ฉันเป็นสายลับ ทำไมต้องเกิดใหม่

บทที่ 10 ออกแบบการลงโทษ



บทที่ 10 ออกแบบการลงโทษ

บทที่ 10 ออกแบบการลงโทษ

วาจาที่พระชายารองตรัสครึ่งหนึ่งจริงครึ่งหนึ่งเท็จ นางดู เหมือนจะฟังความคิดเห็นของซูมึงเย่ แต่ในความเป็นจริง กลับเป็นการบีบคั้นบังคับ หลังจากที่ซูมิ่งเย่เปลี่ยนแปลง ไม่เพียงแต่สติปัญญาเปลี่ยนจนไม่เหมือนคนโง่งมทั้งหมด ก็กระทั่งนิสัยเย็นชาจนเปลี่ยนเป็นคนละคนแบบนั้น

“มึงเย่ไม่รู้ว่าพระชายารองกำลังพูดถึงอะไร” ซูมิ่งเย่ กล่าวอย่างใบใบหน้าไร้อารมณ์

“มึงเย่ไม่คิดหาคู่ครองที่ดีหรือ?”

“ความรู้ตัวเองมิ่งเย่ไม่เล้ก นอกจากนี้” ซูมิ่งเย่เงยหน้า ขึ้น มองดูพระชายารอง ดวงตาเต็มไปด้วยความเฉยเมย “พระชายารองทำเช่นนี้ ท่านอ๋องรู้ไหม?”

พระชายารองบีบนิ้วแน่น หญิงสาวตรงหน้าเปลี่ยนไป แล้วจริง ๆ สถานการณ์ดังกล่าว ยังสามารถวิเคราะห์ อย่างไม่ช้าไม่รีบกับนาง

แต่ยังไม่ได้รอพระชายารองพูดอะไรอีก ก็เห็นเงาคนคน หนึ่งวิ่งพุ่งเข้ามาแล้ว
เมื่อครู่พระชายารองคิดจะกล่าววาจาตำหนิ เมื่อนางเห็น คนที่มาอย่างชัดเจนก็อดไม่ได้กลืนลงไปแล้ว นางเพียง มองดูบุตรสาว ในดวงตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและ ความปวดใจ

“โล่เอ๋อ เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ? ครึ่งค่อนคืนกลางดึก ทำไมเจ้ายังมาที่นี่?” พระชายารองก็ทรงเอ่ยพระโอษฐ์ ถามซูมิ่งโล่ก่อน

“ท่านแม่ ทําไมต้องให้โล่เอ่อสมรสกับคุณชายสามของ จวนซ่างซู?” ในวาจาซูมิ่งเย่เต็มไปด้วยความคับข้องใจ และความแค้นเคือง

“โล่เอ๋อ เจ้าอย่ารีบ ฟังท่านแม่ก่อน” พระชายารองมองดู ซูมิ่งโล่อย่างปวดใจ เหลือบมองไปยังซูมิ่งเย่ที่อยู่ด้านข้าง เป็นพักๆ

ซูมิ่งเย่ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิม ขนตาปกคลุมดวงตา ใน อารมณ์ปกคลุมเงาทะมึนหนึ่งไว้แล้ว

“ไม่ว่ายังไง ท่านจะให้ข้าแต่งงานกับไอ้เจ้าคนแบบนั้น ได้ยังไง! ไม่แต่ง! ไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่แต่งงาน!” ซูมิ่งโล่ กล่าว

“โล่เอ๋อ เจ้าฟังวาจาท่านแม่พูดก่อน เจ้ากลับไปก่อน” เห็นซูมิ่งโล่เป็นแบบนี้ เดิมพระชายารองรู้เกี่ยวกับนิสัยของบุตรสาวตนเองคร่าว ๆ ถ้าป็นยามปกติยังดี แต่ตอนนี้ ดูไปแล้ว…

แต่แม้ว่าเป็นเช่นนี้ พระชายารองก็ยังทรงตรัสอย่าง อดทนแล้ว ดูเหมือนเหมือนท่าทีต่อซูมิ่งเย่เมื่อครู่ ในความ เป็นจริงแตกต่างกันมาก

แต่ภายใต้การระเบิดความโกรธของซูเมิ่งโล่กลับไม่รับ ชุดนี้

“เจ้าให้ข้ากลับไป? เจ้าต้องการให้ข้ากลับไป หลังจาก นั้นรอที่จะแต่งงานหรือ?” ซูมิ่งโล่มองดูพระชายารอง กัด ริมฝีปากไว้แน่น

“ไม่นะ โล่เอ๋อ นี่…” พระชายารองคิดจะพูดอะไร แต่กลับ ไม่มีอะไรพูดออกมาได้แล้วทั้งหมด

“เป็นเช่นนี้อีก! ทำไมพวกเจ้ามักเป็นแบบนี้ตลอด! มีอะไร ดี พวกเจ้าต่างเพียงคิดถึงซูมิ่งหันเป็นอันดับแรก! ถ้าเขาดี จริงแบบนี้ ทำไมไม่แต่งงานกับพี่สาว!” ซูมิ่งโล่กล่าวด้วย ความโกรธแค้น

“โล่เอ๋อ เจ้าพูดแบบนี้ได้ยังไง?” พระชายารองทั้งตกใจ ทั้งโกรธ เสียงอดไม่ได้ยกระดับสูง “นั่นเป็นพี่สาวของเจ้า เจ้าทำไมเป็นท่าทีแบบนี้?”
“แต่ข้าก็เป็นลูกสาวของเจ้าน่ะ” เสียงของซูมิ่งโล่หนัก หน่วงลงมา ค่อย ๆ กลายเป็นสะอื้นไห้แล้ว

“โล่เอ๋อ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ข้าจะไปพูดกับท่าน อ๋อง เจ้าอย่าได้ผลีผลามทำอะไร” พระชายารองทรงปวด เศียรเป็นที่สุด นางก็ไม่รู้อธิบายให้บุตรสาวที่รักของนาง อย่างไรโดยสิ้นเชิง กล่าวเช่นนี้ พระชายารองทรงลุกขึ้น ก็จะทรงเดินไปข้างกายซูมิ่งโล่ปลอบใจนาง “ไม่ว่าเจ้า หรือยังเป็นอาหัน ต่างเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขบนร่างข้า ข้า รักเจ้าแทบไม่ทัน ไหนเลยจะทําร้ายเจ้าได้น่ะ?”

“ก็ต่อให้เป็นฝ่ามือหลังมือล้วนเป็นเนื้อ ก็ต้องมีลำดับ ความสำคัญเร่งด่วน!” กลับเป็นคำพูดหลังของพระชายา รองแทงใส่ซูมิ่งโล่จนเท้าเจ็บไปแล้วพอดี

ซูมิ่งโล่ผลักพระชายารองออกไป หันหลังไปเห็นซูมิ่งเย่ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้ว ความแค้นเคืองในใจยิ่งลึก “ยังมีเจ้า ยังมีเจ้า! นังสารเลวคนหนึ่ง ยังอยู่ด้านข้างดูข้าตลกด้วย!” กล่าวพลาง ซูมิ่งโล่ก็จะเดินไปข้างหน้าเพื่อผลักซูมิ่งเย่

แต่กลับไม่รู้เป็นอย่างไร มือของซูมิ่งโล่เห็นได้ชัดว่า กำลังดึงเสื้อผ้าของซูมิ่งเย่ แต่ในที่สุดตนเองกลับหมุนตัว กลับตาลปัตรพักหนึ่ง รอจนตอบสนองกลับมา ตนเองล้ม ลงกับพื้น
ส่วนในมือนาง…

ซูมิ่งโล่แหงนศีรษะขึ้นอย่างมึนงงบ้าง เห็นพระชายารอง ที่ประทับยืนอยู่ที่เดิม แต่สีพระพักตร์ได้กลายเป็นเข้ม หนาราวกับนํ้าหมึกที่มิอาจกลับกลายไปได้

นางเมื่อครู่….นางเมื่อครู่ทำอะไรไปแล้ว? ใช่แล้วดู เหมือนนางถูกอะไรสะดุดล้มลงแล้ว หลังจากนั้นขณะที่ ล้มลงได้ดึงเสื้อผ้าไว้ เป็นของท่านแม่?

ดูที่ยืนอยู่เดิมตรงนั้นอีกครั้ง พระชายารองได้โกรธเคือง จนตัวสั่นบ้าง วันนี้ในห้องโถงใหญ่ของจวนอ๋องชื่อเจิ้ง ยังมีบ่าวไพร่ไม่น้อย ต่างกำลังก้มศีรษะกระซิบกระซาบ นินทากัน

ความจริงเป็นฉากนี้ที่น่าเกลียดมากแล้ว คุณหนูในจวน ดึงเสื้อผ้าของท่านแม่ตนเองหกล้มลง ยังดึงเอาเสื้อผ้า ของพระชายารองขาดแยกออกแล้ว

“ฮ่ม!” ต่อให้รักโปรดปรานซูมิ่งโล่อีก พระชายารองก็ไม่ สามารถเก็บเอาหน้าไว้อีก ภายใต้สายตาของประชาชน สีพระพักตร์เขียวปั๊ด ส่งเสียงฮึมเย็นชาคราหนึ่งก็คิดจาก ไปอย่างเร่งรีบ

แต่สวรรค์ไม่ได้ให้คนสมปรารถนา พวกนางได้ยินเสียง ที่ทุ้มมั่นคงเสียงหนึ่ง “นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไร! ไม่เหลือหน้าตาแต่อย่างใด!”

ขณะเมื่อได้ยินเสียงนี้ สีพระพักตร์พระชายารองดู ซีดเซียว สีหน้าซูมิ่งโล่ก็เปลี่ยนเป็นดูผิดธรรมชาติมาก

เงาร่างที่หนักแน่นเงาหนึ่งเดินเข้ามา สีพระพักตร์เปี่ยม อำนาจทั้งที่ไม่ได้โกรธ เป็นอ๋องซื่อเจิ้ง แต่ตอนนี้พระองค์ ดูสีพระพักตร์ทรงเศร้าซึม ทอดพระเนตรซูมิ่งโล่และพระ ชายารอง กลิ่นอายพระพิโรธไร้รูปได้ลอยออกมาจาก วรกายของพระองค์เอง

“ท่านอ๋อง ดึกเช่นนี้ ทำไมพระองค์ยังไม่ทรงไปพักผ่อน เพค่ะ?” พระชายารองฝืนแย้มสรวล เอื้อมพระหัตถ์ทรงดึง พระภูษาของตน พยายามที่จะปกปิด แต่ทว่าไร้ประโยชน์


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ