ร้ายพ่ายรัก

บทที่4 สิ้นหวัง



บทที่4 สิ้นหวัง

ทั้งสามคนจึงจําใจเดินออกมาจากห้องไม่อยากเซ้าซี้ถามภาคิ นอีก ปล่อยให้อยู่คนเดียวไปก่อน เพราะสภาพจิตใจของภาคิ นตอนนี้ค่อนข้างจะเปราะบาง ส่วนมินก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า ระหว่างพี่ชายตัวเองกับกิ่งมันเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่กันแน่

พอมินออกมาจากห้องแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ถือโทรหามะลิทันที เพื่อบอกอาการของพี่ชายตัวเองให้มะลิรับ รู้ พอมะลิรับสายมินก็เล่าอาการป่วยของภาคินให้มะลิฟังพร้อม กับเรื่องการถอนหมั้นของภาคินที่ยังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ของทั้งสองฝ่าย

“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คินจะเดินไม่ได้อีก” มะลิพูดออกมา ด้วยความเห็นใจ

“แต่ฉันก็หวังนะ ว่าพี่คินจะกลับมาเดินได้อีก” มินพูดออกไป อย่างมีความหวัง

“ฉันเอาใจช่วยเธอนะ หวังว่าคงจะมีปฏิหาริย์เกิดขึ้นกับพี่คิน”

“ขอบใจนะมะลิ ที่ให้กําลังใจกันเสมอ”

เธอกับมะลิเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะตอนเด็กๆเธอตามพ่อกับแม่และพี่ชายไปที่สวนส้มตลอด จึงได้เจอกับมะลิ ที่อยู่ไร่เจริญกิจซึ่งอยู่ติดกันกับสวนส้มทำให้ทั้งคู่สนิทกันตั้งแต่ ตอนนั้นเป็นต้นมา

“จ๊ะ เป็นเพื่อนกันก็ต้องให้กำลังใจสิ”

“ส่วนเหตุผลที่พี่คินถอนหมั้นฉันว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น แน่ๆ” มินเอ่ยขึ้น

” ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ

“ก็เท่าที่ฉันสังเกตพี่กิ่งทำตัวแปลกๆไม่เหมือนเดิม ฉันก็บอกไม่ ถูกเหมือนกัน” มินถอนหายใจแรงๆ

“ฉันว่าเดี๋ยวก็คงคืนดีกันเองแหละ พี่คนเขารักพี่กิ่งมากใครๆก็รู้ มะลิพูดปลอบใจมิน

“ขอให้เป็นอย่างที่เธอว่าก็แล้วกัน ฉันไม่กวนแล้วแค่นี้ก่อนนะ” มิ นเอ่ยขึ้น

“จ๊ะ ” มะลิรับคำสั้นๆ

หลังจากที่วางสายจากมิน มะลิก็อดเป็นห่วงภาคินไม่ได้ ตอนนี้ สภาพจิตใจคงจะแย่มากที่ต้องกลายเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ แถมยังมามีปัญหากับคู่หมั้นของตัวเองอีก

“อ้าว มะลิมานั่งอยู่ตรงนี้เอง พี่เดินหาตั้งนาน

“มีอะไรหรือเปล่าคะ พี่ต้น” หันไปมองหมอหนุ่มที่เดินเข้ามายืน ตรงหน้าเธอ

“พี่แค่จะชวนไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน”

“เที่ยงแล้วเหรอคะ” ลุกขึ้นยืน

“ใช่เที่ยงแล้วไปกันเถอะ” เดินนำหน้ามะลิออกไป

“ค่ะ” รับคำแล้วเดินตามหลังหมอหนุ่มไป

ทั้งคู่พากันเดินไปยังโรงอาหารของโรงพยาบาล หลังจากที่ซื้อ กับข้าวเสร็จแล้วก็ไปนั่งที่โต๊ะมุมหนึ่งของโรงอาหาร มะลิเอาแต่ นั่งเหม่อเขี่ยข้าวในจานไปมา

“มะลิเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมไม่ทานล่ะ” หมอต้นถามขึ้น

“เปล่าค่ะ มะลิไม่ได้เป็นอะไร” รีบตักข้าวเข้าปาก
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกพี่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณค่ะ มะลิแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง” เธออดที่ จะคิดเรื่องของภาคินไม่ได้ ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง

“ไม่มีอะไรก็ดีแล้วล่ะ” ก้มหน้าทานข้าวต่อ

หลังจากที่ทั้งคู่ทานข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง มะลิแยกตรงไปยังแผนกผู้ป่วยหญิง ส่วนหมอต้นแยกไปยังห้อง ตรวจโรคทั่วไปของตัวเอง ทั้งคู่เพิ่งจะสนิทและรู้จักกันก็ตอนที่ มะลิได้มาบรรจุที่โรงพยาบาลประจำอำเภอนี้ และเพราะส่วนมาก มะลิจะตามไปตรวจคนไข้กับหมอต้นอยู่เป็นประจำ ถ้าหากหมอมา ตรวจคนไข้ที่แผนกผู้ป่วยหญิง

ด้านกึ่งหลังจากที่ออกมาจากโรงพยาบาลตรงไปยังโรงแรมของ ตัวเอง แล้วขึ้นไปยังห้องทำงานกำลังนั่งทํางานไปเงียบๆ กายก็ เดินเข้ามาในห้องเธอ

“ว่าไงที่รักของผม” เดินเข้าไปยืนตรงหน้าโต๊ะทำงานของกิ่ง

“คุณจะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อนคะ” ถามด้วยน้ำเสียงไม่ พอใจ
“คุณจะมาเคร่งครัดอะไรตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะ อีกอย่าง เลขาคุณก็ไม่อยู่ไปไหนก็ไม่รู้

“ช่างเถอะ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”

“ผมจะมาถามว่าภาคินเป็นยังไงบ้าง คุณจะหงุดหงิดทำไม”

“เขาฟื้นแล้วค่ะ แต่ว่าเป็นอัมพาตเดินไม่ได้

“จริงเหรอ” พูดออกไปด้วยความตกใจ

“ค่ะ คิดไปคิดมาฉันก็มีส่วนที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้เหมือนกัน”

“มันเป็นอุบัติเหตุคุณอย่าคิดมากเลย แล้วอีกอย่างคุณคงไม่ อยากจะอยู่กับคนพิการใช่ไหม” กายจ้องหน้ากิ่ง

“ฉันรู้ค่ะ แต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้หรอก” จะให้เธอไม่รู้สึกอะไร เลยมันก็ทำไม่ได้เพราะเธอกับภาคินก็รักกันมานาน

“ผมเข้าใจนะ แล้วเรื่องถอนหมั้นล่ะ คุณจะเอายังไง”

“พี่คินจะบอกทุกคนเองค่ะ ว่าเขาขอถอนหมั้นกิ่งเอง ไม่ใช่กิ่ง เป็นฝ่ายขอถอนหมั้นเขา”
“ก็ดีคงจะรู้ตัวสินะ ว่าคงไม่มีใครอยากอยู่กับคนที่ช่วยเหลือตัว เองยังไม่ได้ แล้วจะมาดูแลคนอื่นได้ยังไง”

“คุณมีธุระกับฉันแค่นี้ใช่ไหมคะ”

เปล่าผมจะชวนคุณไปปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนผมคืนนี้”

“คุณไปเถอะค่ะ พรุ่งนี้เช้ามีประชุมฉันกลัวจะตื่นไม่ไหว”

“ก็ได้ผมเข้าใจ ถ้างั้นผมกลับไปทำงานก่อนนะ” ยื่นหน้าเข้าไป หอมแก้มกิ่งหนึ่งทีแล้วเดินออกจากห้องไป

ติ๊ดๆ เสียงโทรศัพท์กิ่งดังขึ้น พอเธอเห็นชื่อโชว์ขึ้นหน้าจอก็ แอบตกใจเล็กน้อย แต่ก็กดรับสายทันที

“ฮัลโหลค่ะ น้องมิน”

“พี่คินเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นพี่กิ่งจริงๆเหรอคะ” เปิดประเด็นขึ้น ทันที

“เอ่อคือ พี่คินเขาเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นพี่เองจ้ะ” พูดออกมาไม่ เต็มปาก

“พี่กิ่งแน่ใจนะคะ ว่าไม่ได้เป็นฝ่ายขอถอนหมั้นพี่คิน”
“แน่ใจสิจ๊ะ เราสองคนรักกันมากน้องมินก็รู้

แล้วเพราะอะไรคะ พี่คินถึงขอถอนหมั้นพี่” ”

“พี่คินบอกว่าอย่าเอาชีวิตของพี่ไปฝากกับคนพิการช่วยเหลือตัว เองไม่ได้อย่างเขาเลย พี่คนไม่อยากจะเป็นภาระให้พี่”

“แล้วพี่กิ่งก็ยอมเหรอคะ”

“ตอนแรกพี่ก็ไม่ยอมหรอก แต่พี่คินเขาไล่พี่เหมือนไม่รักกันเลย มินจะให้พี่ทำยังไงได้ล่ะ”

“พี่กิ่งก็รู้ว่าตอนนี้พี่คินเขาอ่อนแอทั้งจิตใจและร่างกาย พี่ควรจะ ดูแลเอาใจใส่เขาให้มากๆ

“พี่รู้ เอาเป็นว่าพี่จะไปเยี่ยมบ่อยๆ ก็แล้วกัน”

“มินลูกมาช่วยแม่หน่อย” เสียงอัมพรเรียกมันอยู่ทางด้านหลัง

“งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ ไว้เจอกันค่ะ” รีบวางสายทันที

“จ๊ะ” กิ่งรับคำพร้อมกับถอนหายใจแรงๆ
“มีอะไรคะ แม่”

“ลูกไปช่วยพูดกับคินหน่อย แม่ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วให้พี่เขายอม ทานข้าว”

“ค่ะ” มินรีบเดินเข้าไปข้างในห้องทันที มองพี่ชายที่นอนหันหลัง อยู่บนเตียง พอเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียงก็ยื่นมือไปจับไหล่ภาคิน เพื่อพูดคุยกัน

“พี่คินทำไมไม่ยอมทานข้าวล่ะคะ”

“พี่ไม่หิวเอาไปเก็บเถอะ”

“พี่อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ มินขอร้องล่ะทานสักคำสองคำก็ยังดี”

“มินยังจะหวังให้พี่กลับมาเดินได้อีกเหรอ ขนาดจะเข้าห้องน้ำยัง ต้องนั่งรถเข็นเลย ให้พี่ตายไปเถอะ พี่ไม่อยากอยู่แล้ว”

“หวังสิคะ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่มินยังไม่หมดหวังหรอกค่ะ พี่ก็เหมือนกันอย่าเพิ่งหมดหวังเลยเพื่อตัวเอง”

“พี่อยากตาย” น้ำไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
“มินรัก นะคะ อย่าพูดแบบนี้สิ ถ้าพี่ตายไปมินกับพ่อแม่จะอยู่กับ ใคร” นั่งลงบนเตียงขยับเข้าไปสวมกอดภาคินไว้แน่นพยายาม กลั้นน้าตาเอาไว้แต่ก็กลั้นไม่อยู่

อัมพรได้แต่ยืนมองสองพี่น้องกอดปลอบกันอยู่บนเตียงทั้ง น้าตา สุวัตรเดินเข้ามาพอดีอัมพรจึงเดินเข้าไปสวมกอดสามีตัว เอง สุวัตรมองภาพตรงหน้าน้ำตาคลอเบ้า

หลังจากที่ภาคินสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็ยอมทานข้าวแต่โดย ดี พอทานข้าวเสร็จพยาบาลก็ช่วยกันพาตัวภาคินลงจากเตียงนั่ง ลงบนวีลแชร์ เพื่อไปสูดอากาศที่สวนหย่อมหลังโรงพยาบาลเพื่อ ภาคินจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง โดยมีมินตามไปด้วย

“เป็นไงค่ะ รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม” มินยื่นมือไปจับมือภาคินไว้

“พี่อยากจะกลับบ้านเร็วๆ”

“อีกไม่กี่วันก็ได้กลับแล้วค่ะ เดี๋ยวมินจะจ้างพยาบาลพิเศษไปอยู่ บ้านเรา จะได้ทำกายภาพกับคอยช่วยเหลือดูแลพี่ด้วย”

“พี่ขอไปอยู่บ้านหลังเล็กนะ”

ทำไมล่ะคะ” ”
“พี่ต้องนั่งวีลแชร์อยู่บ้านหลังเล็กสะดวกกว่า”

“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นมินจะซื้อวีลแชร์ไฟฟ้าให้พี่ด้วยดีกว่าจะได้ สะดวกมากขึ้น”

“พี่ว่าไม่ต้องจ้างพยาบาลมาหรอก”

“ทำไมล่ะคะ พี่ต้องทำกายภาพบำบัดทุกวันนะคะ”

“ทำไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ยังไงพี่ก็เดินไม่ได้อยู่ดี”

“มินบอกพี่แล้วใช่ไหมคะ ว่าอย่าเพิ่งหมดหวังถ้ายังมีลมหายใจ อยู่ เชื่อมินนะคะ”

“พี่ขอนั่งเงียบๆ สักพักนะ” ภาคินนั่งเหม่อลอยมองไปข้างหน้า อย่างเลื่อนลอย อดที่จะคิดถึงกิ่งคนที่เขารักมากที่สุดไม่ได้ ไม่คิด เลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เธอหมดรักเขาแล้ว ยิ่งเขามีสภาพอย่างนี้ใคร จะอยากเข้าใกล้ น้ำตาเอ่อไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ