บทที่ 3 ข้ามมิติ
บทที่ 3 ข้ามมิติ
นางโจมตีได้อย่างรวดเร็ว แต่เขากลับซ่อนตัวได้ยิ่งเร็ว ขึ้น ใต้เท้าไม่ขยับ เพียงแต่ร่างได้พลิ้วลงด้านข้างเบี่ยงไป ครา ก็หลบการโจมตีของผู้หญิงอย่างสมบูรณ์แล้ว
แม้ว่าพวกเขาโจมตีและการป้องกันรอบนี้ในเวลาสั้น ๆ แต่กลับยอดเยี่ยมมาก ดึงดูดผู้ที่ผ่านไปมาต่างพากันหยุด มองด้วยความประหลาดใจชี้นิ้วกล่าวแนะนำอย่างต่อ เนื่อง
ไป๋หลี่เซ็งไม่พูดจาไม่ขยับ เพียงแต่กวาดแววตามองไป บนร่างของผู้คนในบริเวณรอบ ๆ อย่างจาง ๆ บนใบหน้า ของเขาไม่ได้มีเค้าโกรธ แต่ไม่รู้ว่าทำไม สถานที่ที่สายตา ของเขาไปถึง ผู้คนดูเหมือนจะถูกวิชาสะกดไว้นิ่งเหมือน กันหมด ชั่วพริบตาทุกคนริมฝีปากปิดสนิท ต่างไม่กล้าส่ง เสียงอีก
ทั่วสารทิศเงียบสงบลงมาอย่างน่ากลัว ทุกคนเงียบสั่น ราวกับจักจั่นหนาวเหน็บ ไป๋หลี่เซิงก็ถือว่าคนที่ล้อมวง เหล่านั้นไม่ได้อยู่ที่นั่น เขาถอนสายตากลับมา เพียงมอง ดูผู้หญิง ถามว่า “คุณหนูโง่งมของตระกูลซู? เคล็ดวิชานี้ กลับเรียนรู้ได้ไม่เลว”
เสียงเขาไม่ดัง แต่กระบอกเสียงกลับชัดใสดุดันเข้มแข็ง มีความรู้สึกทำให้ผู้คนหนาวสั่นกลัวเกรงเองชนิด หนึ่ง
อาหยิวใช้แววตาเย็นชาดุร้ายสบสู้ ชั่วพริบตาความรู้สึก เร่งด่วนที่ลอบจู่โจมมาทันทีทำให้นางรู้สึกแบบนี้ก็ทำให้ ผู้คนที่ผ่านความเป็นความตายมานานล้วนรู้สึกใจสั่น ตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครสามารถให้รางรู้สึกเช่นนี้ได้ นางอดไม่ได้ยิ่งกระชับร่างแน่นขึ้น ตามด้วยพร้อมที่จะ โจมตีบุกขึ้นมา
“บอกข้า เจ้าเรียนรู้วิชาวิทยายุทธมาจากไหน”
ไป๋หลี่เซิงมองดูลักษณะผู้หญิงตรงหน้าที่เงียบไม่พูดจา ค่อย ๆ เก็บง่าประกายก้าวร้าวถามประโยคหนึ่งอีกครั้ง แล้ว ความเย็นในเสียงเพียงเก็บงำเล็กน้อยแล้ว แต่กลับ ให้ความรู้สึกของน้ำแข็งและหิมะละลายหายไปบ้างชนิด หนึ่ง
ชุดดำทั่วร่างถูกลมพัดกระพือบินขึ้นมา กลับดูเหมือนถูก ระงับไว้ เพียงม้วนเอาเสื้อผ้าขึ้น เขาหรี่ดวงตาขึ้นมาเล็ก น้อย ตรึงซูมิ่งเย่ไว้อย่างแน่นหนา ไม่ให้นางมีโอกาสที่จะ หลบหนีสักนิด
อาหยิวรู้สึกถึงลมหายใจที่บีบคั้นผู้คนนั้นเก็บงำหยุดลง แล้ว ไม่กล้าผ่อนคลาย คิดจะพิจารณาคนตรงหน้าอย่าง ถี่ถ้วน แต่เพราะเวียนศีรษะทำให้สายตาพร่ามัว
สามารถมองเห็นเสื้อคลุมสีดำยาวทั้งตัวของคนนี้อย่าง รางเลื่อน มวยผมเกล้าสูงเหนือศีรษะ ดวงตาลึกซึ้งเป็น พิเศษคู่หนึ่ง ทำให้ผู้คนไม่สามารถเข้าใจได้ทะลุปรุเปร่ง ตอนนี้ริมฝีปากบางสีจางนั้นของเขาค่อย ๆ เปิดปิด กล่าว ประโยคที่ดูเหมือนแฝงใบมีดน้ำแข็งออกมา
มองดูการแต่งตัวแปลก ๆ ของคนนั้น อาหยิวรู้สึกสับสน บ้าง มองดูผู้คนในบริเวณรอบ ๆ อีก นางก็ยิ่งอ้างว้างมึนงง แล้ว
ที่นี่ เป็นที่ไหน?
นางยังจำความรู้สึกของคมดาบแทงเข้ามาในอกได้ ชัดเจน เดิมคิดว่าตนเองจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก แต่ตอนนี้ ตนเองอยู่ที่นี่เป็นสถานที่ไหน ดูการสวมใส่ชุดเสื้อผ้าของ คนเหล่านั้น เป็นสมัยโบราณหรือ?
ไป๋หลี่เซิงเห็นซูมิ่งเย่ไม่ตอบครึ่งค่อนวัน ไม่ยินดีเล็ก น้อยบ้าง สักพักต่อมาเห็นคนนั้นเดินเข้าหาตนแล้วก้าว หนึ่ง จู่ ๆ ร่างไหววูบอีกคราก็ล้มลงไปในอ้อมอกของเขา อีกครั้งแล้ว
เวลานี้ ผู้คนที่ล้อมในบริเวณรอบด้าน เริ่มพากันวิพาก วิจารณ์ทั่วสารทิศ
“เอ๊ะ นั่นไม่ใช่คุณหนู โง่งมของตระกูล คนนั้นหรอกหรือ? อิงแอบแนบชิดซบอยู่ในอ้อมอกของผู้ชายคนหนึ่ง แบบนี้ ไม่รู้สึกน่าอายอัปยศเกินไปแล้ว!”
“ใช่มั้ยล่ะ? แทบจะประกาศให้ทั่วโลกรู้ภายใต้ดวงอาทิต ย์น่ะ พระพักตร์ของอ๋องชื่อเจิ้งล้วนถูกนางทำให้อัปยศไว้ สง่าราศีไปหมดแล้ว”
“เมื่อครู่พวกเขาไม่ใช่ยังกำลังต่อสู้กันหรือ? ทำไมพริบ ตาเดียวก็กอดกันขึ้นมาแล้ว?”
ซูมิ่งเย่ล้มลงไปในอ้อมอกของไป๋หลี่เซิงอย่างเงียบ ๆ ไป๋ หลี่เซิงได้ยินคำพูดที่ทนฟังไม่ได้เหล่านั้นเข้าหู กวาดมอง ไปรอบ ๆ อย่างไร้อารมณ์ รอบหนึ่ง ฝูงชนรีบเงียบเสียง อลหม่านลงทันที ฝูงชนที่รายรอบรีบแตกกระเจิงไปราว สภาพสัตว์และนกโดยพลัน
เห็นซูมิ่งเย่ในอ้อมอกได้หมดสติไปแล้ว ไป๋หลี่เซิงยกข้อ มือบอบบางของนางขึ้นมา ตรวจสอบชีพจรของนาง บน ใบหน้าแสดงอารมณ์ความหมายลึกซึ้งบ้าง
เวลานี้ตู่จีสอบถามมาตลอดทาง ในที่สุดก็หามาพบแล้ว มองแวบเดียวก็เห็นไป๋หลี่เซิงในมุมถนนแล้ว
ถึงกับยังมีผู้ชายที่น่าเขย่าวิญญาณให้สั่นไหวได้เช่นนี้ ดวงตาคู่ที่สวยงามที่สุดดูเหมือนรวมเอาดาราบนท้องฟ้า มาเข้าด้วยกัน ลึกซึ้งเย้ายวนผู้คน หว่างคิ้วย่นเล็กน้อยเข้าคู่กับดวงตาคู่นั้น กลิ่นไอของผู้กล้าที่แข็งแกร่งปะทะ หน้าเข้ามา ทำให้ผู้คนไม่กล้ามองสบตรง ๆ
ตู่จีอึ้งไปทันที นี่จึงได้เห็นที่อยู่ในอ้อมอกคนนั้น นั่นเป็น คุณหนูของบ้านตน
ซูมิ่งเย่อิงอยู่ในอ้อมอกของคนนั้น ไม่ขยับสักนิด มองแต่ ไกลเหมือนสองคู่รักที่ใกล้ชิดมาก แต่เมื่อมองอย่างถี่ถ้วน ทันที ก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางค่อนข้างเงียบไป แล้วบ้างไหมหนอ
“คุณ คุณหนู…” ตู่จีลองตะโกนขึ้นมาแล้วเสียงหนึ่งให้รู้ แล้วรู้รอด
แววตาคมเข้มชัดเจนสายหนึ่งสาดพุ่งทำร้ายมาที่จึ นางตัวสั่นทั่วร่างทันที เงยศีรษะพบผู้ชายที่สวยงามดุจ เทพบุตรจุติมาจากสวรรค์คนนั้นจ้องมองตัวเอง แววตา ไม่มีความอบอุ่นสักนิด นางรู้สึกเย็นวาบทีแผ่นหลัง หัวใจ เต้นแรงโดยไม่รู้สาเหตุ
เวลาดูเหมือนก็คงที่หยุดนิ่งไว้ที่นี่ ตู่จีตกใจจนหลับตาลง ตามด้วยรู้สึกว่าร่างด้านข้างจมวูบทันที ลืมตาขึ้นอีกครั้งก็ ไม่มีเงาร่างของคนนั้นแล้ว คุณหนูบ้านตนก็ได้พิงบนไหล่ ตนอย่างเงียบ ๆ ทุกอย่างดูเหมือนภาพหลอนฉากหนึ่ง อย่างเหลือเชื่อ
ซูมิ่งเย่ถูกนําตัวกลับมาที่จวนอ๋องชื่อเจิ้งโดยไม่รู้ตัวสัก
นิด
ไม่มีคนมากไปกว่านี้แล้ว ทั่วเรือนมีเพียงสาวใช้ตู้จ่คน เดียวเท่านั้น
มองดูซูมิ่งเย่ในอาการหมดสติยังขมวดคิ้วไว้แน่น ทั่วร่าง ฟกช้ำดำเขียวนอนอยู่บนเตียง ตู้จ๊อดไม่ได้ร้องไห้เบา ๆ ขึ้นมาแล้ว เมื่อนางกลับมาทันทีก็ไปหาคนมาช่วยเหลือ ไม่มีใครสนใจนางสักคน คิดถึงคุณหนูบ้านตนยังมีฐานะ เป็นคุณหนูบุตรสาวคนโตของภรรยาหลวง ตู่จีก็หลั่ง นํ้าตาออกมาอย่างอดไม่ได้
เมื่ออาหยิวฟื้นฟูได้สติกลับมา ยังไม่ลืมตาขึ้นมาก็ได้ยิน เสียงสะอื้นไห้อีกครั้งและอีกครั้ง เสียงนี้น่าหงุดหงิดมาก ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ทั่วร่างอาหยิวปวดไม่มีเรี่ยวแรง ต้องตบคน นี้ตายในหนึ่งฝ่ามือแน่ ๆ
รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้ ความตื่นตัวในหลายปีที่ผ่าน มาทําให้อาหยิวลืมตาขึ้นมาทันที ถ้าคนตรงหน้ามีการ เคลื่อนไหวที่เป็นอันตราย ถ้าเช่นนั้นการเคลื่อนไหวใน วินาทีต่อไปก็คือบิดคอของอีกฝ่ายขาด
คนนั้นเป็นตูจี กำลังเตรียมเหน็บผ้าห่มให้ซูมิ่งเย่
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ