บทที่ 5 คุณหนูตระกูลผู้ดีที่แอบหนีออกมา
สายตาเฉินหวั่นซึ่งมองทางนอกหน้าต่าง ท่วงทํานองการพูด นิ่งสงบไร้ที่เปรียบ ราวกับเธอเป็นคนนอกอย่างนั้น
“นายน่าจะรู้ ฉันไม่ชอบนาย แม้กระทั่งรำคาญนายมาก
“สาเหตุที่ฉันแต่งงานกับนาย เพียงแค่ไม่อยากยั่วโมโหคุณ เท่านั้น ตอนนี้นายก็มองเห็นแล้ว กลัวว่าคุณจะทนไม่ได้นาน มากเท่าไรแล้ว ดังนั้น การแต่งงานระหว่างพวกเรา ไม่มีความ จําเป็นต้องคงอยู่อีกต่อไป
“แยกทางกันเร็วหน่อย ดีต่อนายและฉันทั้งคู่
เฉินหวั่นชิงพูดจบ ถึงได้หมุนตัวกลับมา สายตาเฉยชาเหมือน กับมองคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
“ในนี้มีหนึ่งแสน นายเอาเงินแล้วไปซะ ขอเพียงนายไม่ไปใช้ ชีวิตสํามะเลเทเมา มันพอให้นาย ใช้ชีวิตสุขสบายไปนานมาก”
สีหน้าของเเทียนค่อยๆ อึมครึมลงไป เขาใช้พลังชี่แท้ภายในตัวจนหมดเพื่อรักษาโรคให้
แต่ว่า คนอื่นๆ ไม่เชื่อใจเขา เฉินหวั่นซึ่งก็ไม่เชื่อเขาเช่นกัน แถมยังเอาเงินให้เขาไปอีก?
เย่เทียนนิ่งเงียบตั้งนาน ทันใดนั้นหัวเราะอย่างผ่อนคลาย “เมื่อกี้ฉันไม่ได้ก่อกวน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด คุณปู่คงฟื้นขึ้นมาในอีกไม่กี่นาทีนี้
เฉินหวั่นชิงเห็นเขายังพูดเล่นลิ้น ภายในใจทั้งโมโหทั้งร้อนใจ มีความโกรธเคืองที่เข้มงวดกับเขาเพราะอยากให้เขาได้ดี อดไม่ ไหวปรับเสียงสูงขึ้น เกือบจะหมดแรงเสียงก็แหบแห้งหมดด้วย
“สรุปนายอยากจะก่อกวนไปถึงเมื่อไรกัน!”
“คุณนั่นคือโรคหัวใจ นายคิดว่านายเป็นเทพเจ้า! พูดว่าฟื้น ก็ฟื้นขึ้นมาได้เหรอ!”
เยเทียน นายทำให้ฉันผิดหวังเสียเหลือเกิน!”
เห็นท่าทางของเฉินหวั่นชิงที่อยากให้เขาไปตายจนใจแทบ ขนาดนั้น ในใจเย่เทียนเจ็บจี๊ดไปพักหนึ่ง หัวเราะอย่างขมขื่น แล้วพูดว่า “เธออย่าโกรธเลย ไม่จำเป็นต้องมาโกรธเพราะสวะ แบบฉันคนนี้ไม่ใช่เหรอ?”
“ในเมื่อเธอไม่ชอบฉัน งั้นฉันจะทำตามที่เธอต้องการ ฉันจะไป จากตระกูลเฉิน เธอจัดการสัญญาหย่าร้างให้เรียบร้อย ถึงตอน นั้นบอกให้ฉันรู้ก็พอ”
“ใช่แล้ว อันนี้ให้เธอ”
เยเทียนหัวเราะแบบขมขื่น คลยันต์สีเหลืองที่พับเป็นรูป สามเหลี่ยมออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ
เฉินหวั่นชิงเห็นแบบนี้ ตะลึงเล็กน้อย ได้ยินเพียงเย่เทียนพูดว่า “นี่คือยันต์สันติภาพอันหนึ่งที่ฉันขอให้เธอ เธอเอาไว้ ฉันจะไป เดี๋ยวนี้แหละ!”
เฉินหวั่นชิงจิตใจว้าวุ่น บวกกับไม่ชื่นชอบเย่เทียน จึงได้แต่เอา ไว้ในมือ
เวลานี้ เย่เทียนถึงหมุนตัวก้าวเท้าใหญ่ๆ แอบคิดว่า แบบนี้ก็ดี ให้ความหวาดผวาส่วนนั้นของชาติก่อนฝังลึกในใจไปเถอะ
ในมือเฉินหวั่นซึ่งถือบัตรธนาคารไว้ อยู่ในท่วงท่าหยุดค้าง
กลางอากาศ
เธอมองภาพด้านหลังของเยเทียนจากไปแบบตกตะลึง เดิมที คิดว่าตนเองจะดีใจ แต่กลับรู้สึกว่าตนเองเหมือนสูญเสียของ อะไรที่สำคัญมากไปแล้ว ในใจเปล่าเปลี่ยว
ในตอนนี้ เฉินหยั่งรีบร้อนวิ่งออกมาจากด้านใน “พี่ พี่รีบเข้า มาเร็ว คุณปูเขา..…….
เฉินหวั่นชิงได้สติกลับทันที รีบร้อนถามว่า “คุณปู่เป็นอะไร?”
เฉินหยังพูดอย่างตื่นเต้น “คุณปูพื้นแล้ว!”
ในใจเฉินหวั่นชิงสั่นสะเทือน รีบเดินเข้าห้องคนไข้โดยเร็ว คาดไม่ถึง เดิมเป็นผู้อาวุโสที่นอนอยู่ฟื้นขึ้นมาจริงๆ ด้วย กำลังนั่งอยู่บนเตียง
“ฉันเฉินชั่งไห่ไปเยือนประตูนรกมาอีกรอบหนึ่งแล้วเหรอ?”
ผู้อาวุโสที่เรียกตนเองว่าเฉินยังไห่หัวเราะแบบสดใส เหมือน ปลงกับความตายตั้งนานแล้ว ย้ายสายตาไปบนตัวหนูโชว์
“คุณหมอหวู เป็นคุณช่วยชีวิตผมแล้วเหรอ? บุญคุณใหญ่หลวง ผมไม่วันลืมบุญคุณ!
หวูโซวท่านปูอาการป่วยของท่านร้ายแรงมาก ไม่ใช่ฝีมือของ แพทย์จีนทั่วไปสามารถรักษาหายได้ครับ เมื่อสักครู่ของท่านใกล้จะหมดกำลังอยู่สภาพที่สะลึมสะลือขั้น หนัก….ได้ปาฏิหาริย์ครับ”
เขาพูดในน้ำเสียงตกใจอยู่บ้าง
เมื่อสักเขาตรวจวินิจฉัยเฉินรอบไม่ไม่เพียงฟื้นขึ้นชีพจรยิ่งเข้มแข็งมีพลัง ราวกับได้ชีวิต ใหม่อย่างนั้น
นี่ทำให้หนูโชว์รู้สึกแปลกใจอย่างมาก โดยเฉพาะยังไม่ ลง
ตอนนี้สามารถคึกคักขนาดนี้ เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์
ใหญ่ของวงการแพทย์
ไม่ใช่คุณช่วยผมไว้?
เฉินชิงไห่ตื่นตระหนกใครทักษะการแพทย์เลิศล้ำขนาดกัน จงเหอ แกต้องขอบคุณ อาจารย์ท่านนั้นฉันๆ”
เฉินเหอหัวเราะขมขื่น คุณพ่อครับ มีอาจารย์เก่งมากที่ไหนกัน ท่านฟื้นขึ้นมาเองต่างหากครับ
“ใช่ค่ะ คุณพ่อ จะต้องเป็นสวรรค์คุ้มครอง ทนเห็นท่านจาก พวกเราไปไม่ได้แน่ค่ะ ดังนั้นถึงให้คุณพ่อฟื้นขึ้นมา
หญิงวัยกลางคนด้านข้างคนหนึ่งขยับเข้ามา ระหว่างที่พูดจา ยังพนมมือขึ้นสวดอามิตตาพุทธอยู่
หวโชว์ค่อนข้างใจเย็น ปรากฏการณ์นี้แปลกประหลาดจริง ทันใดนั้นนึกถึงเย่เทียนขึ้นมา พูดว่า “หรือว่าเป็นชายหนุ่มคนนั้น ช่วยชีวิตท่านปู่จริง?
“ชายหนุ่มคนไหน?” เฉินซังไม่ถามขึ้น
“คือแบบ…….
จากนั้นรีบมีคนเข้ามาบอกทุกอย่างที่เยเทียนรอบหนึ่งแล้ว เฉินหยังคว้าโอกาสไว้ พูดจาเสียหายถึงเย่เทียน “เย่เทียนเขา เป็นคนแบบไหนผมไม่รู้ชัด? แม้แต่มหาวิทยาลัยก็เรียนไม่จบ เขาจะใช้ทักษะการแพทย์เป็นกับผีอะไร”
หวูโซวยอดหัวเราะไม่ได้ “ก็ใช่ ผมทำงานหมอมาหลายปี ยัง ไม่เคยเจอว่ามีคนตบลงสองอย่างง่ายๆ ก็สามารถทำให้คนที่ ไม่ได้สติคนหนึ่งฟื้นขึ้นมาได้
คนอื่นพยักหน้าตามๆ กัน เห็นด้วยกับคำพูดของหนูโซวยมาก โดยเฉพาะชื่อเสียงฉาวโฉ่ของเยเทียนหยั่งรากลึก พวกเขาไม่ เชื่อว่าเย่เทียนจะใช้ทักษะการแพทย์อะไรเป็น
เฉินหวั่นชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกถึงที่เย่เทียนพูดก่อนหน้านี้
หรือว่าเป็นเรื่องบังเอิญจริง?
เฉินซึ่งไห่เอ่ยปากถามทางเฉินหวั่นซิง “ซิงเอ๋อร์ เย่เทียนล่ะ? เย่เทียนไปที่ไหนแล้ว? แกให้เขาเข้ามา ฉันถามเขาเอง” เฉินหวั่นชิงทำปากยื่น สุดท้ายยังปิดบังเรื่องที่เธออยากหย่า
กับเยเทียนเอาไว้ ฝืนยิ้ม “เย่เทียนมีธุระกะทันหันค่ะ เพิ่งไปเมื่อ
เฉินหยังพูดแบบแต่งเติม “เชอะ เมื่อกี้ยังทำเป็นลิงหลอกเจ้า อยู่ตรงนี้ บอกว่ารักษาคุณปู่ให้หายได้อะไรกัน โดนพวกเรารู้ทัน แล้ว ไม่มีหน้าอยู่ต่อถึงได้ไปล่ะมั้ง?”
เฉินชิงไห่ถอนหายใจทีหนึ่ง เขากำลังอยากจะปกป้องเยเทียน ไว้เท่านั้น เวลานี้เยเทียนไม่อยู่ จึงไม่พูดอะไรมากต่ออีก
เขาเห็นเย่เทียนโตมา รู้ว่าเธ่เทียนเป็นคนแบบไหน
ถ้าพูดถึงเย่เทียน เขาในเวลานี้กำลังอยู่บนรถเมล์คันหนึ่ง
“ไม่ว่าหวั่นชิงจะหย่ากับฉันหรือไม่ คุณปู่มีบุญคุณใหญ่หลวง ต่อฉัน ฉันจะไม่ปล่อยมือโดยไม่สนแน่!!
“สำหรับเฉินหวั่นชิง ทุกอย่างก็ปล่อยไปตามโชคชะตาแล้ว กัน”
เย่เทียนมองบรรยากาศยามค่ำด้านนอกหน้าต่าง หัวเราะ อย่างผ่อนคลาย
เดิมทีเขาไม่ใช่คนที่ขี้กังวลอารมณ์อ่อนไหวอะไร ในเมื่อเฉินหวั่นชิงเลือกหย่าร้าง เขายอมรับก็พอแล้ว
“รบกวนหลบหน่อย……..
ในเวลานี้ เสียงไพเราะที่ราวกับนกแขกเต้าร้องดังขึ้น
พอเย่เทียนหันหน้าไปมอง เห็นหญิงสาวที่หน้าตาสวยงามมาก คนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าเขา
หญิงสาวที่อายุราวยี่สิบปี ผมยาวประบ่า คิ้วเหมือนภาพวาด ริมฝีปากอวบอิ่มชุ่มชื้นเป็นสีแดงสดนิดๆ เพิ่มความรู้สึกน่า พิสมัยหลายระดับ
สวมชุดเดรสตัวหนึ่ง ปกคลุมเรือนร่างงดงามที่สมบูรณ์แบบ นั้นของเธอเอาไว้ รูปร่างที่ควรใหญ่ก็ใหญ่ ควรเล็กก็เล็ก สามารถพูดได้ว่าเซ็กซี่มาก
รอบเอวสะพายกระเป๋าหลุยส์วิตตองไว้บนข้อมือยังใส่นาฬิกา
งดงามประณีตของปาเต็กฟิลิปป์เรือนหนึ่ง พอมองก็รู้ว่าเป็น คนรวย เพียงแต่ว่าเวลานี้ท่าทางของเธอกระหืดกระหอบ เหมือนเพิ่ง
รีบขึ้นรถเมล์มา
ถึงเป็นเย่เทียนที่เห็นสาวงามมาบ่อย เวลานี้ก็ดวงตาเป็น ประกายไม่เลิก
แต่เพียงแค่มองไปแวบหนึ่ง เขาก็กลับเข้ามาสู่สภาพเดิม หลบ ทางเล็กๆ ให้ แอบคิดกับตัวเองว่าน่าแปลก คนแบบนี้ทำไมถึง มาเบียดเสียดบนรถเมล์?
“ขอบคุณค่ะ!”
หลังสาวงามกล่าวขอบคุณเสร็จก็นั่งลงที่เบาะด้านใน สายตา
ทอดมองไปนอกหน้าต่าง โบกมือไปทางด้านหลังอย่างค่อนข้าง กระหยิ่มยิ้มย่อง เย่เทียนมองแวบหนึ่ง โดยจิตใต้สำนึก เห็นด้านหลังมีผู้ชายชุด
สูทแต่งตัวแบบบอดี้การ์ดสองสามคนรีบมาทางนี้
แต่ทว่ารถเมล์เคลื่อนตัวเรียบร้อย ปล่อยควันท่อไอเสียไป ระลอกหนึ่ง
“หรือว่าเป็นคุณหนูตระกูลผู้ดีแอบหนีออกมาจากบ้าน?” เย่เทียนแอบคิดอยู่ มองหญิงสาวคนนั้นอย่างสงสัยนิดหน่อย
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ