บทที่ 15 การตัดสินใจของเจ้าหญิงเปลวไฟ
“ใช่แล้ว ยังไม่รู้เลยว่าจะเรียกนายว่ายังไงดี?” เสิ่นหวน เหลือบมองไปทางผู้หญิงที่อยู่ด้านข้าง แล้วถามอย่าง สงสัย
“ฉันชื่อหวาหลินหลงเป็นไกด์ให้นักศึกษาน้องใหม่ปีหนึ่ง แน่นอนว่า นายจะเรียกฉันว่ารุ่นพี่ก็ได้!” หวาหลินหลงพูด ออกมาตามปกติ
เพราะนอกจากหวาหลินหลงจะเป็นไกด์ให้นักศึกษาใหม่ ปีหนึ่งแล้ว ยังเป็นนักศึกษาปริญญาโทควบปริญญาเอก ของมหาวิทยาลัยตงไห่อีกด้วย!
แน่นอนว่า เรื่องพวกนี้หวาหลินหลงไม่ได้บอกเสิ่นหวน
ออกไป!
ไม่นานนัก หวาหลินหลงก็พาเสิ่นหวนมาถึงหน้าตึกสูง หลังหนึ่ง จากนั้นก็พาเสิ่นหวนเดินเข้าไปข้างใน
ที่นี่เป็นหอพักเดี่ยวที่มหาวิทยาลัยตงไห่จัดให้กับ นักศึกษาที่มีผลการเรียนสูงเท่านั้น และมีเพียงคนอย่าง หวาหลินหลงเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติเข้าพักได้
จากนั้นก็พาตัวเสิ่นหวนขึ้นไปถึงชั้นสิบแปด หวาหลิน หลงถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ดูเหมือนว่าหอพักเดี่ยวที่ตนเอง พักนี้ เป็นห้องแบบหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น ถ้าหากพาเสินหวนเข้าไปแบบนี้ จะทำให้เขาเกิดความคิดไม่ดี อะไรรึเปล่านะ?
ก็ช่วยเธอไว้มาก
“หรือว่า ผมรอคุณหน้าประตูดีกว่า!” ไม่รอให้หวาหลิน หลงเปิดประตู ตอนนี้เองเสิ่นหวนก็ชิงเอ่ยนำขึ้นมาก่อน
แต่ถ้อยคําของเขาเหล่านี้ กลับทำให้หวาหลินหลงตัดสิน ใจได้ นั่นก็คือพาเสิ่นหวนกลับเข้าไปในห้อง
เพราะความจริงแล้ว ถ้าให้เสิ่นหวนอยู่ในทางเดินเองล่ะ ก็ คิดว่าไม่นานก็คงจะถูกป้าผู้ดูแลหอสังเกตเอาได้ ไม่แน่ อาจจะวุ่นวายจนรู้กันไปทั่วทั้งตึกแน่ๆ
“ไม่เป็นไร คุณเข้ามากับฉันเถอะ!” หลังหวาหลินหลง ตัดสินใจได้แล้ว ก็เปิดประตูห้อง จากนั้นก็พาเสิ่นหวนเดิน เข้าไปด้านใน
คอนโดเดี่ยวแบบหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นนี้ มีพื้นที่ ราวสี่สิบห้าสิบตารางเมตร แต่ว่าห้องน้ำ ห้องครัว ห้อง นอนมีครบครัน!
จัดวางได้เหมาะสมและประณีตมาก!
“นายรออยู่ตรงนี้ก่อน ฉันขอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสัก ประเดี๋ยว!” ตอนนี้เองหวาหลินหลงก็กล่าวกับเสิ่นหวนไว้ แล้วก็เดินเข้าไปในห้อง
เพียงแต่หลังจากเข้ามาในห้องแล้ว หวาหลินหลงก็ ลําบากใจ เพราะตอนนี้เธอเพิ่งจะพบว่าสภาพเปียกปอน เหมือนลูกหมาตกน้ำของตนเองนั้น ต้องอาบน้ำจึงจะดี ที่สุด
แต่ด้านนอกยังมีเสิ่นหวนถ้าเกิดอาบน้ำไปทั้งอย่างงี้ จะ เป็นอะไรหรือเปล่านะ…
ครู่หนึ่ง หวาหลินหลงก็ตกอยู่ในภวังค์
และในขณะนั้นในห้องนั่งเล่นของหวาหลินหลงหลังจาก เสิ่นหวนชมการตกแต่งโดยรอบแล้ว ฉับพลันสายตาก็ไป หยุดอยู่ที่โมเดลบางอย่างบนชั้นวางของตกแต่งที่อยู่ด้าน ข้างของห้องนั่งเล่น
เป็นพระพุทธรูปไม้รูปหนึ่ง สีออกคล้ำๆ ดูแล้วไม่รู้ว่า แกะสลักออกมาจากไม้ชนิดไหน แต่กลับโปร่งใสเหมือน หินออบซิเดียนทั่วไป
แต่นี่ไม่ใช่จุดสำคัญ ที่สำคัญคือ หลังจากเห็นมันแล้ว เสิ่นหวนก็เกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมา
เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างอย่างบอกไม่ถูก ดึงดูดให้ เส้นหวน เดินเข้าใกล้พระพุทธรูปไม้ทีละก้าวๆ !
นิ้วมือของเสินหวน ค่อยยื่นออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ ยื่นออกไปสำรวจพระพุทธรูปไม้อย่างแผ่วเบา
“อย่าจับนะ!”
ตอนนั้นเอง เสียงตะโกนหนึ่งก็ดังขึ้นมา เรียกให้เงินหวน ตีนจากภวังค์ เสิ่นหวนหันหน้าไปมอง เห็นเพียงหวาหลิน หลง ยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่หน้าประตู
“ขอโทษที” เสิ่นหวนรู้ว่าเมื่อครู่ตนเองเพิ่งจะไปล่วงเกิน ให้ผู้อื่นไม่พอใจขึ้นมาแล้ว รีบกล่าวด้วยความจริงใจทันที เขาเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ตนเองเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงมี ความรู้สึกพิเศษกับพระพุทธรูปไม้รูปนั้น
“นี่คือพระพุทธรูปที่คุณปู่เหลือไว้ให้ฉัน เล่ากันว่าเป็น สิ่งของที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ตอนนี้สืบทอดกัน มาหลายร้อยปีแล้ว คุณปู่พูดว่าพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อยู่ พวกเราในตระกูลหวาต้องเคารพกราบไหว้อย่างกตัญญู มิอาจทำให้พระพุทธรูปมัวหมองแปดเปื้อนได้!” เวลานั้น เองหวาหลินหลงพลันรีบพูดอธิบายทันที
เสิ่นหวนพยักหน้า จากนั้นก็จ้องมองไปที่หวาหลินหลง โดยไม่ได้ตั้งใจ!
เพราะเหตุว่าตั้งใจจะออกมาอาบน้ำ ตอนนี้หวาหลินหลง จึงสวมเพียงแค่เสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวตัวเดียว คอเสื้อคลุม อาบน้ำเนียนดุจผ้าไหมกางออกค่อนข้างกว้าง อีกทั้งด้าน ในก็ยังไม่มีเสื้อชั้นใน เปิดเผยให้เห็นภาพทิวทัศน์บาง ส่วน!
“โป๊แล้วเนี่ย!” ตอนนี้เองเสิ่นหวนเอ่ยเตือนด้วยเจตนาดี
เมื่อหวาหลินหลง ได้ยินเข้า ใบหน้าก็แดงเห่อขึ้นมา เมื่อครู่หลังจากที่ออกมาแล้วเห็นเสิ่นหวนกำลังจะลูบ พระพุทธรูปไม้ ก็รีบร้อนจะหยุดเขา แต่กลับลืมไปว่า เสื้อ คลุมอาบน้ำของตนเองไม่ได้ผูกให้แน่น!
แต่ดูเหมือนว่าหวาหลินหลง จะไม่ได้ตื่นเต้นอะไรขนาด นั้น หลังจากผ่านพ้นการตื่นตกใจในตอนแรกไปแล้ว มอง เสิ่นหวนอย่างสงบนิ่งแวบหนึ่ง ดึงเสื้อคลุมอาบน้ำขึ้นมา เบาๆ ทันที กล่าวอย่างไม่แยแสว่า “ฉันเข้าไปอาบน้ำก่อน นายนั่งรอเดี๋ยวก็แล้วกัน!”
พูดไปแล้ว ก็โมโหกระฟัดกระเฟียดเดินเข้าไปในห้องน้ำ เพียงแต่ตอนที่ปิดประตูห้องน้ำนั้น เธอกลับพิงประตู ห้องน้ำ หัวใจเต้นตุ๊บๆ ขึ้นมา
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ตนเองก็จะมีวันที่กล้าได้ มากขนาดนี้ สิ่งที่ทำให้เธอยิ่งแปลกใจก็คือ ทำไมกับเสิ่น หวน ถึงไม่มีความรู้สึกขยะแขยงเหมือนกับพวกผู้ชายพวกนั้นแบบเมื่อก่อนนะ?
หรือเป็นเพราะว่าเมื่อครู่เสิ่นหวนช่วยเธอเอาไว้ที่ด้าน ล่างเหรอ?
แต่ว่าเสิ่นหวนนี้ เมื่อครู่กลับไม่ได้วุ่นวายอะไรมากมาย ตอนที่หวาหลินหลงโป๊เมื่อครู่ ความสนใจของเขาก็กลับ ไปที่พระพุทธรูปไม้ที่อยู่บนนั้น
เขารู้ว่า เมื่อครู่พระพุทธรูปไม้ดึงดูดตนเองมากพอ ไม่ได้ ทำให้สติหลุดง่ายขนาดนั้น แต่เพราะมีความลึกลับอื่นอีก!
ยังไงซะด้วยความแข็งแกร่งของเขา เรื่องอย่างสติ หลุดอะไรแบบนี้ แทบจะไม่ค่อยมีอยู่เลย แต่เมื่อครู่กลับ ปรากฏออกมาได้
ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ก็เคยมีครั้งหนึ่ง ตอนที่ เผชิญหน้ากับซูไต้เมื่อวาน มีตอนชั่วขณะนั้นเอง ที่ดู เหมือนว่าเสิ่นหวนก๊สติหลุดแบบนี้เหมือนกัน
แต่ว่าเป็นคนมีชีวิตคนหนึ่ง เป็นพระพุทธรูปไม้รูปหนึ่ง ด้านในจะมีความเกี่ยวข้องยังไงกันล่ะ?
เสิ่นหวนจมอยู่ในความสงสัยทันที!
อีกด้านหนึ่ง ร้านเหล้าผับบลูดรีมเป็นเพราะเรื่องเมื่อครู่ บนถนนผับบลูดรีมปิดป้ายเลิกกิจการเอาไว้
และข้างใน แขกด้านในร้านเหล้าเมื่อครู่ ตอนนี้กลับลง ทะเบียนทีละคนๆ และลงชื่อในข้อตกลงในการรักษา ความลับในเวลาเดียวกัน
ความจริงแล้ว หนังสือตกลงรักษาความลับนี้ไม่ได้มี ความยุ่งยากในการลงชื่อแต่อย่างใด เดิมคนที่มาที่นี่ล้วน เป็นคนที่มีคุณภาพสูงทั้งนั้น
และคนพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน หรือว่าผู้จัดการธุรกิจ หรือว่าคนชนชั้นสูง พวกเขาล้วนมีจุดพิเศษร่วมกันอยู่ อย่างหนึ่ง นั่นก็คือความฉลาด!
ความฉลาดเป็นสิ่งที่พวกเขามีชัดเจนอยู่แล้ว การต่อสู้ ระหว่างคนสองกลุ่มในคืนนี้ เกินกว่าขอบเขตที่พวกเขาจะ พูดได้ตั้งนานแล้ว
โดยเฉพาะหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ แถมเป็นหลานชาย ของท่านจอมพลแห่งค่ายซีหนาน สถานะโดดเด่นเช่นนี้ เกินขอบเขตที่พวกเขาจะรับได้
ดังนั้น ในข้อเรียกร้องของยี่เสี่ยวถงให้พวกเขาแต่ละ คนปิดปากให้สนิท ตอนที่ลงนามในนโยบายรักษาความ ความลับ ทุกคนล้วนให้ความร่วมมืออย่างแปลกใจ
อีกทั้งตอนนี้ตรงเวทีอีกด้านหนึ่ง เพิ่งจื่อยีนั่งอยู่ตรงมุม หนึ่งกับซือเวย กำลังมองดูฝูงชนที่กำลังขยับเขยื้อนอยู่
“พี่ซือเวย ยังเจ็บอยู่ไหม?” ตอนนี้เฟิงจื่ออีกข้อมือที่แดง แจ๋ พร้อมทั้งกล่าวเสียงเบากับ อเวย
บกระทั่งบ้างก็ไม่เป็นไร อดทน ปกติเธอซ้อมเต้น กระทบก ต่อความเจ็บปวดได้ดี เพียงแต่ผู้หญิงอ่อนแออย่างซีอเวย นี้ ไม่ได้มีความอดทนแบบเธออย่างนั้น
ดูเหมือนอ่อนแอเท่าหลินได้ออย่างซือเวย ตอนนี้แขน สองข้างกำลังกอดอก พูดเสียงต่ำว่า “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ เจ็บเลย!”
“อิๆ พี่เวยตอนนี้พี่ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ใช่มั้ย? วันนี้คง ตกใจแน่เลย!” เฟิงจื่ออีกล่าวพลางหัวเราะคิกคัก
เวลานี้เองซือเวยเหลือบมองเฟิงจื่อยีแวบหนึ่งเฟิงจื่อยื พูดได้ถูกต้อง ตอนนี้ซือเวยรู้สึกกลัวมาสักระยะจริงๆ !
เธอไม่เข้าใจ เมื่อครู่อีกนิดพวกเธอเกือบจะถูกคนบังคับ พาตัวไปแล้ว ทำไมตอนนี้เฟิงจื่อยียังหัวเราะคิกคักพูด คุยกับเธอได้อยู่ล่ะ หรือว่าเธอไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องนี้ จริงๆ ?
ตอนนี้ซือเวยกำลังครุ่นคิดอยู่ หลังจากนี้จะยังต้องมาแสดงที่ผับบลูดรีมอยู่อีกหรือไม่ แม้ว่าที่นี่จะให้เงินเดือน สูงก็ตาม!
เห็นท่าทางซือเวยที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร เฟิงจื่อยีก็ยิ้ม น้อยๆ แล้วจึงพูดเสียงเบาว่า “พี่เวยฉันรู้ว่าตอนนี้พี่คง ต้องสับสนอยู่แน่ แต่พี่วางใจเถอะ หลังจากนี้พวกเราจะ ยังมาแสดงที่ผับบลูดรีมได้!”
“แกรู้หรือเปล่า? ที่จริงเมื่อครู่ฉันเองก็สิ้นหวังมาก แต่ ตอนที่ฉันรู้สึกสิ้นหวัง เจ้าชายขี่ม้าขาวของฉันก็ลงมาจาก ฟ้า ถึงแม้เขาจะไม่ได้สง่างามเหมือนในเทพนิยายขนาด นั้น แต่กลับมีความโอหังเหมือนเทพเซียนในตำนานเลย!”
“หยิ่งขนาดนั้น เย็นชาขนาดนั้น ไร้ยางอายขนาดนั้นเนี่ย นะ!”
“พี่เวย พี่รู้หรือเปล่า ฉันหลงเขาแทบตายแล้ว ดังนั้น ฉัน ขอประกาศว่า ฉันจะเอาเสิ่นหวนคนนั้น มาเป็นแฟนของ ฉันให้ได้!”
“อิๆ แกพูดว่าถ้าเกิดหลังจากนี้มีผู้ชายแบบนี้อีก พวกเรา ยังต้องหวาดกลัวหรือเหรอ? เขาเป็นคนที่เก่งมากแม้แต่ หลานของท่านจอมพลก็กล้าทำร้ายเลยเชียวนะ!” เพิ่งจื่อ ยีหัวเราะร่าใส่ซือเวย
ส่วนซือเวยในตอนนี้นั้นมองไปที่เฟิงจื่อยีอย่างตกใจ สุดขีด เธอคิดไม่ถึงว่า ที่แท้สาเหตุที่ทำให้เฟิงจื่อยีมีความ สุขก็คือเรื่องนี้
“แก…แกอยากได้เขาเป็นแฟนจริงๆ เหรอ?” ตอนนี้ ซือเวยเริ่มแสดงอาการพูดติดอ่างแล้ว
การได้คบค้าสมาคมกันอย่างพี่น้อง เธอย่อมรู้ว่า พี่น้อง คนนี้สเปคสูงมาก ครอบครัวทางบ้านดี คนก็สวยอีกทั้งยัง ฉลาดเป็นกรด กล่าวได้ว่าตั้งแต่เด็กก็เหมือนเจ้าหญิงคน หนึ่ง
และเพราะเหตุนี้ เจ้าชายธรรมดาๆ เธอไม่เห็นอยู่ใน สายตาหรอก!
“แน่นอนอยู่แล้ว พี่เวย ที่พี่พูดว่าอาศัยเสน่ห์ของฉัน ถ้าเกิดออกโรงด้วยตัวเอง จะวิ่งเข้ามาหาถึงมือเลยหรือ เปล่า?” เฟิงจื่อยีกล่าวพลางหัวเราะคิกคักกับซือเวย ใน เวลาเดียวกันในดวงตาก็ปรากฏความลุ่มหลงขึ้นมา
“อืม รอให้ฉันได้เป็นแฟนของเขา ฉันจะต้องถามก่อน ว่า เขาจะสนับสนุนให้ฉันเต้นต่อหรือไม่…” ดูเหมือนตอน นี้เฟิงจื่อยีจะตกอยู่ในภวังค์ความคิด เริ่มบ่นพึมพำกับ ตนเองอยู่ตรงนั้น
บางทีสำหรับเธอแล้ว อาศัยความสวยงามและรูปร่างของเธอ การตามจีบเสิ่นหวน ก็คงไม่ได้ยากเย็นอะไร ยัง ไงผู้ชายจีบผู้หญิง มันยากก็จะได้ แต่ในทางกลับกันผู้ หญิงจีบผู้ชายก็ง่ายเหมือนมีเส้นบางๆ ขวางกั้น
ทว่าซือเวยที่อยู่ด้านข้าง หลังได้ยินความคิดของเฟิงจื่อ ยีที่บ่นพึมพำแล้ว ในดวงตาก็ปรากฏความลังเลขึ้นมา!
ประสบการณ์อันโชกโชนของเธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า เสิ่นหวนไม่ใช่พวกที่ชอบทะเลาะวิวาทตบตีเขาไปทั่ว บาง ทีเฟิงจื่อยีเอาทุกอย่าง มาคิดอย่างง่ายดายเกินไป!
“อิๆ พี่เวย ฉันตัดสินใจแล้ว รอให้ถึงพรุ่งนี้ ฉันจะไป สารภาพรักกับเสิ่นหวน ฉันไม่สามารถทนรอต่อไปแม้ เสี้ยววินาทีได้แล้ว!” จู่ๆ เฟิงจื่อยีก็หันหน้ามา พร้อมทั้งกำ หมัดเล็กๆ แล้วพูดกับซือเวยอย่างเอาจริงเอาจัง
บนใบหน้าของซือเวย ทําได้แค่ฝืนยิ้มออกมา!
และอีกด้านหนึ่ง เหอต้าชังที่กลับถึงหอพักพร้อมทั้ง เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเข้าไปยังตึกธุรการของ มหาวิทยาลัยอย่างโกรธเคือง
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ