แสงใต้เงา

ตอนที่ 1…สาเหตุของที่ ‘แสง’ ต้องอยู่ใต้เงา [2/6]



ตอนที่ 1…สาเหตุของที่ ‘แสง’ ต้องอยู่ใต้เงา [2/6]

“แจ๊คกี้ ทำไมคติ ถึงติดต่อไมล์ไม่ได้เลย” ศศิกานต์ โทร.หา แจ็คกี้ หลังจากที่พยายามติดต่อบุตรชายมาสัก

“เขาไปดำน้ำ คงไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าของคุณ มีอะไร ส่วนเหรอ เดี๋ยวผมวิทยุแจ้งไปหาเขาให้

“ศศิ อยากให้ไมล์กลับเมืองไทยค่ะ คุณจัดการเรื่องนี้ได้ มั้ยคะ”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอเปล่า?”

*ไม่มีค่ะ แต่นานแล้วนะคะ ที่คุณพ่อของศศิไม่ได้เจอ หลานชาย และศศิเองก็ไม่อยากเดินทางไปหาไมล์แล้ว ด้วย มีที่ไหนปล่อยให้แม่คิดถึง ทนไม่ได้ก็ต้องเป็นฝ่าย บินไปหาเอง ศศิ เริ่มจะโกรธแล้วนะคะ

“ใจเย็นๆก่อน ไมล์ไม่มีแผนที่จะอยู่ที่นี่ถาวรอย่างที่คุณ เข้าใจหรอก เขาพูดถึงคุณตลอด อย่างไรแล้วเขาก็จะ กลับไปแน่นอน อีกไม่นานแล้ว คุณรอหน่อยนะ เพราะ การกลับไปของเขาครั้งนี้จะมีสิ่งดีๆไปให้คุณประทับใจ ภาคภูมิใจในตัวเขา”

“สิ่งดีๆ…อะไรนะคะ!? สิ่งดีๆ” ศศิกานต์ใจหายวาบ เมื่อสิ่งดีๆ ที่อยู่ในความคิดของเธอก็คือ น้ำแข็ง อย่าบอกนะ ว่า ไมล์มีคนที่รักแล้ว เขาเริ่มต้นใหม่ได้แล้วเหรอกับใคร สักคนที่เขาเจอที่นั่น อย่างงั้นเหรอ

“ศศิ ศศิ…” ศศิกานต์ เหมือนไม่ได้ยินเสียงปลายสาย เธอตัดสายโดยที่ไม่กล่าวลา พร้อมทรุดนั่งลงบนเตียงใน ห้องนอนของตน

“จะไม่มีวาสนาต่อกันเลยเหรอ” ศศิกานต์เปรยกับตัวเอง อดเสียดายแทนบุตรชายไม่ได้ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ กันเล่า เธอไม่มีทางจะทำให้ไมล์ต้องเสียใจกับเรื่องนี้เด็ด ขาด ‘ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ตามใจผู้นอน’

หลังมื้อเที่ยงที่นํ้าแข็งจะอยู่ร่วมทานกับศศิกานต์และ เอกพจน์เป็นประจำ หากเธอมาที่นี่ในยามเช้าและจะต้อง ออกไปเรียน และจะมีนายใบ คนสนิทของเอกพจน์ขับ รถไปส่งที่มหาวิทยาลัยทุกครั้งตามคำสั่งของเอกพจน์ มีหลายๆเรื่องที่เอกพจน์จะยอมตามใจน้ำแข็ง แต่ เรื่องนี้เอกพจน์ยืนยันว่าต้องให้รถของที่นี่ไปส่งเธอที่ มหาวิทยาลัย แม้จะเข้าใจน้ำแข็งที่ไม่ต้องการเป็นที่จับตา มองจากเพื่อนๆนักศึกษาด้วยกัน ซึ่งในตอนแรกน้ำแข็งก็ กระดากไม่น้อยต่อสายตาของเพื่อนๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนก็หาใส่ใจ เพราะกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว

“ขอบคุณนะคะลุงใบ” น้ำแข็งกล่าวขอบคุณพร้อมยกมือ ไว้ลุงใบทุกครั้งตลอดเกือบสามปีที่ผ่านมา
ลงใบยิ้มและรับไหว้ตามปกติ สายตาเอ็นดูและเคารพซึ่ง กันและกันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนดั่งที่ตัวน้ำแข็งเอง ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้เธอจะเป็นคนที่เจ้านายรักเอ็นดู ไม่ต่างกับลูกหลาน ใครๆในบ้านต่างก็รู้ว่าน้ำแข็งเป็นตัว เลือกที่ประมุขของบ้านอยากจะได้มาเป็นหลานสะใภ้ แต่ ทุกคนในบ้านต่างก็รู้จักคุณไมล์ดีว่าเป็นคนอย่างไร ทุก คนจึงได้ทำเพียงโอบอุ้มดูแลน้ำแข็งเป็นอย่างดี รอวันที่ ทายาทจะกลับมาและรับสิ่งดีๆที่คนที่นี่ตระเตรียมไว้ให้ อย่างเต็มใจ อย่างที่ทุกคนตั้งความหวังไว้

“หวัดดีจ๊ะพิม” น้ำแข็งทักทายเพื่อนสาวคนสนิท เมื่อเดิน มานั่งที่ประจำ

“หวัดดีจ๊ะ” พิม หรือ พิมพิลา หญิงสาวที่อ่อนโยนและ อ่อนหวาน เธอเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง สถานะทาง บ้านที่มีพ่อเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงในวงสังคม รูป ร่างอรชนบอบบาง ใบหน้าหวานดวงตาคมโต เธอยังมี ตำาแหน่งเป็นดาวคณะด้วย เรื่องสมองก็เป็นเลิศ แถมเป็น ติวเตอร์มือหนึ่งของน้ำแข็งอีกด้วย คุณสมบัติทุกอย่างที่มี อยู่ในตัวพิมพิลาน้ำแข็งเทียบไม่ได้เลย “เกรดเฉลี่ยของ เพื่อนน่าพอใจมากเลยนะจ๊ะ”

“แหมๆๆๆๆ ดีจัง น้ำแข็งไม่รู้ชาติก่อนทำบุญด้วยอะไรถึง ได้มีวาสนาได้รู้จักและมีเพื่อนที่แสนๆๆๆๆๆดีขนาดนี้”

“เวอร์วัง!…ไปละ ไปๆ เข้าเรียนกันได้แล้ว วิชานี้ไม่ง่ายเลยนะ”

“ไม่ง่าย ก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่น้ำแข็งมีอัจฉริยะที่แสน สวยคอยเป็นห่วงแบบนี้”

“พอๆ เลย” พิมอดไม่ได้ที่จะแอบตีแขนเล็กๆของเพื่อน เบาๆอย่างหมั่นไส้ “เออ น้ำแข็งจะไม่ไปฝึกงานกับบริษัท ของคุณลุงพิมแน่ๆนะ” พิมพิลาถามอีกครั้งอย่างเป็น ห่วงและขอคำยืนยันที่มั่นใจจากเพื่อนอีกครั้ง เรื่องที่เคย คุยกันไว้

“ขอบใจจ๊ะ น้ำแข็งจะไปฝึกงานบริษัทของคุณท่านนะ อยากจะตอบแทนท่านให้มากๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร ให้เป็นประโยชน์กับพวกท่านได้บ้างเหรอเปล่านะ” สอง สาวเดินคุยกันไปเรื่อยๆ

“อย่างน้ำแข็งมีประโยชน์มากอยู่แล้ว” พิมพิลาเอ่ยพร้อม กับรอยยิ้ม เธอกับ น้ำแข็งรู้จักกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม ปลาย แม้ฐานะของพวกเธอจะแตกต่างกัน แต่สำหรับ พิมพิลาแล้วความจริงใจที่มีให้กันต่างหากที่สำคัญ น้ำ แข็งเป็นเด็กที่เรียนระดับปานกลางมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ ด้วยเป็นคนขยันที่ไม่ย่อท้อ จึงทำให้น้ำแข็งสามารถสอบ เข้าเรียนในสถาบันชั้นนำของประเทศได้แบบเฉียดฉิว ก็ ให้ทำอย่างไรก็การแข่งขันมันสูง แต่น้ำแข็งก็ไม่เคยต้อง ทำให้ตัวเองและคนรอบข้างต้องผิดหวังสักครั้ง
….ณ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ณ เรือยอร์ช กลางแม่น้ำเทมส์ กรุงลอนดอน ประเทศ อังกฤษ ที่กําลังเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆอย่างไม่จําเป็นต้อง รีบร้อน

ไมล์ยืนมองทัศนียภาพที่เห็นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แม้จะชินตาแต่ให้มองอีกครั้งในตอนนี้ก็คิดว่ายังสวยไม่ เปลี่ยนแปลงเช่นเคย

“ไมล์ ทำไมไม่ไปสนุกกันด้านใน พวกเราเหมาเรือจัด ปาร์ตี้ครั้งนี้เพื่อเลี้ยงส่งนายนะ” เวนกาเบรียน หรือ เรียก สั้นๆว่า เวนน์ หนึ่งในเพื่อนหลากหลายของไมล์ สี่ปีทีไมล์ มาอยู่ที่นี่ แม้เขาจะเรียนและทํางาน แต่ไมล์ก็ไม่เคยเก็บ ตัว ทําตัวสันโดษเหมือนอย่างที่อยู่เมืองไทย ตั้งแต่ชีวิตที่ ไม่มีคนรัก อะไรๆหลายอย่างในตัวไมล์ก็เปลี่ยนไปมาก เขาเปิดรับเพื่อนนอนแต่ไม่เปิดรับเพื่อนใจซึ่งเป็นธรรมดา ของสังคมที่นี่ แม้มีหญิงสาวมากมายอยากจะเป็นเจ้าของ หัวใจหนุ่มลูกครึ่งทรงเสน่ห์คนนี้ แต่ก็ไม่มีใครสามารถ ทําลายกําแพงที่ไมล์สร้างขึ้นปิดกั้นพวกเธอเหล่านั้นได้ เลย

“อยากจะชื่นชมความงดงามทิวทัศน์ เพราะหลังจากที่ กลับเมืองไทยครั้งนี้แล้ว ไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสกลับมา อีกเมื่อไหร่” เวนน์พยักหน้าอย่างเข้าใจ จึงขอยืนอยู่ตรงนี้ ด้วย แม้ไมล์จะมีเพื่อนมากมายแต่ เวนน์ กลับเป็นเพื่อนที่ สนิทที่สุด
“…จริงสินะ เพราะไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหนที่เรา สองคนจะได้มายืนชมทัศนียภาพริมแม่น้ำเทมส์กันแบบ นี้” ไมล์หันไปมองเพื่อนพร้อมรอยยิ้มมุมปากอย่างขบขัน เวนน์เป็นคนสนุกสนานแต่ฝีไม้ลายมือการทํางานวางใจ ได้เลยว่าถ้าอะไรที่เวนน์บอกว่าเขาจะจัดการส่วนตรงนี้ ส่วนตรงนั้น ทุกอย่างจะออกมาอย่างดีเยี่ยม

“ขอบใจ” ไมล์เอ่ยออกมาอย่างขำขัน

“ฉันต่างหากที่ต้องขอบใจนาย” ไมล์ยิ้มอีกครั้งอย่าง เข้าใจ ก็ไมล์ยอมขายหุ้นบริษัทที่ร่วมก่อตั้งกันมาเกือบ ทั้งหมดให้เวนน์ บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชั้นวาง ที่ เวลาเพียงสองปีพวกเขาขึ้นมาอยู่เป็นอันดับหนึ่งของ การได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เพราะเป็นบริษัทที่มีทีมงานครบวงจรตั้งแต่ขั้นตอนการ ออกแบบให้กับลูกค้าได้อย่างเหมาะสม เวนน์ยังทึ่งในตัว ไมล์เป็นอย่างมาก ที่มีความสามารถในตัวหลากหลาย อย่างที่แต่ละอย่างเขาทำมันออกมาได้อย่างผู้เชี่ยวชาญ แบบหาตัวจับได้ยาก

“จะขอบใจทำไม ในเมื่อฉันขายให้นะ ไม่ได้ยกให้ฟรีๆ

“มูลค่าการขายที่นายขายมา มันก็เหมือนยกให้ฟรีๆแห ละก๊ะ” ไมล์ยิ้มอย่างมีความสุข “ว่าแต่นายบอกแจ็คกี้แบบ ไหนกัน เขาถึงไม่คัดค้านเรื่องนี้” ไมล์ยิ้มและทอดสายตา มองออกไปไกลสุดตา
“ไม่ได้บอกอะไร พ่อฉันยังไม่รู้”

“อ้าวเฮ้ย!… แบบนี้แจ๊คกี้ไม่คิดว่าฉันข่มขู่วางยา สะกดจิต ให้นายขายหุ้น เหรอยังไงวะ”

“พ่อฉันเป็นนักธุรกิจเต็มเลือดเต็มเนื้อ บางทีฉันก็รู้สึกว่า มันมากไป ไม่รู้ว่างานมันดีกว่าครอบครัวยังไง…สี่ปีที่นี่กับ ประสบการณ์ที่ได้ เต็มอิ่มแล้วสำหรับฉัน อยากกลับไป หาอ้อมกอดของแม่ พร้อมกับประสบการณ์ใหม่ๆที่เมือง ไทย ถ้าพ่อรู้ก็แค่เสียดายตามประสานักธุรกิจที่หวังผล กําไร”

“อืม เข้าใจแล้วเหตุผล นายก็บอกฉันหลายครั้งแล้ว แม่

นายต้องวิเศษมากๆเลย นายถึงยอมทิ้งทุกอย่างที่นี่ที่นาย สร้างมา เพื่อกลับไปอยู่ใกล้ๆกับท่าน”

“ใช่ แม่วิเศษมากๆ” ไมล์พูดพร้อมรอยยิ้มที่มาพร้อมกับ การมโนภาพแม่ที่ยิ้ม ดั่งกับว่าท่านอยู่ตรงหน้า

“ขอให้นายโชคดี”

“เช่นกัน ฉันก็ขอให้นายโชคดี”

เวนน์ กำลังจะขอตัวกลับไปด้านใน แต่สายตาพลันเห็น ร่างสูงเพรียวของดอนน่า กำลังเดินมาทางนี้ เวนน์ยิ้มเล็ก น้อยและกำลังตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อเป็นก้างให้เพื่อนหรือจะจากไปให้เพื่อนจัดการด้วยตัวเอง แต่แล้ว เวนน์ก็เลือกอย่างหลัง เมื่อรู้จักเพื่อนดี เขาตบไหล่ไมล์ เบาๆก่อนที่จะผละเดินจากไป

เวนน์ลอบกลับมามองเพื่อนอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าทั้งสอง คนชนแก้วกัน นั่นก็แสดงว่าคืนนี้ของเพื่อนคงอีกยาวไกล และคงเหมือนอย่างเคยๆ ที่เขาต้องได้ยินกระแสความ เย็นชาของเพื่อนออกมาจากดอนน่าอีกครั้งเป็นแน่ หลัง จากที่ตะวันทอทอดแสงของวันใหม่

เฮ้ยยยยย เวนน์ถอนหายใจ ซึ่งเขาก็แปลกใจทั้งๆที่ไมล์ ไม่เคยแม้แต่จะแลมองผู้หญิงคนไหนก่อนเลย มีแต่พวก เธอที่เป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อนเขาก่อนตลอด แล้วยังจะมาบ่น คร่ำครวญเรียกร้องอะไรต่ออะไรจากเพื่อนเขา และเรื่อง ก็จบเพียงแค่พวกเธอก็คร่ำครวญไป “เดี่ยวเหนื่อยก็หยุด กันไปเอง” ไมล์ไม่สนใจ มีแต่คำพูดนี้เพียงประโยคเดียว แล้วไงต่อ ก็มีผู้หญิงคนใหม่เรียงหน้ากันมาหาเพื่อนเขา เรื่อยๆ บางคนบอกลับมาอีกครั้ง ซึ่งดอนน่าก็เป็นประเภท อย่างหลัง

เฮ้ยยยยย ผู้หญิง!!!!

‘หนึ่งสัปดาห์ต่อมา

“ยังไม่เสร็จอีกเหรอ” น้ำแข็งเงยหน้าขึ้นจากการเก็บของ จัดวางไว้ในกล่อง สำหรับไปทำบุญวันพรุ่งนี้ เมื่อป่านันเอ่ยถาม

“ใกล้เสร็จแล้วจ๊ะ” ศรีนัน หรือ ป้านันของน้ำแข็ง เอ่ย ถามหลานสาวที่ตั้งหน้าตั้งตาจัดของเตรียมทำบุญครบ รอบวันตายปีที่สี่ให้กับหญิงสาวที่บังเอิญมีชื่อเล่นและ หน้าตาละม้ายคล้ายกันอย่างปาฎิหาริย์

“อย่านอนดึกนักนะ ต้องตื่นแต่เช้าด้วย” น้ำแข็งยิ้มรับกับ ป้านัน ก่อนที่จะก้มหน้าตรวจเช็คของทำบุญอีกครั้งว่าไม่ ขาดอะไรแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ