บทที่ 18 เจ็บตรงที่ใด
“เช่นนั้นข้าจะทํากุศลบอกฝ่าบาทน้อยเอาบุญ เห็นว่า องค์ยูไลมอบบางสิ่งให้นายท่านเพื่อปิดผนึกพลังของฝ่า บาทเอาไว้บางส่วน ท่านไม่ต้องห่วงแม้ตอนนี้พลังของ ท่านในฐานะเทพผู้สูงส่งจะน้อยนิดแต่หากท่านลงไปแดน มนุษย์เมื่อใดก็นับว่าอยู่ในขั้นสูงสุดของผู้บำเพ็ญเซียน แล้ว”
“องค์ยูไลหรือ มาเกี่ยวอันใดกับข้าอีกเหตุใดทุกคนจึงได้ วุ่นวายกับข้านัก”
เป่ยฟางหรงจริง ๆ แล้วนางไม่เข้าใจในโชคชะตาของตัว เองสักเท่าใด นางเป็นองค์หญิงแห่งแดนเหมันต์ พลังย่อม แข็งแกร่งกว่าเทพทั่วไป ยิ่งนับวันที่นางเติบโตก็ดูเหมือน ว่าพลังภายในของนางจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ด้วยพลังอันแข็งแกร่งที่มีในร่าง นางอยู่ในแดนเหมันต์ ก็ไร้คู่ต่อสู้ หลายครั้งจึงลักลอบออกมาด้านนอกทดสอบ พลังของตนเองกับเผ่าอื่น ๆ อยู่เป็นประจำกระทั่งนางรู้ว่า ตัวเองแข็งแกร่งเพียงใด
พลังของย่อมหมายถึงของที่เป็นของนางหาได้แย่ง ชิงผู้ใดมาเหตุใดจึงดึงดูดผู้คนให้มาวุ่นวาย อีกทั้งยัง อยากให้นางไปบำเพ็ญเพียรอะไรนั่นอีก
นางเกิดมาเป็นองค์หญิงเป็นเทพโดยกำเนิดไม่ต้องไต่ เต้าบำเพ็ญตบะอันใดเพื่อก้าวเข้าสู่ตำแหน่งเทพ นางจึง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางต้องย้อนกลับไปทำเรื่องพวกนั้น ด้วย
และเหตุผลของท่านพ่อที่ให้ไว้ยิ่งทำให้เป่ยฟางหรงไม่ เข้าใจ เพราะนางคือผู้ที่จะมาปกครองแดนเหมันต์คนต่อ ไป เรื่องราวของสรรพสิ่งนางจึงต้องศึกษาอย่างถ่องแท้
ถ่องแท้แล้วอย่างไร เหตุใดต้องศึกษา ผู้ใดท่าดีก็ให้ รางวัลทําชั่วก็ฆ่าทิ้งเท่านั้นก็ไม่จบหรอกหรือ กระทั่งท่าน พ่อยังบังคับนางซึ่งเพิ่งลืมตาดูโลกไม่กี่วันกราบเทพอัคคี เป็นอาจารย์
นางยังเป็นเด็กไม่รู้ความอยู่แท้ๆ ในใจของเป่ยฟางหรง จึงไม่ยอมรับอาจารย์ผู้นี้ นอกจากอาภรณ์ของเขาแล้วมี สิ่งใดดีกันเล่า
เขาไม่คู่ควรเป็นอาจารย์ของนางเลยด้วยซ้ำ มีอาจารย์ ที่ไหนบ้างดูแลศิษย์เช่นเขา บุรุษผู้เฉยชาไร้เมตตาผู้ นั้น กระทั่งหน้าตายังไม่ยอมให้พบ เขาดูถูกนางทำราวกับ นางเป็นสัตว์ประหลาดน่ารังเกียจ คิดว่านางง้อหรือไร
“ฝ่าบาทน้อยท่านลองสงบใจดูสิ หากใจสงบไม่คิดร้าย เชือกอัคคีก็จะหยุดรัดร่างท่านเอง”
ถงถงเอ่ยขึ้นด้วยเมตตาเมื่อเห็นท่าทางฮึดฮัดของนาง ใช่เพราะเขาคือกิเลนไฟผู้ยิ่งใหญ่ย่อมต้องมีเมตตาต่อ สรรพสิ่ง
“ใช่ ๆ ฝ่าบาทน้อยท่านลองทำตามที่ท่านถงถงกล่าวดู ก่อนที่บะหมี่เย็นของข้าจะกลายเป็นบะหมีร้อนจนท่าน กินไม่ได้ รีบเข้าเถิดฝ่าบาทเดี๋ยวจะเลยมื้อเที่ยงไม่ดีต่อ กระเพาะของท่าน”
เป่ยฟางหรงเมื่อหมดหนทาง นางจึงยอมฟังคำของถงถง ไม่นานเชือกอาคมที่รัดร่างก็คลายออก กลายเป็นเชือกสี แดงเส้นเล็กที่รัดข้อมือของนางแทน
“ฝ่าบาทเห็นหรือไม่เชือกหายไปแล้วรีบเสวยเร็ว รีบ เสวยบะหมี่ก่อนที่มันจะร้อน”
เป่ยฟางหรงก็หิวจนไส้กิ่วแล้วเช่นกันนางมัวแต่วุ่นวาย หาทางแก้มัดให้ตนเองจนเวลาล่วงเลยมานาน นางรับ ชามบะหมี่มาอย่างรวดเร็ว แต่เพียงสัมผัสชามก็รู้ถึงความ ร้อนที่แผ่ออกมานางจึงรีบส่งคืนหยีจวนทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ กินสักคำ
“ฝ่าบาทน้อยเกิดสิ่งใดขึ้นขอรับ ไม่หิวแล้วหรือ”
“เหตุใดร้อนเช่นนี้ ข้าจะกินได้หรือ”
“สงสัยว่าคงรอท่านนานไปหน่อย ข้าจะไปทำให้ท่าน ใหม่นะขอรับ”
ชามบะหมี่ในมือหยีจวนกลับถูกคนผู้หนึ่งแย่งไปถือเสีย เอง แท้จริงแล้วเป็นถงถงที่กลายร่างเป็นคนแล้วแย่งไป
“พวกเจ้าไม่กินเอามาข้ากินเอง หน้าตาพอใช้ได้”
“นะ นี่ เจ้าร่างได้หรือ” เพราะถงถงที่กำลังกลาย ร่างเป็นคนอย่างสมบูรณ์จึงมีรูปร่างแปลกประหลาด หยี จวนถามด้วยความประหลาดใจ อยู่ตำหนักสุริยันต์มา หลายวัน คือครั้งแรกที่เห็นถงถงกลายร่าง
“แน่นอนสิ ข้าคือสัตว์วิเศษของเทพผู้ยิ่งใหญ่เหตุใดเรื่อง แค่นี้จะทำไม่ได้เล่า”
ถงถงคุยโม้ ใบหน้าของเขาเกลี้ยงเกลาประดุจเด็กหนุ่ม องอาจผู้หนึ่ง เห็นแล้วพาให้เจริญหูเจริญตาอยู่ไม่น้อย เป่ยฟางหรงถึงกับชอบใจเอ่ยขึ้น
“เจ้าตัวประหลาดที่จริงเจ้าหล่อเหลาไม่น้อย ข้าชอบ ของสวยงามต่อไปเจ้าก็อยู่ในร่างนี้แหละข้ายินยอมเรียก เจ้าว่าถงถง จะไม่เรียกว่าตัวประหลาดอีกต่อไป”
“เชอะร่างกิเลนไฟของข้าก็องอาจไม่ใช่น้อย ผู้ใดเห็นต่างเกรงขามมีฝ่าบาทน้อยคนเดียวที่ตาบอดมองเห็นร่าง สง่างามของข้าเป็นสัตว์ประหลาด”
“เกรงขามหรือน่ากลัวเจ้าต้องแยกแยะให้เป็นนะถงถง อยู่กับเจ้านายผู้นั้นของเจ้ามากไปสติถึงได้วิปลาสเช่นนี้ อย่างไรเล่า” เป่ยฟางหรงบอก
“ท่านอย่าพูดมาก ตัวท่านกับเจ้าซื่อบื้อนี่ความจริงน่า กลัวกว่าข้าอีก”
กิเลนไฟถงถงผู้มั่นใจในตนเองมีหรือจะเชื่อ คนที่เขา เชื่อในโลกนี้มีเพียงคนเดียวคือเจ้านายของเขา ถงถงจึง ไม่สนใจสองนายบ่าวจากแดนน้ำแข็ง ก้มหน้าลงชิมบะหมี่ ในมือไปคำใหญ่ เขาทำตาโต และคีบบะหมี่ขึ้นมาอีกกิน เข้าไปอีกคำ ครานี้ใหญ่กว่าคำเดิม
เป่ยฟางหรงมองกิเลนไฟถงถงด้วยความประหลาดใจ
“อร่อยหรือ”
“ใช่อร่อยมาก ฝ่าบาทน้อยลองดูหรือไม่”
ท่าทางที่ถงถงกินดูน่าเอร็ดอร่อยมากจนนางอดกลืน น้ำลายลงคอไม่ได้
“ฝ่าบาทน้อยท่านกินไม่ได้เด็ดขาด มันไม่เย็นแล้วแล้ว อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายรอข้าสักประเดี๋ยวข้าจะไป ท่าของใหม่ให้ท่าน
และแล้วคำพูดของหย์จวนก็ต้องกลืนหายลงคอ เมื่อ บะหมี่คำนั้นถูกถงถงป้อนให้ฝ่าบาทน้อยเรียบร้อยแล้ว ทันใดที่เป่ยฟางหรงกลืนบะหมี่ร้อนลงในลำคอนางก็ สัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ตนเองตั้งแต่เกิดมาไม่เคย พบเจอ
เป่ยฟางหรงหันมามองใบหน้าตื่นตระหนกของหยีจวน ด้วยน้ำตาคลอเบ้าและไหลพรากลงมาอาบแก้ม หยีจวน ตกใจแทบสิ้นสติด้วยคิดว่าฝ่าบาทน้อยของตนกำลังเจ็บ ปวดแสนสาหัส
“ฝ่าบาทน้อยทรงเจ็บที่ใด!!!”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ