีพลังอำนาจอย่างคุณ อำนาจยิ่งมาก ผม ก็ยิ่งเหยียบย่ำอย่างมีความสุขมาก!”

“อีกทั้ง…ขออภัยที่ต้องพูดตรง สองคนที่นั่งอยู่….สำหรับ ผมแล้วก็คือขยะ!” รอยยิ้มเยาะหยันที่มุมปากของเส้นหานค่อยๆ ฉีกกว่าขึ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ