ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

บทที่ 15 หญิงสาวที่ประลองฝีมือกัน



บทที่ 15 หญิงสาวที่ประลองฝีมือกัน

โรงพยาบาลแห่งเจียงหนัน

ซุนปืนทำแผลเรียบร้อยแล้ว นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างระเบียงทาง เดินของโรงพยาบาล สีหน้าอึมครึมจนถึงขั้นสุด

อย่างไรเสียเขาก็นึกไม่ถึง ตนเองจะโดนไอ้หนุ่มที่ไร้ชื่อเสียง คนหนึ่งต่อยจนน่วมเลย!

ประเด็นสำคัญคือ ด้านข้างยังมีหลีจุนบุคคลในวงการลำดับ หนึ่ง

โดนต่อยยังเรื่องเล็ก ขายขี้หน้าเป็นเรื่องใหญ่ ในใจเขา สามารถพูดได้ว่าเกลียดเยเทียนถึงที่สุดแล้ว

“คุณชายซุน…….ขอโทษครับ เรื่องคืนนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยาก

ช่วยจริงๆ”

“คุณก็มองเห็นแล้ว ฝีมือของเจ้าหนุ่มนั้นเก่งกาจเหลือเกิน ด้วยความสามารถของผม หนึ่งต่อหนึ่งเดิมที่สู้เขาไม่ได้……

หลี่จุนไม่ได้รู้สึกดีไปกว่ากัน ถูกเย่เทียนถีบมาทีหนึ่ง ตอนนี้ ท้องยังเจ็บดื้อๆ

ความเกลียดชังที่เขามีต่อเย่เทียน ไม่ได้น้อยไปกว่าซุนปืน แน่นอน

“เรื่องในคืนนี้ จบแค่นี้ไม่ได้เด็ดขาดเลย!”
ซุนปืนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ

“แน่นอนว่าจบไม่ได้ ผมสู้เจ้าหนุ่มนั้นไม่ได้ แต่รอพี่ใหญ่ผม กลับมา เขาต้องโดน แน่นอนครับ!!

หลจนสายตาขรึมเล็กน้อย สาดยิงแสงหนาวเหน็บสองดวง

“พี่ใหญ่นาย?”

ได้ยินคำพูดนี้ ซุนปืนดวงตาประกาย “จะให้พี่ใหญ่เหลยออก หน้าเหรอ?”

แก๊งไผ่เขียวเป็นหนึ่งในสามแก๊งใหญ่ในเจียงหนัน ทั้งหมดมี สามสาขา ภายใต้การปกครองแต่ละสาขา มีผู้ติดตามอย่างน้อย สามร้อยคน

ส่วนพี่ใหญ่เหลยที่ซุนปืนพูดถึง คือหนึ่งในผู้นำสามสาขาของ แก๊งไผ่เขียว คนทั่วไปเรียกว่าเหลยเหลาหู มีชื่อเสียงว่าโหด เหี้ยมอำมหิต

ว่ากันว่าตอนที่เหลยเหลาหูเป็นหนุ่ม เป็นลูกศิษย์สำนักแห่ง หนึ่งที่เส้าหลินเหนือ ได้รับการฝึกฝนวิชาต่อสู้มา เก่งกาจมาก

“ถูก อีกไม่กี่วันใหญ่ก็จะกลับมาแล้ว เชื่อว่าถ้าพี่ใหญ่รู้ว่า คุณชายซุนเสียหน้า จะไม่นั่งนิ่งไม่สนใจเป็นแน่!

ซุนในเวลานี้ถึงสีหน้าดูดีหน่อย ในดวงตามีความรู้สึกเกลียด ชังเข้มข้นที่ไม่ปกปิดสักนิด กัดฟันแน่นพูดว่า “ฉันอยากตัดแขน ขาไอ้หนุ่มนั่น โยนลงแม่น้ำให้ปลากิน!”
ช่วงตีสี่วันต่อมา คือช่วงเวลาที่มืดที่สุดของเจียงหนัน

เยเทียนออกมาจากที่พัก เตรียมไปวิ่งตอนเช้า

สถานที่พักอาศัย เป็นซูเหมยจัดเตรียมไว้ให้เขาชั่วคราว เป็น เพียงหอพักพนักงานที่เรียบง่ายแห่งหนึ่ง

แน่นอนว่า สำหรับเย่เทียนไม่ได้เรียกร้องสถานที่พักอะไร ใน ความคิดเขา ขอเพียงสามารถนอนได้ก็เพียงพอแล้ว

“บำเพ็ญฌานรอบหนึ่ง แต่ไม่ทันถึงหนึ่งวันเต็มก็ใช้งานได้ การมีอยู่ของคัมภีร์หวง ได้เพียงให้ฉันฝึกภายใน กระชับพลัง แท้ไม่มีร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงก็ไม่ได้

เย่เทียนพูดพิมพ์ในใจอยู่ ก้าวขยับฝีเท้าออกวิ่งไปข้างหน้า

เขากลับมาเกิดใหม่ ร่างกายของตนเองยังอ่อนแอเกินไป ถึง แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยได้รับยานมา ก็ยังคงไม่เพียงพออยู่ดี

เขาในชาติก่อน บรรลุถึงระดับปฐมภูมิ ร่างกายหยาบ แข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ สามารถรับลูกกระสุนด้วยมือเปล่า แข็งแกร่งถึงขั้นที่คาดคิดไม่ถึงเลย ส่วนเขา ในตอนนี้ แม้เป็นปืนประเภท95กระบอกหนึ่ง ก็

สามารถยิงเขาตายได้ทันที

ดังนั้น เขาจึงต้องฝึกกำลังความแกร่งขั้นสูง ทำให้ตนเองใน เวลาอันสั้นนี้ อย่างน้อยบรรลุฝึกพลังชั้นสี่
เย่เทียนวิ่งไปด้วย สับเปลี่ยนคัมภีร์หวงไปด้วย แต่ละครั้งที่ หายใจ ล้วนทำให้หัวใจสั่นสะเทือนดั่งราวกับตีกลองอย่างนั้น ยิ่ง แข็งแกร่งมีพลัง ตัวเองยิ่งเข้าสู่ในสภาวะที่ลึกลับเป็นพิเศษ

วิ่งไปได้ประมาณสักครึ่งชั่วโมงแล้ว บนถนนเล็กที่เงียบสงัด เส้นหนึ่ง มีภาพสาวงามคนหนึ่งเพิ่มมากะทันหัน

เธอมัดผมหางม้าแบบสูง บนตัวใส่ชุดออกกำลังกายรัดรูปสี ดำ ทำให้รูปร่างที่โค้งเว้าน่าสนใจของเธอนั้น ขับให้เด่นออกมา ได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก

ภาพคนที่วิ่งเร็วอย่างกับบิน บุคลิกดูกล้าหาญเด็ดเดี่ยวเกิดขึ้น โดยธรรมชาติ ดูขึ้นมารู้สึกสบายทั้งใจทั้งตามาก

“ผู้หญิงคนนี้ นึกไม่ถึงก็ฝึกความรู้สึกของพลังออกมานิดๆ ด้วย แต่อยู่ห่างการเข้าสู่ระดับนั้น ยังขาดการบรรลุอีกหน่อย

เย่เทียนยักคิ้วเล็กน้อย พบว่ากลไกพลังของคนด้านหน้านั้น

ยาวไกลกว่าคนทั่วไป

ความรู้สึกของพลัง เป็นการสะท้อนให้เห็นว่านักบู๊ใกล้จะ รวบรวมพลังออกมาได้ และควบคุมพลังได้เล็กน้อย นั่นก็คือนัก ระดับเหลือง

อย่างเช่นผู้อาวุโสคนนั้นที่เจอเมื่อคืน คือระดับเหลืองระดับ กลาง

ไม่นานนัก เย่เทียนเก็บสายตากลับ ไม่มองต่ออีก

เจียงหนันที่กว้างใหญ่มีคนที่ปิดซ่อนพรสวรรค์ไว้ เมืองใหญ่ที่มีคนหลายล้าน มีนักส่วนหนึ่ง นั่นคือเรื่องปกติมาก

ระหว่างที่ไม่รู้ตัว เยเทียนค่อยๆ ตามผู้หญิงตรงหน้าทัน

จี้เยียนหนสัมผัสได้ว่ามีคนเข้าใกล้ หางตากวาดมองไป พบ ว่าเป็นผู้ชายแปลกหน้าที่อายุพอกันกับเธอคนหนึ่ง

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ในใจแอบกระแอมแล้ว เห็นเป็นแค่

แมลงหวี่ที่พยายามดึงดูดความสนใจจากเธอ

เพราะเดิมเธอรูปร่างหน้าตาโดดเด่น ยังเป็นดาวตำรวจชื่อดัง ในเมืองเจียงหนันด้วย ถนนเส้นนี้ เธอวิ่งตั้งแต่เด็กจนโต ในอดีต มีคนไม่น้อยมานั่งรอจีบอยู่ที่นี่

แน่นอนว่าเขียนหวั่นไม่เคยสนใจใครสักคน ทำให้คนที่มา เพราะเลื่อมใสในชื่อเสียงมากมายกลัวลำบากเลยถอยไป

“เชื่อว่าอีกเดี๋ยวเจ้าหมอนี่จะทำเป็นมาจีบฉัน………

จี้เยียนหวั่นคิดอยู่ในใจ มุมปากวาดรอยยิ้มที่เย้ยหยันขึ้น เย่เทียนไม่รู้ว่าการกระทำเล็กๆ ของตนเอง กระตุ้นให้สาวงาม ด้านข้างเกิดความคิดเชื่อมโยงไปไกล

เขากำลังคิดว่า ออกกำลังกายเสร็จแล้วจะถือโอกาสไปร้าน ขายยาในเมือง ซื้อตัวยาชุดหนึ่งกลับไปอีก

เมื่อคืนเขาได้หนึ่งแสนมาจากในมือหลีจุน ใช้ดีกว่าไม่ใช้

ส่วนตรงที่อยู่ตอนนี้ ตั้งอยู่ไกลกว่าเขตตัวเมืองระยะหนึ่ง ถือ โอกาสเพิ่มความเร็ว วิ่งเข้าไปโดยตรงแล้วกัน
ดังนั้น ระดับความเร็วของเยเทียนจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่าฉับพลัน ราวกับใต้เท้ามีลม วิ่งไปยังทางเขตตัวเมืองตลอดทาง

จี้เขียนหวั่นสัมผัสได้ว่าความเร็วของผู้ชายข้างกายเพิ่มขึ้นฉับ พลัน คาดไม่ถึงชั่วพริบตาเดียวก็ทิ้งระยะห่างจากเธอหลายเมตร

“เอ๋……หรือว่าเป็นคนฝึกการต่อสู้?”

ชั่วขณะนั้น เขียนหวั่นตกใจอยู่บ้าง เธอมาจากครอบครัวไม่ ธรรมดา สามารถฝึกฝนความรู้สึกของพลังออกมาได้นิดหน่อย มี พรสวรรค์โดดเด่น ยอดเยี่ยมที่สุด

แต่ทว่า ผู้ชายที่อายุพอกันกับเธอคนนี้ คาดไม่ถึงยังฝึกความ รู้สึกของพลังออกมาได้เช่นกัน จะไม่ทำให้เธอรู้สึกตกใจได้ อย่างไร?

“หรือว่าเป็นคนที่ออกมาจากตระกูลศิลปะการต่อสู้ที่ไหน?

ทันใดนั้นเยียนหนอดใจเต้นไม่ได้อยากตามเข้าไปตรวจ สอบ

ความเร็วของเธอเพิ่งเพิ่มขึ้นมา ความเร็วของผู้ชายด้านหน้าก็ เร็วขึ้นตาม ยังคงรักษาระยะห่างห้าหกเมตรไว้

“อยากแข่งความเร็วกับฉัน?”

จี้เยียนหวั่นแอบพิมพ์ เดิมเป็นนักคนหนึ่ง ย่อมมีใจที่ไม่ ยอมแพ้เป็นธรรมดา

ความเร็วของเธอปีนขึ้นจุดสูงสุดอย่างมั่นคง ถึงตอนท้าย คาดไม่ถึงมีความรู้สึกเหมือนบิน ในระดับอากาศที่

แต่ไม่ว่าความเร็วของเธอจะไวมากแค่ไหน ผู้ชายข้างหน้ายัง คงยึดครองที่หนึ่งไว้ไม่เพียงไม่ได้ถูกเธอตามทัน ยังมีแนวโน้ม จะถูกสะบัดทิ้งอย่างแน่นอนด้วย

“สรุปเจ้าหมอนี่เป็นสัตว์ประหลาดหรือไง? ทำไมความเร็วไว

ขนาดนี้!”

ตามมาเป็นเวลายี่สิบนาทีเต็มๆ เขียนหวั่นเดิมที่ตามอีกฝ่าย ไม่ทัน ร่างกายกลับอ่อนล้าหมดแรง ได้แต่หยุดลงมาชั่วคราว

เธอเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ความตกใจในดวงตา อย่างไรก็ กลับปกปิดไม่อยู่

“คุณปู่บอกว่าความสามารถของฉัน ห่างจากระดับหวงเพียง

ระดับหนึ่ง สามารถเทียบฉันได้ ทั้งเจียงหนันมือเดียวก็นับได้

ครบ!”

“แต่ว่าความเร็วของเจ้าหมอนี้ไวที่สุด ฉันทุ่มสุดแรงก็ตามอีก ฝ่ายไม่ทัน หรือว่าเขาบรรลุขั้นระดับเหลืองแล้ว?”

“เข้าท่าดี มีฝีมือหน่อย ฉันเขียนหวั่นจะจำนายเอาไว้

จี้เยียนหวั่นแอบกัดตัวเอง ในที่สุดล้มเลิกความคิดจะไล่ตาม ต่อไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ