เทพบุตรตัวเต็งในใจของฉัน

บทที่ 12 สอนแกกระทืบคน



บทที่ 12 สอนแกกระทืบคน

คำพูดของเสิ่นหวน พลันทำให้สีหน้าของซ่งเจียหมิ งกับหวเหยาฮุยเปลี่ยนไปจนดูหนักใจกว่าเดิม เพราะว่า เสิ่นหวนแสดงท่าทางออกมาอย่างชัดเจน ว่าเขาเตรียม ตัวจะกระทืบพวกเขาทั้งสองคน

“นี่เพื่อน ขึ้นเขาระวังเจอเสือ คำพูดนี้หรือว่านายไม่เคย ฟังมาก่อน? การเป็นมนุษย์ยังต้องไว้หน้ากันบ้าง ต่อไป เมื่อพบเจอกันยังคงมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน!” ซ่งเจียหมิงพูด อออกมาอย่างเย็นชาในเวลานั้นเอง

แค่ต้อนรับเขาเท่านั้นเอง เสินหวนพลันตบหน้าไปฉาด ใหญ่ก็นั้นเอง!

“นายก็เป็นหมาของเย่ชิงเทียนตัวหนึ่งเท่านั้นเอง ขนาด เย่ชิงเทียนมายืนต่อหน้าฉัน ยังไม่กล้าจะพูดกับฉันแบบนี้ เลย นายไปเอาความกล้าบ้าบิ่นมาจากไหนกัน!”

หลังจากที่ตบจนซ่งเจียหมิงเซไปด้านข้างแล้ว เสิ่นหวน ก็มองมาทางหวูเหยาฮุยอีกครั้ง จากนั้นก็ยิ้มให้เล็กน้อย และพูดออกมา “ใช่สิ เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าแกเป็นคนพูดออกมา หรอกเหรอ ถ้าไม่ใช่เจ้าถิ่นผู้ทรงอิทธิพลที่เก่งจริงคงไม่ อาจแข็งแกร่งได้

“มาถึงขั้นนี้แล้ว วันนี้ฉันจะสั่งสอนแกเอง ว่าอะไรที่เรียกว่าคนเก่งตัวจริง”

เสิ่นหวนพูดจบ พลันรีบใช้มือหยิบขวดเหล้าที่วางอยู่บน โต๊ะอาหารที่อยู่ด้านข้างทันที จากนั้นก็ฟาดลงบนศีรษะ ของหวเหยาฮุยเต็มแรงเกิด

แต่ว่ามันเป็นแค่สเต็ปแรกเท่านั้นเอง เพราะว่าหลังจาก ที่ขวดเหล้าบนศีรษะของหวูเหยาฮุยแตกจนกระเด็น กระดอนไปทั่วแล้ว เสิ่นหวนก็ใช้ฝ่าเท้าเตะไปที่ล่าตัวของ หวูเหยาฮุ่ยกระเด็นไปอยู่กับพื้น จนหัวเข่าทั้งสองข้างนั่ง คุกเข่ากองอยู่ที่พื้น

อีกทั้งยังไม่จบกระบวนท่า หลังจากที่เตะเสร็จเรียบร้อย แล้ว เสิ่นหวนก็คว้ามือของหนึ่งของหวูเหยาฮุยขึ้นมา แล้วกดลงบนโต๊ะ

เวลานั้นเองหวูเหยาฮุยมองมาทางเสิ่นหวนด้วยท่าทาง หวาดกลัว ด้วยอาการตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยทำให้ไม่ สามารถพูดออกมาได้

“ทนเอาหน่อย ไม่เจ็บหรอก!” หลังจากที่เสิ่นหวนได้พู ดกับหวูเหยาฮุยอย่างเรียบเฉยแล้ว ในมือที่มีเศษขวดแก้ว ที่แตกแล้วพลันทิ่มลงมาทันทีแบบไม่มีการลังเลแต่อย่าง ใด

เศษขวดแก้วที่แหลมคมนั้นมันทิ่มลงบนฝ่ามือของหวูเหยาฮุยอย่างแรง มันทำให้เขาตะโกนเสียงดังลั่นด้วย ความเจ็บปวดอย่างอดไม่ได้

“เพิยะ!”

ทั้งๆ ที่เพิ่งจะส่งเสียงตะโกนก้องไปเมื่อครู่ แต่ก็ถูกฝ่ามือ ของเสิ่นหวนทำให้มันหยุดลง จากนั้นเสิ่นหวน ก็จ้องตา เขม็ง พร้อมทั้งพูดเสียงแข็งกร้าว “ตะโกนหาพ่อเหรอ? ไม่รู้สึกว่าหนวกหูบ้างเลยเหรอไงวะ?”

เมื่อเห็นสายตาอันเย็นชาของเสิ่นหวนแล้ว ในใจของหวู เหยาฮุยในตอนนี้ยิ่งหวาดกลัวเสิ่นหวนเหลือเกิน ได้แต่ กัดฟันทนความเจ็บปวดเอาไว้ในตอนนี้ ไม่กล้าแม้จะส่ง เสียงตะโกนออกมาสักประโยค

“ตอนนี้รู้หรือยังว่าอะไรที่เรียกว่ากระทืบคนแล้วมั้ง สนุก ไหม?” เวลานี้เสิ่นหวนนั่งยองๆ ลง พร้อมทั้งค่อยๆ ตบ หน้าหวูเหยาฮุย แถมยิ้มให้ด้วยตอนที่พูดออกมา

“แกนี่มันโหดร้าย แต่ว่าฝากเอาไว้ก่อน จอมทัพหนูไม่ ปล่อยแกไปแน่!” ซงเจียหมิง

เขาไม่คิดเลยว่า เสิ่นหวนจะโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ ถึง ขนาดลงมือทําร้ายหวูเหยาฮุยด้วยตนเอง หากเป็นแบบ นี้ต่อไปแล้ว เรื่องในครั้งนี้ ก็คงยากที่จะเอาน้ำเย็นมาลูบ ปลอบคืน
แน่นอนว่า การที่เขาพาหาเหยายมาปรากฏตัวที่นี่ ก็ ไม่ได้เป็นเรื่องอะไร ดังนั้นถ้าต้องการเด็ดตนเองออกไป เช่นนั้นก็ต้องแสดงออกให้เห็นลักษณะท่าทีอย่างเพียงพอ จนทําให้ถึงตอนนั้นหวเหยาฮุยยอมออกปากช่วยพูดให้ ตนเอง

ซ่งเจียหมิงเป็นคนฉลาดหลักแหลมมาก ตอนนี้เขา เกลียดแสนเกลียดเสิ่นหวนจนอยากจะต่อยเขาแรงๆ สัก รอบ แบบนี้มันยังจะดีซะกว่าที่เขาต้องมามองทนดูความ แข็งแกร่งอยู่ที่นี่

น่าเสียดายจริง เสิ่นหวนไม่สนใจเขาสักนิด!

“ยื่นมือข้างนั้นออกมา วันนี้ฉันจะสั่งสอนแก อะไรที่เรียก ว่ามังกรผู้ทรงอิทธิพลที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง!” เวลานี้ เสิ่นหวนจ้องมองหวูเหยาฮุย และยิ้มให้ตอนพูดออกมา

“พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้าแล้ว ขอร้องล่ะพี่ปล่อยฉันไปเถอะ นะ!” เวลานี้เองในที่สุดหวูเหยาฮุ่ยหวาดกลัวจนอดใจไม่ ไหว และพูดกับเสิ่นหวนด้วยอาการร้องไห้น้ำมูกน้ำตา ไหล

ประเด็นสำคัญคือเสิ่นหวนเป็นคนที่ช่างทำให้คนตกใจ กลัวอย่างแท้จริง ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มที่ไม่ สามารถบรรยายออกมาได้ แต่ว่าการลงมือนั้นช่างโหดร้ายทารุณได้ถึงเพียงนี้

ช่วงเวลาที่ยิ้มออกมาเล็กน้อยในตอนนั้นเหมือนความ รู้สึกกดดันทําลายล้างอย่างไร้เศษซาก

“วางใจเถอะ ครั้งนี้ฉันไม่ทำร้ายมือของแกหรอก ฉันจะ ให้แกโทรศัพท์ออกไป ตอนนี้สิ่งที่แกต้องคิดมากที่สุด ไม่ใช่เรื่องผลลัพธ์ที่ตามมาของแก ฉันจะให้โอกาสแกสัก ครั้ง!” เวลานี้เสิ่นหวนยื่นโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง ให้หวเหยา ฮุยตรงด้านหน้า และพูดกับเขาอย่างราบเรียบ

“ฉันนับถึงสาม ถ้าแกยังไม่โทรออกไป ฉันจะตัดมืออีก ข้างหนึ่งของแกซะ!” เมื่อเห็นว่าหนูเหยาฮุยไม่ยอมรับ โทรศัพท์อยู่ เวลานี้เสิ่นหวนเริ่มพูดเสียงแข็ง

หวูเหยาฮุ่ยได้ยินแล้ว พลันเหมือนกระต่ายทันที รีบใช้ มืออีกข้างหนึ่งหยิบโทรศัพท์ของเสิ่นหวนขึ้นมาทันที และ กดโทรศัพท์ออกไปด้วยอาการสั่นเทา!

“เลขาเฉินเหรอ? ฉันคือเหยาฮุย ฉันมีเรื่องด่วนที่จะคุย กับคุณปู่ของฉัน รีบให้คุณปู่ฉันมารับโทรศัพท์เร็ว!” หลัง จากที่มีการรับโทรศัพท์แล้ว หวูเหยาฮุ่ยก็รีบทำหน้าเศร้า พร้อมทั้งรีบพูดกับคนในสายทันที

กองบัญชาการทหารซีหนาน จอมทัพหวูนั่งอยู่บนโซฟา ด้วยอาการเหนื่อยล้า พร้อมทั้งยังเอามือนวดดวงตาอย่างเบามือ ระยะนี้ฝั่งชายแดนเริ่มไม่สงบขึ้นมาบ้าง ใน ฐานะที่เขาเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ หน้าที่รับผิดชอบจึง หนักหน่วงเช่นกัน

ยังดีที่หลานที่ไม่ได้เรื่องได้ราวที่บ้านของตนเอง เป็นผู้ เป็นคนขี้นมาเยอะแล้ว ไม่ได้ไปก่อเรื่องมาให้เขามากมาย ซะเท่าไหร่ จนทำให้เขาเบาใจไปไม่น้อย

ทว่าในเวลานี้เอง พลันเห็นว่าประตูโดนผลักเขามา จาก นั้นนายทหารเลขาฯเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าร้อนรน

“จอมทัพ สายโทรศัพท์ของหวูเหยาฮุย เหมือนมีเรื่อง ด่วน?” เมื่อเลขาเฉินเห็นสีหน้าของจอมทัพหวูที่เกิด อาการไม่พอใจก็ตามที แต่ว่าตอนนี้เขาก็ยังคงกระซิบพูด ข้างหูจอมทัพหวู

จอมทัพหวูได้ยินคำพูดของเลขาเฉินแล้ว สีหน้าที่ไม่ พอใจก็เก็บอาการลงทันที จากนั้นก็รับสายโทรศัพท์โ

“ฮัลโหล เหยาฮุย ฉันเอง มีเรื่องอะไร?” จอมทัพหวูพูด ออกมาอย่างโกรธเคือง

“สวัสดีครับจอมทัพหวู ผมมีเรื่องจะพูดคุยกับท่านสัก หน่อย พอดีว่าตอนนี้หนูเหยาฮุ่ยอยู่ในมือผม แถมยังโดน ผมทำร้ายไปแล้ว!” เวลานี้เสิ่นหวนนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น จากนั้นก็พูดอย่างสบายอกสบายใจ ต่อหน้าหวูเหยา
เมื่อคำพูดนี้ออกจากปากของเขาแล้ว หนันกงเจว์ ซ่ง เจียหมิง รวมทั้งหวูเหยาฮุ่ยเอง ถึงขั้นเบลอทันที!

เสิ่นหวนกำลังทําอะไรอยู่?เพราะว่าตอนนี้เขากำลังยั่ว ยุตระกูลหวูทั้งตระกูลอยู่?

“อะไรนะ? แกจับตัวหวูเหยาฮุ่ยเหรอ? ตกลงว่าแกเป็น ใครกัน? พูดมา ว่าแกต้องการอะไร?” เมื่อได้ยินคำพูด ของเสิ่นหวนแล้ว จิตใต้สำนึกของจอมทัพหนูนึกว่า หนูเห ยาฮุยถูกคนจับตัวไปแล้ว

ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น ได้แต่เห็นเสิ่นหวนยิ้มให้อย่างดูถูก ดูแคลน จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย “เปล่าไม่ได้จับ ตัวมา จอมทัพหวู คุณวางใจได้เลย ผมแค่ เห็นว่าหลาน ของคุณเบ่งอำนาจของคุณแล้วเอาไปรังแกคนอื่น ผมทน ดูไม่ได้ เลยสั่งสอนเขาแทนคุณไปสักยกหนึ่ง!”

“แน่นอนว่า ถ้าจอมทัพหวูท่านอยากจะมาสั่งสอนผม กลับคืน เช่นนั้นผมก็ยินดี อ้อ ใช้สิ ผมชื่อเสิ่นหวน ถึงตอน นี้อย่าหาตัวผิดคนล่ะ!”

หลังจากที่เสิ่นหวนพูดจบแล้ว ก็ตัดสายทิ้งทันที จากนั้น

ก็เก็บโทรศัพท์
“เห็นแล้วนะ วานันโทรศัพท์ไปหาของแกอย่างกล้า หาญตรงๆ เลย เพื่อให้เขารู้ถึงสภาพของแกในตอนนี้ นี่ แหละที่เขาเรียกว่าเหยียบย่ำคน เข้าใจยัง?”

จากนั้น เสิ่นหวนก็ลุกขึ้น และก็ใช้เท้าข้างหนึ่งกระทืบ ไปที่หวเหยาฮุยอย่างแรง จากนั้นก็พูดเสียงแข็งใส่ “ฉัน กระทืบแกอยู่เนี่ย แล้วแกจะทำอะไรกับฉัน?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ