ฉันเป็นสายลับ ทำไมต้องเกิดใหม่

บทที่ 6 คนร้ายหลีกไป



บทที่ 6 คนร้ายหลีกไป

บทที่ 6 คนร้ายหลีกไป

ทันทีที่พระชายารองเดินเข้ามาก็เห็นทั้งสามคนที่เดิม ควรเป็นคุณหนูใหญ่ผู้สง่างามเรียบร้อยตีกันจนเป็น พัลวันทั้งกลุ่มแล้ว เพลิงโกรธในใจก็ลุกโชนขึ้นมา ตะโกน เสียงดังขึ้นมาโดยตรงให้คนเหล่านี้หยุดลง

ทั้งสามคนที่ตีกันอุตลุดได้ยินเสียงหนึ่ง ตกใจจนหยุด การเคลื่อนไหวแล้วในชั่วพริบตา ยืนดี ๆ คำนับอย่าง สุภาพแล้ว

พระชายารองสีพระพักตร์หม่นหมองลงมาทันที เมื่อได้ เห็นใบหน้าซีดเซียวของทั้งสามคน ยังมีซูมิ่งเย่ที่ยืนอยู่ ด้านข้างโดยไม่มีอันตรายสักนิด

เดิมนางเคยคิดว่าเป็นธิดาตนสองคนของนางมาจัด การซูมิ่งเย่ แต่ไม่คิดว่ากลับเป็นซูมิ่งเย่วด้วยกัน สามคน ทะเลาะกันขึ้นมา เกือบจะทำให้นางโกรธจนไม่รู้จะทำ อย่างไร

ยับยั้งเพลิงโกรธในใจ รอจนคนข้างหลังย้ายเก้าอี้มา พระชายารองทรงประทับลงอย่างสง่างาม รับเอาชาเพื่อ สุขภาพที่ถวายมาจากด้านข้างอีก โบกมือเป็นสัญญาณ ให้สามคนลุกขึ้น ทั้งส่งคนรับใช้ที่ไม่จำเป็นออกไปรอข้าง นอกแล้ว หลังจากนั้นแกล้งทำเป็นว่าเขาเพิ่งเห็นซูงเย่ที่ด้านข้าง แสร้งทำเป็นเมตตารักใคร่ ถามว่า “มึงเย่ เจ้าเชื่อฟังที่สุด เล่าซิว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

ซูมิ่งเย่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง กวาดตามองนางแล้วอย่าง รวดเร็ว ก็ไม่มีปฏิกิริยาอีกไม่คิดจะกล่าววาจาสักนิด

พระชายารองในอ๋อง อเจิ้งรู้สึกแปลกประหลาดบ้าง ไป เจ้าคนโง่ ปกติเห็นตัวเอง ถ้าไม่มีท่าทีกลัวหดตัว ไม่ก็ยิ้ม แบบโง่งม ไม่เคยมีสีหน้าปกติเช่นนี้มาก่อน ในใจแวบการ คาดเดาต่าง ๆ นานาผ่านเข้ามา

พระชายารองลุกยืนขึ้นมาให้รู้แล้วรู้รอด เข้าใกล้ซูมิ่งเย่ สังเกตพิจารณานางอย่างใกล้ชิด

เสื้อผ้าสีแดง ๆ เขียว ๆ ชุดนั้นได้เปลี่ยนแล้ว แป้งที่พอก ไว้อย่างหนาบนใบหน้าของนางถูกเช็ดออกอย่างหมดจด แล้ว แม้ว่าใบหน้าเต็มไปด้วยไขมันกล้ามเนื้อ เพราะผิว ขาวผ่องราวหิมะ ดูไปแล้วมีความน่ารักบางส่วน ยิ่งมายิ่ง ดูเหมือนนังสารเลวนั้น พระชายารองกำหมัดขึ้นมา ดูไป แล้วต้องเพิ่มปริมาณของยาพิษแก่นางแล้ว

พระชายารองยื่นพระหัตถ์ออกเตรียมที่จะสัมผัสใบหน้า ของซูมิ่งเย่ เพิ่งยกพระหัตถ์ขึ้น ซูมิ่งเย่ก็แฉลบไปด้านข้าง ในเวลาเดียวกันดวงตาคมมองดูพระชายารอง
เมื่อครู่ชั่วพริบตา ซูมิ่งเย่สัมผัสถึงเจตนาร้ายของคนตรง หน้า ควบคุมแรงกระตุ้นที่จะชิงชีวิตนางในพริบตาเดียว เพียงก้าวออกไปด้านข้างก้าวหนึ่งเท่านั้น

เลียนแบบร่างเดิมที่โง่เง่าเอ่ยปาก “คนชั่ว เจ้าถอยไป ข้า ไม่ชอบเจ้า!”

พระชายารองแปลกใจมาก อากัปกิริยาคนโง่เมื่อครู่เร็ว เกินไปแล้ว นางค่อนข้างมิทันได้มีปฏิกิริยากลับมา ล้วน ไม่เหมือนท่าทีโง่งมซุ่มซ่ามเหมือนในอดีต นอกจากนี้ไม่รู้ ว่าทำไม ต้นคอมีความรู้สึกเย็นวาบ ทำให้นางตัวสั่นแล้ว คราหนึ่ง

นางตัดสินใจที่จะจบเรื่องนี้โดยเร็ว กลับไปใส่เสื้อคลุม หนังหิมะจิ้งจอกของตน อากาศเปลี่ยนเป็นเย็นแล้ว นาง ต้องดูแลถนอมสุขภาพดี ๆ จึงจะถูก

ก็ไม่ล่าช้าใด ๆ อีก เรียกสามคนมาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น อีกครั้งโดยตรงรอบหนึ่ง

นอกจากนี้ หลังจากซูมิ่งเย่ก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง รู้สึก ว่าเจตนาร้ายกระแสนั้นยังไม่ได้หายไป ในห้วงสมองแวบ วิธีที่จะฆ่าพระชายารองนั้นร้อยชนิดผ่านมาในชั่วพริบตา แต่ความเจ็บปวดบนร่างกายได้เตือนนางว่าอาการบาด เจ็บของตนยังไม่หายดี เฉพาะหน้ายังคงอย่าเพิ่งลงมือ อย่างผลีผลามเป็นดี
ทั้งสามคนเดิมคิดจะฟ้องความแล้ว ก็รีบแย่งกันตอบ วาจา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นซูมิ่งโล่กับซูมิ่งเย่ว ระหว่างการ เล่าคำพูดทั้งหมดต่างกล่าวว่าเป็นซูมิ่งหันลงมือก่อน ตนเองเป็นเพียงเหยื่อรับเคราะห์บาดเจ็บเท่านั้น

ซูมิ่งหันได้ยินทั้งสองต่างปัดสวะความรับผิดชอบ ในใจ โกรธแค้นจนทนไม่ไหว คิดว่ายังไงที่นี่ก็พวกเขาไม่กี่คน นอกจากนี้ซูมิ่งเย่ไอ้โง่นั้นฟังไม่เข้าใจว่าตนเองกำลังพูด อะไร ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างทั้งกระบวนการรอบหนึ่ง แล้วให้รู้แล้วรู้รอด

“ท่านแม่เพค่ะ อย่าไปฟังสองคนนั้นพูดเหลวไหล เรื่อง เป็นเช่นนี้…”

พระชายารองฟังเรื่องราวที่นางเล่า จมลงไปในความคิด ตามที่ซูมิ่งหันบอกเล่า เดิมฝ่ามือของนางจะตบซูมิ่งเย่ แต่ กลับตบไปยังซูมิ่งโล่แล้ว จุดนี้น่าสงสัยมาก

แต่ซูมิ่งเย่ก็อยู่ภายใต้จมูกของตนมาตลอด หรือว่ามีการ เปลี่ยนแปลงใด ๆ คิดพลางพิจารณาซูมิ่งเย่พลาง ได้เห็น ใบหน้าไร้อารมณ์ของซูมิ่งเย่พระทัยพระชายารองก็เป็น คลื่นพลุกพล่าน สีพระพักตร์หนักหน่วง

เมื่อพระชายารองทรงสดับฟังเรื่องราวที่ผ่านมาจบแล้วก็ได้จัดการแล้ว “พวกเจ้าทั้งสาม มาดูว่าน้อง ๆ ล้วน สามารถเล่นสนุกกันขึ้นมา ช่างไม่ได้เรื่อง กลับไปคัดลอก “กฎของสตรี” สิบจบ ลอกไม่จบก็ห้ามออกประตูแล้ว” ไม่ สนใจซูมิ่งหันซูมิ่งโล่ออดอ้อน มองดูซูมิ่งเยอีกครั้งแล้ว กล่าวต่อไปว่า “วันนี้มึงเย่ได้รับความตกใจแล้ว เกรงว่า ยังไม่ได้สติกลับมา พักผ่อนให้สบาย ด้านนั้นข้ากำลังตุ๋น รังนกพอดี รอสักพักให้คนรับใช้ส่งมาให้เจ้า

กล่าวจบไม่มองฝูงชนอีกต่อไป หันหลังจากไป

เหลือเพียงซูมิ่งหัน ซูมิ่งโล่ ซูมิ่งเย่วสามคน สบตากันครา หนึ่ง ก็กลับสู่สภาพลักษณะพี่สาวน้องสาวที่ดี พลางกล่าว เข้าใจผิด ๆ ต่างพากันเสียดสีซูซึ่งเย่อีก หลังจากนั้นก็ต่าง จูงมือจากไปแล้ว

ซูมิ่งเย่เห็นพวกนางจากไป ไม่มองสักคน

เทียบไปแล้ว นางยิ่งสนใจวิสัยทัศน์นั้นที่นอกหน้าต่าง คนนั้นได้หยุดอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานแล้ว ซูซึ่งเย่ได้เฝ้าดู มาตลอด แต่ดูเหมือนว่าเขาเพียงลอบเฝ้าดู ไม่ได้มีการ เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นอีกก้าว

เพ่งสมาธิรับรู้สัมผัส จู่ ๆ กระแสลมปราณนั้นหายไป หมดแล้ว ซูมิ่งเย่หรี่ตาเล็กน้อย หันศีรษะขวับไปอย่างฉับ พลัน พบว่ามีขวดเครื่องเคลือบดินเผาปรากฏบนโต๊ะขวด หนึ่งออกมาจากกลางอากาศแล้ว ข้าง ๆ มีกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่ง บนนั้นมีคำว่า “ใช้ภายใน” รู้สึกว่ามีคนเข้า มา มือขยับสั่นทันที ซ่อนขวดเครื่องเคลือบดินเผาไว้ใน แขนเสื้อ

ไม่รู้ว่าคนที่ส่งขวดเครื่องเคลือบดินเผานี้ที่แท้เป็นเจตนา ดีหรือเป็นเจตนาร้าย ทําอย่างไรจึงส่งขวดเครื่องเคลือบ ดินเผานี้มาอีก

ตู่จีส่งฝูงชนนั้นออกไปแล้ว ปิดประตูดี ๆ เข้ามาเห็นซู งเย่ยังยืนอยู่ตรงนั้น รีบเข้าไปช่วยพยุงซูมิ่งเย่มาพักผ่อน บนเตียง ทั้งมือเท้าไม่หยุดจัดเก็บห้องหับที่ถูกทำจนป่วน วุ่นไปหมดเมื่อครู่อีก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ