ร้ายพ่ายรัก

บทที่12 หน้าที่(ที่รัก)



บทที่12 หน้าที่(ที่รัก)

ส่วนมะลิก็นอนห่มผ้าหลับตาอยู่ตรงโซฟา แต่ในหัวก็คิดถึงเรื่อง ภาคิน เธอแอบแปลกใจเล็กน้อยที่ภาคินยอมให้เธอทำกายภาพ ให้ ทั้งที่เธอเพิ่งมาทำงานวันแรกเอง ท่าทางภาคินเหมือนจะดื้อ มากเหมือนจะไม่ยอมง่ายๆ แต่กลับยอม ถ้าเกิดมีอะไรมากระตุ้ นอารมณ์ให้โกรธก็ไม่แน่อาจจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยก็ได้

ตกดึกมะลิได้ยินเสียงเหมือนอะไรบ้างอย่างตกในห้องของภาคิ นจึงรีบลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเปิดประตูเข้าในห้องพร้อมกับเปิดไฟ ให้สว่าง เห็นภาคินกำลังพยายามจะลงจากเตียง จึงทำนาฬิกาตั้ง โต๊ะหัวเตียงตกลงพื้น

“จะไปไหนคะ ทำไมไม่สั่นกระดิ่งเรียก”

“ฉันจะเข้าห้องน้ำ” มองหน้ามะลิด้วยความแปลกใจ ทำไมเธอ ถึงรู้ว่าเขากำลังจะลงจากเตียง ทั้งๆที่ห้องนอนก็อยู่ห่างกันพอ สมควร

มะลิช่วยพยุงภาคินนั่งลงบนวีลแชร์ไปเข้าห้องน้ำจนเสร็จ แล้ว ก็พากลับมานอนที่เตียง จัดแจงท่านอนให้ภาคินได้นอนสบายขึ้น ส่วนภาคินก็เอาแต่มองหน้ามะลิด้วยความสงสัย

“พี่คินมีอะไรหรือเปล่าคะ
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันจะลงจากเตียง”

“ได้ยินเสียงของในห้องตกพื้นค่ะ” มือดึงผ้าห่มให้ภาคิน

“หมายความว่ายังไง”

“มะลินอนตรงโซฟาหน้าห้องนี้เองค่ะ”

“งั้นเหรอ ออกไปเถอะฉันจะนอนแล้ว”

“ค่ะ มีอะไรก็สั่นกระดิ่งเรียกได้เลยนะคะ” ปิดไฟแล้วเดินออกจาก ห้องไป

เช้าวันใหม่ มะลิตื่นนอนตั้งแต่เช้าเก็บที่นอนไปไว้ในห้องนอน เหมือนเดิม จากนั้นก็ไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ พอเสร็จก็ตรง ไปยังห้องภาคิน เห็นภาคินนอนหลับอยู่บนเตียง เธอจึงไปเตรียม เสื้อผ้าให้เขาถ้าภาคินตื่นขึ้นมาจะได้หยิบสะดวกขึ้น มะลิหันไป มองที่เตียงภาคินขยับตัวตื่นพอดี

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอคะ” ส่งยิ้มสดใสให้ภาคิน

“เธอมาทําอะไร ในห้องของฉันแต่เช้า”

“ก็มาเตรียมเสื้อผ้าให้พี่ไงคะ”
“ฉันอยากเข้าห้องน้ำ”

“มาค่ะ มะลิช่วย”เดินไปพยุงตัวภาคินลงบนวีลแชร์แล้วเคลื่อน เข้าไปห้องน้ำ พอภาคินทำธุระส่วนตัวเสร็จ มะลิก็เข้าไปอาบน้ำ ให้ภาคินต่อ

“มะลิถอดเสื้อให้ค่ะ” ยื่นมือไปถอดเสื้อออกจนพ้นหัวของภาคิน

“เดี๋ยว กางเกงฉันถอดเอง”

“ให้มะลิถอดให้เถอะค่ะ จะลำบากถอดเองทำไม” ยื่นมือไปจับ ขอบกางเกงใส่นอนของภาคินพร้อมกับดึงลงมาช้าๆ ยังไม่พ้น สะโพกของภาคินเพราะยังนั่งทับอยู่

“พี่คินช่วยยกกันขึ้นหน่อยค่ะ”

“ฉันบอกว่าจะถอดเอง เธอยังจะดื้อถอดให้ฉันทำไม”

“ให้มะลิถอดเถอะ หรือว่าพี่อายคะ”

“เปล่า อยากทำอะไรก็ทำเลย ฉันคงห้ามเธอไม่ได้แล้วล่ะ” ยอม ให้มะลิถอดแต่โดน
มะลิถอดกางเกงภาคินออกเหลือแต่กางเกงชั้นใน จากนั้นก็ เตรียมสบู่อาบน้ำและบีบยาสีฟันใส่แปรงยื่นให้ภาคินพร้อมแก้ว ใสนําเปล่าเพื่อแปรงฟัน พอเสร็จก็จัดการอาบน้ำให้ภาคินที่ร่าง เปลือยเปล่าเหลือแค่กางเกงชั้นในตัวเดียวไม่นานก็อาบเสร็จ

มะลิกำลังเช็ดซับตัวให้ภาคินแห้ง แต่ยังเหลือกางเกงชั้นในที่ ยังเปียกอยู่ไม่ได้ถอดออก เธอจึงใช้ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่พันรอบเอว ภาคินไว้ จากนั้นก็ใช้มือสอดเข้าไปใต้ผ้าใช้มือดึงกางเกงชั้นใน ออกมาอย่างง่ายดายโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องกลัวว่าเธอจะเห็นของลับ

จากนั้นเธอก็ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ให้ภาคินพร้อมกับประแป้งให้ ภาคิ นได้แต่นั่งนิ่งทําตาปริบๆ ให้มะลิจัดการกับตัวเขาไม่ต่างอะไรจาก เด็กสองสามขวบเลย

“เธอจะทาแป้งให้ฉันอีกนานไหม”มองหน้ามะลิ

“ทําไมคะ ทาเยอะๆ จะได้หอมๆ” ใช้มือลูบไล้แป้งไปทั่วคอภาคิน

“พอได้แล้ว”

“ก็ได้ค่ะ” หยุดทาแป้งทันที
มะลิเดินไปหยิบกะละมังใส่น้ำเย็นผสมกับน้ำร้อนทำให้อุ่นขึ้น นำไปวางลงพื้นตรงเท้าภาคิน พร้อมกับวางเท้าทั้งสองข้างจุ่มลง ในน้ำอุ่นเพื่อให้ผ่อนคลายขึ้น

“รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ” เงยหน้าขึ้นมองหน้าภาคิน ทำให้สบเข้า กับสายตาภาคินที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว ภาคินจึงรีบเบือนสายตา ไปทางอื่น

“ว่ายังไงคะ รู้สึกอะไรไหม

“ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นแหละ

“เราต้องหมั่นทำกายภาพบ่อยๆ แล้วล่ะค่ะ ไม่แน่ทำไปสักเดือน พี่อาจจะกระดิกนิ้วเท้าได้แล้วก็ได้”

“มันง่ายอย่างที่เธอพูดก็ดีนะสิ”

“ไม่ง่ายและก็ไม่ยากด้วยค่ะ ขอให้พี่ตั้งใจก็พอ”

“พอได้แล้วฉันหิวข้าว”

“ค่ะ” ยกเท้าภาคินออกแล้วซับให้แห้ง ยกกะละมังไปเทน้ำทิ้งใน

ห้องน้ำ
จากนั้นก็พากันตรงไปยังบ้านใหญ่ เพื่อรับประทานมื้อเช้า เมื่อ นั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ก็ลงมือทานกัน ระหว่างทานก็พูด คุยกันไป

“พี่คินเมื่อคืนหลับสบายดีไหมคะ” มินถามขึ้น

“ก็ดี”

“ดียังไงคะ ดีแบบหลับสบายหรือว่าดีแบบอุ่นใจที่มีคนอยู่ใกล้ๆ”

“พี่ว่าเราทานไปเงียบๆ เถอะ”

“ก็ได้ค่ะไม่ถามพี่ก็ได้ ถามมะลิแทนดีกว่า”

“เป็นไงมะลิดูแลพี่คินเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดีจ๊ะ”มะลิเอ่ยยิ้มๆ

“ดียังไง ดีต่อใจใช่ไหม”มินถามกลับกระซิบข้างหูมะลิ

“มีความลับอะไรกันสองคนนี้” อัมพรเอ่ยขึ้น
“ไม่บอกค่ะ” มินส่งยิ้มให้อัมพร

“แม้เดี๋ยวนี้ มีความลับกันแล้วเหรอ”

“ก็มีนิดหน่อยค่ะแม่”ก้มหน้าทานข้าวต่อ

“คินลูก อีกสองวันหนูกิ่งกับครอบครัวจะมาเยี่ยมลูก เพิ่งโทรมาบ อกเมื่อกี้นี้เอง”

ภาคินได้ยินอย่างนั้นก็ชะงักไปชั่วครู่วางช้อนลงในจานข้าวทันที

“ผมขอตัวก่อนนะครับ” เคลื่อนตัวเองออกไปจากโต๊ะอาหารตรง ไปยังบ้านหลังเล็ก

ทุกคนในโต๊ะอาหารต่างก็มองตามหลังภาคินแล้วหันกลับมา มองหน้ากันด้วยความเป็นห่วงภาคิน พอพูดถึงกิ่งทีไรเหมือนภา คินจะไม่พอใจทุกครั้งไป มะลินั่งทานอีกคำสองคำก็รีบลุกออกไป เพราะเป็นห่วงภาคิน กลัวจะทำอะไรจนขาดสติไป ข้อความที่ภาคิ นเขียนในสมุดว่าอยากตายยังติดตาเธออยู่เลย

ภาคินพาตัวเองไปอยู่ตรงริมสระบัวมองไปข้างหน้า อย่างไร้จุด หมาย มะลิไปหยุดยืนข้างๆ วีลแชร์เงียบๆ หันไปมองหน้าภาคิน ด้วยความเป็นห่วง เธออยากรู้จริงๆ ว่าภาคินกำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้

“พี่คนอยากจะระบายอะไร ก็พูดออกมาเลย มะลิพร้อมรับฟังค่ะ”

“ไม่ต้องมายุ่ง”

“ไม่ยุ่งคงไม่ได้หรอกค่ะ มะลิมีหน้าที่ดูแลพี่

“ฉันอยากอยู่คนเดียว ”

“ไม่ได้ค่ะ มะลิจะอยู่ด้วย

ทำไมถึงอยากจะดูแลคนอย่างฉันนัก

“เพราะหน้าที่และทำในสิ่งที่รักค่ะ”

“เธอหมายความว่ายังไง

“เอ่อ มะลิหมายถึงทำตามหน้าที่ค่ะ ถ้าไม่รักในอาชีพที่ทำก็คง

ไม่มีความสุขหรอกค่ะ”

ภาคินได้แต่นั่งนิ่งคิดไปตามคำพูดของมะลิ แต่เรื่องของกิ่งยังกลับเข้ามาวนเวียนกวนใจเขามากกว่า แท้ายทีม ผู้ชายในห้อง แล้วถอดแหวนหมั้นคืนให้เขายังฝังลึกอยู่ในหัว ไม่มีวันลืม

“ออกไปก่อน ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก

“ก็ได้ค่ะ ” เดินออกไปจากตรงนั้นทันที

มันกำลังจะออกไปที่ร้านกาแฟจึงแวะมาดูภาคนสักหน่อยเพราะ ความเป็นห่วง ยืนมองพี่ชายตัวเองที่เอาแต่นั่งนิ่งอยู่ริมสระไม่ ไหวดิ่ง มะลิเดินเข้าไปยืนข้างๆ มินพร้อมกับแตะไหล่เบาๆ ให้ กำลังใจ

“ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าทำไมคนถึงโกรธทุกครั้งที่พูดถึงพี่กิ่ง ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายบอกเลิกเอง

“ใจเย็นๆ นะ เวลาเท่านั้นที่จะช่วยเยียวยาทุกอย่างได้มะลิเอ่ย

“ฉันฝากพี่ลินด้วยก็แล้วกัน ไปทำงานก่อนนะ

มะลิปล่อยภาคบอยู่คนเดียวนานพอสมควรแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ

“พี่คิน โอเคหรือยังคะ”

“อืม ไปทํากายภาพกันเถอะ”

“ค่ะ” จับเข็นวีลแชร์พาภาคินตรงไปยังห้องนอน ภาคินก็ยอมให้ มะลิเข็นแต่โดยดี

มะลิตั้งหน้าตั้งตาทำกายภาพให้ภาคินด้วยความมุ่งมั่นได้แต่หวัง อยู่ในใจลึกๆ ว่าภาคินจะขยับขาได้บ้างไม่มากก็น้อยในอีกเดือน สองเดือนข้างหน้า มะลิทำไปจนครบหนึ่งชั่วโมงก็หยุดให้ภาคิ นพักบ้าง

ทำไมเธอถึงอยากเป็นพยาบาล” ”

“ถามใครเหรอคะ” เอ่ยยิ้มๆ

“นี้เธอกวนฉันเหรอ”ทำเสียงเข้ม

“เพราะชอบและรักมั้งค่ะ”

“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากจะรู้แล้ว”
ไม่อยากจะรู้จริงๆ เหรอคะ”

“เธอ อย่ามากวนฉันให้มากนะ

“ก็ได้ค่ะ จะนอนหรือจะนั่งดีคะ

“นั่งก็แล้วกัน”

มะลิลุกขึ้นจากปลายเตียงเดินเข้าไปพยุงตัวภาคินจากท่านอน ให้ลุกขึ้นนั่งหย่อนขาลงข้างเตียง จากนั้นมะลิก็นั่งลงกับพื้น พร้อมกับนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อขาทั้งสองข้างของภาคินอย่าง เบามือและนุ่มนวลด้วยมืออันบอบบางของเธอ ภาคินก็นั่งมอง หน้ามะลิไปเพลินๆ

ด้านมินกำลังยืนรอให้บริการลูกค้าอยู่ตรงเคาร์เตอร์ ก็เห็นหมอ ต้นเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งใส่ชุด พยาบาลด้วย ซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

“คุณมินครับ ผมเอาเหมือนเดิมนะ

“ค่ะ”

“ไอซ์คุณอยากจะดื่มอะไรไหมหมอต้นหันไปถามคนที่ยืนอยู่

ข้างๆ
“ฉันเอาเหมือนคุณหมอก็แล้วกันค่ะ”

“คุณมินครับ เพิ่มเหมือนของผมอีกหนึ่งนะ

“ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

มินหันไปบอกพนักงานให้ทำตามที่หมอต้นสั่ง ส่วนไอซ์ก็ไปหา ที่นั่งรอ แต่หมอต้นกลับยืนอยู่ตรงเคาร์เตอร์ไม่ยอมไปนั่งรอที่ โต๊ะ

“คุณจะเอาอะไรเพิ่มไหมคะ”

“ไม่ ผมมีอะไรจะถามคุณหน่อย

“เรื่องอะไรเหรอคะ”

“มะลิไปอยู่บ้านคุณเป็นยังไงบ้าง”

“ก็สบายดีค่ะ ทำงานได้ปกติไม่มีปัญหาอะไร

“จริงเหรอครับ ได้ยินอย่างนี้ผมก็หายห่วง

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวทำงานก่อนนะคะ” เดินไปอยู่อีกมุมของเคาร์เตอร์

พอหมอต้นได้ยินข่าวมะลิอย่างที่ต้องการแล้วก็ยิ้มดีใจ จริงๆ แล้วเขาจะโทรไปถามมะลิเองก็ได้ แต่เขาเกรงใจเพราะเธอเพิ่งจะ ไปเริ่มงานเอง หมอต้นเดินไปนั่งตรงข้ามกันกับไอซ์รอกาแฟ ไม่ นานกาแฟก็ไปเสิร์ฟทั้งคู่ก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย

“ขอบคุณนะคะ ที่เลี้ยงกาแฟแล้วก็ไปส่งด้วย

“ไม่เป็นไรครับ คนทำงานที่เดียวกันก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว”

“ค่ะ” ส่งยิ้มกว้างให้หมอต้น

มินลอบมองหมอต้นกับไอซ์เป็นพักๆเพราะสงสัยในความ สัมพันธ์ของทั้งคู่ ถ้าเป็นแฟนกันแล้วหมอต้นจะถามถึงมะล็อก ทำไมมินคิดในใจ ก้มหน้าทำงานตรงหน้าต่อ

ไม่นานหมอต้นกับไอซ์ก็ออกไปจากร้านแล้วเลยไปส่งไอซ์ที่ บ้าน เพราะรถของไอซ์เสียอยู่ที่โรงพยาบาลพอดี หมอตันจึง อาสาไปส่งถึงบ้าน ขากลับหมอต้นก็แวะไปหามินที่ร้านกาแฟอีก ครั้ง

“คุณเย็นนี้ไปทานข้าวกับผมไหม เดินตรงเข้าไปหากินในเคาร์เตอร์

“ไม่ดีกว่าค่ะ ”

“ทําไมล่ะ เมื่อวันก่อนผมซื้อข้าวมาให้ก็ไม่ยอมทานเสียของหมด จนผมต้องเอาไปทิ้งถังขยะ แล้ววันนี้ผมชวนไปทานข้าวด้วยกัน คุณก็ไม่ไปอีก คุณโกรธผมเรื่องวันนั้นอยู่ใช่ไหม”

“ฉันขอตัวก่อนนะคะ” รีบเดินไปตรงหลังร้านพร้อมกับถอดผ้ากัน เป้อนออกจากตัว

“คุณคุยกันให้รู้เรื่องก่อนได้ไหม เดินตามหลังมินไปหลังร้าน

“ฉันจะกลับแล้ว คุณกลับไปเถอะค่ะ”

“ถ้าคุณยังโกรธเรื่องวันนั้นอยู่ ผมขอโทษที่ล่วงเกินคุณไป

“ฉันบอกคุณไปแล้วนะคะ ว่าไม่ได้โกรธอะไร

“ถ้าไม่ได้โกรธก็ไปทานข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ”

“ก็ได้ค่ะ แต่รออีกสักสองชั่วโมงนะคะ ฉันต้องเคลียร์บัญชี แต่ถ้า รอไม่ได้คุณก็กลับไปก่อนก็ได้ค่ะ”
“ได้สิ ผมรอได้” เดินไปหาที่นั่งรอทันที

มินไม่เข้าใจว่าหมอต้นจะมาชวนเธอไปทานข้าวด้วยทำไม แถม ยังมานั่งรอเป็นชั่วโมงอีก ส่ายหน้าเบาๆแล้วนั่งทำงานต่อ จน เวลาล่วงเลยไปถึงสองชั่วโมงมินจึงเก็บของหยิบกระเป๋าลุกเดิน ไปหาหมอตันที่นั่งรออยู่

“เสร็จแล้วเหรอ”ลุกขึ้นยืน

“ค่ะ ไปกันเถอะ”เดินนำหน้าออกไปจากร้านตรงไปที่รถของตัว

เอง

“เดี๋ยวคุณ ไปรถผมเถอะนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันขับตามหลังคุณไปเอง คุณอยากทานร้าน ไหนก็ตามใจคุณเลยค่ะ”

“ไปกับผมเถอะ เดี๋ยวผมกลับมาส่งเอง คุณไม่ต้องขับเองด้วย นั่ง ตากแอร์สบายๆ ”

“ก็ได้ค่ะ ” เธอไม่รู้ว่าหมอต้นจะอะไรกับเธอนักหนา

ระหว่างอยู่ในรถมินก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ส่วนหมอตันก็ แอบลอบมองหน้ามินอยู่บ่อยๆ เขายังจำรสจูบที่เขาเป็นฝ่ายฝังริมฝีปากหยักหนาของเขาเข้าไปแตะสัมผัสกับริมฝีปากนุ่ม จิ้มลิ้มของมิน อย่างเร่าร้อนจนไม่อยากที่จะถอนตัวออกมา

พอถึงร้านอาหารทั้งคู่ก็เดินเข้าไปนั่งและสั่งอาหารมาทาน ระหว่างที่ทานไปหมอตันก็ชวนมินคุย จนมาถึงเรื่องของมะลิที่ หมอต้นจะให้ความสนใจจนออกนอกหน้า

“มะลิกับคุณดูจะสนิทกันมากเลยนะครับ”

“ก็สนิทกันพอสมควรอยู่ค่ะ

“ว่าแต่มะลิเคยมีแฟนบ้างไหมครับ” ตัดสินใจถามออกไปตรงๆ

“ไม่เคยค่ะ แต่อาจจะมีแอบชอบอยู่บ้าง”

“แอบชอบใครเหรอครับ”

“ไม่รู้ค่ะ คุณอยากรู้ก็ต้องถามเจ้าตัวเอาเอง”

“แล้วถ้าผมจะไปเยี่ยมหามะลิที่บ้านคุณบ้าง จะได้ไหม”

“ได้สิคะ ตามสบายเลย”
“ขอบคุณมากครับ” กับหน้าทานข้าวต

“คุณจะชอบมะดีมากเลยนะคะ

“ครับ ผมยอมรับ ผมเคยขอเธอเป็นแฟนแล้ว แต่เธอปฏิเสธ แต่ ยังไงผมก็จะรอวันที่เธอพร้อม

มันได้ยินอย่างนั้นก็นั่งชะงักไปชั่วครู่กับสิ่งที่ได้ยิน ไม่คิดว่าหมอ ต้นจะรักมะลิถึงขนาดรอได้

“คุณรอได้ หมายถึงนานแค่ไหนก็จะรอเหรอคะ”

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ถ้ามะลิมีคนรักแล้วผมก็ไม่รอแล้ว หรือถ้าผมเจอคนที่ใช่ผมก็คงไม่รอแล้วล่ะ

“ค่ะ ฉันหวังว่าคุณจะสมหวังนะคะ ไม่แน่ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็น คนที่คุณพามาดื่มกาแฟที่ร้านด้วยก็ได้ค่ะ

“อ่อ ไอซ์เหรอครับ เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นแหละครับ

“ก็ไม่แน่นะคะ”

ไว้ผมเจอ ผมจะบอกคุณเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน มองหน้ามัน
“ค่ะ” รับคําสั้นๆ

มินพยายามเก็บอาการบางอย่างไว้ข้างในลึกๆ ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่า ตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน ที่รู้สึกไม่พอใจทุกครั้งที่หมอต้นพูดถึง ผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าเธอ แต่เขาคงไม่เห็นเธออยู่ในสายตาอย่าง แน่นอน เพราะตอนนี้เขามีมะลิอยู่เต็มหัวใจแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ