บทที่ 2 สาวสวยแห่งเมืองจริง
“อะไรนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเสิ่นหวน ซูเยว่ก็แสดงสีหน้าตก ตะลึงออกมาทันที มองสำรวจไปที่เสิ่นหวน ยังพูดเหยียด หยามออกมาว่า ” เธอบ้าไปแล้วหรือไง!
“เธอรู้ไหมบ้านหลังนี้เป็นของใคร” ซูเยวใช้น้ำเสียงที่ เยือกเย็นถามเสื่นหวน
“เธอเป็นเมฆสายรุ้งที่สวยงามที่สุดที่ฉันเคยเจอ ทำให้ ฉันต้องนึกถึงเธออยู่ตลอดเวลา”
ซึ่งในเวลานี้ เสียงโทรศัพท์ก็ได้ดังขึ้น หลินฟูได้หยิบ โทรศัพท์ออกมา เมื่อเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่แสดงบนหน้า จอ สีหน้าก็ออกอาการดีใจขึ้นมาทันที
“ปู่ทวด ครับนายท่าน ผมเอง คุณเสิ่นเหรอครับ รับมา แล้วครับ รับเขามาเรียบร้อยแล้ว เขาอยู่ที่บ้านนี่แหละ”
“คุณหนู คุณหนูยังไม่ได้กลับมา ก็เลยยังไม่ได้เจอกับ คุณเสิ่นเลยครับ”
คำพูดของหลินฟูได้ยินถึงหูของซูเยว่ ซูเยว่ได้หันกลับ มา พูดเสียงดังขึ้นมาว่า “ หลินฟู ใช่พี่ชายฉันหรือเปล่า
“ใช่ครับ ประธานซู คือท่านประธาน”
“ส่งโทรศัพท์มาให้ฉัน ฉันจะคุยกับพี่ชายของฉัน” “ซูเยว่ ได้ยื่นมือไปหา และพูดเสียงดังกับหลินฝู
หลินฟูไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ส่งโทรศัพท์ไปในมือของซู
เยว่
“พี่ พี่หาบอดี้การ์ดแบบไหนมาเนี่ย
“พี่ทำแบบนี้ชิงเทียนจะรู้สึกยังไง หาผู้ชายมาให้ได้ได้ อะไรนะ ฉันไม่สนหรอก ฉันเป็นอาของไต้ได้ ทำไมฉันจะ ยุ่งไม่ได้”
“ใช่ซิ ก็เด็กผู้ชายคนนั้นบอกว่าบ้านเป็นของเขา พี่โอน บ้านไปให้เขาแล้วหรือ พี่กำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย
ซูเยว่ที่กำลังคุยโทรศัพท์อดไม่ได้ที่จะพูดอะไรบาง อย่างออกมา เหมือนจะพูดไปไม่กี่คำ สีหน้าของเธอก็เริ่ม เปลี่ยนไป พร้อมกับปิดไมค์ในมือถือ และกดวางสายใน ทันที!
“เป็นยังไงละ ได้ยินชัดแล้วหรือยัง ฉะนั้น ตรงนี้เป็นที่ ของผม ผมไม่ต้อนรับพวกคุณ ให้เวลาเธอ 30 วินาทีที่ จะออกไปจากที่นี่” เสิ่นหวนมองไปที่ซูเยว่เบาๆ พูดและ หัวเราะออกมา
จากนั้นเขาลุกขึ้นยืน พร้อมกับพูดกับหลินฟูว่า “ลุงฝู ห้องของผมจัดไว้เรียบร้อยหรือยัง พาผมไปดูห้องหน่อย ครับ ”
เมื่อเห็นเสิ่นหวนแสดงความเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ซูเยว่ รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที จ้องมองไปที่เสิ่นหวนที่กำลังเดินจะ ขึ้นบันได และซูเยว่ก็พยักหน้าเบาๆ
ชายชุดดำสองสามคนที่มาพร้อมกับซูเยว่ ได้เข้าไปดัก ตรงหน้าของเสิ่นหวน
“ไอ้เด็กน้อย ฉันไม่ได้พูดไร้สาระกับนายนะ ฉันไม่รู้นะ ว่านายไปหลอกพี่ชายฉันมาไว้ยังไง เอาอย่างนี้ละกัน นายพูดมาเลย ต้องการเงินเท่าไหร่ แล้วก็บ้านหลังนี้ ฉัน จะซื้อต่อเอง” ซูเยว่หันไปพูดกับเสิ่นหวน
“ประธานซู ..……….” หลินฟูได้เอ่ยปาก สีหน้าเริ่มอึดอัดใจ ตอนที่กำลังพูดกับซูเยว่
“หลินผู่นายไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” เมื่อซูเยว่พูดจบ ก็ เดินตรงไปที่เสิ่นหวน มองสายตาด้วยความรังเกียจและพูดขึ้นมาว่า “ห้าล้าน”
เมื่อเสินหวนได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ประธานซูเป็นคนใจกว้างเหมือนกัน ห้าล้านเลยเหรอ
ราคาบ้านที่เมืองตงไห่ตอนนี้ หนึ่งตารางเมตรราคาก็ มากกว่าห้าหมื่นไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงวิลล่าที่ล้อมไปด้วย ภูเขาและแม่น้ำแบบนี้
ถึงจะไม่บอกว่าราคาหลังนี้เป็นหลักล้าน แต่ว่าภายในที่ ถูกตกแต่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ราคาสิบล้านก็มียังมีเลย
“ราคากว่าสิบล้าน เมื่ออยู่ในมือประธานซู ก็เหลือแค่ห้า ล้าน คุณอยากพูดว่าตัวเองโง่ หรือจะบอกว่าผมโง่กันแน่ เสิ่นหวนได้มองไปที่ซูเยว่ แสดงสีหน้าที่เยาะเย้ยออกมา
เมื่อซูเยว่ได้ยิน สีหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที ที่จริงเธอรู้ ราคาบ้านหลังนี้ แต่เป็นเพราะว่า เธอไม่อยากเอาเงินให้ เสิ่นหวน ยิ่งไปกว่านั้น บ้านหลังนี้ แต่เดิมเป็นทรัพย์สิน ของครอบครัวเธอ
“นายน่าจะรู้นะ บ้านหลังนี้ได้มายังไง ได้ไปห้าล้าน ก็ไม่ น้อยนะ มันเป็นสิ่งที่ทุกคนก็รู้
เสิ่นหวนมองดูซูเยวราวกับว่าตัวเองสูงกว่าคนอื่น แต่ใน ใจกลับรู้สึกเอือมระอา ได้แต่คิดว่าผู้หญิงคนนี้เอาความ มั่นใจมาจากไหนกัน
“ถอยไป ผมไม่ขายบ้านหลังนี้หรอก ผมเตือนแล้วนะ พวกคุณรีบออกไปเถอะ ไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งความ
“แจ้งความเหรอ ฮ่า ๆ ฉันจะดูว่านายจะแจ้งความยังไง วันนี้บ้านหลังนี้ จะขายก็ขาย ไม่ขายก็ต้องขาย” ซูเยวใช้ น้ำเสียงขู่พูดออกมา
ชายชุดดำที่ยืนอยู่หน้าเสิ่นหวน ก็ได้รีบขยับตัวไปประ กบเสิ่นหวนอีกครั้ง
เสิ่นหวน สีหน้าเริ่มเปลี่ยน และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ออกมาว่า “ ทำไม พวกคุณคิดจะทำอะไรผม ”
“ดูๆไปนายก็ไม่ได้โง่นิ ดูเหมือนว่าอยากจะให้ฉันเมตตา นาย สายไปแล้ว ไม่มีหรอกห้าล้าน ตอนนี้ฉันให้นายแค่ ห้าแสน” ซูเยว่ยืนอยู่ด้านหลังของเสิ่นหวน พูดออกมา อย่างสะใจ
“ผมเตือนก่อนนะอย่าทำอะไรกับผม ไม่อย่างนั้น จะเจ็บ ตัวฟรี” เสิ่นหวนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ และเดินตรงไปที่ บันได
ชายชุดด่าคนหนึ่งที่ยืนดักทางข้างหน้าได้คว้าตัวเงิน หวนไว้ทันที
แต่แล้วเขาก็ไม่ทันได้จับเสื้อของเสิ่นหวน เขารู้สึกได้ถึง เงาที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็เหมือนมีพลังอะไรบางอย่างพุ่ง มาตรงหน้าท้อง ทำให้ร่างของเขากระเด็นปลิวออกไป
ในเวลาเดียวกัน ชายชุดดำคนที่เหลือก็ได้เข้ามารุมเสิ่น หวน แต่ไม่ทันได้ลงมือ รู้สึกมีอาการตาลาย หลังจากนั้น ร่างของเขาก็ปลิวลอยไปเหนือการควบคุม
ซูเยว่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก เธอจึงเรียกบอดี้การ์ดที่เป็น หน่วยรบพิเศษปลดประจำการมาทันที และนี้ดูเหมือนว่า ชายหนุ่มเหล่านั้นจะควบคุมอะไรไม่ได้เลย
ขณะนั้นเอง เสิ่นหวนได้หันกลับมาอีกครั้ง ค่อยๆเดิน ตรงไปที่ซูเยว่
“นาย…. นายคิดจะทำอะไร ” ซูเยว่ได้แต่มองเสิ่นหวนที่ ก้าวเท้าเดินเข้ามาหา จึงค่อยๆก้าวถอยหลังออกไป พร้อม กับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“คุณเสิ่น คุณ” หลินฟูอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกมา ความจริงซูเยว่เป็นน้องสาวของท่านประธาน ซึ่งเป็นอา แท้ๆของซูไต้
เพียงแค่เสิ่นหวนยกมือขึ้นมาขัด ก็ทำให้คำพูดของหลิน ผู้ติดตรงปากพูดอะไรออกมาไม่ได้ เมื่อเสิ่นหวนเดินไปถึง ด้านหน้าของซูเยว่ ก็ก้มดูผู้หญิงที่รูปร่างเตี้ยคนหนึ่งที่ยืน อยู่ตรงหน้า
“ผมไม่เข้าใจจริงๆ คุณมาจากไหนถึงได้หยิ่งอย่างนี้ หรือจะเป็นแค่เพียงการประจบประแจงเย่ชิงเทียน”
“จะยังไงก็แล้วแต่ วันนี้คุณทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด แต่ผม ก็ไม่ชินกับการทำร้ายผู้หญิงอยู่ดี ไม่ได้กลัวว่าคุณเป็นผู้ หญิงที่มีอายุอะไรหรอกนะ
“ฉะนั้น เอามือตบหน้าตัวเองสิบครั้ง ตบเสร็จแล้วก็ไสหัว ไป แน่นอน เธอจะปฏิเสธก็ได้นะ แต่จะทำให้ผมหงุดหงิด มากกว่าเดิม และถ้าผมหงุดหงิดแล้ว ผมคนนี้ ผมก็ไม่ เกรงใจแล้วนะ คุณจะลองดูก็ได้นะ” เสิ่นหวนได้หัวเราะ และมองไปที่ซูเยว่ แต่รอยยิ้มของเขา สำหรับสายตาของ ซูเยวแล้ว ไม่ต่างอะไรกับปีศาจเลย
“ฉัน…ฉัน……” ซูเยวรู้สึกหวาดกลัวมาก เสียงสั่นเครือ อยู่ตลอดเวลา แต่จะให้ตบหน้าตัวเอง เธอก็ยิ่งทำไม่ลง อยู่ดี
“ผมจะนับถึงสาม
“หนึ่ง”
เสื่นหวนตั้งใจนับข้ามไปสาม
หลังจากที่เสิ่นหวนนับถึงสาม ซูเยว่ก็ได้ง้างมือตบหน้า ตัวเอง เพราะในขณะนั้นเธอรู้สึกหวาดกลัวมาก และเมื่อ ตอนที่เสินหวนตะคอกออกมา ภาพในสมองก็ว่างเปล่าขึ้น ทันที จึงได้ลงมือทำตามคำสั่งขึ้นมา
ตอนที่ซูเยว่มีเกิดการตอบสนอง สีหน้าของเสิ่นหวน เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ไร้ความกังวลต่างๆ เมื่อเห็นแววตา ของซูเยว่ ใบหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเยาะเย้ย
เจี๊ยะ ”
ในขณะเดียวกัน ประตูบานใหญ่ถูกผลักออกอีกครั้ง ผู้ หญิงสวยคนหนึ่งที่ทำให้ต่อใครต้องเหลียวหลังมองได้ เดินเข้ามา
ใบหน้าที่สวยสดงดงามไร้ที่ติ ราวกับฟ้าได้สร้างเธอ ขึ้นมา คอยาวสูงตระหง่าน ผมยาวสวยดุจแพรไหม ผม สลวยสะท้อนแสง เนินอกที่งดงาม หุ่นสวยแบบตัว S ชวน s ให้หลงใหล
ตาคมสวยดั่งเทพเจ้า ใบหน้าสวยดั่งดอกชบา คิ้วสวยดั่ง ใบหลิว เปรียบดั่งแสงนวลผ่องของแสงจันทร์ ผิวขาวดุจหิมะ
สมกับที่ถูกขนานนามว่าเป็นคุณหนูซูไต้สาวสวยแห่ง เมืองจิง เป็นความงดงามที่ทุกคนต่างยอมรับ สวยอย่าง ไร้ที่ติจริงๆ
เพียงแค่มอง เสิ่นหวนก็รู้ทันทีว่า สาวงามคนนี้คือคนที่ เขาต้องแต่งงานด้วย คือคู่หมั้นของเย่ชิงเทียน สาวสวย แห่งเมืองจิง เธอคือคุณหนูซูไต้
หลังจากที่เธอเดินเข้ามา ส่องตามองไปที่ชายชุดดำ ที่นอนระเกะระกะบนพื้น และมองไปที่ซูเยว่ที่ยืนตัวสั่นอยู่ และคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามซูเยว่ก็คือเสิ่นหวน คิ้วเธอก็เริ่ม ขมวดขึ้นเล็กน้อย
“ไต้ได้! ”
เมื่อเห็นคุณหนูซูไต้เดินเข้ามา ซูเยว่คิดว่ากำลังจะได้รับ ความช่วยเหลือ เลยวิ่งไปยืนข้างๆคุณหนูซูไต้ และคว้า แขนของเธอไว้
ท่าทางของเสิ่นหวน แสดงสีหน้ายิ้มเล็กน้อย และคิดว่า มาได้จังหวะพอดี ผู้หญิงคนนี้ยังโชคดีอยู่
“คุณอา พวกเขามาได้ยังไง” จ้องมองไปยังชายชุดดำที่ เกะกะอยู่บนพื้น คุณหนูไต้จึงถามด้วยน้ำเสียงที่เยือกเป็น
“อ้อ พื้นมันลื่นนะ พวกเขาเดินเข้ามาไม่ทันระวังเลยล้ม ลงไป” เสินหวนตอบด้วยความสะใจ
คุณหนูซูได้มองไปที่เสิ่นหวน แล้วถามว่า “แล้วนายเป็น ใคร”
“คุณหนู คนนี้คือคุณเสิ่น เป็นบอดี้การ์ดที่ท่านประธาน ส่งมาอารักขาคุณหนูจากเมืองจิง ” หลินฝูรีบโผล่หน้ามา อธิบาย และพูดน้ำเสียงเบาๆกับคุณหนูซูไต้
เดิมทีเสิ่นหวนคิดว่า คุณหนูซูได้น่าจะตกใจบ้าง เพราะ เมื่อเห็นเขาเป็นผู้ชาย
แต่ใครจะคิดหล่ะ คุณหนูซูไต้พยักหน้าเพียงเล็กน้อย และมองไปยังเสิ่นหวน แล้วหันกลับไปมองหน้าของซูเยว่ ที่มีรอยตบ จึงทำให้เธอรู้สึกโกรธ
ถึงแม้ว่าหลายๆอย่างที่ซูเยว่ทำ จะทำให้คุณหนูซูได้ไม่ ชอบใจ แต่ไม่ว่าจะยังไง นี้ก็เป็นอาแท้ๆของตัวเอง
“นายทำเหรอ” คุณหนูซูไต้ถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และหันไปมองเสิ่นหวน
“ไม่ใช่แน่นอน ผมไม่เคยลงไม้ลงมือกับผู้หญิง ใช่แล้ว ลุงฝู วันนี้ผมเหนื่อยมาก จะกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน ครับ หากมีธุระอะไร พรุ่งนี้ค่อยมาคุยกัน
เมื่อเสิ่นหวนพูดจบ ก็เดินออกไปจากวงสนทนาโดยไม่ สนใจทีท่าของคนอื่น และเดินขึ้นบันไดกลับไป
หลังจากที่เสิ่นหวนเดินออกไป ซูเยว่ก็โวยวายขึ้นมา “เธอดูสิ เธอดูสิ เขาเหมือนบอดี้การ์ดเสียที่ไหน ทําตัว ใหญ่กว่าพี่ไต้อีกนะ ได้ไต้ เธออยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก ไปกับ อาเดี๋ยวนี้”
พูดจบ กำลังดึงมือคุณหนูซูได้จะพาออกไป ทันใดนั้น เอง คุณหนูซูไต้กลับถอยกลับมา
“คุณอา หนูไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างคุณอากับ คนนั้น หนูเหนื่อยมาก อยากจะพักผ่อน ลุงฟู ดึกแล้วไม่ ต้องเรียกฉันนะ” เมื่อคุณหนูซูไต้พูดจบ ก็ไม่ได้สนใจทีท่า ของคนอื่น เช่นเดียวกับเสิ่นหวน ที่เดินขึ้นไปข้างบน และ คุณหนูซูไต้ก็เดินจากไป ปล่อยให้ซูเยว่ยืนหน้าซีดอยู่ ตรงนั้น เธอมองไปยังพวกบอดี้การ์ดที่ลุกยืนขึ้นมา และ ตะคอกด้วยความโกรธว่า “เจ้าพวกขยะ! ”
แล้วหันหลังกลับมา เดินผ่าผู้คนออกไป และหยิบ โทรศัพท์ออกมา และกดโทรออกไปเบอร์ๆหนึ่ง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ