ป่วนหัวใจยัยปีศาจ

บทที่ 7 เติบใหญ่



บทที่ 7 เติบใหญ่

สี่หมื่นปีผ่านไปดรุณีน้อยเติบใหญ่กลายเป็นฝ่าบาท น้อยแห่งแดนเหมันต์ที่แสนเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจเป็น อย่างยิ่ง ด้วยที่ผ่านมานางถูกเลี้ยงดูโดยคำสั่งห้ามทำให้ นางโกรธมิเช่นนั้นจะถูกแช่แข็ง เป่ยฟางหรงผู้นี้จึงหาได้มี คนกล้าแตะต้อง

พลังของนางนับวันจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งนางยัง ไม่รู้จักวิธีที่จะควบคุมอย่างถูกต้องเผลอทำร้ายคนไปมาก คนในแดนเหมันต์แม้แต่สุนัขจึงพยายามหลบหน้านางให้ ไกลที่สุด เพียงรู้ว่านางจะเดินผ่านพวกเขาจำต้องหาเรื่อง หลบหลีกให้ไกล

เป่ยฟางหรงจึงเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง นอกจากท่านพ่อและท่านแม่ก็มีเพียงหยีจวนหิมะหมื่นปีที่ บำเพ็ญตบะจนกลายเป็นเซียนในแดนเหมันต์แล้วแทบจะ

ไม่มีใครกล้าเล่นกับนางอีก

หยีจวนถือกำเนิดจากหิมะเขาจึงไม่กลัวการถูกแช่แข็ง อย่างมากเมื่อนางโกรธก็แข็งตัวไปทั้งวันหลังจากนั้นพอ ต้องแสงอรุโณทัยอ่อน ๆ ในยามเช้าเขาก็กลับกลายร่าง เป็นคนได้ดังเดิม

หยีจวนและเป่ยฟางหรงจึงเติบโตมาด้วยกัน หยีจวนดี ต่อนางมากจริง ๆ จนในวังเหมันต์ต่างคิดไปไกลว่าหยี จวนจะมีใจให้ฝ่าบาทน้อยเสียแล้ว
ในขณะที่ฝ่าบาทน้อยของพวกเขานอกจากวัน ๆ จะคิด เที่ยวเล่นแล้วจิตใจของนางยังเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งใน แดนเหมันต์เสียอีก

เทพอัคคีมาแจ้งข่าวล่วงหน้าถึงห้าสิบปี เพื่อให้เป่ยฟาง หรงได้เตรียมตัวและเขาต้องการมาดูว่าเด็กน้อยผู้นั้นได้ เติบโตจนพร้อมที่จะออกจากกรงทองของนางหรือยัง

บัด สิ่งที่เขาเห็นเบื้องหน้านางหาใช่เด็กสาวตัวเล็กเช่น เคย นางกลายเป็นองค์หญิงแห่งแดนเหมันต์ผู้เลอโฉมไป ทั่วสารทิศ ความงามของนางที่อยู่เบื้องหน้าแทบจะทำให้ ฟ้าถล่มดินทลาย เสียแต่ดวงตาที่แข็งกร้าวนั่นทำให้เขา รู้สึกถึงความ หนักใจ

เป่ยฟางหรงปรายตามองอาจารย์ผู้นั้นอย่างไม่แยแส กระนั้นนางก็ยังจับอาภรณ์ของเขาแน่น นั่นไม่ใช่ว่านาง ชื่นชอบเขาเพียงแต่นางชอบอาภรณ์ของเขาที่ไม่เหมือน ผู้ใด

สีแดงเพลิงของอาภรณ์ส่งผ่านความอบอุ่นออกมาทำให้ นางรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้สัมผัสและความนุ่มนิ่มของเนื้อผ้า ชวนให้หลงใหลเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่านางจะให้คนตัดชุด เลียนแบบอาภรณ์ของเทพอัคคีเพียงใดก็หาได้ใกล้เคียง กับสิ่งที่นางกำลังจับในตอนนี้ เทพอัคคีจะมาหานางทุก หมื่นปีนางมักจะกระโดดเกาะเขาไม่ห่างด้วยหลงใหลใน อาภรณ์นั้น
กระทั่งในยามที่เขากลับไปยังแดนสวรรค์เขายังจำต้อง ทิ้งอาภรณ์ของตนเอาไว้ให้นาง แต่กระนั้นเป่ยฟางหรง ยังไม่อาจพอใจเมื่อไร้ไออุ่นของเทพอัคคีนางกลับรู้สึกว่า อาภรณ์ผืนนั้นของเขาก็หาได้ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือน เวลาที่มันอยู่บนกายของเขา นางจึงแอบเฝ้ารอเพื่อพบ เขาอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว

ถงถงพยายามแยกร่างขององค์หญิงกับเทพอัคคีออก จากกัน องค์หญิงผู้นี้ปากคอเราะรายพูดจาไม่รู้เทพรู้ มนุษย์กับท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ของเขาไม่พอ ยังกล้ามาแนบ ชิตแทบจะกายติดไปทุกครั้ง

ดูท่าทางที่นางทํานั่นสิ ดูเคลิบเคลิ้มและหวงแหนยิ่ง หาก นางกินท่านเทพอัคคีเข้าไปได้คงทําไปแล้ว เป็นสตรีที่น่า กลัวเกินไปแล้ว

“ห่าง ๆ ข้าหน่อยกิริยาเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือสำหรับ ตาแหน่งฝ่าบาทน้อยของเจ้า”

“ผู้ใดสนใจกัน ร่างกายของท่านหาได้มีอันใดดีแต่ อาภรณ์ของท่านนี้ดียิ่งข้าชอบ ข้าอยากได้ถอดออกมา เถิด อย่าต้องให้ใช้กำลังบังคับกันเลย”

ถงถงกิเลนไฟถึงกับต้องยกเท้าอุดหู สตรีผู้หยาบคาย ไม่เจียมตนผู้นี้ขอให้บุรุษถอดอาภรณ์ต่อหน้าบิดามารดา ของตนเอง นางเป็นผู้ใดและเทพอัคคีคือผู้ใดตบะและฐานะห่างกันคนละชั้นเช่นนี้เหตุใดกล้าพูดจา สามหาวเช่นนี้ออกมา

“บังอาจ”

เทพอัคคีเกินจะอดทนแล้ว เขาถึงกับตวาดออกมาคำ หนึ่ง ด้านองค์ราชาถึงกับปาดเหงื่อในวาจาและพฤติกรรม ของบุตรสาว เดิมทีนางเป็นคนถือตัวเป็นอย่างยิ่งแทบจะ ไม่มีใครแตะต้องตัวนางได้

แต่ทันทีที่เห็นเทพอัคคีกลับไม่เคยที่จะหักห้ามตนเอง ได้ทุกครา ที่ผ่านมาเพราะนางยังเยาว์วัยเทพอัคคีจึง ไม่ถือสาแต่ครานี้นางโตเป็นสตรีสูงศักดิ์เหตุใดจึงไม่ สามารถระงับอารมณ์ของตนเองได้อีก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ