แสงใต้เงา

ตอนที่ 2…หาความจริง จากเธอคนนั้น [1/6]



ตอนที่ 2…หาความจริง จากเธอคนนั้น [1/6]

ในเช้าวันรุ่งขึ้นของวันที่สี่

ไมล์ออกมายืนที่ระเบียงห้องเหมือนเมื่อวานนี้…

แต่วันนี้เขากลับไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสวนที่ไร้สิ่งมี ชีวิต ไมล์ นคิ้วอย่างไม่ชอบใจ ทําไมเขาจะต้องออกมา มองหายายผู้หญิงคนนั้นด้วย เมื่อคิดได้ดังนั้น ไมล์จึง หันหลังกลับเข้าห้องนอนหยิบชุดวอร์มสําหรับออกกำลัง กายมาเปลี่ยน เช้านี้เขาอยากจะวิ่งออกกำลังกาย และใน ขณะที่ไมล์วิ่งรอบบ้านไปแล้วสองสามรอบ คนที่เขามอง หาไม่เจอเมื่อเช้านี้ กำลังเดินมาตามทางจากประตูใหญ่ เข้ามายังตัวบ้าน ไมล์แค่เห็นว่าเป็นเธอแค่นั้น และเขาก็ วิ่งต่อเพื่อเพิ่มรอบในการวิ่งต่อไป

“คุณพ่อค่ะ ลูกพอจะมีหวังบ้างมั้ยคะเนี่ย” ศศิกานต์ที่ มองมาจากชั้นสอง เห็นทั้งไมล์และน้ำแข็ง เมื่อทั้งสองต่าง คนต่างอยู่ ต่างดาเนินชีวิตของตนต่อไปแบบไม่มีทีท่าว่า จะพัฒนาความสัมพันธ์กัน ทำให้ศศิกานต์รู้สึกหดหู่ใจ เป็นอย่างมาก

“จะรีบด่วนตัดสินไปทำไม สองคนนี้ยังมีเวลาอีกเยอะ เคยได้ยินมั้ย ระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน ไมล์ ไม่ใช่คนโง่ และน้ำแข็งก็เป็นเด็กดี เมื่อทั้งสองได้รู้จักกัน มากขึ้นทุกอย่างก็จะดีเอง” เอกพจน์ให้กำลังใจบุตรสาว
เมื่อถึงเวลามื้อเช้า ทั้งสี่ก็ประจำที่เรียบร้อย น้ำแข็งก็ตั้ง หน้าตั้งตากินไม่พูดไม่จา ไมล์เองก็ไม่ต่างไปจากน้ำแข็งที่ เขาก็กินเงียบๆเช่นกัน

“เออ ไมล์ ถ้าวันนี้ลูกไม่มีที่ไหนต้องไป ไปฟังเพชรพระอุ มาด้วยกันกับคุณตามั้ย”

ฮืมม!!! น้ำแข็งสำลักทันที เมื่อสิ้นเสียงของศศิกานต์

“เพชรพระอุมา ฟัง คืออะไรเหรอครับ”

“น้ำแข็งจะอ่านหนังสือให้คุณตาฟังเป็นประจำ ตอนนี้ คุณตาติดเรื่องนี้มาก ตอนสมัยที่เรี่ยวแรงมีมากมายก็ ไม่มีเวลาอ่าน พอมีเวลาอ่าน ดวงตาก็ไม่เอื้ออำนวยเลย” ศศิกานต่อธิบายให้บุตรชายฟัง พร้อมๆกับช่าเลืองมอง อาการของน้ำแข็งที่เห็นแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก

“ก็ได้ครับ” ไมล์เงียบอยู่นานก่อนตอบออกไป น้ำแข็ง หน้าร้อนวูบทันที ในขณะที่ศศิกานต์ยิ้มอย่างพอใจ

“ของหวานเป็นอะไร?” เอกพจน์เอ่ยถามน้ำแข็งหลังจาก ที่กินมื้อเช้าเสร็จแล้ว

“บัวลอยไข่หวานค่ะ” ไมล์เงยหน้าขึ้นมองน้ำแข็งอย่าง

ใคร่รู้และสนใจในทันที
“อ่อ ป้าของน้ำแข็ง ทำขนมส่งขายตามร้านเบอเกอรี่ร้าน กาแฟ ไมล์ก็เคยกินแล้วนิ” ไมล์พยักหน้าเข้าใจในทันที “ไหนๆก็พร้อมหน้าพร้อมตา และทั้งสองก็เจอกันแล้วนะ ไมล์ทันทีที่ลูกเริ่มที่จะเข้าไปทำงานที่บริษัทของเรา น้ำ แข็งจะเข้าไปเป็น ผู้ช่วยเลขาฯให้กับลูกนะ”

ไมล์มุ่นคิ้วมองแม่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และสลับไปมองน้ำ แข็งที่นั่งข้างๆ โดยที่เธอยังสวมชุดนักศึกษาอยู่ ไมล์ไม่ เข้าใจ “แล้วคนโปรดของคุณแม่ ไม่ต้องเรียนหนังสือเห รอครับ”

“เทอมสุดท้าย นํ้าแข็งฝึกงานจร้า แม่ถึงให้เข้าไปฝึกงาน ที่บริษัทเราไง และถ้าได้ฝึกกับไมล์ จะเป็นโอกาสที่ดีให้ กับน้องเขามากๆ”

“นี่เธอ…” ไมล์เริ่มหงุดหงิด เพราะตั้งแต่เริ่มกินมื้อเช้า จนเข้าสู่ช่วงของหวานและกาแฟ เขายังไม่ได้ยินเสียงน้ำ แข็งเลย แต่แล้วเมื่อวาจาไม่เสนาะหูเล็ดรอดออกมาจาก ปากของไมล์ ไม่เพียงเข้าหูน้ำแข็งที่เธอไม่ได้คิดอะไร แต่ เมื่อเข้าหูผู้ใหญ่อีกสองคน ศศิกานต์จึงทนไม่ได้ที่จะต้อง เอ็ดลูกชายตน

“น้องมีชื่อนะ!”

“เออ…คุณแม่ไม่คิดจะถามน้ำแข็งเขาสักคำเหรอครับว่า อยากจะมาฝึกงานเป็นผู้ช่วยเลขาฯ มั้ย” ศศิกานต์มองใบหน้าลูกชาย และหันไปมองน้ำแข็ง

“พี่เขาอยากรู้ว่า น้ำแข็งสมัครใจและเต็มใจที่จะไป ทำงานกับเขามั้ย” ศศิกานต์แปลงภาษาของไมล์ให้สละ สลวยน่าฟังมากขึ้น

“ค่ะ เต็มใจค่ะ” เสียงที่เอ่ยออกไปด้วยแววตาและใบหน้า ที่ยิ้มแย้ม อย่าง ผู้ที่ได้รับการสั่งสอนมาในเรื่องความ กตัญญู แต่ภายในใจ ‘คุณป้าให้หนูไปทำงานเป็นแม่บ้าน หรือเด็กเดินเอกสารก็ได้นะคะ หนูจะเต็มใจอย่างไม่คิด อะไรในใจเลยค่ะ

“คุณไมล์ค่ะ มีคนมาขอพบค่ะ เขาแจ้งว่า เป็นคนนำรถ มาส่งให้คุณไมล์ค่ะ” จันทร์ที่พึ่งเดินเข้ามาเอ่ยแจ้งไมล์ใน

ทันที

“รถของลูกมาแล้วเหรอ คุณพ่อ น้ำแข็ง พวกเราออก ไปดูกันดีกว่าค่ะ”ศศิกานต์เดินเข้าไปช่วยพยุงเอกพจน์ ซึ่งไมล่ก็ไม่ได้ขัดหรือคัดค้านอะไร ปอร์เช่ คาเยนน์ [Porsche Cayenne] สีดา จอดรออยู่หน้าประตู ไมล์เดิน เข้าไปตรวจสอบรถและเอกสารด้วยตัวเองอยู่สักพัก เมื่อ ทุกอย่างเรียบร้อยเจ้าหน้าที่ก็ขอลากลับ

ศศิกานต์สบตากับเอกพจน์ อย่างโล่งใจ เธอไม่ได้ รังเกียจหรือตั้งแง่กับรถที่ราคาน้อยกว่ารถที่ไมล์เลือก แต่ เธออยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวมีสิ่งที่ดีที่สุดแบบที่เหมาะสมกับเขาก็เท่านั้น

“เข้าบ้านกันเถอะครับ” คำพูดของไมล์หลังจากที่เขายัด เอกสารที่ได้รับมาจากเจ้าหน้าที่ใส่ไปในรถ

“แค่นี้เองเหรอ” ศศิกานต์เอ่ยถามบุตรชาย ไมล์เลิกคิ้ว อย่างไม่เข้าในทันที “รถมาส่ง เซ็นรับ และกลับเข้าบ้าน ไมล์ยิ้มเล็กน้อย

“มันก็แค่รถสําหรับการใช้งานครับคุณแม่” เอกพจน์ยิ้ม เล็กๆ ปกติไมล์ก็เป็นคนนิ่งๆ ไม่หลงตัวเอง ไม่เห่ออะไร ง่ายๆ แต่เขาไม่คิดว่าเมื่อไมล์ยิ่งโตขึ้นเขากลับสงบนิ่ง เยือกเย็นมากขึ้น ไม่หวั่นไหวกับอะไรง่ายๆ ทั้งๆที่อายุก็ ไม่ได้มากนัก

ณ ระเบียงพักผ่อนของเอกพจน์ วันนี้สมาชิกมากกว่า ปกติ ที่เพิ่มขึ้นมาอีกสองคน เดิมมีแค่ไมล์ที่เป็นสมาชิก ใหม่ของวันนี้ แต่วันนี้นับแสนก็มาร่วมวงด้วยจึงทำให้

บรรยากาศดูครื้นเครงมากเป็นพิเศษ

“จะจบดงมรณะแล้วเหรอเนี่ย” นับแสนที่นั่งคั่นกลาง ระหว่างน้ำแข็งและไมล์โน้มมามองหนังสือเพชรพระอุมา ในมือน้ำแข็ง แล้วเห็นว่าเป็นเล่มที่8 แล้ว

“ไม่เห็นเป็นไรนี่ค่ะ คุณนับแสนก็หาเวลาเอาไปอ่านเอง ก็ได้” นํ้าแข็งตอบกลับอย่างเป็นกันเองกับนับแสนซึ่งไมล์ก็ได้ยินทุกอย่าง แม้จะนิ่งอยู่ แต่เขารู้สึกถึงความ ไม่เท่าเทียมกันแปลกๆ

“ไม่เอาหรอก ปวดตา” น้ำแข็งเบิกตามองนับแสน และ ส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะไม่สนใจนับแสน เริ่มต้นจัดฉาก มหกรรมเพชรพระอุมาให้กับเอกพจน์ และทันทีที่เสียง ของน้ำแข็งเปล่งออกมา ไมล์เงยหน้าขึ้นจากหน้ากระดาษ เพชรพระอุมาเล่มแรกที่เขาเริ่มต้นอ่านไปได้แค่สองหน้า

น้ำแข็งเปลี่ยนโทนเสียงให้กับตัวละคร พอเป็นเสียง ผู้ชายเธอก็กดเสียงต่ำลง พอเข้าช่วงการบรรยายนั่น แหละถึงจะเป็นเสียงแท้ๆของเธอ ไมล์นั่งฟังอยู่เงียบๆ เหมือนกับทุกๆคนในห้องนี้ จนเวลาผ่านไปนานมาก แต่ ไมล์กลับรู้สึกแค่แป๊บเดียว อย่างที่เขาว่าช่วงเวลาความ สุขมักจะสั้นเสมอ

“อีกแล้ว แกล้งคนแก่เหรอไง” เอกพจน์แซวแกมหยอก น้ำแข็งด้วยความเอ็นดู เมื่อน้ำแข็งเบรคช่วงไคล์แม็กซ์ไว้

“ไม่ได้แกล้งสักหน่อยค่ะ น้ำแข็งต้องไปเรียนแล้วค่ะ”

“เอาๆ ป่านนี้นายใบเตรียมออกรถแล้วละ ไปเถอะเดี๋ยว จะเข้าเรียนสาย” น้ำแข็งยิ้มก่อนที่จะยกมือพนมกล่าวลา แต่ไม่ทันได้ขยับ
“ผมกำลังจะไปทํางาน มหา’ลัย น้ำแข็ง ทางผ่านอยู่แล้ว ผมไปส่งให้ก็ได้ครับ”

“เอ่อ!”

“แล้วแต่ คุยกันเองเถอะ” เอกพจน์เอ่ยแค่นั้น ทุกคนจึง ทยอยออกมา

“ไมล์ ไม่ลองไปฟังรายงานผลประกอบการประจำ ไตรมาสของบริษัทละ” ศศิกานต์ซึ่งทราบดีว่าวันนี้เป็นวัน ประชุม เอ่ยกับบุตรชาย

“ผมจะไปเพียงลำพังแบบไม่มีผู้ช่วยเลขาผมไปด้วย ทำไม” นับแสนหันมองคนโน้นคนนี้สลับกัน

“ผู้ช่วย?”

“น้ำแข็ง จะฝึกงานเป็นผู้ช่วยเลขาของคุณไมล์ค่ะ” น้ำ แข็งไขข้อสงสัยในทันที

“กับคุณทับทิมอย่างงั้นเหรอ?” น้ำแข็งพยักหน้า เพราะเลขานามว่าทับทิมเป็นเลขาที่มากความสามารถ ประสบการณ์และอายุการทำงาน ทำให้คุณทับทิมที่นับ แสนเอ่ยถึงเป็นที่ไว้วางใจของครอบครัวนี้มาก
“ประชุมเริ่มกี่โมงเหรอครับ?” ไมล์ถามนับแสน

“สิบโมง

“แล้วเรียนกี่โมง” ไมล์หันไปถามน้ำแข็ง

“สิบโมงครึ่งค่ะ” น้ำแข็งตอบอย่างงงๆ

“งั้นไม่ไป…แล้วเจอกันครับ” ไมล์หันกลับไปพูดกับนับ แสน และเดินแยกไป ศศิกานต์ เงียบมาตลอดได้แต่มอง ตาม ทำไมนะ ในบางครั้งเธอถึงรู้สึกว่าจะตามไม่ทันความ คิดของบุตรชายสุดที่รักเข้าไปทุกที

“คุณน้าอย่ากังวลไปเลยครับ คุณน้าอาจจะยังไม่ทราบ คนไทยในอังกฤษไม่มีใครที่ไม่รู้จักไมล์ ต่างก็พูดว่า ไมล์ จับงานอะไรไม่มีอะไรที่จะหลุดพ้นความสำเร็จได้เลย เท่าที่ผมทราบมาจากพรรคพวก สี่ปีที่นั่นไมล์ไม่เคยหยุด เรื่องเรียนและทำงานเลย ธุรกิจที่เขาร่วมกับเพื่อนที่นั่น ประสบความสําเร็จอย่างมาก ผมยังแปลกใจที่ไมล์ขาย หุ้นให้กับหุ้นส่วนทั้งหมด น่าเสียดายมากครับ” ศศิกานต์ มองนับแสนอย่างเหลือเชื่อ เธอไม่ค่อยรู้เรื่องบุตรชาย มากนั่นช่วงสี่ปีที่เขาอยู่ที่นั่น เวลาไปเยี่ยมเขาก็อยู่กับเธอ ตลอดในช่วงเวลาสั้นๆ และไม่เคยพูดและเล่าอะไรให้เธอ ฟังเลย

“ไมล์ เราน่าคุยกันหน่อยนะจ๊ะ” ศศิกานต์เอ่ยกับบุตรชายที่นอนดูทีวีแบบเรื่อยเปื่อย

“ครับ คุณแม่มีอะไรเหรอครับ”

“ตั้งแต่ที่ลูกกลับมา มีอะไรหลายอย่างในตัวลูกเปลี่ยน

ไปมาก

“เปลี่ยนดี หรือ เปลี่ยนไม่ดีละครับคุณแม่”

“ก็ทั้งสองอย่าง”

“ไม่ดีคือะไรครับ”

“ปกปิด มีความลับมากไปนะสิ”

“ผมเนี่ยนะครับ มีความลับ”

“ใช่ แม่รู้นะว่าไมล์ไม่พอใจหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสี่ ปีนี้ ตอนที่ไมล์ไม่ได้อยู่ที่นี่

“คุณแม่คิดมากไปเหรอเปล่าครับ ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี”

“รวมถึงเรื่องของน้ำแข็งด้วยอย่างงั้นเหรอ” ไมล์เงียบลง ทันทีไปสักพักก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง”คุณแม่ต้องการอะไรจากผมในเรื่องของเด็กคนนั้น”

“ไมล์มองออกมาตลอดว่าแม่คิดยังไงกับน้ำแข็ง”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ