บทที่ 7 หนันคงเจร
เห็นก๋วเดินขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เย้ยหยัน เส้นหวนในใจ ก็คิดอยากจะให้ตายไปเลย
ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน เป็นมือปืนยังมาทำเป็นอวดดี ทำตัวต่ำยังไงก็แสดงออกมาแบบนั้น
“ไอ้หนุ่ม พอดีเลย บัญชีเก่าบัญชีใหม่ก็คิดกันทีเดียวเลย แล้วกัน คิดๆดูเมื่อกี้เรื่องที่คุณขับรถชนผม ก็นับเป็นเรื่อง ที่สองแล้ว จะว่าไปเราจะจัดการยังไงดี”
“ฉันขอเตือนอะไรหน่อยนะ ยังไงนายก็เดินออกไปเถอะ ก็เห็นกันอยู่ว่าไต๋ได้ไม่ชอบนาย ส่วนเรื่องก่อนหน้านี้ก็ หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยังไงก็ตามนายรังแกได้ได้ ก็เหมือนรังแก ฉัน” กัวยี่พูดกับเสิ่นหวนด้วยความอวดเก่ง ในขณะนั้นเอง ลูกน้องของกัวก็ค่อยๆมาล้อมเสิ่นหวนเอาไว้
เสิ่นหวนเห็นดังนั้น ก็ถอนหายใจออกมา เขาเอามือทั้ง สองข้างล้วงกระเป๋า แล้วเดินอย่างสบายใจไปข้างหน้า
“เห้ย ไอ้หนุ่ม ไอ้หนุ่มยัง…….…..….…………สดงสีหน้าโกรธ เกรี้ยวออกมา แต่พูดยังไม่ทันจบ กลับถูกเสิ่นหวนกับเข้า อย่างจัง
กระเด็นออกไปสามสี่เมตร จากนั้นก็ล้มลงบนพื้นและนอนเจ็บปวดอย่างมาก
แต่เนิ่นหวนก็ไม่ได้ใช้แรงอะไรมากขนาดนั้น ยังไงก็ตาม การที่จะสู้กับพวกสารเลวแบบนี้ ก็ต้องใช้แรงอยู่บ้าง ไม่ แน่อาจจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้ สำหรับคนที่ไม่มี หัวคิดแบบนี้ เสิ่นหวนแทบไม่อยากจะสู้ด้วยเลย
“คุณชายกัว! คุณชายกัว! “เห็นกัวยโดนเส้นหวนกับ ลงไปนอนกับพื้น ลูกน้องของเขาก็รีบไปวิ่งเข้าไปช่วย ช่วยพยุงเขาขึ้นมา และแน่นอนว่า เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยง การปะทะกับเสิ่นหวน
มองกัวยี่อยู่นาน พวกเขาดูออกว่าเสิ่นหวนไม่ใช่คน ธรรมดาที่ต่อสู้ไม่ได้ สู้กับคนประเภทนี้ ต่อให้พวกเขา เข้าไปพร้อมกันทั้งหมด มีแต่จะโดนทุบลงไปนอนกอง แน่นอน
“แค่ก แค่ก…”
ในที่สุด หลังจากที่ความเจ็บปวดที่ท้องลดน้อยลง ก๋วย ก็ได้ชี้ไปที่ด้านหลังเสิ่นหวน แต่กลับพูดอะไรไม่ได้
เพราะเขายังคงเจ็บปวดที่ท้อง ทำให้เขาโกรธจนพูดไม่
ออก
“คุณชายก้ว ชายคนนี้สามารถมาเป็นบอดี้การ์ด ผมคิดว่าไม่ธรรมดาแน่ พวกเราไม่ใช้คู่ต่อสู้ของเขาหรอก ผม ว่าพวกเราไปหาคุณชายเจวีเถอะ ให้เขาช่วยแก้แค้นให้ คุณชายกัว ! “พวกสุนัขรับใช้พูดกับก๊วยด้วยเสียงเบา แต่แน่นอน พวกเขาก็กลัวว่ากัวยี่จะลุกขึ้นสู้อีก พวกเขาก็ ต้องโดนทุบลงไปกองอีกครั้ง
หลังจากที่ความเจ็บปวดของก้วยี่ค่อยๆหายไป เขาสูด หายใจเข้าลึกๆ ก่อนพูดอย่างเบาๆออกมาว่า “พวกนาย ยังไม่ประคองฉันอีกเหรอ รีบพาฉันไปหาพี่เจ ! ”
ณ โรงยิมของมหาวิทยาลัยตไห่ บนลานประลองมวย ในขณะนั้นมีชายสองคนที่กำลังต่อสู้กันอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช้การต่อสู้แบบใช้อาวุธ แต่เป็นการต่อสู้ที่ใช้หมัดมือ และเห็นได้ชัดว่าทั้งสองเป็นยอดฝีมือทั้งคู่ ความเร็วใน การต่อสู้ของพวกเขาเร็วมาก เป็นการต่อสู้ที่ดูแล้วตาลาย คนดูด้านล่างแทบจะไม่สามารถจับตาดูได้เลย
“ปุย ปุย ! ”
ในที่สุด ชายหนุ่มชุดเหลืองถูกชายชุดดำที่นอนอยู่หา โอกาสและชกไปที่หน้าอกของเขา
จากนั้นชายชุดดำก็ฉวยโอกาส ไล่ตามชกไปที่ชายชุด เหลืองอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ก้มตัวลง เตะชายชุด เหลืองลงไปนอนกองกับพื้น แล้วถึงจะหยุดโจมตี
“โอ๊ย พี่หู ผมเจ็บจะตายอยู่แล้ว พี่ไม่คิดจะออมมือให้ ผมหน่อยเหรอ
ชายชุดดำก็ยิ้มออกมา ยื่นมือไปหาหนันกงเจดึงเขาขึ้น มา และพูดว่า “เสี่ยวเจว๋ ตอนนี้ฝีมือนายพัฒนาไปเร็วมาก ชั้นใช้กำลังเก้าส่วนแล้วนะ ไม่เกินครึ่งปี ก็ไม่ต้องให้ฉัน ดูแลนายแล้ว”
“ฮ่าๆ พี่หู อย่าพูดแบบนั้นเลย พี่ยังอยากจะกลับไป หน่วยรบพิเศษอีกเหรอ มันไม่สนุกหรอกนะ ยังไงก็ไม่ เหมือนมาอยู่กับผม อยู่ที่โรงเรียนนี้ใช้ชีวิตสุขสบาย ! ” ตอนนั้นหนันกงเจว่ยิ้มและพูดกับบอดี้การ์ดของเขา หลี่หู่ คือคนที่คุณปู่หามาจากหน่วยรบพิเศษ
หลี่หูหัวเราะร่า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แม้ว่าเมืองตงไห่จะ คึกคักแค่ไหน ก็เทียบไม่ได้กับบรรยากาศของค่ายทหาร หรอก
“นายน้อย! นายน้อย! ”
ในตอนนั้น เสียงตะโกนก็ดังมาแต่ไกล หนันกงเจว๋ก็เริ่ม คิ้วขมวด แล้วหันไปทางเสียงที่ตะโกน เห็นแค่คนไม่กี่คน หามกัวยี่ เหงื่อแตกท่วมตัวเดินเข้ามา
“เป็นอะไรไป กัวเอ้อ นายโดนคนทำร้ายมาเหรอ ใครทำ อะไรนาย” เห็นสภาพของกัวยี่ หนันกงเจว๋คิ้วขมวดแล้วถามด้วยน้าเสียง เยือกเย็น
“ใช่พวกโจงหยังรึเปล่า”
“นายน้อย ไม่ใช่พวกโจงหยังเ แต่เป็นบอดี้การ์ด บอดี้ การ์ดของคุณหนูซูไต้! “ลูกน้องของกัวรีบตอบหนันกง เจว
หนันกงเจว่คิ้วขมวดอีกครั้ง รีบถามด้วยความสงสัยอีก ว่า “บอดี้การ์ดของคุณหนูซูไต้ ? คุณหนูซูได้มีบอดี้การ์ด ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? นายเล่าเรื่องทั้งหมดมาให้ฉันฟังเดี่ยว
ลูกน้องของกัวยี่ ก็รีบเล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกรอบ!
“เดี่ยวๆ นายบอกว่า คุณหนูซูได้อยู่ๆก็มีบอดี้การ์ด ผู้ชายงั้นเหรอ? ”
ลูกน้องของกัวยี่ก็พยักหน้า และรีบพูดว่า “ใช่ครับ เป็น ผู้ชาย! ”
“เหอๆ บอดี้การ์ดผู้ชาย ไม่แน่อาจจะเป็นคนของบ้านเย่ ชิงเทียนหามา แต่จากที่เขาระวังตัวขนาดนั้น ให้ตายก็ไม่ เชื่อว่าจะจัดหาบอดี้การ์ดผู้ชายมา! ”
“เรื่องราวชักน่าสนใจแล้วซิ ไปกันเถอะ พวกนายพาฉัน ไปดูหน่อย” หนันกงเจว่หัวเราะยิ้มและพูดออกมา ดวงตา ของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
อีกด้านหนึ่ง เสิ่นหวนก็ตามคุณหนูซูไต้ไป จนเดินมาถึง ห้องเรียนของเธอ หลังจากที่เข้าไปในห้อง พบว่าคุณหนูซู ไต้กับสาวสวยอีกคน นั่งอยู่กลางห้อง
รอบๆไม่ห่างกันมากนักก็มีผู้ชายสองสามคนนั่งอยู่ สายตาจับจ้องไปที่ผู้หญิงทั้งสองคน
และในตอนนั้นเอง มีเพียงเสิ่นหวนที่เดินเข้าไปดื้อๆ กลางวง แล้วนั่งลงข้างๆคุณหนูซูไต้
คุณหนูซูไต้ก็คิ้วขมวด อยากจะขยับออกไป แต่ในตอน นั้นสาวสวยที่นั่งข้างๆเธอ หลินเสี้ยวเสี้ยว ไม่ได้คิดที่ อยากจะลุกขึ้นหนี เลยทำให้คุณหนูซูได้ที่นั่งอยู่ตรงกลาง ทำได้เพียงนั่งตรงนั้นอย่างจนปัญญา
“นายขยับไปนั่งตรงนั้นได้มั้ย”คุณหนูซูไต้ถามเสิ่นหวน อย่างเย็นชา
“ไม่ได้แน่นอน รอบตัวต้องมีบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ปกป้อง เจ้านายตลอดเวลา ไม่ปล่อยให้คลาดสายตาไปได้ นี้เป็น กฎสำคัญในหลักปฏิบัติของบอดี้การ์ด ฉะนั้น ผมต้องทำ หน้าที่ของผม”เสิ่นหวนพูดด้วยความเป็นกลาง
แต่หลังจากที่คุณหนูซูไต้ได้ฟัง รู้สึกโกรธจนกัดฟัน แล้ว เมื่อกี้ตอนที่กัว มากวนฉัน ทำไม่นายนี้ไม่มาทำหน้าที่ล่ะ
“สวัสดี สุดหล่อ ฉันชื่อหลินเสี้ยวเสี้ยว นายเป็นบอดี้ การ์ดของคุณหนูไต้เหรอ” หลินเสี้ยวเสี้ยวก็ขยับเข้ามา ใกล้เสิ่นหวน และหันมาถามเขา
เห็นว่าเป็นสาวสวยแนะนำตัวก่อน เสิ่นหวนเลยยิ้มและ ตอบไปว่า “ใช่ครับ สวัสดีครับหลินเสี้ยวเสี้ยว ผมชื่อเงิน หวน จากนี้ไปผมเป็นบอดี้การ์ดของคุณหนูไต้ไต้ และยัง เป็นเพื่อนใหม่ของพวกคุณอีกด้วย! ‘
“ว้าวๆ คุณบอดี้การ์ดเสิ่น ออไม่สิ สวัสดีคุณเสิ่น ฉันขอ ถามอะไรคุณหน่อยนะ เมื่อกี้คุณจัดการเจ้าโง่กัวเอ้อไป แล้วใช่มั้ย”หลินเสี้ยวเสี้ยวถามด้วยสีหน้าที่อยากรู้
เสิ่นหวนลูบจมูก แล้วนึกถึงตอนที่เขาจัดการพวก อันธพาลเหล่านั้น หยักหน้าเบาๆแล้วตอบว่า “ก็อาจจะ ใช่! ”
“ฮิๆ งั้นนายซวยแล้วล่ะ! เจ้าโง่กัวเอ้อถึงแม้ว่าจะโง่เง่า เต่าตุ่น แต่เขายังมีพี่ใหญ่ที่คอยหนุนหลังอยู่นะ!
“พี่ใหญ่ของเขาชื่อ หนันกงเจว๋ ว่ากันว่าเป็นคนใหญ่คน โตของพรรคไท้จื้อ แม้แต่คู่หมั้นของคุณหนูไต้เย่ชิงเทียน เขาก็ไม่กลัว ไม่งั้นเจ้าโง่กัวเอ้อ คงไม่กล้ามายุ่งกับ คุณหนูไต้บ่อยๆหรอก”
“นว่าอีกเดี่ยวหนันกงเจวนั้น คงจะมาออกหน้าให้เจ้าโง่ กัวเอ้อแน่ ๆ ฉะนั้นนายก็ภาวนาไว้ละกัน หนันกงเจว่ ไม่ เหมือนกับเจ้าโง่กัวเอ้อ แต่นายวางใจได้ ชั้นพร้อมช่วย นายโทรหา120 ได้ “หลินเสี้ยวเสี้ยวยกโทรศัพท์ขึ้นมา และพูดด้วยเสียงหัวเราะ
แต่เสิ่นหวนแสดงสีหน้าและหัวเราะแบบฝืนๆอย่างขัดไม่ ได้ หลินเสี้ยวเสี้ยวคนนี้ จริงๆแล้วเธอจะช่วยจริงๆหรือแค่ พูดให้รู้สึกครึกครื้นแค่นั้น
แต่หนันกงเจว๋ ชื่อนี้ทำให้หัวใจเขาเต้น คงไม่ใช่เจ้าคน นั้นหรอกมั้ง
เห็นเสิ่นหวนแสดงสีหน้าดูขมขื่น คุณหนูซูไต้ก็ยิ้มออก
มา
ตอนนี้เจ้าหมอนี้คงรู้สึกกลุ้มใจมาก ฮึ ก่อนหน้านี้ให้นาย หยิ่งยโสไปก่อน เดี๋ยวฉันจะรอดูว่านายจะรับมือยังไงกับ หนันกงเจว๋ คุณหนูซูไต้ในใจคิดอย่างเกลียดชัง
ในขณะนั้นเอง ด้านนอกก็มีกลุ่มคนพุ่งเข้ามา และจ้อง เขม็งไปยังเสิ่นหวน
“อมิตาพุทธ คุณเส็น ขอให้พระเจ้าอวยพรให้คุณ หนัน กงเจว๋กำลังจะมาถึงแล้ว! “หลินเสี้ยวเสี้ยวหลบไปด้าน ข้าง แล้วพูดออกมาเบาๆ
ขณะนั้น กลุ่มคนที่เข้ามาก่อนหน้าก็ค่อยๆจัดแถวเป็น แนวต้อนรับ หลังจากนั้น ก็มีชายร่างสูงคนหนึ่งสวมเสื้อ คลุมสีดา เดินอย่างทะมัดทะแมงเข้ามา
แต่เมื่อเขาเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นคือ เสิ่นหวน ชายคนดัง กล่าวก็หัวเราะออกมา และดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรอยู่
เสิ่นหวนแสดงสีหน้ายิ้มแบบทำอะไรไม่ถูก ราวกับว่า โลกใบนี้มันเล็กจริงๆ
“นายรีบลงมือเถอะ หนันกงเจว๋ ในโรงเรียนนายดู เก่งกาจมากไม่ใช่หรอกเหรอ ทำไมถึงยืนขี้ขลาดอยู่ตรง นั้นล่ะ “คุณหนูซูไต้พูด ถึงแม้ว่าจะนั่งแสดงสีหน้าที่เยือก เย็นออกมา แต่ในใจกลับรีบร้อนจนรอไม่ได้
ไม่รู้ทำไม เธออยากเห็นเสิ่นหวนเป็นฝ่ายแพ้ โดยเฉพาะ ยิ้มแบบโอ้อวดในตอนนั้น อยากให้เปลี่ยนเป็นร้องไห้ซะ เลย แบบนั้นเธอจะรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก
และในตอนนั้น หนันกงเจว๋ก็เริ่มขยับ ค่อยเดินๆเข้ามา หาเสิ่นหวน
ท่ามกลางคนที่มุงดูอยู่รอบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เพราะอยากเห็น นายน้อยอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัย ตงไห่ทำไมถึงเข้ามาจัดการคนในห้องนี้
แต่แล้วสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้คนทั้งห้องตกใจและตะลึงไป ตามๆกัน
เพราะทันใดนั้นเอง หนันกงเจว่ ก็เอ่ยปากเรียกขึ้นมาว่า
“พี่หวน”
“เอ้ย เสี่ยวเจว๋ เป็นยังไงบ้างไม่เจอกันนานเลย! “เสิ่น หวนยังคงแสดงสีหน้าหัวเราะเยาะเหมือนเดิม แน่นอน ใน สายตาคุณหนูซูไต้ เต็มไปด้วยความสงสัย
“พี่หวน ใช่พี่จริงๆเหรอเนี่ย เมื่อกี้ผมเกือบจะนึกไม่ออก อ้อใช่เลย ใช่พี่ที่..……….
แต่เขาพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเสิ่นหวนยกมือมาขัดซะก่อน และพูดว่า “ที่นี่ไม่ใช่ที่คุย เดี๋ยวเราค่อยคุยกันอีกที!”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ