ฉันเป็นสายลับ ทำไมต้องเกิดใหม่

บทที่ 21 ชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกัน



บทที่ 21 ชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกัน

บทที่ 21 ชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกัน

สายตามองไปเห็นปิ่นปักผมสีทองกำลังจะแทงเข้าไปใน ลำคอของหญ้ชิงหัน ทันใดนั้นเอง ซูมิ่งเย่ก็ปัดมือออก ปิ่น ปักผมสีทองนั้นถูกสะบัดออกไปไปอีกทาง ไม่มีแม้แต่ร่อง รอยให้เห็นสักนิด

“ทำไมไม่หนี?”

หยู้ชิงหันพูดไปพลางโบกเนื้อหมาป่าในมือไปโดยไม่ได้ สนใจอะไร “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่กล้าแทงเข้ามาหรอก”

ซูมิ่งเย่เสียบปิ่นปักผมกลับไปที่เดิม ตบ ๆ มือสองสามที แล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “นับว่าเจ้าอายุยืน”

หยู้ชิงหันมองไปที่แผลบนเท้าของนาง ก็ใช้มือตบที่ว่าง ข้าง ๆ “มานั่งนี่มา”

ซูมึงเย่ก็ยังคงยืนห่างจากหยู้ชิงหันเช่นเดิม ในความรู้สึก ของซูมิ่งเย่นั้น หยู้ชิงหันเป็นบุคคลที่อันตรายมากถึงมาก ที่สุด

ราวกับว่าสามารถเดาออกได้ว่าในใจของซูมิ่งเย่นั้นคิด อะไรอยู่ หยู้ชิงหันถอนกายใจ พูดเสียงเบา “ข้าชื่อหชิงหัน ข้าไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเจ้า เจ้าก็เป็นแค่หญิง สาวสูงศักดิ์บอบบางเท่านั้น” ประโยคนี้มาพร้อมกับความ รู้สึกแบบหัวอกเดียวกันเล็ก ๆ ไม่มีแม้แต่ความดูถูกสักนิด

ซูมิ่งเย่เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยรอย ยิ้ม ความระแวงนั้นหายไปหลายเท่า ไม่ต้องให้ใครคาด เดาในสิ่งที่ซ่อนอยู่ในดวงตาของนางเหมือนเมื่อก่อน

ความสามารถของชากาหนึ่ง กลิ่นหอมของเนื้อย่างลอย มาจากทางกองไฟของหยู้ชิงหัน เขาดึงซูมิ่งเย่มานั่งอยู่ ข้าง ๆ กองไฟ ฉีกชิ้นเนื้อออก เลือกไม้ก้านเล็ก ๆ เสียบ เนื้อย่างนั้นแล้วส่งให้ซูมิ่งเย่

ซูมิ่งเย่นางไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติของเนื้อหมาป่าเลย แม้สักครั้ง แต่ก็ทนความหอมที่ยั่วยวนอยู่ตรงหน้าไม่ไหว จึงกัดลงไปเต็มปากเต็มคำโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

“รสชาติเป็นเช่นไรบ้าง?” หยู้ชิงหันที่กำลังย่างเนื้อ หมาป่าอยู่ในมือเอ่ยถาม

ซูมิ่งเย่พยักหน้า ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย

แสงไฟส่องสว่างไปเกือบครึ่งหนึ่งของถ้ำ ราวกับว่าในถ้ำ แห่งนี้ก็ไม่ได้หนาวถึงขนาดนั้นแล้ว
การหลับใหลในคืนนี้ไม่เหมือนเดิม อาจจะเป็นเพราะว่า มีผู้ที่เก่งกาจด้านการต่อสู้อยู่ข้างกาย ทำให้คืนนี้ซูซึ่งเย่ สามารถหลับได้อย่างสบายใจ ในเช้าวันต่อมาก็ยังคงเป็น หญ้ชิงหันที่ปลุกให้นางตื่นขึ้น

ซูมิ่งเย่ขยี้ตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความงัวเงีย เมื่อเงยหน้า ขึ้น ก็เห็นหญ้ชิงหันยืนยิ้มตาหยี้ นางทำตัวไม่ถูกไปชั่ว ขณะ ในโลกก่อนนางเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษ ตั้งแต่เด็ก กถูกสั่งสอนมาว่าห้ามเชื่อใครทั้งนั้น น่าเสียดาย สุดท้าย นางก็แพ้ให้กับเพื่อนสนิทของตนเอง

ในครั้งนี้ ในเมื่อฟ้าประทานให้นางได้เริ่มต้นใหม่ ซูมิ่งเย่ ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่พ่ายแพ้ให้กับความเชื่อใจอีกแล้ว

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ซูมิ่งเย่รีบหุบรอยยิ้มบนใบหน้า สีหน้า เรียบเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อนดังเดิม

นัยน์ตาของหญ้ชิงหันฉายแววประหลาดใจอยู่แวบหนึ่ง สนใจที่มีต่อคุณหนูห้าแห่งบ้านซูยิ่งมีมากขึ้น ความสน

ซูมึงเย่ไม่ได้ใส่ใจกับความสนใจในตัวนางที่เป็นประกาย อยู่ในนัยน์ตาของหยู้ชิงหัน เพียงแต่กลับขมวดคิ้วมองไป ยังยอดเขาสูงลิบ พลางเอ่ยปากถาม “พวกเราจะต้องทำ อย่างไรถึงจะสามารถปีนขึ้นไปได้?”
นางหายตัวออกจากจวนไปหนึ่งคืน และก็ไม่รู้ว่าเจ้าเด็ก ตู่จีนั้นจะกังวลไปมากเพียงใดแล้ว อีกทั้ง ซูซึ่งเย่ยังกังวล ว่าพระชายารองจะทำเรื่องงี่เง่าอะไรอีก การกระทำของ นางนั้นได้ดึงดูดความสนใจจากพระชายารองไปแล้ว พระชายารองต้องสั่งให้คนจับตาดูนางอย่างแน่นอนนอน นางยังไม่อยากถูกพระชายารองจับไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม

ซูมิ่งเย่ขมวดคิ้ว หากต้องการอยู่ในจวนอ๋องชื่อเจิ้งอย่าง อยู่รอดปลอดภัย พระชายารองคนนั้นนั่นแหละที่เป็น ปัญหาใหญ่ ยังไงก็ต้องกำจัดออกไปให้ได้

หยู้ชิงหันมองดูซูมิ่งเย่ที่แสดงสีหน้าไม่ไม่สบอารมณ์อยู่ นาน จึงพูดออกมาเสียงต่ำ “เจ้าไม่ต้องโมโหไป วางใจเถิด คนในจวนอ๋อง อเจิ้งไม่มีใครสังเกตว่าเจ้าหายไปหรอก”

คำพูดนี้แฝงไปด้วยความเยาะเย้ย ราวกับว่าในจวนอ๋อง ซื่อเจิ้งไม่มีใครสักคนที่เกี่ยวข้องกับซูมิ่งเย่จริง ๆ

ซูมิ่งเย่หันกลับมามอง น้ำเสียงนั้นเย็นชาลงไปมาก “พวกเราจะต้องทําอย่างไรถึงจะสามารถปีนขึ้นไปได้?

หยู้ชิงหันสามารถฟังออกไปได้ถึงน้ำเสียงไม่พอใจของ ซูมิ่งเย่ ก็หุบยิ้มลงพลางพูดอย่างจริงจัง “เจ้าอดทนรออีก ชั่วครู่ ลูกน้องของข้าจะตามหาที่นี่เจอได้อย่างรวดเร็ว” ตอนที่เขาต่อสู้กับคนชุดคำนั้นเขาได้ทำ สัญลักษณ์เอาไว้ ลูกน้องของเขาจะสะกดรอยตาม เครื่องหมายนั้นมาจนถึงที่นี่

ซูมิ่งเย่ไม่ได้กังวลในความสามารถของหมู่ชิงหัน จึง อดทนรออย่างใจเย็น ปรากฏว่ามีกลุ่มคนเดินเข้ามาช่วย จริง ๆ เมื่อมองเห็นหญิงสาวสละสลวยอย่างซูมิ่งเย่ยืน เคียงข้างอยู่กับหญ้ชิงหัน องครักษ์คนนั้นก็ชะงักไป จ้อง มองซูมิ่งเย่อยู่นาน แต่เขาก็รีบก้มหน้าลงทันทีที่ถูกซูมิ่งเย่ กวาดสายตามองลงมาที่เขา

“นายท่าน ข้าน้อยมาช้าไป

หยู้ชิงหันโบกมือปัด ๆ ราวกับว่าไม่อยากฟังคำอธิบาย จากเขา “เรื่องจัดการไปถึงไหนแล้ว?”

“นายท่าน วางใจ ข้าน้อยจัดการเรียบร้อยแล้ว” สอง คนคุยกันราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ชาวบ้านทั่วไปคุย กันอย่างนั้น ถึงอย่างนั้นซูมิ่งเย่ที่เมื่อชาติก่อนเป็นถึง พนักงานหน่วยพิเศษอย่างนางนั้นต้องเข้าใจอยู่แล้ว มัน แสดงว่าคนที่ตามไล่ฆ่าพวกเขาเมื่อคืนถูกกำจัดไปจน หมดแล้ว

มีลูกน้องพวกนี้คอยช่วยเหลือ ทั้งซูมิ่งเย่และหญ้ชิงหันก็ สามารถออกมาจากก้นเหวได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อออกมาจากก้นเหวได้ ซูมิ่งเย่ก็เว้นระยะห่างจากหญ้ ชิงหันในทันที “ขอบคุณสำหรับการดูแลข้าเมื่อคืนนี้ ตอน นี้พวกเราสามารถออกมาได้แล้ว ยังต้องขอให้เจ้าช่วยส่ง ข้ากลับไปด้วย” นางไม่รู้จักทาง หากจะกลับไปที่จวนอ๋อง ก็ยังคงต้องพึ่งพาหญ้ชิงหันอยู่ดี และนางยังสงสัยเกี่ยว กับสถานะของหญ้ชิงหันอีกด้วย จวนอ๋องชื่อเจิ้งนั้นมีการ รักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา แต่หญ้ชิงหันกลับ สามารถเข้านอกออกในได้อย่างสะดวก ทั้งคนพวกนี้ยัง เรียกเขาว่า “นายท่าน” อีก ดูแล้วสถานะไม่ใช่ธรรมดา

แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้นางยังไม่มีลูกน้องที่สามารถไว้ใจ ได้ ไม่มีกำลังมากพอให้ไปตรวจสอบเรื่องทั้งหมด แต่ถึง อย่างนั้นซูมิ่งเย่ก็ตัดสินใจแล้วว่าหลังจากนี้ต้องออกให้ง จากหญ้ชิงหัน คนคนนี้เป็นพวกดวงซวย หากอยู่ใกล้ ๆ ก็ จะซวยไปด้วย

หยู้ชิงหันตอบรับคำขอของซูมิ่งเย่ด้วยความยินดีอย่าง มาก เขาหันไปสั่งลูกน้องด้วยเสียงเบาไม่กี่ประโยค ก็เข้า มาจับที่เอวบางของซูมึงเย่

ซูมิ่งเย่มีสีหน้าแดงระเรื่อ พลางพูดด้วยความเขินอายปน โมโหนิด ๆ “หยู้ชิงหัน เจ้าจะทำอะไร? รีบปล่อยข้า!”

หยู้ชิงหัน ยิ้มออกมาบาง ๆ ดวงตาเรียวยาวนั้นฉายแวว อบอุ่น “เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรล่ะ? ก็ต้องส่งเจ้ากลับบ้าน น่ะสิ”
ซูมิ่งเย่ยังคงต่อต้านไม่หยุด แต่นั้นกลับทำให้ หญ้ชิงหัน กอดนางไว้แน่นขึ้น “อย่าขยับ หรือว่าเจ้าอยากตกลงไป ด้านล่าง?

เสียงลมพัดผ่านหูไป ซูมิ่งเย่ก้มลงมองถึงได้เห็นว่าตัว เองนั้นลอยอยู่กลางอากาศแล้ว ตอนนี้นางทำได้เพียงหัน ไปกอดเขาแน่น ถึงแม้นางจะเป็นถึงหน่วยพิเศษในชาติ ก่อน แต่นางไม่ได้มีวิชาตัวเบานี่!

อยู่ภายใต้ชายคา จะไม่ให้ก้มหน้าคงไม่ได้ ซูซึ่งเย่ทำได้ เพียงทำตัวว่านานสอนง่ายกับหญ้ชิงหันเท่านั้น

แต่หญ้ชิงหันที่ไม่เคยได้เห็นซูมิ่งเย่บอบบางไร้พิษภัย เช่นนี้ ในใจก็มีความรู้สึกเอ็นดูขึ้นมา คนที่มีเขี้ยวเล็บ แหลมคมเช่นคุณหนูห้า ก็ยังมีมุมที่อ่อนแอน่าสงสารอยู่ บ้าง ช่างน่าสนใจเสียจริง

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด เมื่อสองเท้าแตะลงบนพื้น ซูมึงเย่ถึงได้ลืมตาขึ้น และพบว่าทั้งตัวของนางอยู่ในอ้อม กอดของหญ้ชิงหัน สีหน้าก็พลันแดงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

หยู้ชิงหันหัวเราะพลางปล่อยซูมิ่งเย่ออกจากอ้อมแขน “คุณหนูซู เป็นอย่างไรหรือ? หรือเจ้ายังอยากพิงอยู่ใน อ้อมกอดข้า?”
ซูมิ่งเย่ทั้งโกรธทั้งอาย ทุบลงไปที่หยู้ชิงหันเต็มแรง “ใคร อยากพิงอยู่ในอ้อมกอดเจ้า!”

หยู้ชิงหันส่งเสียงเจ็บปวดเล็กน้อย เอามือจับที่หน้าอก พลางพูดว่า “คุณหนูซู คิดไม่ถึงว่าท่านจะเป็นคนที่สำนึก ในบุญคุณเช่นนี้!”

ซูมิ่งเย่ก็รู้สึกว่าตนนั้นทำเกินเหตุ จึงรีบยกมือขึ้นลูบ ๆ ที่ บริเวณอกของหญ้ชิงหัน “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่? ข้าจะตี เจ้า ทําไมเจ้าถึงไม่หลับเล่า?”

โดยไม่มีใครคาดคิด เพียงชั่ววินาทีหยู้ชิงหีนก็กลับคืนสู่ สภาพปรกติ “คุณหนูซู ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน ข้าคิด ว่าเจ้าน่าจะเข้าใจเหตุผลข้อนี้ดี?”

ซูมิ่งเย่รู้ตัวแล้วว่านางถูกหยู้ชิงหันแกล้งเข้าให้ ก็กระทืบ เท้าพลางเข้าไปตบตีเขาอีกครั้ง หยู้ชิงหันเพียงแค่ส่ง เสียงถอนหายใจ จากนั้นก็เอ่ยปากบอกว่า “มีคนมาแล้ว” พูดจบ ไม่รอให้ซูมิ่งเย่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับใดใด เขาก็ หายตัวไปในทันที

ซูมิ่งเย่โกรธจนขบฟันแน่น “หญ้ชิงหัน อย่าให้ข้าได้เจอ เจ้าอีก !”

ใครจะไปรู้ ที่จริงหญ้ชิงหันไม่ได้เกินไปที่ไหนไกล น้ำ เสียงแฝงไปด้วยความสนุกสนานดังลอดออกมาจากที่มือ “หากพบข้าอีก เจ้าจะทำอย่างไร? หรือว่าคุณหนูซู จะรับผิดชอบต่อการกระทำที่มาลูบหน้าอกข้าอย่างหน้า หรือ?”

“เจ้า !” ซูมิ่งเย่หน้าแดงด้วยความอาย ซวยจริง ๆ ทำไม ต้องมาพบกับคนไม่รู้จักอายแบบนี้ด้วย!

“คุณหนู คุณหนู!” ตู่จีรีบวิ่งออกมาจากหอนอน โผเข้า หาซูมิ่งเย่พลางร้องไห้จิงจิง “คุณหนู ในที่สุดท่านก็กลับ มาแล้ว! ท่านไม่รู้หรอกว่าตลอดทั้งคืนข้าเป็นห่วงท่านมา ขนาดไหน!”

ซูมิ่งเย่ยิ้มพลางถึงให้ตู่จีลุกขึ้น “เอาน่า เจ้าดูข้าก็กลับมา แล้วไม่ใช่หรือ? เจ้าไม่ต้องร้องไห้แล้ว ไปดูสิมีอะไรน่ากิน บ้าง ข้าหิวแล้ว”

ตู่จีพยักหน้ารัว ๆ ก้มมองเหลือบไปเห็นแผลบนเท้า ของซูมิ่งเย่ ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “คุณหนู ท่านได้แผลนี้มา อย่างไร? ท่านเจ็บมากหรือไม่?”

ซูมิ่งเย่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เจ้ายังไม่ต้อง สนใจข้าตอนนี้หรอก ไปทำงานของเจ้าหรอก”

เมื่อกลับมาถึงห้องพัก นางเปลี่ยนชุดเรียบร้อย ก็มีสาว ใช้มาตะโกนเรียกซูมิ่งเย่ บอกว่าอ๋องซื่อเจิ้งให้มาเชิญซู งเย่ไปหา
ซูมิ่งเย่ขมวดคิ้ว เหลือบมองสาวใช้หน้าตาสละสลวย หน้ามอง ไม่เหมือนคนก่อนที่พระชายารองส่งมาหน้าตา ราวกับนักฆ่า จากนั้นนางก็เก็บอาการไว้พลางพูดถาม ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มยินดี “พี่สาวท่านนี้ เป็นคนของท่านพ่อ หรือ?”

สาวใช้คนนั้นตกใจ แสดงออกชัดเจนว่านางคิดไม่ถึงว่า ซูมิ่งเย่จะเอ่ยปากคุยกับนาง นางรู้สึกเหลือเชื่อ พูดตอบ กลับอย่างตะกุกตะกัก “ตอบ ตอบคุณหนูห้า ข้าน้อยชื่อ ถังเซียงเป็นสาวใช้ในห้องหนังสือของท่านอ๋องเจ้าค่ะ”

ซูมิ่งเย่พยักหน้าเล็กน้อย การพูดการจาของถังเซียงนับ ว่ามีความเคารพให้เกียรตินางอยู่ไม่น้อย ดูแล้วท่านพ่อ คนนี้ถึงแม้จะไม่ได้สนใจนางมากนัก แต่ก็ไม่ได้ให้คนรอบ ข้างปฏิบัติไม่ดีกับนาง

ตู่จีก็คิดไม่ถึงว่าซูมิ่งเย่จะคุยกับสาวใช้ข้างกายของอ๋อง ชื่อเจิ้ง ตกใจเสียจนแทบหุบปากไม่ลง

ซูมิ่งเย่หมุนตัวมาเห็นตู่จีท่าทางเช่นนั้น ก็แอบส่ายหน้า เบา ๆ ถึงแม้ตูจีจะจงรักษ์ภักดีมาก แต่อำนาจของนางก็มี ขีดจำกัด หากสามารถมีสาวใช้ข้างกายอีกสักสองสามคน ก็คงจะดีขึ้น

“ตู่จี, เอาเงินให้ถังเซียงก้อนหนึ่ง ถือว่าข้าให้นางได้ซื้อขนมทาน

ตู่จีมีสีหน้าลำบากใจ พระชายารองหักเงินของคุณหนู ห้า คุณหนูห้านั้นจริง ๆ ไม่ได้มีเงินอะไรมากมาย ถ้าหาก เอาให้ถังเซียง พวกเขาก็จะกลายเป็นคนยากคนจนขึ้นมา ทันที

ซูมึงเย่เห็นตูจีทำท่าทางยึกยักเช่นนั้น ก็จ้องไปด้วย สายตาดุ ๆ ตู้จีเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งตกใจ ทำได้เพียงแค่เปิด กล่องเก็บเงิน คว้าเอาเงินที่เหลืออยู่ไม่มากขึ้นมา และไม่ ได้นับ จากนั้นส่งไปให้ถังเซียงด้วยความรู้สึกเจ็บปวด

ถังเซียงที่ได้รับการเอ็นดูเช่นนั้นก็ตกอกตกใจ ก่อนหน้า นี้นางก็ได้รับคำสั่งจากอ๋องซื่อเจิ้งให้ส่งสารไปถึงคุณหนู หลาย ๆ คน แต่ไม่มีครั้งใดเคยได้รับเงินรางวัล แต่ก็มีครั้ง หนึ่งที่คุณหนูสองให้ขนมแก่นาง และยังเป็นขนมที่คุณหนู สองรู้สึกว่าไม่อร่อยเสียด้วย

เมื่อรับเงินมา ถังเซียงรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ตอนที่นำ ทางซูมิ่งเย่ไปยังห้องหนังสือ ระหว่างทางนางก็พูดเลื้อย แจ้วกับซูมิ่งเย่ขึ้นมา

“คุณหนูห้า ท่านต้องระวังตัวนะเจ้าคะ เมื่อครู่ข้าน้อยหัน ไปเห็นสีหน้าของพระชายารองไม่ค่อยจะดีนัก”
ซูมิ่งเย่หัวเราะออกมาเล็กน้อย รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็น แผนการของพระชายารอง “ถังเซียง เจ้าเคยได้ยินพระ ชายารองกับท่านพ่อคุยกันบ้างหรือไม่?”

ถังเซียงส่ายหน้าด้วยความลังเล “พระชายารองจะให้คน ออกไปให้หมด ข้าน้อยนับว่าได้ยืนใกล้ชิดมาก แต่ก็ได้ ยินไม่ชัดนัก ได้ยินเพียงแต่ว่า “งานแต่งพระราชทาน” อะไรสักอย่างเจ้าค่ะ”

ซูมิ่งเย่คิดอะไรขึ้นมาได้ในใจ เกรงว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยว กับการหมั้นหมายกับจวนซ่างซู

ครั้งก่อนนางได้ยินคำเตือนลับ ๆ ที่ส่งมาจากหญ้ชิงหัน บอกว่าพระชายารองมีความคิดจะให้นางแต่งเข้ากับคน เสียสติแห่งจวนซ่างซู นางก็เลยใช้เล่ห์กลเปลี่ยนชื่อบน หนังสือนั้นเป็นซูมิ่งโล่ เกรงว่าในวันนี้เรื่องคงจะแดงขึ้น แล้ว พระชายารองต้องมาหาเรื่องกับนางแน่นอน

ถังเซียงมองซูมิ่งเย่ด้วยสีหน้ากังวลใจพลางพูดว่า “คุณ หนูห้า ท่านต้องระวังนะเจ้าคะ ถึงท่านอ๋องจะเข้มงวด แต่ ถึงอย่างไรก็รักคุณหนู”

ซูมิ่งเย่หัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา รักหรือ? หากอ๋องซื่อ เจิ้งรักลูกสาวคนนี้จริง ๆ ก็คงไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรกับ เจ้าของร่างเดิมจนน่าสงสารเช่นนี้หรอก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ