ตอนที่ 2…หาความจริง จากเธอคนนั้น [3/6]
“เรามาตกลงกันดีกว่า” น้ำแข็งหยุดการดิ้นรนที่ไมล์ไม่ ยอมให้เธอแยกไปง่ายๆ
“ตกลง ตกลงอะไร?”
“เราสองคนต่างรู้ดีว่า คุณแม่อยากได้เธอมาเป็นลูก สะใภ้” น้ำแข็งหน้าร้อนวูบเฉียบพลัน “เราแสร้งมาทำให้ คุณแม่สบายใจดีกว่า” น้ำแข็งยังเงียบอยู่ แต่ดวงตาจับ จ้องมองตอบไมล์อย่างใคร่รู้ “เราก็แสร้งเป็นแฟนกัน เฉพาะต่อหน้าคุณแม่และคุณตา เป็นไง”
“ไม่เอา” น้ำแข็งปฎิเสธทันที จะให้เธอกลอกลวงผู้ใหญ่ที่ มีพระคุณกับเธอได้ยังไง
“ฉันรู้นะว่าเธอไม่อยากโกหก แต่เคยได้ยินมั้ย โกหกสี ขาว การโกหกที่ทำให้คนที่เรารักมีความสุขมากขึ้น” ไมล์ ยังรู้สึกติดตากับสีหน้าของมารดาเมื่อวานนี้ได้ดี ตอนที่ เขาประกาศความสัมพันธ์ระหว่างเขากับน้ำแข็งออกไป ตอนนั้นเขารู้สึกแย่ไม่ต่างไปจากมารดาเลย และเขาก็ ต้องกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง แน่นอนว่าการทำข้อตกลง กันกับน้ำแข็งเป็นทางออกที่ดีที่สุด
น้ำแข็งครุ่นคิดอยู่สักพัก ไมล์เงียบลงอย่างอดทน รอคำ ตอบ “ตกลงค่ะ แล้วต้องทำอย่างไรบ้าง” มุมปากหยักกด ลึกก่อนตอบว่า…
“ก็ต้องร่างข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรและลงนาม รับทราบด้วยกันทั้งสองฝ่าย” น้ำแข็งเบิกตากว้าง ทำข้อ ตกลง มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอแต่คิดไว้ในใจเป็นดีที่สุด
น้ำแข็งไม่มีคอมพิวเตอร์ในห้องนอนและไมล์ก็เช่นกัน เพราะเขายังไม่อยากได้มันในตอนนี้ เขาจึงให้น้ำแข็งเป็น ผู้เขียนข้อตกลงตามคำบอกของเขา
“ในข้อตกลงฉบับนี้ เรียกฉันว่า ‘ฝ่ายชาย’ ส่วนเธอ ‘ฝ่าย หญิง’…” น้ำแข็งทำตามที่ไมล์บอกทุกอย่าง แบบเงียบๆ จนมาถึงข้อแรกในข้อตกลง
มีอยู่ว่า ฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย จะร่วมมือกันแสดงออก ถึงความรักใคร่ที่มีต่อกันให้กับญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชาย ประจักษ์เห็นอย่างไร้ข้อกังขา
“เอ่อ ข้อถามได้มั้ยคะ?” ไมล์พยักหน้าเป็นการอนุญาต “การแสดงความรักใคร่แบบที่คุณว่ามันแค่ไหนคะ?”
“ต่อหน้าคุณแม่คุณตาก็แค่ยิ้ม และทำหน้าว่ามีความสุ ขมากๆ ฉันว่าไง เธอก็ว่าตามกัน” น้ำแข็งพยักหน้า
ข้อที่สอง มีอยู่ว่า ต่อหน้าญาติของฝ่ายชาย ฝ่ายหญิง ต้องเอ่ยเรียกฝ่ายชายว่า ‘พี่ไมล์
“แล้วคุณจะเรียกฉันว่าอะไรคะ?” น้ำแข็งที่รอฟังอยู่นาน จําต้องเอ่ยถาม เมื่อไมล์เงียบไปนาน
“ถามโง่ๆ ฉันก็ต้องเรียกชื่อเธอนะสิ” น้ำแข็งมุ่นคิ้ว หัน หน้าไปมองไมล์ เธอก็แค่ถามดีๆ ทำไมต้องมาประชด ประชันด้วย น้ำแข็งจึงหันกลับและก้มหน้าเขียนต่อความ ในข้อที่สองว่า และฝ่ายชายก็ต้องเรียกฝ่ายหญิงว่า จู่ๆ น้ำแข็งก็หยุดเขียน เมื่อไมล์ที่ก้มมองลงมาเห็นบทความ ที่เธอเขียนและเขาก็พอจะเดาออก แต่เขาไม่ได้หยุดเธอ แต่เป็นเธอเองที่หยุดเขียนเอง
ไมล์เลิกคิ้วทันที เมื่อน้ำแข็งเปิดกระดาษหน้าใหม่ และ เริ่มต้นลอกข้อตกลงใหม่ตั้งแต่บรรทัดแรก จนมาจบข้อ สองเท่าที่เขาบอกเพียงแค่นั้น
“มีต่อมั้ยคะ ข้อสาม
“ข้อสาม ในช่วงระหว่างที่ยังไม่มีการบอกเลิกหรือยุติข้อ ตกลง ฝ่ายหญิง ห้ามมีเพื่อนชายในฐานะคนพิเศษ” เมื่อ ไมล์กล่าวจบ น้ำแข็งจึงก้มหน้าเขียนตามที่เขาบอกไม่มี ท้วงติงใดๆ
“จบเหรอยังคะ?” น้ำแข็งถามเมื่อเสร็จข้อสามแล้ว
“ข้อที่สี่ ฝ่ายหญิงมีหน้าที่เชื่อฟังฝ่ายชาย…”
“เดี๋ยวนะคะ มันจำเป็นด้วยเหรอคะที่ต้องระบุไว้
“ใช่ เพราะฉันเบื่อที่จะต้องมาอธิบายและชี้แจงเหตุผล ในคําสั่งที่ฉันบอกให้เธอทํา
“ฉันจะต้องทำอะไร เราก็แค่แสร้งทำเป็นว่ารักกันต่อหน้า คุณท่านกับคุณป้าก็เท่านั้นเอง”
“คัดค้านข้อนี้อย่างงั้นเหรอ” น้ำแข็งหลบตาเบี่ยงหน้า หลบ เมื่อจู่ๆไมล์เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้หน้าเธอเรื่อยๆ
“ก็แค่คิดว่าไม่จําเป็นก็ได้มั้งคะ”
“ก็ถ้ามันไม่มีสาระอะไรกับเธอ แล้วจะโต้แย้งท่าไม ก็แค่ เขียนๆมันไป และจำใส่สมองก็พอ” น้ำแข็งค้อนวงใหญ่ใส่ ไมล์อย่างไม่รู้ตัวก่อนที่จะก้มหน้าเขียนตามความต้องการ ของเขา “ข้อห้า ฝ่ายหญิงไม่มีสิทธิแสดงกรรมสิทธิ์ในตัว ฝ่ายชายในทุกกรณีทั้งที่เป็นคำพูดหรือท่าทาง” น้ำแข็ง ยิ้มมุมปากเล็กๆอย่างเหลือเชื่อว่าคนตรงหน้าเธอจะหลง ตัวได้อย่างร้ายกาจ แต่เอาเถอะ! ก็อย่างเขาทำได้อยู่ แล้ว
“หมดแล้วเหรอคะ”
“สมองเธอคิดได้อย่างเดียวเหรอไง ว่าคนอย่างฉันจะเอา เปรียบเธอ ในเมื่อฉันคิดหาข้อได้ เธอก็มีสิทธิคิดได้ห้าข้อเช่นกัน ตามสบาย…เอาเลย” น้ำแข็งนิ่งมองหน้า
ไมล์
“ขอบคุณ กรุณาค่ะ” น้ำแข็งพูดจบก็ทำท่าครุ่นคิดเพียง เล็กน้อย ก็เริ่มลงมือเขียน ข้อหกในระยะเวลาที่ข้อตกลง ยังมีผลบังคับใช้ ฝ่ายชายจะไม่ใช้คำพูดที่ส่อให้ฝ่ายหญิง รู้สึกว่าเป็นการประชดประชัน ไมล์ที่มองหน้ากระดาษข้อ ตกลงอยู่ถึงกับขบกัดกรามไว้ ซึ่งน้ำแข็งก็แอบยิ้มเล็กๆ
“อย่าให้มันนอกประเด็นไร้สาระมากนัก”
“การที่คุณคิดหาเหตุผลไม่ได้ ก็กรุณาอย่ามาตัดสิน คนอื่นจะดีกว่าค่ะ ไหนๆคุณก็พูดออกมาขนาดนี้แล้ว ฉัน ก็บอกหน่อยแล้วกันนะคะ เวลาที่คุณพูดจาไม่น่าฟังมัน ทำให้ฉันไม่อยากจะยิ้มหรือสบตากับใครๆทุกคนที่อยู่ ตรงนั้น เพราะอย่างงั้นมันก็จะส่งผลเงื่อนไขข้อแรกของ คุณ แต่เอาเถอะคุณทําได้อยู่แล้ว เพราะเราสองคนไม่ จําเป็นต้องเจอและคุยกันในเวลาอื่นอยู่แล้ว…” น้ำแข็งรู้ สึกโหวงๆแปลกๆกับคำพูดประโยคสุดท้ายของตัวเอง เธอ จึงก้มหน้าจดจ่อไปที่หน้ากระดาษอีกครั้ง สายตาเลื่อนขึ้น ไปมองคำว่า ‘พี่ไมล์’ น้ำแข็งเขียนเลขข้อที่เจ็ด แต่แล้ว เธอก็หยุดความตั้งใจเดิมของตนเองอีกครั้งในฉับพลัน ไหนๆเรื่องของเธอกับเขามันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว น้ำแข็งจึงละทิ้งความตั้งใจเดิมในข้อเจ็ดไป และเขียน ไปว่า ฝ่ายชายจะต้องไม่ละเมิดสิทธิทางร่างกายกับฝ่าย หญิงในทุกกรณีไปจวบจนข้อตกลงฉบับนี้ยังมีผลบังคับใช้อยู่
“เอาที่สบายใจ” ไมล์เปรยออกไปด้วยความรู้สึกเย้ย หยัน น้ำแข็งไม่สนใจท่าทางแบบนั้น ใครจะไปรู้ละ ถ้า วันไหนเขาหน้ามืดคิดว่าเธอคือคุณ แข็งของเขาขึ้น มา ตอนนั้นเธอก็คงเสียใจไม่น้อย กันไว้ดีกว่าแก้ แม้ตอน นี้เธอจะรู้สึกดีกับเขาแต่ความรู้สึกนั้นไม่นานก็คงหมด ไป มันก็ตามประสาความรู้สึกหวาบหวิวแบบวัยรุ่นที่เห็น ผู้ชายหน้าตารูปร่างดีก็ต้องรู้สึกชื่นชอบ เดี๋ยวพอมีอะไรที่ น่าสนใจกว่าเธอก็คงหลงลืมความรู้สึกแปลกๆที่มีกับเขา ไปเอง เธอมั่นใจว่าความรู้สึกที่มีให้กับไมล์จะไม่มากขึ้น ไปกว่านี้แน่ เพราะเขาคงไม่ทําอะไรให้เธอประทับใจใน ตัวเขาเป็นแน่
นําแข็งจึงปิดท้ายข้อตกลงเพียงแค่นั้น เธอเขียนความ ต้องการของตัวเองเพียงสองข้อ ซึ่งในข้อเจ็ดเดิมเธอ อยากจะเขียนว่าให้เขาเรียกเธอว่า ‘น้ำแข็ง’ บ้างก็เท่านั้น แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะแบบนั้นมันเป็นการทําร้ายความ รู้สึกของเขามากไป และอีกอย่างเธอก็คิดว่าเขาคงไม่ได้ เรียกเธอหรอก
“ไมล์!” เสียงเรียกที่คุ้นเคยอย่างแปลกใจของมารดา ไมล์หันไปตามเสียงเรียกนั้นด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบ
“มีอะไรเหรอครับคุณแม่”
“แม่ต่างหากที่ต้องถามลูก ลูกเข้าไปในห้องนั้นได้ยังไง”
“ผมก็เปิดประตูเข้าไปครับ”
“แม่หมายความว่า ลูกเข้าไปในห้องน้องเขาได้ยังไง”
“แม่หมายถึงยายเด็กขายขนมหวานเหรอครับ” ศศิกานต์ ทำตาดุใส่ไมล์ “ตอนแรกผมไม่รู้ว่าห้องนี้คุณแม่ยกให้คน อื่นไปแล้ว แต่ตอนนี้ทราบแล้วครับ ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้ อีกครับ” ศศิกานต์พยักหน้าเข้าใจ เพราะเธอรู้จักลูกชาย ดีว่าไม่ใช่ผู้ชายมักง่าย
“ว่าแต่วันนี้จะไปไหนเหรอเปล่า”
“มีครับ แต่ไม่สำคัญมาก คุณแม่มีอะไรเหรอเปล่าครับ”
“เปล่าจ๊ะ ไปเถอะ
“ครับ ออ! คุณแม่ วันนี้ผมขอยืมลูกสาวสุดที่รักของคุณ แม่หน่อยนะครับ”
“จะพาน้องไปไหน”
“สำนักเขตแถวๆนี้แหละครับ” ศศิกานต์พยักหน้าเพราะเธอจำได้ว่าบัตรประชาชนของไมล์หมดอายุ พอดี ช่วงนี้เขาว่างก็คงอยากจะจัดการเรื่องเอกสารให้ เรียบร้อย
“ไหนๆก็มีเพื่อนแล้ว ลูกก็ไปหาซื้อเสื้อผ้าของใช้เพิ่มมา เลยแล้วกัน วันนี้น้องไม่มีเรียน ว่างทั้งวัน
“คุณแม่ทราบขนาดนั้นเลยเหรอครับ ว่ายายเด็กขาย
ขนมว่างทั้งวัน”
“น้ำแข็งเป็นเด็กดีมาก แล้ววันหนึ่งไมล์จะรู้” ไมล์ไม่ แสดงความคิดเห็นแต่ขอตัวกลับห้องเพื่อไปเปลี่ยน เสื้อผ้า
ศศิกานต์จึงเคาะประตูเบาๆก่อนที่จะเปิดเข้าไป เห็นน้ำ แข็งนั่งอยู่ที่โต๊ะ
“น้าแข็ง พี่เขามาว่าอะไรเราอีกเหรอเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
“แล้วเขาเข้ามาทำไม”
“ตอนแรกก็น่าจะเพราะเข้าใจผิดค่ะ แต่ช่วงหลัง เออ!” น้ำแข็งลังเล แต่เธอไม่อยากปิดบังผู้มีพระคุณ จึงยื่นเอกสารข้อตกลงให้ศศิกานต์ได้อ่าน
“ร้ายจริงๆเลยตาไมล์ เอาเถอะเราก็เล่นไปตามที่พี่เขา ต้องการ ป้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าตอนจบจะออกมาแบบ ไหน” น้ำแข็งกระพริบตาปริบๆ เอาแล้วสิ! คุณแม่คุณลูก เล่นสงครามประสาทใส่กัน แล้วคนกลางอย่างเธอจะทำ ไงละคราวนี้
“มื้อเย็นนี้คุณไมล์จะประกาศให้คุณท่านกับคุณป้าทราบ ค่ะ” ศศิกานต์ มอย่างเข้าใจ เธอตื่นเต้นจริงๆเลย เพียง แต่ไม่แสดงออกมาให้น้ำแข็งเห็นก็เท่านั้น เพราะเธอรู้แล้ว ว่าแสงแห่งความหวังของเธอเริ่มฉายออกมาแล้ว ลูกชาย ของเธอจะไม่มีวันทําเรื่องเด็กๆแบบนี้เด็ดขาดถ้าเขาไม่มี ความรู้สึกอะไรกับน้ำแข็งบ้าง ซึ่งเธอเข้าใจดีว่ามันยากที่ ไมล์จะยอมเปิดใจให้กับน้ำแข็งง่ายๆ ข้อตกลงฉบับนี้ก็คง เป็นเพียงม่านที่ไมล์เอามาเป็นข้ออ้างมากกว่า เพราะคน อย่างไมล์ถ้าไม่ก็คือไม่ เป็นเพียงคําตอบเดียวเท่านั้น
“สองคนนั้นไปไหนกัน” เอกพจน์เอ่ยถามบุตรสาว เมื่อ เห็นว่าน้ำแข็งขึ้นรถนั่งเคียงคู่ไปกับไมล์ที่อยู่หลังพวง มาลัย
“สำนักเขตค่ะ บัตรประชาชนตาไมล์หมดอายุค่ะ และคง เลยกันไปซื้อของกันต่อค่ะ”
“ก็ดี” เอกพจน์เอ่ยตอบกลับมาสั้นๆ ศศิกานต์ตัดสินใจ ที่จะไม่บอกให้เอกพจน์ทราบเรื่องที่ไมล์กับน้ำแข็งทำข้อ ตกลงกันไว้ เธอก็อยากจะเห็นบทบาทการแสดงของบุตร ชายเหมือนกัน ใบหน้าที่มีความสุขปรากฎอยู่บนใบหน้า ของศศิกานต์ทำให้เอกพจน์มองอย่างสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ ไม่ได้เอามาใส่ใจอะไร
น้ำแข็งที่นั่งอยู่ข้างๆเบาะคนขับ ซึ่งหน้าที่ของเธอก็แค่ คอยบอกทางให้กับเขา ไมล์กับน้ำแข็งใช้เวลาจัดการ เรื่องบัตรประชาชนเกือบๆชั่วโมง ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ