บทที่ 12 โอกาสทำงาน
ซุนปืนในเวลานี้สีหน้าดูแย่แค่ไหนก็ดูแย่แค่นั้น
อย่างไรเสียเขาก็นึกไม่ถึง ห้าคนพุ่งเข้าไป คาดไม่ถึงยังไม่พอ ให้เยเทียนจัดการรอบหนึ่ง
ได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความหมายยั่วยุนั้นของเยเทียนอีก หางตาเขาก็ยิ่งกระตุก
พลางคิดในใจ แม้แต่คนมากขนาดนี้เข้าไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ เขา หากฉันพุ่งเข้าไป ไม่ใช่วอนหาที่ตายหรอกเหรอ?
ทว่าพอนึกถึงจุดนี้จึงล้มเลิกไป เขาไม่ยินยอมมากๆ ดังนั้นเขา จึงฝากความหวังไว้บนตัวหลีจุน ก่อนจะพูดจาเหี้ยมโหด “แม่งอ ย่าได้ใจไป คิดว่าต่อยพวกกระจอกไม่กี่คนคว่ำได้ จะเอาชนะตัว เองไม่ได้แล้วเหรอ? ต้องรู้ว่าพี่หลีเป็นถึงนักชกมือหนึ่งของแก๊ง ไผ่เขียว เขาอยากจะต่อยแกจนแพ้ เป็นแค่เรื่องไม่กี่นาที พี่ว่าใช่ หรือเปล่า พี่หลี่…….
ขณะพูด ซุนปืนหันหน้าเข้ามา อยากหาความมั่นใจบางอย่าง จากบนตัวหลีจุน
รู้ที่ไหนว่า เวลานี้สีหน้าของหลีจุนดูแย่มากเช่นกัน
หลายคนที่โดนเย่เทียนต่อยคว่ำ ล้วนเป็นลูกน้องของเขา สู้สุด กำลังกับเขามา แต่ละคนต่างเป็นคนมีฝีมือโดดเด่น
ต่อให้เป็นเขา อยากจะสู้กับห้าคนที่ร่วมมือกันให้แพ้ ยังต้อง ชดใช้บางอย่างต่อเรื่องนี้
แต่ทว่า เย่เทียนเพียงแค่ขยับอย่างสบายๆ ก็จัดการคนเหล่านี้ ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะยังทำหน้าผ่อนคลาย ทำให้เขารู้ว่า เป็ เทียนเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ไม่ใช่คนที่เขาสามารถหาเรื่องได้เด็ด ขาด
นึกถึงตรงนี้ หลี่จุนสูดหายใจลึกๆ เอ่ยเสียงทุ้ม “ไอ้น้อง ฝีมือ ของนายเก่งกาจมาก ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาย แต่ว่า ฉันแนะนำ นายอย่าหาเรื่องมั่วๆ จะดีกว่า ไม่อย่างนั้น……..
“ไม่อย่างนั้นจะเป็นยังไง? แกอยากข่มขู่ฉัน?”
เย่เทียนหัวเราะหยอกเย้า สีหน้าเย็นชาลงไปทันที ไม่ต้องพูด ว่าคำขู่ของแกได้ผลหรือเปล่า ต่อให้ได้ผล ตอนนี้ฉันลงมือฆ่าแก กับคุณชายซุนอะไรนั่น แกคิดว่าฉันมีโอกาสมากแค่ไหนที่จะหนี รอดออกมาได้?”
หลีจุนฟังจบ ชั่วขณะนั้นในใจหวาดหวั่น
เขาสามารถสัมผัสได้ว่าเปเทียนไม่ได้พูดล้อเล่น โดยเฉพาะยัง ทำท่าทางผ่อนคลาย ราวกับฆ่าคนก็เหมือนหั่นผัก ทำให้ สายตาที่เขามองทางเย่เทียนเปลี่ยนไปแล้ว
ลังเลตั้งนาน ในที่สุดก็ไม่กล้ายั่วยุเส้นแบ่งของเย่เทียน เขา ถอนหายใจ “งั้นนายอยากจะเอายังไง?
“ที่อยากให้ฉันอยู่ต่อคือแก จะเอายังไง ไม่ใช่ควรเป็นฉันมาถามแกเหรอ?”
เย่เทียนจัดเสื้อผ้าสักหน่อย จากนั้นส่งเสียงพูดนิ่งๆ
“un……”
หลีจุนสำลักจนพูดไม่ออกสักคำ แต่ดูสถานการณ์ในตอนนี้ เขารู้ว่าสถานการณ์ด้อยกว่า ได้เพียงกดความอึดอัดไว้ในใจ
เขาก้าวใหญ่ๆ มาด้านหน้า คลำหาบัตรใบหนึ่งจากในกระเป๋า ออกมา ยื่นให้เยเทียน
“ในบัตรนี้มีหนึ่งแสน ถือว่าเป็นการขอโทษของฉัน ยังขอให้ น้องชายผู้ใจกว้างอย่าถือสาคนตัวเล็กๆ ปล่อยฉันกับคุณชายปืน สักครั้ง”
เห็นมีเงินให้ เยเทียนยิงฟันยิ้ม รับเข้ามาแบบไม่เกรงใจ
เวลานี้ ในที่สุดหลีจุนโล่งอกไปที ตอนที่เขาคิดว่าหนีพ้นโชค ร้ายนี้แล้ว เย่เทียนยกเท้าขึ้นฉับพลัน เท้าเบอร์สี่สิบสอง หีบบน ท้องของเขาอย่างหนักหน่วง
ตึกๆๆ!
หลี่จุนถอยหลังหลายก้าวติดๆ กัน สีหน้าแดงขึ้นเหมือนกับ หมู ส่งเสียงอู้อี้ทุ้มๆ ออกจากในปาก เห็นได้ชัดว่าเจ็บถึงขีดสุด
เย่เทียนหน้ามีรอยยิ้ม ถามว่า “ถีบนี้ คือโทษฐานที่เมื่อกี้แกไม่ เคารพฉัน แกจะยอมไม่ยอม?”
“ยอม!”
หลี่จูนอดกลั้นความเจ็บปวดที่ท้องไว้ เปล่งเสียงรอดออกจาก ร่องฟันมาคำหนึ่ง
เปเทียนท่าเสียงพึมพำ “ในเมื่อยอมแล้ว ยังไม่ไสหัวไป?”
“ASU……”
หลีจุนไม่กล้าต่อต้าน ทำได้เพียงถอยหลังทีละก้าว จนกระทั่ง ถึงตำแหน่งที่ปลอดภัย เขาถึงรีบหมุนตัวเดินไปด้านนอก
สําหรับซุนปืน เวลานี้ก็กลัวเช่นกัน มองค้อนเยเทียนอย่างโหด ร้ายแวบหนึ่ง วิ่งหัวซุกหัวซุนตามออกไป
จนตอนนี้ ความวุ่นวายฉากหนึ่งหายหมดเกลี้ยงแล้ว เพียงแต่สายตาของคนในเหตุการณ์ที่มองทางเย่เทียนกลับ เปลี่ยนไป
ซุนปืนเก่งพอตัวเหรอ?
อาศัยว่าตนเองมีบริษัทก่อสร้างเทียนเฉินและแก๊งไผ่เขียว สนับสนุน แต่ไหนแต่ไรเที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่ในเมืองเชียง หนัน
หลีจุนยอดเยี่ยมพอกระมัง
ยอดเพชฌฆาตของแก๊งไผ่เขียว ในมือมีลูกน้องหลายสิบคน ในกลุ่มอิทธิพลใต้ดินอยู่ลำดับเบอร์ต้นๆ เป็นแน่!
แต่ทว่า พวกเขากลับโดนเย่เทียนเล่นงานอย่างรุนแรงรอบ หนึ่ง
คนหนึ่ง โดนตีจนจมูกหน้าบวม คนหนึ่ง โดนถีบที่หนึ่ง แม้แต่ดดยังไม่กล้า
แข่งขันรอบหนึ่ง ใครเก่งกาจกว่า แวบเดียวก็สามารถมอง ออกแล้ว
บุคคลแบบนี้ แข็งแกร่งเกินคนปกติ
“เย่เทียน นายไม่ควรบุ่มบ่าม ซุนปืนคนนั้นยังไม่เท่าไร แต่ว่า หลีจุนคนนั้น ฉันได้ยินว่าเป็นคนจิตใจต่ำช้า นายหาเรื่องเขาเข้า อีกฝ่ายจะต้องไม่เลิกราง่ายๆ แน่
เหลียงเยวหรูพูดด้วยสีหน้ากังวล
สำหรับเรื่องนี้ เย่เทียนหัวเราะอย่างไม่แสดงความคิดเห็น “ไม่ เป็นไร เขาจะไม่กล้าทำอะไรโดยพลการอีก”
“จริงเหรอ?”
เหลียงเยวหรูมองเย่เทียนอย่างลึกซึ้ง บนใบหน้ารู้สึกผิด
ชัดเจน
“แน่นอน ฉันเป็นใคร เมื่อกี้ฉันตีเขาจนกลัวแล้ว นอกเสียจาก ว่าเขามีความมั่นใจเอามากๆ ไม่อย่างนั้นจะไม่ลงมือกับฉันอย่าง
ง่ายดาย”
เย่เทียนยิ้มตอบด้วยความมั่นใจ ซึ่งยังมีอีกประโยคที่เขาไม่
ได้พูด
นั่นคือ รอกระทั่งหลีจุนมีความมั่นใจแล้ว เขาเย่เทียนก็คงก้าวเข้าสู่ระดับขั้นที่สูงกว่าอีกเรียบร้อย
ต่อให้ไม่ได้ ด้วยประสบการณ์หลายปีที่เย่เทียนตะลุยโลก ทหารรับจ้างนั้น แม้แต่อิทธิพลใหญ่ครึ่งโลกยังกล้าหาเรื่อง จะมา หวาดกลัวหัวหน้าของอิทธิพลท้องถิ่นกระจอกๆ คนหนึ่งได้ อย่างไรล่ะ?
แน่นอนว่าคำพูดพวกนี้เยเทียนจะไม่อธิบายกับเหลียงเยวหรู จึงโบกมือ “พอแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรหรอก พวกเรากินข้าวต่อดี กว่า”
เหลียงเยวหรูเห็นเยเทียนนิ่งเฉย นี่ถึงค่อยๆ วางใจลงมา ตาม กลับไปนั่งที่โต๊ะอีกครั้ง
“เยวหรู เธอเข้ามาทำไมถึงไม่บอกฉันสักหน่อย ยังเกิดเรื่อง วุ่นวายใหญ่ขนาดนี้ด้วย นี่ฉันรีบร้อนกลับมาเลยนะ ยังดีที่เธอไม่ เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นฉันจะอธิบายกับคุณอาเหลียงว่ายังไง?
ในเวลานี้เอง เสียงเป็นห่วงของผู้หญิงที่น่าดึงดูดดังขึ้นอยู่ข้าง
เหลียงเยวหรูหันหน้ามอง ชั่วขณะนั้นใบหน้าเผยความดีใจ รีบ เดินเข้าไปหา ดึงมือของหญิงสาวไว้ พูดจาหวานชื่น “พี่ซู!”
“หือ ท่านนี้คือ?”
ผู้หญิงที่โดนเรียกว่าพี่ซูสวมชุดทำงานที่เหมาะสม อายุน่าจะ ประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีได้ ผมเป็นลอนสีแดงเข้มยาวประ บ่า ใบหน้ารูปไข่ หน้าตางดงามอย่างมาก
ตอนที่หล่อนพูด ตามีเสน่ห์คู่หนึ่งกำลังจับจ้องอยู่บนตัวเ เทียน ราวกับในดวงตามีแรงดึงดูดพิเศษปานนั้น ทำให้คนมอง จมลึกเข้าไปในนั้นไม่เลิกจนถอนตัวไม่ขึ้น
นี่คือผู้หญิงโตเต็มวัยที่เผยเสน่ห์สมบูรณ์แบบทั้งภายใน ภายนอกคนหนึ่ง
แวบแรกที่เย่เทียนมองเห็นอีกฝ่ายก็ทำการตัดสินอยู่ในใจ
“อ่อ นี่คือเย่เทียน……
เหลียงเยวหรูย่อมไม่รู้ว่าในใจเย่เทียนคิดอะไร พูดจบก็แนะนำ ทางเย่เทียนอีก “เย่เทียน นี่คือพี่ซูของฉัน ซูเหมย! คือเจ้านาย ของดรุณียั่วรักแห่งนี้!”
“สวัสดีค่ะ”
เหมยยิ้มไม่เห็นฟัน ยื่นมือออกไปก่อน
เย่เทียนพยักหน้า พอจับมือของอีกฝ่ายเสร็จก็ปล่อยมือออก เห็นได้ชัดว่ามีความเป็นสุภาพบุรุษ
เวลานี้ เห็นได้ชัดว่าซูเหมยดูสนใจบางอย่างเข้าแล้ว ความ จริงเมื่อสักครู่หล่อนพูดโกหก เดิมทีหล่อนไม่ได้ออกไปจากดรุณี ยั่วรัก แม้กระทั่งวินาทีที่เกิดเรื่องราวขึ้นก็รับรู้แล้ว
แต่หล่อนไม่ได้รีบร้อนลงมา ทว่ากลับดูสถานการณ์ตั้งแต่ต้น
จนจบ
ผลปรากฏว่าเป็นการคาดเดาของหล่อน และทำให้หล่อนรู้สึกสนใจต่อผู้ชายที่สามารถบีบหลีจุนให้ก้มหัวได้คนนี้มาก
นึกถึงสภาพที่ตนเองเจอในปัจจุบันนี้ หล่อนตัดสินใจอย่าง หนึ่งทันที
หลังจากนั่งลงบนโซฟา ดวงตางดงามคู่หนึ่งจับจ้องบนตัวเข่ เทียน พูดจาอย่างตรงไปตรงมา
“คุณเย่ ได้ยินว่าตอนนี้คุณยังไม่มีงานทำ ไม่รู้ว่าสนใจหรือ เปล่า มารับตำแหน่งผู้จัดการรูปภ.ที่ผับของฉัน?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ