ฉันเป็นสายลับ ทำไมต้องเกิดใหม่

บทที่ 4 พี่สาวสามคน



บทที่ 4 พี่สาวสามคน

บทที่ 4 พี่สาวสามคน

เห็นซูมิ่งเย่ที่จู่ ๆ ลืมตาขึ้นมาทันที ตู่จีก็ตกใจสะดุ้งแล้ว ทันที ที่ยิ่งมากกว่านั้นกลับเป็นความแปลกใจระคนดีใจ “คุณหนู ในที่สุดท่านก็ได้สติขึ้นมาแล้ว ท่านหมดสติไป ทั้งวันแล้ว ตู่จีใช้การไม่ได้ ไม่มีเงินที่จะเชิญหมอให้คุณ หนู…”

มองดูแววตาของซูมิ่งเย่ที่ได้สติแจ่มใส ตู่จีตื่นเต้นจน น้ำตาอุ่นคลอเบ้าเต็มไปหมด มือเช็ดน้ำตาไม่หยุด

“หุบปากซะ!” ตอนนี้อาหยิวรู้สึกปวดไปหมดทั่วร่าง ได้ยินเสียงนางร้องไห้เพียงรู้สึกบนร่างยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น กว่าเดิม อดไม่ได้กล่าววาจาออกมาแล้ว

ผู้หญิงตรงหน้าแต่งตัวเหมือนคนนั้นเมื่อครู่แต่งตัวใน ชุดโบราณเหมือนกัน การตกแต่งในบริเวณรอบ ๆ ก็เป็น ลักษณะโบราณ แปลกมาก

อาหยิวไม่ได้เคลื่อนไหวทำอะไรบุ่มบ่าม แอบสังเกต สภาพแวดล้อมโดยรอบเอง ขอบหน้าต่างสลักลายดอก ผ้าม่านเตียงปักลวดลายดอกไว้แล้ว ทั้งสองด้านยังใช้ ตะขอเงินแขวนขึ้นมา รูปแบบโบราณแนวประหยัดที่หา ได้ยากในยุคทันสมัย
ในใจนางแปลกพิศวงบ้าง แววตามองกลับไปตรงหน้า เพราะการต่อว่าของนางใส่คนที่ยังคงสะอื้นไห้ไม่หยุด จนตะลึงอึ้งไป อุดปากไว้ ถามว่า”เจ้าเป็นใคร?”

“ข้าเป็นจีคนรับใช้ที่ติดตามอยู่ข้างกายเจ้ามาตั้งแต่ เด็กน่ะ!”

ตู่จีถูกถามจนอึ้งไปทันที ก่อนหน้านี้คุณหนูไม่เคยถาม คำถามดังกล่าวกับตัวเอง มองดูดวงตาที่สุกใสของคุณหนู บ้านตน ตูจีมีความตื่นเต้นบ้าง ทั้งยังมีความกังวลบ้าง

นางมองดูสีหน้าที่แปลกพิศวงของอาหยิวพูดอย่าง ระมัดระวัง “เจ้าเป็นคุณหนูห้าของจวนอ๋องซื่อเจิ้ง ท่าน นามว่าซูมิ่งเย่ ยังจำได้ไหม นี่เป็นห้องนอนของท่าน ตอน นี้ท่านรู้สึกยังไง บนร่างเจ็บปวดไหม?”

อาหยิวมองนางแวบหนึ่งแล้ว กำลังคิดจะพูดอะไรบาง อย่าง พอลุกขึ้นทันทีก็รู้สึกอวัยวะตันทั้ง 5 อวัยวะกลวง ทั้ง 6ไม่มีที่ใดไม่เจ็บปวด อดไม่ได้ต้องสูดลมหายใจคำ หนึ่งเข้า ฝืนลุกนั่งขึ้นมา

“คุณหนู ท่านช้าลงหน่อย!” ตู่จีรีบก้าวมาข้างหน้า ประคอง ซูมิ่งเย่ไว้แล้วทันที ดึงหมอนวางให้นางพิงหลัง อย่างระมัดระวัง กลัวนางจะหนาว ยังเอาเสื้อนอกคลุม นางไว้ให้ดี
อาหยิวอนุญาตให้นางทำ ตางามหลุบลง ในดวงตา ตกผลึกหมีก าสนิทอันลึกลับที่ทําให้ผู้คนคล่าไม่ออกผืน หนึ่งแล้ว

รอจนตู่จีหยุดลงมาแล้ว อาหยิวจึงเหลือบตาขึ้น จ้องนาง ไว้ ตามด้วยถามว่า “นี่คือที่ไหน?”

“ที่นี่เป็นจวนอ่อง อเจิ้ง คุณหนู” ตู่จีมองดูแววตาจริงจัง

ของซูมิ่งเย่ ค่อนข้างสับสนไม่รู้จะทำอย่างไรไปบ้าง นาง

ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคุณหนูบ้านตน

อาหยิวรู้ว่าตูจีไม่ได้เข้าใจความหมายของตน ไม่ถามอีก ด้วย นางมีวิธีการพิสูจน์ของตนเอง

นางยกมือขึ้นมองแวบหนึ่งแล้ว ขาวผ่องผิวนุ่มละเอียด อ่อนนุ่มไร้แรง ผิวเรียบเนียนปราศจากแผลเป็นสักนิด ชั่ว พริบตามั่นใจว่าไม่ใช่ร่างกายของตน

ในฐานะเป็นสายลับ พวกนางจดจำคนไม่เคยพึ่งพาเจ้า สมบัติทั้งห้า เพียงดูที่โครงกระดูก มือทั้งสองข้างตรง หน้า แม้ว่ารับการดูแลบางเรียวละเอียด กลับไร้เรี่ยวแรง พลังสักนิด ไม่ใช่มือของตนเด็ดขาด แต่ตอนนี้ตนก็อยู่ ในร่างกายนี้ นี่ไม่ต้องสงสัยเลย ขจัดปัจจัยที่เป็นไปได้ ทั้งหมดออกไป ที่เหลืออันนั้นก็เป็นไปไม่ได้อีก เป็นความ จริงด้วย
ดังอาหยิวเดาว่าเป็นไปได้มากตนเองอาจจะผ่านมิติ แล้ว มิฉะนั้นไม่มีทางที่จะอธิบายโลกตรงหน้าตนนี้

อย่าว่าแต่ไม่ต้องพูดถึงคนเดินเท้าบนถนนที่ได้เห็นก่อน หน้านี้ ก็แม้แต่บ้านกะโปโลสัปรังเคตอนนี้ของตน การ ตกแต่งอาคารนั้น รายละเอียดทั้งหมดทุกประเภทล้วน ไม่มีข้อบกพร่อง เป็นไปไม่ได้เป็นการสร้างขึ้นเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ มือไม้อาหยิวจับกุมหัวใจตนไว้ เมื่อหลาย ชั่วโมงก่อนตรงนี้ได้ถูกแทงทะลุเป็นรูแล้วจริง ๆ ตอนนี้ กลับไม่มีร่องรอยสักนิด นางต้องยอมรับความจริงเรื่องนี้

ตนเอง ไม่ได้อยู่ในสังคมสมัยใหม่อีก ไม่ใช่อาหยิวคน เดิมอีกต่อไปด้วยแล้ว

คิดถึงตรงนี้ แววตานางค่อนข้างสลัวไปบ้าง

“เจ้ารู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่ข้าจะหมดสติไป?” อาห ยิวรีบคืนสภาพความเฉยเมยในก่อนหน้านี้โดยเร็ว แววตา เย็นชาเงียบสงบยังคงรวบรวมข้อมูลต่อไป

“บ่าวได้ยินผู้คนกล่าวว่า จู่ ๆ อาการป่วยท่านกำเริบที่ ถนน ต้องการไล่ตามองค์ชายสี่ สุดท้ายท่านถูกองค์ชาย สี่ตีจนได้รับบาดเจ็บ ได้ยินผู้คนที่ถนนรอบ ๆ เล่าว่าท่าน ถูกเขาฟาดปลิวออกไปในหนึ่งฝ่ามือแล้ว ต้องเจ็บมาก” เมื่อคิดถึงเมื่อครู่ลักษณะของคุณหนูบ้านตนที่หมด สติไม่รู้เรื่องอะไรนั้น ตู่จีก็ทั้งทุกข์ใจทั้งปวดใจ แอบหัน หลังไปเช็ดน้ำตา

อาหยิวไม่สนใจนาง ตอนนี้นางได้เข้าใจเรื่องที่ผ่าน ไปอย่างคร่าว ๆ แล้ว เดิมซูมิ่งเย่คนนั้น เกรงว่าได้ถูก องค์ชายสี่คนนั้นฆ่าตายไปแล้ว ตนเองกลับเป็นด้วย บุพเพสันนิวาสเป็นเหตุ ตื่นเป็นขึ้นมาในร่างกายนี้แล้ว คิดถึงตรงนี้ ประกายเย็นชาในดวงตานางได้แวบผ่าน ทันที ผู้รังแกนาง นางต้องให้อีกฝ่ายชดใช้คืนเป็นร้อย เท่า!

“หยุดร้องไห้แล้ว เอาน้ำมาให้ข้าแก้วหนึ่ง” ซูมิ่งเย่ที่ ภายในถูกเปลี่ยนเป็นอาหยิวไปแล้วลุกขึ้นนั่งสั่งตู่จี ไม่หา งานอะไรให้นังหนูคนนี้ทำ นางต้องเอาแต่ร้องไห้ตลอด ร้องจนทำให้ใจผู้คนหงุดหงิด

“ใช่ คุณหนู! คุณหนูท่านตอนนี้ตื่นได้สติสมบูรณ์แล้วน่ะ ตู่จีก็รู้ คุณหนูต้องมีสักวันตื่นได้สติขึ้นมา ดีจริง แฮะ ๆ” ตู่ จีเช็ดน้ำตาให้แห้งแล้ว มองดูซูมิ่งเย่หัวเราะอย่างโง่เขลา คราหนึ่งแล้ว ตามด้วยก็หันหลังไปเทน้ำให้ซูมิ่งเย่อย่าง ดีใจ

นางคิด คุณหนูเมื่อครู่เพิ่งถามคำถามตัวเองได้ชัดเจน แล้ว นอกจากนี้ที่ตนเองพูดคุณหนูก็ได้ฟังเข้าไปทั้งหมด แล้ว ดูไปแล้ว รอบนี้ได้ตื่นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ไม่กำเริบ โง่งมอีกแล้ว ช่างเยี่ยมมากจริงน่ะ!
ถือถ้วยอย่างระมัดระวังส่งให้ซูมิ่งเย่ จู่ ๆ ก็มีเสียงดังสนั่น เสียงหนึ่งดังมา ประตูใหญ่ถูกเตะถีบเปิดออกโดยแรง ตู่จี ตกใจสะดุ้งอย่างแรงทันที ถ้วยเกือบตกลงไปแล้ว

ซูมิ่งเย่กลับเฉยเมยมาก มือที่รับถ้วยถือไว้ไม่มั่นสักครา ลุกขึ้นยืนเอง ดื่มน้ำจนหมดแล้ววางไว้ข้าง ๆ โต๊ะ นี่จึงได้ เห็นผู้ที่มา

ตูจีขึ้นหน้ามาคำนับ “คุณหนูรอง คุณหนูสาม คุณหนูสี่ คุณหนูบ้านบ่าวเพิ่งตื่นได้สติขึ้นมา มิอาจรับความตกใจ กลัวได้ ยังขอคุณหนูทั้งสี่ให้อภัยเจ้าค่ะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ