แสงใต้เงา

ตอนที่ 1…สาเหตุของที่ ‘แสง’ ต้องอยู่ใต้เงา[3/6]



ตอนที่ 1…สาเหตุของที่ ‘แสง’ ต้องอยู่ใต้เงา[3/6]

“โยมน้ำแข็ง” หลวงพ่อเอ่ยเรียกน้ำแข็งที่กำลังขนของลง จากรถ

“นมัสการค่ะ หลวงพ่อ” น้ำแข็งหันมาพร้อมพนมมือทันที

“ให้เด็กๆมาช่วยดีกว่า ของเยอะแยะ” ค่าพูดที่ไม่แปลก ใจของหลวงพ่อ ที่วันนี้ของปี น้ำแข็งจะต้องขนของมา ทำบุญให้กับบุตรสาวตนที่ล่วงลับไปแล้วเป็นประจำ สําหรับน้ำแข็งคนนี้ ปีนี้เป็นปีที่สามแล้ว

“ขอบพระคุณค่ะ หลวงพ่อค่ะคุณหมอนนท์ฝากยามา ถวายด้วยค่ะ”น้ำแข็งกล่าวอย่างสุภาพ “ปีนี้คุณหมอนนท์ ติดออกค่ายเลยไม่ได้มาด้วยค่ะ”

“ขอบใจ” หลวงพ่อเอ่ยอย่างใจดี กับหญิงสาวที่ไม่ได้ เกี่ยวข้องกันกับบุตรสาวของตนที่เสียไปนานสี่ปีแล้ว ทางสายเลือดเลย และทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ บุตรสาวที่เสียไปคือผู้มีพระคุณ ที่ทําให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป แค่ชื่อเล่นกับหน้าตาที่ ละม้ายคล้ายกันมากเท่านั้น “ลำบากโยมแล้วนะ”

“หลวงพ่อ อย่ากล่าวอย่างนั้นสิค่ะ ให้น้ำแข็งได้ทำหน้าที่ แทนคุณน้ำแข็งนะคะ” หลวงพ่อได้แต่ยิ้มอย่างใจดีอย่าง เคย ก่อนจะขอตัวเมื่อใกล้เวลาแล้ว

หลวงพ่อประกอบมองน้ำแข็งและคุณหญิงศศิกานต์ที่มา นั่งเตรียมพร้อมเพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบุตรสาว ของตน และเวลาพิธีทางศาสนาก็เริ่มขึ้น ในขณะที่หน้า โกศมีเงาสูงกำลังทอทอดบดบังแสงอาทิตย์ที่จะสาดส่อง มาที่รูปของนางสาว ปติมา สินทรัพย์นคร ที่มี พ.ศ. ชาตะ และ พ.ศ. มรณะเมื่อสี่ปีก่อน ดวงตาเข้มจับจ้องมองแน่นิ่ง อยู่นาน

“สี่ปีแล้ว ทำไมความเจ็บปวดของผมมัน มันยังอยู่ น้ำ แข็งบอกผมทีว่า ผมต้องทำอย่างไร จะมีใครมั้ยที่จะช่วย บรรเทาความเจ็บปวดและความทรมานนี้ ผมคิดถึงคุณ เหลือเกิน สี่ปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรที่ผมได้ทำไป มันจะ ทำให้ผมหายเจ็บ หายทรมานจากการที่ไม่มีคุณ” ไมล์ลูบ แผ่วเบาที่รูปใบหน้ายิ้มอย่างอ่อนหวานของ น้ำแข็งด้วย มือที่สั่นเล็กน้อย
“อ๊ะ!” เสียงร้องของน้ำแข็ง ทำให้ศศิกานต์ หันไปมอง หญิงสาวในขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินไปที่โกศของน้ำ แข็ง

“น้ำแข็งลืมหยิบธูปมาคะ เดี๋ยวคุณป้าไปก่อนนะค่ะ เดี๋ยวน้ำแข็งวิ่งไปหยิบธูปและจะรีบตามไปค่ะ” ศศิกานต์ พยักหน้า และเดินต่อไป ส่วนน้ำแข็งก็เดินกลับไปยังโรง ทานของวัด ที่เธอวางถุงใส่ธูปไว้ก่อนที่จะเอาน้ำที่กรวด น้ำไปรดในต้นไม้

น้ำแข็งเห็นซองธูปของตน จึงหยิบและรีบเร่งฝีเท้าเดิน ตามคุณหญิงศศิกานต์ไป ในขณะที่ไมล์ได้เดินออกมา อีกทางเพื่อไปยังกุฎิของหลวงพ่อประกอบ เส้นทางเต็มไป ด้วยต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น ไมล์รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง แม้เขาจะพึ่งเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เมื่อตอนตีห้าของเช้าวันนี้ เขาก็จ้างรถต่อมายังจังหวัด พระนครศรีอยุธยา ภูมิลำเนาเดิมของน้ำแข็ง โดยทันที

ริ้วววววว ลมพัดเย็นสบาย ทำให้ไมล์เงยหน้าขึ้นมองกิ่ง ไม้ที่เคลื่อนไหวส่ายไปมาตามแรงลม สายตาเขาจับจ้อง มอง และพานให้คิดยามที่พวกเขาไปเที่ยวป่า น้ำแข็งชอบ นอนใต้ต้นไม้และมองกิ่งไม้ขยับเคลื่อนไหวไปมาตามแรงลม

“กิ่งไม้พวกนั้นมีอะไรดีนักเหรอ” ตอนนั้นไมล์ถามเธอไป แบบนี้ ตอนที่เห็นเธอทำแบบนั้นเป็นครั้งแรก

“ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่มีภาษาของตน น้ำแข็ง กำลังมองและแอบฟังต้นไม้คุยกับสายลมค่ะ”

“ต้นไม้กับสายลมคุยกัน?”

“ทำไมละ ทำไมต้นไม้กับสายลมจะคุยกันไม่ได้ ทีคน เรายังคุยกับสัตว์ คุยกับต้นไม้ได้ การคุยข้ามสายพันธุ์ไม่ เห็นจะแปลกตรงไหน”

“โอเค ไม่แปลกก็ไม่แปลก แล้วต้นไม้กับสายลมคุยอะไร

กัน”

“สายลมกำลังเล่าให้ต้นไม้ฟังถึงสถานที่ที่มันแล่นผ่าน มาค่ะ” ไมล์ยิ้มและหัวเราะออกมาในตอนนั้น
สายลมที่พัดผ่าน ดึงสายตาของไมล์กลับมายังช่วงเวลา ปัจจุบัน สายตามองตามร่างบอบบางในชุดเดรสกระโปรง ยาวครึ่งหน้าแข้ง เดินผ่านไปในระยะที่ห่างจากสายตา เขากว่าห้าสิบเมตร ร่างบอบบางนั้นค่อยๆเคลื่อนผ่านไป เรื่อยๆ จากด้านข้างที่เขาเห็นตอนนี้ “น้ำแข็ง” ไมล์พึมพำ ออกมา แต่เขายังยืนนิ่ง ซึ่งในใจคิดว่าไม่มีทางเป็นไป ได้ เมื่อเขาหลับตาลงและเปิดดวงตาขึ้นมาอีกครั้ง ร่าง บอบบางนั้นก็หายไปแล้ว ไมล์ได้แต่ยิ้มและสายหน้าไป มา ก่อนที่จะเดินต่อไปยังกุฎิหลวงพ่อ

“มาแล้วค่ะ” น้ำแข็งให้เสียง เมื่อมาถึงโกศของคุณ แข็งและคุณหญิงศศิกานต์ยืนคอยอยู่ ทั้งสองจุดธูป และนั่งลงเพื่อทำการเคารพต่อผู้ที่ล่วงล้ำตรงหน้าไปแล้ว

“สวัสดีค่ะคุณน้ำแข็ง ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ที่ทำให้น้ำ แข็งมีวาสนาได้รับความกรุณาจากคุณป้า คุณท่าน และ ทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับคุณน้ำแข็ง ความดีงามที่คุณน้ำ แข็งได้กระทำไว้ยามที่มีชีวิตอยู่ ได้ส่งต่อผลบุญนั้นมาให้ กับน้ำแข็งผู้อาภัพคนนี้ น้ำแข็งจะดูแลหลวงพ่อแทนคุณ น้ำแข็งเองค่ะ ขอให้คุณน้ำแข็งไปสู่สุคติในภพภูมิที่ดีที่ เหมาะกับคนดีๆอย่างคุณน้ำแข็งนะคะ” น้ำแข็งตั้งจิตอยู่ ในใจ
คุณหญิงศศิกานต์ ปักธูปก่อนน้ำแข็งและเป็นแบบนี้ทุก ครั้ง เธอแค่นั่งรอเงียบๆ โดยที่สายตามองไปยังน้ำแข็งที่ นั่งข้างกาย เพราะใบหน้าของน้ำแข็งทำให้เธออดคิดไม่ ได้ว่า ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ เป็นภาพที่อบอุ่นใจเหลือ เกิน

“ไมล์!” ศศิกานต์ เอ่ยเรียกบุตรชาย เมื่อเร่งฝีเท้ามาที่ยัง โซนพักผ่อนของประมุขของบ้าน

ไมล์ที่นั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นตรงหน้าเอกพจน์หันมา ทิศทางตามเสียงเรียก “สวัสดีครับคุณแม่” น้ำเสียงยินดี ของไมล์ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มของศศิกานต์ทรุดนั่งบนพื้น พรมระดับเดียวกับบุตรชายและโอบกอดร่างกำยำของ บุตรชายไว้อย่างหวงแหน

“กลับมา ไม่บอกล่วงหน้ากันสักคำนะ เจ้าตัวดี”

“ผมก็อยากเซอร์ไพรส์คุณแม่บ้าง”

“ทำสำเร็จแล้ว แม่เซอร์ไพรส์สุดๆ ถาวรใช่มั้ย การกลับ มาครั้งนี้ไมล์จะไม่ห่างบ้าน ห่างแม่ ห่างคุณตาอีกแล้วใช่ มั้ย?”
“ครับ” ไมล์ตอบรับอย่างไม่ลังเล เพราะการกลับมาครั้ง นี้ เขาตัดสินใจไปแล้ว เอกพจน์มองหลานชาย ทําไมนะ เขาถึงรู้สึกภาคภูมิใจทั้งๆที่หลานชายไม่ได้บอกกล่าว อะไรกับสี่ปีที่ผ่านมา แต่คนที่ผ่านโลกมานาน สายตาของ เขาไม่เคยพลาด ไมล์หรือศตวรรษ อัครกำธร เขาพร้อม แล้วกับทุกสิ่งด้วยวัยเพียงยี่สิบหกปีเท่านั้น แต่เอาเถอะ คนอย่างเอกพจน์ไม่มีทางเป็นฝ่ายเอ่ยออกปากเรื่องการ สืบทอดกิจการของตนทั้งหมดออกมาก่อนเป็นแน่

หลังจากที่อยู่คุยกันกับคุณตาอยู่สักพัก โดยที่ต่างก็ไม่ เอ่ยถึงวันนี้ที่เป็นวันครบรอบสี่ปีของการจากไปของน้ำ แข็งหรือปติมา สินทรัพย์นคร เอกพจน์ก็ให้บุตรสาวพาห ลานชายไปพักผ่อน อย่างเข้าใจการเดินทางข้ามทวีป ‘เจ็ตแล็ก’

ศศิกานต์และไมล์เดินขึ้นชั้นสอง ไปยังห้องนอนของ ไมล์ เมื่อไมล์บอกว่าทานอะไรมาแล้ว เขาอยากนอนยาวๆ มากกว่า

“เอ๋! เด็กๆยังไม่เอากระเป๋าลูกขึ้นมาจัดเลยเหรอ” ศศิ กานต์เอ่ยถามเมื่อเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของบุตรชาย
“ไมครับ” ไมล์ตอบสั้นๆ ในขณะเดินรอบๆห้องสํารวจ ข้าวของเดิมๆของเขาทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่เว้นแม้แต่ รูปคู่ของเขาและน้ำแข็ง ไมล์เอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปนั้น ขึ้นมา สายตาจับจ้องเขม็ง สองมือบีบจับกรอบรูปแน่นจน เห็นข้อนิ้วขาวชัดเจน

ศศิกานต์หันกลับมามองบุตร แต่ไม่ได้ถามกลับในความ สงสัยเรื่องเสื้อผ้าเมื่อเห็นดวงตาความเจ็บปวดของบุตร ชาย ผู้เป็นแม่ได้แต่ถอนลมหายใจ เธอย่อมรู้จักลูกชาย ที่เลี้ยงมากับมือดี ว่าไมล์เป็นคนอย่างไร ไมล์ไม่ใช่ผู้ชาย ใจง่าย น้ำแข็งเป็นแฟนคนแรกของไมล์ ด้วยชนชั้นทาง ฐานะที่แตกต่างกันมากระหว่างน้ำแข็งกับไมล์ในตอนนั้น ทําให้น้ำแข็งไม่อยากจะคบหากับไมล์มากกว่าเพื่อน เธอ ยังจำได้ที่จู่ๆบุตรชายมาทำอะไรแบบที่ไม่คิดว่าเขาจะทำ อย่างที่ไมล์ให้เธอสอนเขาทำขนมเค้ก ตอนนั้นเธอเหลือ เชื่อแปลกใจอย่างถึงที่สุด กว่าจะได้คำตอบว่า จะทําไป ให้สาวที่ตัวเองตามจีบมานานกว่าหกเดือนในวันคล้าย วันเกิดของเธอ เพื่อเอาชนะใจเธอคนนั้นให้ได้ และความ มุมานะครั้งนั้นทำให้น้ำแข็งตอบรับไมตรีของไมล์ในที่สุด

วันคล้ายวันเกิดของนํ้าแข็งเมื่อตอนที่ไมล์และน้ำแข็งอยู่ปีหนึ่ง “ขอบคุณนะคะ” น้ำแข็งเอ่ยกับไมล์ เมื่อ มองเค้กที่มีเทียนปักมาหนึ่งดอก

“เปลี่ยนจากคำขอบคุณ มาเป็นค่ะ แทนได้มั้ย” ไมล์เอ่ย กับน้ำแข็ง แม่ใบหน้าจะไม่มีรอยยิ้มและดวงตาแวววาว หว่านเสน่ห์ แต่คำพูดนั้นก็ทำให้น้ำแข็งรู้สึกปลาบปลื้มกับ ความจริงใจที่ผู้ชายคนนี้มีให้เธอ

“น้ำแข็งสำคัญกับไมล์มากเลยเหรอคะ”

“ตกลงค่ะ น้ำแข็งจะคบกับไมล์มากกว่าเพื่อนค่ะ” ไมล์

ยิ้มออกมา

“ขอบคุณครับ” ไมล์ยิ้มออกมามากมายเป็นครั้งแรก น้ำ แข็งเองก็แปลกใจที่เธอพึ่งจะเห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วย

ความสุขของไมล์เป็นครั้งแรก

“นับตั้งแต่วันนี้ไป เราสองคนเป็นแฟนกันแล้วเนอะ” น้ำแข็งเอ่ยออกมา ก่อนที่จะหันกลับไปมองขนมเค้กที่ สวยงาม น่าจะเป็นรสชาเขียว เพราะครีมเป็นสีเขียวทั้ง ก้อน ขนมปังเป็นรสอะไรตอนนี้เธอเองก็ไม่รู้ แต่การที่ด้านบนตกแต่งเป็นรูป ปราสาทและมีตุ๊กตาหญิงชายจูบกัน นั่นไมล์คงสื่อว่าเป็น ตัวแทนเขาและเธอ

“ไม่ ไม่ใช่วันนี้ เราสองคนเป็นแฟนกันตั้งแต่ที่ผมชอบ คุณเมื่อหกเดือนก่อนแล้ว” ไมล์พูดออกไปด้วยเสียงราบ เรียบ ทําเอาน้ำแข็งเขินหน้าแดงทันที พูดน้อยต่อยหนัก มากผู้ชายคนนี้

“อย่างกับเค้กแต่งงานเลย” น้ำแข็งแซวไมล์ ไมล์ยิ้ม เขินๆ ในตอนนั้น เขาวางแผนยาวไกลบอกน้ำแข็งล่วง หน้าแล้วต่างหาก

“สี่ปี่แล้วนะ” ศศิกานต์เอ่ยเบาๆกับไมล์ พร้อมวางมือบน มือของบุตรชายที่เผลอกำกรอบรูปแน่นมากไปแล้ว

“ครับคุณแม่ ผมไม่เป็นไรครับ แค่คิดเรื่องเก่าๆที่ดีๆนะ ครับ” ไมล์ตอบกลับและเปิดลิ้นชักเก็บกรอบรูปไว้ในนั้น ศศิกานต์ยิ้ม ไมล์โตขึ้นมากจริงๆ เขาเป็นห่วงความรู้สึก ของเธอจึงยิ้มกลับมาให้กับเธอ แม้นัยน์ตาจะเศร้า ศศิ กานต์เข้าใจและไม่อยากทำให้บุตรชายเสียความตั้งใจ จึงเปลี่ยนเรื่อง
“ตกลงกระเป๋าอยู่ไหนเนี่ย” ไมล์ยิ้มและส่ายหน้า

“ไม่มีหรอกครับ”

“อย่าบอกนะ ว่าเรามาแต่ตัว” ไมล์เดินไปที่ปลายเตียง นั่งลงและล้วงเอากระเป๋าสตางค์และพาสปอร์ตออกมา

“ผมไม่ได้มาแต่ตัวครับ ผมมีกระเป๋าเงินที่ข้างในมีใบ ขับขี่สากล มีบัตรประชาชนที่กำลังจะหมดอายุ บัตร เครดิตสองใบ เงินไทยน่าจะสักหมื่นกว่าบาท และพาส ปอร์ต ครับคุณแม่” ศศิกานต์เบิกตากว้างมองบุตรชายสุด ที่รัก

“เรานี่น่าจริงๆเลย” ศศิกานต์ เดินกลับไปยังตู้เสื้อผ้าอีก ครั้ง และเลือกหาเสื้อผ้าเดิมที่ยังอยู่ในตู้ รูปร่างของไมล์ เปลี่ยนไปมาก เพราะตอนนี้เขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ร่างกาย ก๋าย่าเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ศศิกานต์เลื่อนเสื้อผ้าเมื่อสื่ ปีก่อนไปเรื่อยๆ จนตัดสินใจได้ในที่สุด “แม่ว่าลูกน่าจะ มีปัญหาเรื่องเสื้อผ้านะ เดี๋ยวแม่ออกไปจัดการให้ ลูกก็ นอนพักผ่อนไปแล้วกัน เอ้านี้!ชุดนอน คงเป็นชุดเดียวที่ ลูกน่าจะใส่ได้ในตอนนี้”
ไมล์มและรับมาอย่างว่าง่าย เขาลุกจากเตียงเดินเข้า ห้องน้ำไป ปล่อยให้ศศิกานต์จัดการรื้อเสื้อกางเกงออก มาจากตู้เสื้อผ้าทั้งหมดและเดินออกจากห้องไป พร้อมกับ ตะกร้าผ้าที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่บุตรชายไม่มีทางจะสวม ได้อีกแล้ว

“น้ำแข็ง ป้าเปลี่ยนใจแล้ว ป้าอยากได้เพื่อนไปช็อปปิ้ง จ๊ะ” ศศิกานต์โทร.ออกหาน้ำแข็งทันที เมื่อเดินลงมาข้าง ล่าง ส่งตะกร้าผ้าใบใหญ่ให้กับเด็กในบ้านและบอกให้เอา ไปเลือกกันเลยว่าใครใส่ตัวไหนได้และที่เหลือให้เอาไป บริจาค


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ