ฉันเป็นสายลับ ทำไมต้องเกิดใหม่

บทที่ 5 วุ่นวายอลม่าน



บทที่ 5 วุ่นวายอลม่าน

บทที่ 5 วุ่นวายอลม่าน

ผู้ที่มาเป็นคุณหนูในตระกูลซูอีกหลายท่าน ได้แก่ คุณ หนูรองซูมิ่งหัน คุณหนูสามซูมิ่งโล่และคุณหนูสี่ซูมิ่งเย่ว ตลอดเสมอมาหลายคนนี้ชอบหาปัญหาให้ซูมิ่งเย่

ซูมิ่งหันโบกมือไล่ตูจีไปอย่างน่ารังเกียจ “ข้าคุณหนูยัง สามารถทำให้ข่มขู่ให้นางกลัวได้หรือ เจ้าบ่าวรับใช้คน นี้ไม่สามารถพูดจาดี ๆ ได้ ช่างเป็นคนอะไร เลี้ยงสุนัข อะไร”

แม้ว่าที่พูดถึงจะเป็นตนเอง ตู่จีที่อยู่ข้าง ๆ กลับเพียง กังวลคุณหนูของตน กลัวว่าคุณหนูจะจู่ ๆ โรคกําเริบจน ยั่วการรังแกมามากขึ้นอีก ทั้งนี้ไม่กี่คนนี้ไม่ได้เป็นครั้ง แรกแล้ว พอคุณหนูพูดกลับ พวกนางจะยิ่งเพิ่มความ รุนแรงยิ่งขึ้น

แต่ความกังวลของนางล้วนเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยทั้งหมด ซูมี่ งเย่ฟังคำพูดเหล่านี้ เพียงแต่สนใจดื่มชาของตนขึ้นมาอีก แม้แต่สายตายังไม่ชำเลืองดูคนนั้น

ซูมิ่งหันไม่ได้เห็นปฏิกิริยาโต้ตอบตามที่คิดจินตนาการ ไว้ สีหน้าจมลง ราวกับคิดอะไรได้แล้ว จู่ๆหัวเราะเยาะ เย้ย กล่าวกับคนรอบข้างว่า “เฮ้ ได้ยินแล้วหรือไม่ วันนี้มี คนพัวพันองค์ชายสี่กลางถนน ถูกองค์ชายสี่ฟาดหนึ่งฝ่ามือปลิวออกไปแล้วน่ะ”

“ไม่ใช่หรอกหรือ กลับไม่ถูกองค์ชายสี่ฟาดตายในหนึ่ง ฝ่ามือ องค์ชายสี่เรายังใจเมตตาจริงน่ะ

ซูมิ่งหันพอใจกับความร่วมมือของน้องสาวมาก ตามด้วย กล่าวอีกว่า “นี่ไม่เพียงเป็นเช่นนี้น่ะ หลังจากได้ยินว่าคนนี้ ถูกฟาดปลิว ก็อิงแอบแนบชิดซบอยู่ในอ้อมอกของผู้ชาย อีกคน หลายคนต่างได้เห็นบนถนนแล้ว!”

ซูมิ่งโล่รับเอาหัวข้อพิพาทไปอีก “ถ้าเช่นนั้น คนนั้นก็ ไร้ยางอายเกินไปแล้วน่ะ? ชื่อเสียงของครอบครัวหญิง สาวคนหนึ่งยังต้องการหรือไม่แล้ว? ก็ไม่รู้ว่าเติบโตใน ลักษณะเป็นผีแบบไหนกัน กลับกล้าไปสัมผัสองค์ชายสี่ ได้”

“ก็ใช่น่ะ!” ซูมิ่งเย่วนั่นปิดปากหัวเราะแล้ว “คนเขาองค์ ชายสี่เป็นคนอะไร บางคนน่ะ คางคกอยากกินเนื้อหงส์ สมควรให้องค์ชายสี่ตบหนึ่งฝ่ามือปลิว”

ตูจีได้ยินพวกนางแต่งเรื่องแบบนั้นเสียดสีคุณหนูบ้าน ตน โกรธจนตาแดงไปหมด แก้มป่อง ราวกับว่าพุ่งเข้า มาตีคนได้ทุกเมื่อแล้ว

แต่ซูมิ่งเย่เพียงดื่มชาอย่างเฉยเมย ฟังพวกนางซุบซิบไป ครึ่งวัน ไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าสักนิด เพียงแต่กวาดดูซูเมิ่งหินตาหนึ่งอย่างรวดเร็วเท่านั้น

ซูมิ่งหันเสียดสีเยาะเย้ยซูมิ่งเย่เป็นเวลานานค่อนวันแล้ว แต่ไม่ได้รับการตอบสนองใด ๆ อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซู งเย่ด้านนั้นแวบหนึ่ง กำลังมองสบตาเย็นชาของคนบนนั้น ก่อนหน้านี้ ในใจนางค่อนข้างกลัว วิสัยตีโต้คิดอยากตบ ฟาดไปหนึ่งฝ่ามือเหมือนอดีตก่อนนั้น

“เจ้าไอ้หน้าโง่ ทำไม ข้าว่าเจ้ายังไม่ยอมจํานน!” ตาคู่งาม ซูมิ่งหันจ้องทันที มือตวัดทันทีก็จะฟาดเข้าไป

แต่ซูมิ่งเย่ได้เห็นนิ้วซูมิ่งหันขยับเคลื่อนไหวทันทีก็มอง ทะลุถึงการกระทําต่อมาของนางแล้ว ในใจนางยิ้มอย่าง เย็นชาคราหนึ่ง ไม่หลบด้วย รอการเคลื่อนไหวต่อไปของ อีกฝ่ายอย่างสงบ

มองดูฝ่ามือนั้นยิ่งมายิ่งใกล้ ซูมิ่งเย่แกล้งทำเป็นจะต้าน ป้องไว้ มืออีกข้างกลับจี้ไปเบา ๆ ตรงข้างเอวซูมิ่งหันทันที ร่างซูมิ่งหันสั่นไหวคราหนึ่งฝ่ามือนั้นก็เบี่ยงเบนห่างไป จากวิถีแล้ว

“เพียะ!”เสียงดังครั้งหนึ่ง เสียงฝ่ามือตบถูกใบหน้าอย่าง แม่นยำาแล้ว

แต่กลับไม่ใช่ใบหน้าของซูมิ่งเย่
ซูมิ่งหันมองดูซูมิ่งเย่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่ขยับสักนิด แล้ว มองไปยังซูมิ่งโล่ที่ปิดใบหน้าไว้ยากบ้างไม่รู้ว่าต้องทำสิ่ง ใด

“นังสารเลว เจ้าตบข้าหาไม?” ซูมิ่งโล่ปิดหน้าไว้โกรธ มากสุด ๆ แล้ว แต่เดิมเพียงมาดูคึกคัก ไม่คิดว่าซูมิ่งหันผู้ หญิงคนนั้นยืมการให้บทเรียนแก่ซูมิ่งเย่ กลับตบตัวเอง หนึ่งฝ่ามือแล้ว!

“เจ้าเรียกใครว่านั่งสารเลว? ข้าพลั้งมือแล้ว ใครให้เจ้า มายืนอยู่ใกล้ขนาดนั้น!

ซูมิ่งโล่โกรธมาก “พลั้งมือ? นางอยู่ด้านนั้น ข้าอยู่ด้าน นี้ เจ้าบอกข้าว่าพลั้งมือ? ข้าดูเจ้าก็จงใจ!” บนใบหน้านาง ร้อนผ่าว เตือนนางว่าตนเองเจ็บตัวมากขนาดไหน” เจ้า อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่า เจ้าพูดอะไรกับซูมิ่งโล่เย่วเมื่อวันก่อน แล้ว ข้ารู้ชัดเจนดีทั้งหมด!”

กล่าวจบก็กระโดดพุ่งขึ้นมาแล้ว คว้ามั่วไปหมดขึ้นมา

ทันที

“นั่นก็เป็นไรอีกเล่า สิ่งที่ข้าพูดนั่นเป็นเรื่องจริง!” ซูมิ่ง หันถูกนางตบไปครั้ง เพลิงโกรธกรุ่นขึ้นมาแล้ว ดาหน้า เข้าไปอย่างดุเดือด ต่อสู้เข่นฆ่ากับซูมิ่งโล่ขึ้นมา

ซูมิ่งเย่วที่ด้านข้าง ส่งเสียงกล่าวว่า “ข้านั้นเพียงกล่าวไปตามใจปากทันที เจ้าอย่าถือเป็นเรื่องจริงจังน่ะ!เรามาที่ นี่เพื่อทำอะไร พวกเราต้องทำให้ชัดเจน อย่าตีกันแล้ว โอ้! ใครตีข้า?”

เดิมซูมิ่งเย่วได้เห็นสองคนต่อสู้กันขึ้นมา ในใจหัวเราะ ไม่หยุดยั้ง ปากยังปั้นท่าทีเป็นผู้สร้างสันติ โน้มน้าวให้พี่ น้องตนดีกัน แต่คนด้านนั้นได้ตีกันจนไฟลุกแล้ว ไม่รู้ว่า ผิดพลั้งหรืออย่างไรกัน ซูมิ่งเย่วก็ถูกใครจับแล้วคราหนึ่ง เจ็บแน่ ๆ ซูมิ่งเย่วน้ำตาไหลลงมาแล้วโดยตรง

สัมผัสเลือดบนใบหน้า รู้ว่าใบหน้าที่ตนภาคภูมิใจได้ถูก ทำให้ฉีกขาดเสียภาพลักษณ์แลล้ว ซูซึ่งเย่วโกรธจนไฟ พุ่งเข้าจิตใจ กรีดร้องเสียงแหลมเสียงหนึ่งก็เข้าร่วมใน สนามต่อสู้ สามคนต่อสู้กันพัลวัน ทั้งข่วนหน้าทั้งดึงผม ไม่มีอะไรที่ไม่ทำ

ตู่จีอยู่ข้าง ๆ ซูมิ่งเย่ มองดูทั้งสามคนต่อสู้กันเป็นพัลวัน ทั้งฝูง มองดูใบหน้าของคุณหนูบ้านตนอีก แทบตะลึงอึ้ง ตาค้างไป

ข้างหูได้ยินเสียงฝีเท้าข้างนอกดังมา ซูมิ่งเย่เก็บงำการ แสดงออกเล็กน้อย ขนตาหนาปิดบังดวงตาไว้แล้วให้รู้ แล้วรู้รอด มิอาจเห็นอารมณ์ออกมาสักนิด

กลุ่มของคนรับใช้มุดเข้ามาข้างใน แยกแถวยืนสองข้าง ดีแล้ว พระชายาอ๋องซื่อเจิ้งซึ่งถูกคนพยุงมือไว้จึงเดินออกมาจากตรงกลาง

สามคนที่กำลังต่อสู้ทั้งวันทั้งความแค้นเก่าไหมเพิ่มพูน

การต่อสู้จนมิอาจแยกจากกัน ไม่ได้สังเกตเห็นคนกลุ่ม ใหญ่เช่นนี้เข้ามาสักนิด

“ล้วนกำลังทำอะไร! ต่อสู้ตีกันเป็นภาพอะไร ยังไม่ยืนให้ข้าดีๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ