บทที่ 11 ว่ากันเรื่องสามีข้า
เพราะต้องการทำลายชื่อเสียงของเทพอัคคีเป่ยฟางห รงจึงได้กุเรื่องว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ขึ้นมาสร้างความ ผิดหวังให้กับบรรดาเทพเซียนสตรีน้อยใหญ่ หลายคนไม่ พอใจที่เทพอัคคีทำลายชื่อเสียงอันดีงามของแดนสวรรค์ จนป่นปี้
“เรื่องเช่นนี้ไม่ควรเกิดเห็นว่าองค์เง็กเซียนให้เทพอัคคี ไปเป็นอาจารย์สั่งสอนเพราะองค์ราชาเหมันต์ต้องการ อาจารย์ที่ดีให้บุตรสาวไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไปสั่งสอนนาง เข้า”
“ว่ากันว่าฝ่าบาทน้อยผู้นั้นงดงามมาก อย่างไรเสียเทพ อัคคีก็เป็นบุรุษผู้หนึ่งที่ยังไม่มีพระชายาถึงจะเป็นเทพที่มี ตำแหน่งสูงส่งอยู่ใกล้สาวงามเพียงนั้นก็คงจะหักห้ามใจ”
“ถึงไม่อาจหักห้ามใจได้ก็ไม่ควรทำเรื่องเลวทรามควรไป สู่ขอให้นางให้ถูกต้องไม่ใช่ล่วงเกินจนนางตั้งครรภ์”
“แล้วท่านได้ยินข่าวหรือเปล่าที่องค์เง็กเซียนปกปิดเอา ไว้เรื่องที่สามภพถูกแช่แข็งเมื่อสี่หมื่นปีก่อนเป็นเพราะ นางเช่นกัน ว่ากันว่าดาวมารมาจุติเป็นองค์หญิงผู้นั้นจึง ต้องให้เทพอัคคีไปกำราบ”
“เรื่องนี้มีความจริงมากน้อยประการใด ถ้าดาวมารคือนางจริงเหตุใดไม่กำจัดทิ้งเสียจะรอให้นางทำลายสามภพ หรืออย่างไร”
“ข้าก็ไม่รู้เรื่องใดจริง เรื่องใดเท็จกันแน่แต่ที่แน่ ๆ ใน ตอนนี้ฝ่าบาทน้อยผู้นั้นถูกบรรดาเทพสตรีทั้งหลายเชิญ ขึ้นเกี๊ยวสวรรค์บัดนี้มาทวงความยุติธรรมกับองค์เง็ก เซียนที่หน้าตำหนักแล้ว”
“เช่นนั้นเรารีบไปดูกันเถิด”
เทพที่ว่างงานมานานหลายหมื่นปีต่างมีเรื่องให้นินทา แล้ว เวลานี้บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจึงคึกคักเป็นพิเศษแทบ จะเรียก ว่าเป็นวาระแห่งสวรรค์เลยก็ว่าได้
เมื่อเป่ยฟางหรงเล่าเรื่องเท็จทำลายชื่อเสียงเทพอัคคี ไปแล้วทำให้เรื่องของตนเองกลายเป็นข่าวใหญ่สะเทือน พิภพโดยมีเทพภูเขาคอยนำทางมายังแดนสวรรค์
นางเดินทางได้ถึงครึ่งทางก็พบว่ามีเหล่าเทพสตรีทั้ง หลายมารอพบและแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อนางเป็น อันมาก
น้ำใจของเหล่าเทพสตรีนับว่าประเสริฐแท้ครึ่งหนึ่งมา เพื่อต่อสู้กับเทพสงครามเพื่อศักดิ์ศรีของสตรีอีกครึ่งมา ด้วยความริษยาอยากเห็นหน้าค่าตาฝ่าบาทน้อยแห่งแดนเหมันต์ว่าจะงดงามสมคำร่ำลือจนทำให้เทพอัคคี ผู้เย็นชาครองตัวเป็นโสดมาหลายเนิ่นนานลงมือได้ อย่างไร
และเมื่อพบนางความงามของเป่ยฟางหรงก็ทำให้เทพ เซียนเหล่านั้นหุบปากลงไปได้ ยิ่งหลักฐานของอาภรณ์ที่ เปล่งประกายเป็นสีแดงเพลิงของเทพอัคคียิ่งทำให้พวก นางเชื่อเรื่องเท็จอย่างจริงจัง
เทพหลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยได้แอบรักเทพ อัคคีมาเนิ่นนาน
เป่ยฟางหรงขึ้นนั่งเกี้ยวสวรรค์อย่างไม่กระดากอาย แม้แต่น้อย เรื่องที่นางโกหกก็ยังโกหกต่อแถมปั้นน้ำเป็น ตัวขึ้นมาถึงท่าทางการแสดงออกของเทพอัคคีที่มีต่อนาง
“เวลาเขารกน่ากลัวเป็นอย่างมากแม้ว่าข้าจะใช้พลัง เท่าใดก็ไม่อาจต่อกรกับเขาได้”
เป่ยฟางหรงพูดถึงเวลาที่นางพยายามที่จะแช่แข็งเขา แล้วตัวเองกลับถูกตีเสียเอง ในขณะที่คนพวกนั้นนึกไป ถึงไหนต่อไหนต่างคนต่างใบหน้าแดงซ่านเต็มไปด้วย ความอาย เพราะท่านเทพอัคคีก็มีบทรักอันดุเดือดนัก พวกนางจึงยังคงตั้งใจฟัง
“กระบี่เพลิงโลกันตร์ของเขาทั้งแข็งทั้งยาวแทงข้ามา แต่ละทีแทบตาย ที่ข้าตบะแก่กล้ายังทนรับมันได้ บางที การต่อสู้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้ข้าเข่าอ่อนแต่คนเช่นข้า ไม่มีวันยอมแพ้แม้จะเจ็บไปบ้างแต่บางอารมณ์ก็คิดว่าดี มากเหมือนกันที่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่สูสีเช่นนี้”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ