ร้ายพ่ายรัก

บทที่14 ไม่อยากขัดใจ



บทที่14 ไม่อยากขัดใจ

เช้าวันต่อมาภาคินดีนขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนขาดอะไรบาง อย่างไป เพราะไม่มีมะลิมาเตรียมเสื้อผ้าของใช้ต่างๆ ให้เขา เหมือนเช่นทุกเช้า พร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานๆมาให้เขาตลอด เวลาถึงเขาจะแสดงอาการไม่ชอบใจก็ตาม

“พี่คิน ตื่นแล้วเหรอคะ” มินเดินเข้ามาในห้อง

“ใช่ เพิ่งตีนเอง”

“ไปค่ะ ไปอาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันกัน” มินพยุงภาคินลงบนวีล แชร์แล้วเข็นเข้าไปในห้องน้ำ

พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จมินก็พาภาคินไปทานข้าวที่บ้านใหญ่ ระหว่างที่ทานข้าวไปมินก็คอยตักกับข้าวใส่จานภาคินอยู่ตลอด

“มิน มะลิจะกลับมากี่โมงลูก” อัมพรถามขึ้น

“น่าจะสายๆ มั้งค่ะ”

“เดี๋ยว ถ้ามินออกไปที่ร้าน แม่จะไปอยู่เป็นเพื่อนคินเองก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมอยู่คนเดียวได้”

“งั้นก็ตามใจลูกก็แล้วกัน”

ด้านมะลิกำลังนั่งทานข้าวเช้ากับพ่อและแม่ หลังทานเสร็จเธอ ก็จะกลับไปทำงานเลย ทานข้าวไปแต่ในหัวกลับคิดถึงภาคินที่ อาละวาดโมโหใส่เธอเมื่อวาน ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง

“มะลิลูกมือไปโดนอะไรมา ทำไมแดงๆ แม่ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อ วานแล้ว” อิ่มถามขึ้น

“เอ่อ หนูซุ่มซ่ามเองแหละแม่ เอาน้ำร้อนลวกมือตัวเอง”

“คราวหน้าคราวหลังก็ระวังหน่อยนะลูก”

“ค่ะ แม่”

หลังทานข้าวเสร็จมะลิก็เตรียมตัวจะกลับไปทำงานดูแลภาคิน ต่อ หยิบกระเป๋าสะพายบ่าเดินไปที่รถ โดยที่อิ่มเดินตามไปส่งที่

รถ

“กลับดีๆ นะลูก”
“ค่ะ หนูรักแม่นะคะ” เดินเข้าไปสวมกอดแม่ตัวเอง

“จ๊ะ แม่ก็รักลูก” ยกมือขึ้นลูบหัวมะลิเบาๆ

“ไปกันเถอะ” จอบเอ่ยขึ้น

มะลิให้จอบพ่อของเธอไปส่งที่หน้าไร่ จริงๆแล้วจอบอยากจะไป ส่งถึงบ้าน พงษ์ไพศาลแต่มะลิไม่อยากรบกวนพ่อตัวเอง ก็เลยจะ ขึ้นรถสองแถวไปเอง

ไม่นานรถก็มาจอดตรงหน้าปากซอย มะลิจึงลงจากรถและเดิน เข้าไปในซอยจนถึงบ้านพงษ์ไพศาล มะลิเดินตรงไปยังบ้านหลัง เล็ก ไม่เห็นภาคินอยู่ในบ้านก็เลยเดินตามหาจนไปถึงริมสระบัว เจอภาคินนั่งเหม่อลอยอยู่จึงเดินเข้าไปใกล้ๆ

“พี่คินค่ะ พร้อมทำกายภาพหรือยังคะ”

ภาคินไม่ตอบแต่หันไปตามเสียงของมะลิ แล้วหันกลับไปทาง เดิม มะลิเห็นอย่างนั้นก็ไม่อยากเซ้าซี้อะไรอีกกลัวภาคินจะโมโห ใส่เธอ

“ไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรค่ะ” หมุนตัวจะเดินออกไป

“เดี๋ยวก่อน ใครบอกว่าไม่อยากทำ”
“ค่ะ”

“ไม่ต้องทำหน้างงหรอก พาฉันเข้าไปข้างในสิ”

“ค่ะ” เดินไปเข็นภาคินเข้าไปข้างในบ้าน

พอเข้ามาในห้องนอนมะลิพยุงตัวภาคินลงบนเตียงและลงมือ ทำกายภาพทันที โดยไม่มีการพูดจาใดๆ กับภาคินเลยสักคำ ภาคิ นเห็นว่ามะลิเงียบผิดปกติก็เริ่มหงุดหงิดไม่พอใจขึ้นมามองหน้า มะลิที่เอาแต่ก้มหน้าทํากายภาพขาให้เขาไปเงียบๆ

ทําไปสักพักมะลิก็เปลี่ยนท่าให้ภาคินนอนราบลงกับเตียง จาก นั้นก็จับยกขาภาคินขึ้นลง เพื่อบริหารกล้ามเนื้อขาให้แข็งแรงขึ้น ทำอยู่นานพอสมควรมะลิก็วางมือหันไปมองหน้าภาคิน

“วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน จะลงนั่งบนวีลแชร์เลยไหมคะ”

“อืม”

มะลิพยุงตัวภาคินลงบนวีลแชร์ ส่วนภาคินก็เอาแต่มองมือของ มะลิที่ยังแดงๆ อยู่ อยากจะถามอาการว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ก็ปาก หนักไม่กล้าถามออกไป
“พี่คับ จะเอาอะไรไหมคะ”

“ไม่ ฉันไม่อยากได้อะไร

“งั้นมะลิขอตัวก่อนนะคะ

“เดี๋ยวก่อน” ยื่นมือไปคว้าแขนมะลิไว้ก่อน

“มีอะไรหรือเปล่าคะ ก้มลงมองมือภาคนที่จับแซบเธอไว้

“เปล่า ฉันแค่จะถามเธอว่ามือเป็นยังไงบ้าง”รีบปล่อยมือออก จากแขนมะลิทันที

มือไม่เป็นไรค่ะ แค่แดงนิดหน่อย อีกไม่กี่วันก็คงจะหายแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ เดินออกจากห้องไปทันที

ภาคินเห็นมะลิแสดงอาการไม่รู้สึกรู้สาอะไรก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา เสียดื้อๆ ที่มะลิไม่ร่าเริงและชวนเขาคุยเหมือนทุกครั้ง แต่กลับพูด น้อยถาม ตอบคำแค่นั้น

มะลิเดินไปในครัวบ้านใหญ่จัดการปอกผลไม่ใส่จานและน้ำส้ม หนึ่งแก้วใส่ถาดยกไปให้ภาคนที่นั่งอยู่ตรงริมสระบัว มะละกวาง จานผลไม้และแก้วน้ำส้มลงบนโต๊ะข้างๆภาคิน
“พี่คินของว่างค่ะ”

“ฉันไม่หิว”

“ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวมะลิมาเก็บเองค่ะ” เดินออก

ไปทันที

มะลิเดินกลับเข้าไปในบ้านนั่งลงบนเตียงมองมือตัวเอง ที่ยังแดง อยู่เพราะเกิดจากฝีมือของภาคิน ที่เธอไม่อยากพูดมากหรือเซ้าซี้ อะไรเขาอีกเพราะไม่อยากให้เขาโมโหใส่เธอและไม่อยากจะ ขัดใจเขาด้วย

สักพักมะลิก็ออกจากห้องไปยังริมสระบัวเพื่อที่จะเก็บจานผลไม้ และแก้วนําส้ม แล้วก็ต้องแปลกใจที่ผลไม้ในจานกับน้ำส้มหาย เกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว มะลิจึงหันไปมองหน้าภาคินที่นั่ง อยู่ข้างๆ ด้วยความสงสัยไหนเขาบอกว่าไม่หิวไงมะลิคิดในใจ

“ไม่ต้องแปลกใจหรอก ฉันทานเองแหละ เดี๋ยวคนเอามาให้จะ เสียน่าใจหมด”

“ค่ะ คนทำให้คงจะดีใจมากเลยตอนนี้”มะลิยิ้มกว้างพร้อมกับเดิน ถือจานและแก้วเอาไปเก็บ
ได้เวลาทานมื้อเที่ยงมะลิกับภาคินก็เข้าไปในบ้านใหญ่ ระหว่าง ที่นั่งทานอาหารไปอัมพรก็ถามอาการแม่ของมะลิขึ้นมา

“แม่หนูเป็นยังไงบ้างจ้ะ”

“หายดีแล้วค่ะ เป็นไข้หวัดธรรมดาเอง”

“อ่อ ดีแล้วล่ะ หนูจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลอีก”

“ขอบคุณค่ะ”

“แล้วคืนล่ะลูก ทำกายภาพหรือยังวันนี้”

ทำแล้วครับ”

“ดีแล้วลูก กล้ามเนื้อขาจะได้แข็งแรง ไม่แน่นะอีกหนึ่งปีข้าง หน้าลูกอาจจะกลับมาเดินได้ เหมือนคนปกติทั่วไปแล้วก็ได้” ส วัตรเอ่ยเสริมขึ้น

“ลูกต้องทำกายภาพทุกวันเลยรู้ไหม” อัมพรเอ่ยขึ้น

“ครับแม่”
“แม่คงต้องฝากความหวังไว้ที่หนูมะลิแล้วล่ะ” อัมพรหันไปส่งยิ้ม

ให้มะลิ

“เอาเป็นว่าหนูจะทำให้สุดความสามารถของตัวเองเลยก็แล้วกัน ค่ะ” หันไปส่งยิ้มให้ทุกคนบนโต๊ะอาหาร

ณ ร้านกาแฟ

มินกำลังนั่งพักอยู่ตรงเก้าอี้ในร้านด้วยอาการร้อนๆหนาวๆ เหมือนจะมีไข้ หมอต้นเดินเข้ามาในร้านพอดี

“คุณผมเอาเหมือนเดิมนะ”

“ค่ะ” ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปชงกาแฟทันที

“คุณวันพรุ่งนี้ ผมขอไปเยี่ยมมะลิที่บ้านคุณได้ไหม ผมจะขับรถ ตามหลังคุณไป”

“ได้สิคะ”

“ว่าแต่ทำไมคุณดูไม่ค่อยดีเลยล่ะ”

“ฉันไม่เป็นอะไร ได้แล้วค่ะ” ยกแก้วกาแฟวางลงตรงเคาร์เตอร์

หน้าหมอต้น
“คุณไม่สบายหรือเปล่า” หมอต้นจ้องหน้ามิน

“เปล่าค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะ” เดินตรงไปหลังร้านทันที

หมอต้นได้แต่มองตามหลังมินที่เดินไปหลังร้าน แล้วยกแก้ว กาแฟไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะแล้วนั่งจิบกาแฟไปเพลินๆ ส่วนมิน หยิบกระเป๋ากับกุญแจรถจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านเพราะเธอรู้สึก คั่นเนื้อคั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย

มินเดินออกมาตรงหน้าร้านแล้วเดินผ่านหน้าหมอต้นออกไป นอกร้าน ตรงไปที่รถของตัวเอง กำลังจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง แต่อยู่ๆ ก็หน้ามืดขึ้นมาเหมือนจะเป็นลมจากนั้นก็ดับวูบหมดสติ ไป ยังดีที่หมอตันมารับร่างเธอไว้ได้ทัน ก่อนที่มินจะล้มลงไปกอง ลงพื้น

“คุณได้ยินผมไหม” หมอต้นเรียกมินที่เป็นลมแน่นิ่งไป แต่ไม่มี การตอบสนองใดๆ หมอต้นจึงอุ้มมินเข้าไปในรถของตัวเองจาก นั้น ก็แล่นรถตรงไปยังโรงพยาบาลทันที

พอไปถึงโรงพยาบาลหมอต้นก็อุ้มมินเข้าไปและทำการ ปฐมพยาบาลด้วยตัวเอง พร้อมกับให้น้ำเกลือ ไม่นานมินก็ลืมตา ตื่นขึ้นมา พร้อมกับกระพริบตาถี่มองไปรอบๆ ตัวที่ไม่คุ้นเคย ขยับ ตัวจะลุกขึ้น หมอต้นก็เดินเข้ามาพอดี

“คุณจะลุกขึ้นมาทำไม นอนลงไปก่อน” จับตัวมินให้นอนลงไปบนเตียง

“ฉันจะกลับบ้าน

“รอให้น้ำเกลือหมดก่อนผมถึงจะอนุญาตให้คุณกลับ”

“คุณเป็นคนช่วยฉันหรอคะ”

“ใช่ผมเอง ที่เข้าไปรับตัวคุณไว้ตอนที่เป็นลม ก็เลยพามาโรง พยาบาล”

“ขอบคุณมากนะคะ ที่ช่วยฉันไว้อยู่ๆ ฉันก็หน้ามืดดับวูบไปเลย”

“คุณต้องพักผ่อนเยอะๆ นะรู้ไหม จะได้ไม่เป็นอย่างนี้อีก แล้วอีก อย่างที่คุณเป็นลมไปเพราะมีไข้ต่ำๆด้วย

“ค่ะ ฉันจะดูแลตัวเองให้มากกว่านี้”

“เดี๋ยวผมจะจัดยาให้คุณไปทานก็แล้วกัน”

“ค่ะ”
ไม่นานน้ำเกลือก็หมดกระปุก พอถอดสายน้ำเกลือออกมินก็ลง มาจากเตียงโดยมีหมอต้นช่วยประคอง หลังจากที่ไปรับยากับ เคลียร์ค่าใช้จ่ายเสร็จ ทั้งคู่ก็เดินออกไปตรงลานจอดรถ พอมินขึ้น ไปนั่งบนรถก็หันไปส่งยิ้มให้หมอต้น

“เดี๋ยวคุณไปส่งฉันที่ร้าน แล้วฉันจะกลับบ้านเองค่ะ”

“ให้ผมไปส่งเถอะ คุณยังดูอ่อนเพลียอยู่เลย”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดีขึ้นแล้ว”

ก็ได้ตามใจคุณก็แล้วกัน คุณก็ขับรถกลับดีๆล่ะ” หันไปมองหน้า ”

มิน

“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยฉันไว้ แถมยังต้องเสียเวลาคุณ

อีก”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นหมอเห็นใครเป็นอะไรตรงหน้าผมก็ต้อง ช่วยอยู่แล้ว”

“ค่ะ” รับคำสั้นๆ แล้วหันหน้าไปมองข้างทาง

หมอต้นไปส่งมินที่ร้านกาแฟจากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายกัน กลับ ระหว่างทางกลับบ้านมินก็อดที่จะเก็บเอาคำพูดของหมอต้นมาคิดไม่ได้ เขาพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกคนนั้นคือจรรยา บรรณของหมอ แต่เรื่องหัวใจเขาก็คงมีแต่มะลิเท่านั้น เธอจะ พยายามไม่คิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ไม่นานมินก็มาถึง บ้าน จากนั้นก็ขึ้นไปพักผ่อนบนห้องตัวเองทันที

ตอนเย็นของวันมะกำลังจะอาบน้ำให้ภาคิน ถอดเสื้อออกเหลือ แต่กางเกงมะลิมองหน้าภาคินเผื่อว่าเขาอยากจะถอดเอง เธอไม่ อยากทำอะไรที่ทำให้เขาไม่พอใจอีก

“พี่คินจะถอดกางเกงและอาบน้ำเองใช่ไหมคะ มะลิจะได้ไปรอ ข้างนอก” เดินจะออกจากประตูไป

“เดี๋ยว เธอนั้นแหละถอดและอาบน้ำให้ฉัน แล้วก็สระผมกับโกน หนวดให้ด้วย”

“ค่ะ” หันกลับไปมองหน้าภาคิน

มะลิเดินเข้าไปใกล้ๆ ภาคินจัดการถอดกางเกงแล้วลงมือสระผม และโกนหนวด ระหว่างที่มะลิโกนหนวดไป ภาคินก็มองหน้ามะลิ ไปเพลินๆ จนเจ้าตัวถึงกับประหม่าทำตัวไม่ถูก จึงได้แต่หลบสาย ตาภาคินเท่านั้น ใช้เวลาไม่นานมะลิก็จัดการอาบน้ำใส่เสื้อผ้าให้ ภาคินจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็พาไปทานข้าวเย็นกัน

หลังทานข้าวเสร็จมะลิก็เข็นภาคนไปตรงริมสระเพื่อสูดอากาศ สักพักมะลิก็เข็นภาคินเข้าไปในห้องนอน แล้วจึงกลับ เข้าไปในห้องของตัวเอง เพื่อทำธุระส่วนตัวและเปลี่ยนเป็นชุด นอน หอบผ้าห่มกับหมอนออกมาจากห้องไปวางลงบนโซฟาเพื่อ จะนอนในคืนนี้

พอจัดที่นอนเสร็จมะลิก็เดินเข้าไปในห้องภาคินเพื่อส่งเข้านอน เดินไปหยุดตรงข้างวีลแชร์ของภาคินเงียบๆ

“พี่คินง่วงหรือยังคะ”

“ก็นิดหน่อย”

“แล้วเธอล่ะ ง่วงหรือยัง”

“ก็นิดหน่อยเหมือนกันค่ะ”

“งั้นก็ช่วยพาฉันไปที่เตียงหน่อย”

“ค่ะ” เข้าไปพยุงยกตัวภาคินขึ้นจากวีลแชร์ไปที่เตียง แต่มะลิ กลับเดินเซเสียหลักทำให้ตัวภาคินเอียงเทน้ำหนักมาทางมะลิ จึง ทำให้มะลิรับน้ำหนักไม่ไหวเซล้มลงไปนอนลงบนเตียงโดยที่ ตัวของภาคินลงมาทาบทับข้างบนตัวเธออย่างจัง ทั้งคู่ต่างก็จ้อง มองสบตากัน ภาคินค่อยๆยื่นหน้าตัวเองเข้าไปใกล้ๆหน้ามะลิ มะลิจึงค่อยๆหลับตาลงช้าๆ ภาคินจึงใช้ริมฝีปากหยักหนาประกบจูบริมฝีปากอ่อนนุ่มของมะลิเบาๆ แล้วถอน ออกช้าๆมามองสบตากัน

“เอ่อ มะลิว่าพี่คินนอนเถอะค่ะ ดึกแล้ว” รีบลุกขึ้นพยุงตัวภาคินอ อกจากตัวเอง ลงนั่งบนเตียงด้วยอาการเขินอายที่อยู่ๆภาคินก็จูบ ริมฝีปากของเธอ

“ช่วยจัดท่านอนให้ฉันด้วย ฉันง่วงแล้ว” จ้องมองหน้ามะลิที่ เอาแต่ก้มหน้าเขินอายเขา

“ค่ะ” เข้าไปยกขาทั้งสองข้างของภาคินขึ้นเหยียดยาวนอนราบ ลงบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มให้

“ฝันดีนะคะ พี่คิน”

มะลิกำลังจะเดินออกไปแต่ภาคินกลับคว้าแขนดึงกระชากแรงๆ จนมะลิเซลงไปทาบทับตัวภาคินที่นอนอยู่บนเตียง

“ว้าย! พี่คินจะทำอะไรคะ”มะลิถามด้วยความตกใจ

“เปล่าฉันแค่อยากจะชื่นใจเธออีกครั้ง” ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้ม มะลิฟอดหนึ่ง

“พี่คินทำแบบนี้ทำไมคะ” ยกมือขึ้นมาจับแก้มของตัวเอง
“ไปนอนเถอะ ฉันจะนอนแล้ว” ล้มตัวลงนอนหน้าตาเฉยโดยไม่ ยอมตอบคําถามของมะลิ

มะลิเห็นอย่างนั้นจึงลุกขึ้นไปปิดไฟในห้องจนมืดสนิทแล้วปิด ประตูลง ไปนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับใช้มือยกขึ้นมาจับริมฝีปาก ของตัวเอง ด้วยความรู้สึกหลากหลายจนบอกไม่ถูก ว่าภาคนคิด อะไรถึงได้ทำอย่างนี้กับเธอ แต่ในใจลึกๆเธอก็รู้สึกดีที่ภาคินทำ กับเธอเหมือนคนรักกัน ถึงแม้จะไม่มีเหตุผลเลยก็ตาม มะลินั่งอยู่ สักพักก็ล้มตัวลงนอน

ส่วนภาคินก็ลืมตาอยู่ในความมืดด้วยความรู้สึกหลากหลาย ที่ เขาล้วงเกินมะลิลงไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเขา เป็นอะไรเพราะรู้สึกดีที่ได้ใกล้ชิดกันหรือว่าเพราะอะไรกันแน่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ