เทพบุตรตัวเต็งในใจของฉัน

บทที่ 6 หลุมพรางก็คือนาย



บทที่ 6 หลุมพรางก็คือนาย

ก๊อกก๊อกก๊อก

“เข้ามาได้”

เสิ่นหวนที่กำลังนั่งเล่นคอมพิวเตอร์แก้เบื่อ ได้ตอบกลับ หลังจากนั้น เขาก็เห็นหลินฟูได้ถือเอกสารบางอย่างเดิน เข้ามา

“คุณเสิ่น เอกสารการเข้าเรียนของท่านครับ ผมดำเนิน การให้เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ พรุ่งนี้ ท่านก็สามารถไป รายงานตัวที่มหาวิทยาลัยตงไห่ได้เลย หลินฟูได้วาง เอกสารไว้บนโต๊ะหนังสือ และหันไปพูดกับเสิ่นหวน”

จากเรื่องที่ผ่านมา ก็ทำให้เขารู้ว่า ประวัติของเสิ่นหวนผู้ นี้ ไม่ใช่เพียงแค่เป็นบอดี้การ์ดธรรมดาคนหนึ่ง

กลัวก็แต่ว่าอาจจะมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย แต่ก็ คิดๆดูแล้ว ปู่ทวดกล้ารับเขาเข้ามารับใช้ คงจะพิจารณา อย่างถี่ถ้วนดีแล้ว

อย่างแรกเลย หนุ่มคนนี้ไม่เกรงกลัวอำนาจของเย่ชิง เทียนแม้แต่นิดเดียว มิฉะนั้น ปู่ทวดคงไม่เรียกตัวเขามากลัวแต่จะทําให้เย่ชิงเทียน นมั่ว

เสิ่นหวนที่กําลังคอมพิวเตอร์อยู่ ก็ได้พยักหน้าและตอบ ว่า ” ขอบคุณครับ ลุงฟู ”

แต่หลังจากที่พูดจบ เขาพบว่าลุงฝูยังยืนอยู่ที่เดิม ยังไม่

ได้เดินออกไป

“ลุงฝู ยังมีธุระอะไรอีกหรือเปล่า” เสิ่นหวนหันไปมอง ด้วยความสงสัย และเอ่ยถามทันที

หลินฝูลังเลอยู่พักหนึ่ง จึงตอบไปว่า “ คุณเสิ่น ที่จริง คุณหนูก็ดูใจดีนะ เธอไม่ได้คิดร้ายอะไรเลย ”

แน่นอนว่า เขากำลังแก้ตัวแทนคุณหนูซูไต้

เสิ่นหวนพยักหน้า ยิ้มและพูดว่า “ วางใจเถอะ ลุงฟู ผม พอจะมองออก ก่อนจะมาที่นี่ ผมได้หาข้อมูลนายจ้าง อยู่บ้าง เหตุการณ์ด้านล่างเมื่อกี้ เป็นความตั้งใจของผม ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นถ้าผมเชื่อฟังคำพูดเธอทั้งหมด การ ทำงานหลังจากนี้คงไม่ราบรื่นเท่าไหร่ ”

เมื่อหลินฟูได้ยินดังนั้น จึงมองเสิ่นหวนอย่างแปลกใจ ไม่ คิดเลยว่า จิตใจของเสิ่นหวน เป็นคนพิถีพิถันอยู่เหมือน กัน
เมื่อรอให้หลินฟูเดินออกไป เสิ่นหวนก็ได้หยิบกระเป๋า เอกสารขึ้นมา หลังจากที่เปิดออกมาดู ก็เห็นใบแสดง สถานะนักศึกษาของเสินหวนอยู่ตรงหน้า

เมื่อดูอย่างละเอียด เสิ่นหวนก็ได้หัวเราะออกมา ความ จริงเขาถูกให้เรียนสาขาเดียวกับคุณหนูซูไต้หรือนี่

แต่ก็คงไม่มีทางเลือกมากพอ ที่กลับมารอบนี้ ก็อยากจะ เข้าเรียนมหาลัยเพื่อมาเรียนรู้การใช้ชีวิต

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น แสงอาทิตย์ก็ได้ส่องเข้ามาในห้อง เสิ่น หวนค่อยๆลืมตาขึ้น สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของแสง อาทิตย์

เมื่อแต่งตัวหวีผมเป็นที่เรียบร้อยเสิ่นหวนก็ได้เดินลงไป ด้านล่าง พบว่าห้องอาหารที่อยู่ข้างล๊อบบี้ ได้มีอาหารเช้า ที่มีกลิ่นหอมวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ

ตรงข้ามของโต๊ะ คุณหนูซูไต้ได้นั่งกินอาหารอย่างสง่า งาม เมื่อเห็นเสิ่นหวน เธอได้แต่เงยหน้าขึ้นมาดู ไม่สนใจ อะไร แม้แต่คำทักทายก็ไม่มีสักคำ

แต่เสิ่นหวนก็ไม่สนใจอะไร ลากเก้าอี้ออกมานั่ง หลังจาก นั้นก็รีบกินอาหารแบบตะกละ ซึ่งผิดกับคุณหนูซูไต้ที่นั่งกินอย่างเรียบร้อย

เมื่อได้ยินเสียงเสินหวนกินอาหารอย่างมูมมาม คุณหนูซู ไต้ก็เริ่มขมวดคิ้ว หลังจากนั้นก็รีบวางจาน ลุกเดินออกไป

เสิ่นหวนยังคงก้มหน้าก้มตากินต่อไป หลังจากที่กินเสร็จ เรียบร้อย และเดินออกจากห้องอาหาร ก็พบว่าตรงล็อบบี้ และหลินฟูก็ได้ยืนรออยู่แล้ว

“คุณเสิ่น คุณหนูได้เดินลงไปที่ลานจอดรถแล้ว คุณเดิน มาพร้อมกับผมก็ได้ คุณจะขับรถให้คุณหนูเอง หรือจะให้ ผมจัดคนไปส่งพวกคุณครับ”

“เดี๋ยวผมขับไปเอง” เสิ่นหวนคิดอยู่ชั่วครู่ จึงรีบตอบออก มา

เมื่อได้รับความไว้วางใจ และความภักดีจากผู้อื่น ตัวเขา เองควรจะรับใช้คุณหนูซูได้อย่างเต็มที่ และต้องทำหน้าที่ ให้ดีที่สุด

ทันใดนั้น เสิ่นหวนและหลินฟูได้เดินมาถึงลานจอดรถ เมื่อมองไปที่โรงจอดรถ เห็นรถสี่ห้าคันจอดเรียงรายกัน อยู่ มีทั้งรถหรู และรถธรรมดา

“ปกติคุณหนูจะชอบนั่งรถคันนั้น นี้เป็นกุญแจรถครับ”หลินฟูได้ชี้ไปที่รถมาเซราติสีขาวคันหนึ่ง

เสิ่นหวนพยักหน้า และรับกุญแจไปเปิดรถคันดังกล่าว และนั่งตรงฝั่งคนขับ

“นายเป็นคนขับเหรอ” คุณหนูซูได้ที่นั่งอยู่ข้างหลังได้ เอ่ยถามด้วยเสียงเยือกเย็น

เสิ่นหวนหัวเราะและตอบไปว่า ” ใช่สิ หลังจากนี้ผมเป็น คนขับรถของคุณ ” พูดจบ ก็ได้สตาร์ทรถ และขับออกไป

ระหว่างทาง ไม่มีการสื่อสารพูดคุยใดๆจากทั้งสองฝ่าย คุณหนูซูได้ทำเหมือนเสิ่นหวนเป็นอากาศ ไม่พูดอะไร แม้แต่คำเดียว และเสิ่นหวนก็ไม่ได้สนใจอะไร

แต่ในระหว่างทาง คุณหนูซูไต้ก็ได้ตะลึงกับเสิ่นหวน เนื่องจากเธอพบว่า เสิ่นหวนดูเหมือนจะคุ้นชินและรู้จัก ถนนเส้นนี้เป็นอย่างดี ไม่ได้ใช้ระบบนำทาง ก็ขับถึง มหาวิทยาลัยตงไห่

หลังจากที่ขับเข้าประตูไปแล้ว เสิ่นหวนได้ขับไปยังจุด จอดรถในมหาวิทยาลัย เพราะเขาจำที่ลุงฝูเคยบอกได้ว่า ได้ทำการซื้อที่จอดรถของมหาวิทยาลัยเป็นที่เรียบร้อย เพื่อที่จะเป็นที่จอดรถส่งคุณหนูซูไต้
แต่เมื่อมองไกลๆ ออกไป เส้นหวนพบว่า ที่จอดรถดัง กล่าว รอบล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย

หลังจากนั้น เมื่อมองผู้คนที่รายล้อมตรงนั้น ทันใดนั้น ผู้คนก็โบกมือแกว่งไปแกว่งมา เหมือนเป็นสัญญาณให้รู้ ว่ามีคนมาถึงแล้ว

ทันใดนั้นก็มีรถค้นหนึ่งขับพุ่งไปยังฝูงคนกลุ่มนั้น สิ่ง ที่เส้นหวนเห็น พบว่าที่จอดรถด้านหน้า มีคนนับไม่ถ้วน กำลังสร้างซุ้มประตูเป็นรูปหัวใจที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบ

ตรงซุ้มประตู มีชายหนุ่มสวมสูทสีขาวถือดอกกุหลาบอยู่ หนึ่งช่อ กำลังคุกเข่าตรงประตูซุ้ม

เสิ่นหวนขับรถมุ่งไปด้านหน้าอย่างช้าช้า เห็นชายหนุ่ม ถือช่อกุหลาบด้วยความดีใจ ดูเหมือนว่าจะใกล้รถเข้ามา ทุกที ใบหน้าเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบใจ

“ได้ไต้ ฉันรักคุณนะ”

เมื่อเห็นรถขับเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็ได้ตะโกนประโยค ดังกล่าวกับคุณหนูซูไต้

เมื่อเสียงตะโกนสิ้นสุดลง เขารู้สึกเหมือนมีอะไรผิด พลาด
เนื่องจากราไม่ได้หยุดตรงที่เขารอ แต่รถขับผ่านไป อย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น และขับมุ่งหน้าไปเรื่อย ๆ

ให้ตายเถอะ จะชนให้กระจายเลยหรือไง

ท่ามกลางสายตาที่รุมล้อม ต่างก็มองไปยังรถคันดัง กล่าว สีหน้าอดไม่ได้ที่จะคิดด้วยความสยดสยอง

ชายหนุ่มรู้สึกทำอะไรไม่ถูก คิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เป็นการแสดง โดยรถคันดังกล่าวขับผ่าน ไปอย่างไม่แยแส

“คุณชายกัว รีบวิ่งเถอะ” ในตอนนั้น มีเสียงของคนข้างๆ ตะโกนออกมา

คุณชายกัวที่กำลังถือช่อดอกไม้ในตอนนั้น ได้รีบลุกขึ้น ยืน ในตอนนั้น เขารู้สึกว่าด้านหน้าของรถยนต์อยู่ไม่ห่าง จากตัวไปสักเท่าไหร่

ดูเหมือนรถจะติดอยู่ตรงจังหวะที่เขาก้าวเท้าถอยออก มาพอดี และค่อยๆดันเขา จนไปถึงจุดที่จอดรถ

รถก็ค่อยๆจอดช้าๆ และจอดตรงที่ตำแหน่งจอดรถพอดี
“อะไรกันเนี่ย”

คุณชายก้วพูดแบบไม่พอใจ กำลังจะเดินไปหาเรื่องคน ขับรถหน้าโง่คนนั้น ก็นึกถึงผู้หญิงที่นั่งอยู่บนรถ ทำให้เขา เก็บอารมณ์โกรธไว้ทั้งหมด

แต่เพียงแค่จะเดินตรงไปที่รถ ประตูรถก็เปิดออกพอดี เสิ่นหวนก็ได้ยิ้มและเดินลงจากฝั่งคนขับรถ

“พี่ชาย รอบหน้าระวังหน่อย อย่ามายืนเกะกะตรงด้าน หน้ารถ ฉันสายตาไม่ค่อยดี ถ้าเกิดชนอะไรขึ้นมา คงไม่ดี แน่ ๆ

“คุณชายกัวกำลังจะโต้กลับ แต่ก็ต้องเก็บอาการต่อ ไป เพราะประตูรถที่อยู่ด้านหลัง มีคุณหนูซูไต้สีหน้าไร้ อารมณ์เดินลงมาจากรถ”

ไม่ทันได้คุยอะไรกับเสิ่นหวน กัวยี่ก็รีบเดินอ้อมรถ เพื่อ รีบวิ่งไปหาคุณหนูซูไต้และพูดว่า “ ไต้ไต้ ไต้ไต้ อันนี้เป็น ดอกไม้ที่มอบให้คุณ คุณรับไว้หน่อยนะ ”

แต่ทว่า คุณหนูซูไต้ไม่ได้หยุดเดิน แถมไม่ได้สนใจเขา อีกด้วย ยังคงเดินไปข้างหน้าต่อไป

“ไต้ไต้! ไต้ได้! ‘
ถ้วยได้แสดงถึงความพยายาม เขาวิ่งไปหาคุณหนูซูได้ และเรียกชื่อคุณหนูออกมาเหมือนเสียงแมลงวันที่บินรวม กันเป็นฝูง

ในที่สุด กัว ก็ได้รับความสนใจ คุณหนูซูไต้ได้หยุดเดิน และยืนรอ มองไปที่กัวยี่แป๊บครู่หนึ่ง แล้วหันกลับไปมอง เสินหวน

“นายไม่ใช่บอดี้การ์ดแล้วเหรอ นายช่วยพาเขาออกไป จากฉันหน่อย” คุณหนูซูได้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกกับ เสินหวน

เมื่อเสิ่นหวนได้ยินดังนั้น ชะงักเล็กน้อย สีหน้าเริ่ม เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่สดใสทันที และพูดว่า “ขอโทษ ครับ ผมคิดว่าคนคนนี้ไม่มีภัยอะไรต่อความปลอดภัยของ คุณหนู ดังนั้นตามระเบียบของบอดี้การ์ดข้อที่หนึ่ง ผมไม่ สามารถลงมือก่อนได้ ”

“นาย….….……….พูดของเสิ่นหวนถึงกับทำให้คุณหนูซูไต้ ชะงัก และมองเสิ่นหวนแบบไม่เป็นมิตร แต่เสิ่นหวนก็ไม่ ได้สนใจกับสายตาของคุณหนูซูไต้

“ไต้ไต้ หนุ่มคนนั้นเป็นบอดี้การ์ดของเธอหรือ ฉันดูไปดู มาไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลย” กัวยื่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออก มา เขาไม่ยอมเสียโอกาสที่จะพูดคุยกับเทพธิดา
เมื่อสิ้นหวนได้ยินที่ก้าที่พูด ก็เริ่มกระตุกมุมปากตอนนี้ เขารู้ว่า คุณชายกับไอคิวต่ำมากจริงๆ

และเมื่อคุณหนูซูไต๋ได้ยินที่กัวยี่เอ่ยถาม ตาโตเล็กน้อย และยิ้มมุมปาก

“ก้วยี่ นายพูดถูกแล้ว บอดี้การ์ดคนนี้ ไม่น่าเชื่อถือเลย ดังนั้น ถ้านายช่วยพาเขาออกไปจากฉัน จะได้หรือเปล่า” คุณหนูซูได้ยิ้มเบาๆแล้วพูดกับกัวยี่

กัวยี่มองที่เทพธิดาที่หัวเราะกับเขา ในตอนนั้นรู้สึกมึนงง อย่างบอกไม่ถูก พร้อมเอามือตบหน้าอกและพูดออกมา ว่า “ วางใจเถอะ ไต้ได้ ผมจะจัดการไอ้หนุ่มนั้นให้ ให้เขา รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาไม่คู่ควรกับการเป็นบอดี้การ์ดของ คุณ

คุณหนูซูไต้พยักหน้า และหันหลังกลับ มองเยอะเย้ย เสิ่นหวน จากนั้นก็เดินมุ่งไปข้างหน้า

เดินออกไปไม่นาน มีผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งวิ่งเข้ามาที่ ด้านหน้าของคุณหนูซูไต้ และจับที่แขนของคุณหนู พร้อม หัวเราะออกมาว่า “ ไต๋ได้ เธอใจถึงมากๆ เลย ให้กัวเอ้อ ไปจัดการบอดี้การ์ดของเธอ แต่ก็ว่าไปแล้วบอดี้การ์ดคน ใหม่ของเธอก็หล่อเหลาเอาการอยู่นะ

หญิงสวยคนนี้ชื่อว่าหลินเสี้ยวเสี้ยว เป็นเพื่อนสนิทของคุณหนู ได้ เมื่อกี้เธอก็ได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างอีก ด้วย

“ซี โง่ทั้งคู่ ก็แค่หมากัดกับหมา ก็แค่ฆ่าฟันกันเอง” คุณ หนูรูได้ได้นึกถึงใบหน้าของเสิ่นหวนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก็เกิดความเกลียดชัง จึงพูดประโยคดังกล่าวออกมาก

เมื่อเห็นใบหน้าของคุณหนูซูได้ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ โกรธ สายตาของหลินเสี้ยวเสี้ยวก็เกิดความสงสัย ดู เหมือนว่าบอดี้การ์ดคนนี้ ต้องมีอะไรบางอย่างเป็นแน่ ถึง สามารถทำให้คุณหนูซูได้ถึงกับมีอารมณ์โกรธออกมาได้

แต่แล้ว เธอก็พูดมาทันทีว่า ” ไต่ไต้ ฉันคิดว่าเธอต้อง ปล่อยวางบ้างนะ อย่าลืมไปละ กัวเอ้ออาจจะไม่ลงมือ ทําด้วยตัวเอง ลับหลัง เขาอาจจะให้หนันกงเจาจัดการ ให้ก็ได้ กัวเอ้อเดิมก็พูดเก่งอยู่แล้ว หนันกงเจว่อาจจะยัง ไม่ทันระวัง ”

แต่เดิมคิดว่าสามารถพูดโน้มน้าวใจคนได้ และคุณหนู ซูไต้พอจะรับฟังอยู่บ้าง ใครจะคิดได้ว่า คุณหนูซูไต้กลับ พูดแบบไม่สนใจออกมาว่า “ ฉันก็แค่ต้องการจะให้หนัน กงเจว๋เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถึงตอนนี้พอจะยับยั้งอารมณ์ เย่อหยิ่งของใครบางคนได้ ”
คุณหนูซูได้ไม่ใช่คนโง่ พอจะมองการกระทำของเงิน หวนออกอยู่บ้าง อีกทั้งมองได้จากสิ่งที่พ่อแม่ปฏิบัติต่อ เขา ทำให้รู้ว่าเสิ่นหวนไม่ใช่บอดี้การ์ดชื่อใสธรรมดา

แม้กระทั่งสถานการณ์ของตัวเอง เส้นหวนรู้สึกถึงความ กลัวอย่างเห็นได้ชัด และภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ทำให้ เขายังเต็มที่กับภาระหน้าที่ อธิบายได้ว่า หนุ่มคนนี้มี ประวัติที่ไม่ธรรมดา และยังไม่เกรงกลัวเย่ชิงเทียนอีก ด้วย

อย่างนั้นก็ต้องเอาหนันกงเจว๋เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คุณ หนูซูได้กำลังคิดว่า พอจะทำให้หนุ่มคนนั้นเป็นกับดักของ เธอได้หรือเปล่า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ