ร้ายพ่ายรัก

บทที่13 คนเดิมที่หายไป



บทที่13 คนเดิมที่หายไป

สองวันต่อมา

ปรีชากับนภาและกิ่งมาถึงบ้านพงษ์ไพศาล ตั้งแต่เช้า ทั้งหมด นั่งพูดคุยกันอยู่ในห้องรับแขก เรื่องที่คุยกันก็หนีไม่พ้นเรื่องของ ภาคิน เพราะทางพ่อแม่ของกิ่งตั้งใจมาเยี่ยมภาคินโดยเฉพาะ

“ขอบคุณมากนะคะ ที่อุตส่าห์มาเยี่ยมกัน”อัมพรเอ่ยขึ้น

“เราทั้งสองครอบครัวก็รู้จักกันมานานพอสมควร ผมเสียใจกับ เรื่องที่เกิดขึ้นด้วยนะครับ” ปรีชาเอ่ยขึ้น

“ขอบคุณครับ”สุวัตรเอ่ยขึ้น

“ว่าแต่คนอยู่ไหนเหรอคะ” นภาถามขึ้น

“อยู่บ้านหลังเล็กใกล้ๆ นี้เองค่ะ”

“อ่อ เหรอคะ” นภาพยักหน้า

“ว่าแต่หนูกิ่งเถอะ มีแฟนใหม่หรือยัง” อัมพรถามขึ้น
“เอ่อ ยังไม่มีค่ะ” ตอบไม่เต็มปากเต็มคำ

“ถ้าจะมีแม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ไม่ต้องรอคินเขาหรอก” อัมพร มองหน้ากิ่งด้วยความเอ็นดู

“ค่ะ” หลบสายตาอัมพร

ด้านมะลิพาภาคินไปสูดอากาศอยู่ตรงริมสระบัว กิ่งและ ครอบครัวเดินเข้ามาพอดี มะลิจึงปลีกตัวออกไปเพื่อให้ผู้ใหญ่คุย กัน

“คินลูกหนูกิ่งกับพ่อแม่เขามาเยี่ยมน่ะลูก” อัมพรเดินเข้าแตะ

ไหล่ลูกชาย

“ครับ”

“คินเป็นยังไงบ้าง สบายดีนะ” ปรีชาเอ่ยขึ้น

“ครับ ก็ตามที่เห็น”

“แม่หวังว่าลูกจะกลับมาเดินได้อีกนะ” นภาเอ่ยให้กำลังใจ

“ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนก็แล้วกัน” เคลื่อนวีลแชร์จะ เข้าไปในบ้าน
“เดี๋ยวก่อนค่ะ กิ่งขอคุยด้วยหน่อย

“งั้นเราก็ไปกันเถอะ ให้เด็กเขาคุยกันเอง” อัมพรหันไปบอกทุก คนแล้วเดินนําออกไป

“มีอะไร”

“คือกิ่งยังเป็นห่วงพี่เสมอนะคะ แล้วก็ขอให้พี่เดินได้เร็วๆ”

“แค่นี้ใช่ไหมที่จะบอก” ไม่ยอมมองหน้ากิ่ง

“แล้วก็ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมาด้วยค่ะ ที่กิ่งทำให้พี่เสียใจ”

ภาคินนิ่งไปภาพที่กิ่งขอถอนหมั้นยังวนเวียนอยู่ในหัวของเขา กำมือแน่นด้วยความโกรธ หันไปมองหน้ากิ่งน้ำตาคลอเบ้า

“กลับไปได้แล้ว แล้วไม่ต้องกลับมาอีก” เคลื่อนตัวเองผ่านหน้า กิ่งเข้าไปในบ้าน

กิ่งได้แต่มองภาคินผ่านหน้าตัวเองไปยืนอยู่ตรงนั้นสักพักก็เดิน กลับไปที่บ้านใหญ่เพื่อที่จะลากลับ

“อ้าว หนูกิ่งคุยกับพี่เขาเป็นยังไงบ้าง”อัมพรถามขึ้นเมื่อเห็นกิ่งเดินเข้ามาในห้องรับแขก

“ก็ดีค่ะ “นั่งลงข้างนภาแม่ตัวเอง

“แม่ก็ได้แต่หวังนะ ว่าพี่คนเขาจะกลับมาเดินได้อีก”

“ค่ะ หนูก็หวังอย่างนั้นเหมือนกัน” กิ่งเอ่ยเสริมขึ้น

นั่งคุยกันไปสักพักกิ่งและพ่อแม่ก็พากันกลับ ส่วนภาคินก็หาย เข้าไปในห้องนานพอสมควร มะลิเห็นว่าปล่อยภาคินอยู่ในห้อง นานพอแล้ว จึงเดินเข้าไปในห้องหยุดยืนอยู่ตรงด้านหลังภาคิน ที่เอาแต่นั่งนิ่งมองออกไปนอกหน้าต่าง

พี่คินเที่ยงแล้วไปทานข้าวกันเถอะค่ะ” ”

“ฉันไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องทานค่ะ ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวมะลิมานะคะ”

มะลิเดินตรงไปยังบ้านใหญ่เข้าไปในห้องครัวตักข้าวต้มกุ้งร้อนๆ ในหม้อใส่ถ้วย กำลังจะยกออกไปป่าชุ่มก็เดินเข้ามาในครัวพอดี

“อ้าว หนูมะลิจะเอาข้าวต้มไปไหน”
“จะเอาไปให้พี่คินค่ะ ”

“แล้วทำไม ไม่มาทานที่นี้ล่ะคะ”

“พี่คินบอกว่าไม่หิวค่ะ มะลิเลยจะเอาไปให้ทานที่ห้องเลย”

“งั้นก็รีบไปเถอะจ้ะ”

“มะลิขอตัวก่อนนะคะ” ยกถ้วยข้าวต้มออกไปจากห้องครัวทันที

มะลิถือถ้วยข้าวต้มร้อนๆเข้าไปในห้อง เดินไปหยุดยืนอยู่ตรง หน้าภาคินพร้อมกับส่งยิ้มให้

พี่คินข้าวต้มร้อนๆ มาแล้วค่ะ ทานซักหน่อยนะคะ” ”

“ก็บอกว่าไม่หิวไง”

“ทานซักหน่อยนะคะจะได้มีแรง” มะลิตักข้าวต้มร้อนๆขึ้นมาเป่า ให้คลายร้อนแล้วยื่นไปที่ปากของภาคิน

“ก็บอกว่าไม่หิว ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง ออกไป!” ปัดช้อน และถ้วยข้าวต้มร้อนๆในมือมะลิแรงๆ จนหกใส่มือมะลิทั้งสองข้าง แล้วร่วงตกแตกกระจายเต็มพื้นห้อง
“โอ๊ย!” มะลิร้องออกมาเพราะโดนน้ำข้าวต้มร้อนๆ ลวกมือทั้ง สองข้าง

ภาคินหันไปมองมะลิด้วยความตกใจที่เขาทำถ้วยข้าวต้มหกใส่ มะลิและร่วงตกแตกจนกระจายเลอะเต็มพื้นไปหมด แต่ก็ไม่ได้ เอ่ยหรือพูดอะไรออกมาเลยสักคำ

“เดี๋ยวมะลิให้แม่บ้านมาทำความสะอาดและเอาข้าวต้มมาให้พี่ ใหม่ก็แล้วกันค่ะ”

มะลิรีบเดินออกไปจากห้องภาคินตรงไปยังห้องของตัวเอง ภาคิ นได้แค่มองตามหลังมะลิที่เดินออกไปด้วยความเป็นห่วงล็กๆ ข้าง

มะลิรีบเปิดน้ำตรงอ่างล้างหน้าในห้องน้ำล้างมือทั้งสองข้างที่ โดนน้ำข้าวต้มร้อนๆ ลวก จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่พอเสร็จ ก็ตรงไปยังบ้านใหญ่เพื่อไปบอกคนในบ้านให้ไปทำความสะอาด ห้องและเอาข้าวต้มไปให้ภาคนใหม่ ส่วนตัวเองก็กลับเข้าห้อง ใช้เจลว่านหางจระเข้ทามือตัวเองเบาๆ เธอไม่คิดเลยว่าภาคินจะ โมโหร้ายขนาดนี้ ไม่เหมือนคนที่เธอเคยรู้จักเลยเมื่อหลายปีที่ แล้ว

เมื่อหลายปีก่อน

มินชวนมะลิเข้าไปเล่นด้วยกันในสวนส้ม พงษ์ไพศาลเพราะเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์พอดี ทั้งคู่กำลังช่วยกันเก็บส้มที่ ต้นใส่ตะกร้าเพื่อเอาไปทานกัน โดยมีภาคินยืนคุมคนงานอยู่ใกล้ๆ แถวนั้นพอดี มะลิกำลังยกตะกร้าส้มไปหามินที่อยู่อีกต้นหนึ่ง แต่ ด้วยความที่ทางเดินในสวนเป็นหญ้าชื้นและมีความลาดชันอยู่ พอสมควร ทำให้มะลิลื่นล้มลงไปกองกับพื้นทำให้ตะกร้าส้มเท กระจัดกระจาย ส่วนหัวเข่าก็ถลอกจนเลือดซึม

“โอ๊ย! ” นั่งเอามือกุมหัวเข่าของตัวเองไว้

“มะลิเป็นยังไงบ้าง” มินรีบวิ่งเข้ามาดู

“หัวเข่าถลอกนิดหน่อย” เอามือออกให้มินดูแผล

“มีเลือดออกด้วย ฉันเรียกพี่คินมาดูดีกว่า” มินเดินตรงไปหาภาคิ นทันที

“ไหนเป็นอะไรมากไหม” ภาคินนั่งลงยองๆ ดูแผลที่หัวเข่ามะลิ

“เจ็บนิดหน่อยค่ะ” เงยหน้าขึ้นมองหน้าภาคิน

“ลุกไหวไหม จะได้ไปทําแผลกัน”
“ไหวค่ะ” ลุกขึ้นยืนแต่กลับเดินกะเผลก

“มา ฉันอุ้มไปเองดีกว่า” ภาคินเข้าไปช้อนอุ้มมะลิตรงไปยังบ้าน พักของตัวเอง ระหว่างทางที่เดินไปมะลิก็แอบลอบมองหน้าภาคิ นไปตลอดทาง

ภาคินวางมะลิลงบนเก้าอี้แล้วเดินไปหยิบกล่องยามาทำแผลที่ หัวเข่าให้มะลิอย่างเบามือที่สุด

“แสบหน่อยนะ” ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดแผลเบาๆ

“แสบจังค่ะ” นิ่วหน้าแสบแผล

“เดี๋ยวก็หายแล้ว แผลนิดเดียวเอง”

“ค่ะ”

ภาคินล้างแผลเสร็จกำลังจะปิดแผลด้วยผ้าพันแผลแต่กลับ หาไม่เจอ ก็เลยหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาจากกระเป๋า กางเกง พับปิดแผลแล้วมัดให้แน่นตรงหัวเข่าของมะลิอย่าง เบามือที่สุด

“พี่คินจริงๆไม่ต้องปิดก็ได้ค่ะ”
“ต้องปิดสิ เดี๋ยวเชื้อโรคเข้าแผลหมด

“แต่นี้มันผ้าเช็ดหน้าของพี่นะ

“ไม่เป็นไรหรอก ผืนใหม่มีเยอะแยะ

ไว้มะลิจะซักมาคืนให้นะคะ

“ไม่ต้องหรอก ถือว่าฉันให้ก็แล้วกัน

“ก็ได้ค่ะ”

“มะลิเธอเป็นยังไงบ้าง มันเดินเข้ามาในบ้าน

“ฉันไม่เป็นไรแล้ว

“เดี๋ยวให้พี่คนไปส่งที่บ้านก็แล้วกัน หันไปมองหน้าภาคน

“ไม่ต้องหรอก ฉันเดินกลับเองได้ใกล้แค่นี้เอง” ลุกขึ้นเดินจะ ออกจากบ้านไป

ทำไมเธอถึงดื้อจัง มาฉันจะไปส่ง” จับดึงแขนมะลิให้เดินตาม ” เขาไป
มะลิเดินตามหลังภาคินไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย ระหว่างทางที่นั่ง รถไปมะลิก็เอานั่งเกร็งไม่กล้ามองหน้าภาคินอีกเพราะกลัวเขา รู้ตัว แต่กลับเป็นฝ่ายภาคินเองที่หันไปมองมะลิเป็นพักๆ แล้วก็อด ยิ้มออกมาไม่ได้เพราะมะลิเอาแต่นั่งก้มหน้าเหมือนกำลังกลัวหรือ ว่าอายอะไรอยู่

“มะลิเป็นอะไร” ภาคินถามออกไป

“เอ่อ เปล่าค่ะ” ส่ายหน้าเบาๆ

“เจ็บแผลเหรอ”

“นิดหน่อยค่ะ”

“หลังอาบน้ำก็อย่าลืมล้างแผลด้วยล่ะ”

“ค่ะ” หันไปมองหน้าภาคิน

ไม่นานรถก็แล่นมาจอดตรงหน้าบ้านมะลิ ก่อนจะลงจากรถมะลิก็ หันไปมองหน้าภาคิน

“ขอบคุณมากนะคะ ที่มาส่ง”

“ไม่เป็นไร อย่าลืมทำแผลล่ะ”
“ค่ะ” ส่งยิ้มหวานให้ภาคิน

มะลิยืนมองรถภาคินที่แล่นไปข้างหน้าจนลับตาไป จึงเดินกลับ เข้าบ้านตรงไปยังห้องนอนตัวเอง รีบแกะผ้าเช็ดหน้าของภาคินอ อกมาจากหัวเข่าแล้วเอาไปซักให้สะอาด จากนั้นก็เอาไปผึ่งให้ แห้งแล้วก็พับเก็บไว้เป็นอย่างดี

ติ๊ดๆๆ เสียงโทรศัพท์มะลิดังขึ้นเธอจึงรีบวางผ้าเช็ดหน้าของ ภาคิน ที่เธอเอาติดกระเป๋ามาด้วยลงบนเตียง

“ฮัลโหลค่ะ พ่อ”

“มะลิลูก แม่ไม่สบายจะกลับมาเยี่ยมหน่อยไหม”

“กลับค่ะ แล้วตอนนี้แม่อยู่ไหนคะ”

“พ่อพึ่งพาไปหาหมอมาเอง อยู่บ้านเรานี้แหละ”

“แล้วเป็นอะไรมากไหมคะ”

“เป็นไข้ตัวร้อนเฉยๆ แต่ถ้าลูกไม่ว่างก็ไม่เป็นไรไม่ต้องมาก็ได้”

“ว่างสิคะ มะลิจะรีบไปเดี๋ยวนี้ แค่นี้ก่อนนะพ่อ” กดวางสาย
มะริบหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องไปยังห้องของภาคน แต่ไม่ เข้าไปยืนมองด้านหลังภาคนที่นั่งหันหลังอยู่ เธอจะบอกราคม แต่เธอไม่อยากจะรบกวนเขาให้อารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาอีก ยืนอยู่สัก พักก็ออกจากบ้านหลังเล็กไปยังบ้านใหญ่เพื่อบอกให้ทุกคนรับ รู้ และไม่ลืมโทรบอกมันมะเดินออกไปหน้าปากซอยขึ้นรถสอง แถวไปลงหน้าไร่ จากนั้นจอบพ่อของเธอก็มารับเข้าไปในไร่

ด้านภาคนหันไปมองตรงประตูห้องเป็นพักๆ แต่กลับไม่มีใครว่า มะลิจะเข้ามาในห้องเลย เขาจึงเคลื่อนตัวเองออกไปจากห้องไป ตรงประตูหน้าห้องมะลิ เคาะประตูอยู่สักพักแต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงไปอยู่ตรงริมสระบัวรอ แต่ในใจลึกๆ ก็อดที่จะเป็นห่วงมะลิไม่ ได้ที่เขาโมโหเอาข้าวต้มหกใส่เธอ

มะลิเดินเข้าไปในห้องนอนเห็นอิ่มนอนอยู่บนเตียง จึงนั่งลง ข้างๆแล้วยื่นมือไปยังหน้าผากแม่ เพื่อสัมผัสว่ายังมีใช้อยู่ไหม

“ไม่มีใช้แล้ว แม่รู้สึกยังไงบ้างคะตอนนี้

แม่ดีขึ้นแล้วลูกจะลำบากมาทำไม บอกทางโน้นหรือยังว่าจะมา หาแม่
“บอกแล้วค่ะ มะลิกะว่าจะค้างสักคืนพรุ่งนี้ค่อยกลับไปทำงาน”

“ไม่ต้องค้างหรอก แม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก

“ก็มะลิเป็นห่วงแม่นี้ค่ะ อยากอยู่ดูแลใกล้ๆ โน้มตัวเข้าไปสวมแม่

ตัวเอง

“โตแล้วนะเรา จะอ้อนเหมือนตอนเด็กๆ ไม่ได้แล้วนะ”อิ่มยกมือ ขึ้นมาลูบหัวมะลิเบาๆ

“ไม่ให้อ้อนแม่ แล้วจะให้หนูไปอ้อนใคร”

“จ๊ะ แล้วจะค้างจริงๆ เหรอเรา”

“ค่ะ”

“แล้วทำงานเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ดีค่ะ พี่คินก็ให้ความร่วมมืออยู่บ้างนะคะ

“ดีแล้วล่ะ หนูต้องอดทนนะรู้ไหม
“ค่ะ หนูจะอดทน”

หลังมินกลับมาจากร้านกาแฟก็เดินไปยังบ้านหลังเล็กเข้าไปใน ห้องภาคิน เห็นถ้วยข้าวต้มวางอยู่บนโต๊ะ ส่วนภาคินก็เอาแต่นั่ง เงียบ แต่ตามองไปทางประตูห้องตลอดเวลาเหมือนกำลังรอใคร อยู่

“พี่คินได้ทานข้าวบ้างหรือยังคะ”

“พี่ไม่หิว”

“แสดงว่าพี่ไม่ได้ทานตั้งแต่เที่ยงแล้วใช่ไหมคะ”

“อืม”

“ถ้าอย่างงั้น เดี๋ยวมินอาบน้ำให้จะได้ไปทานข้าวเย็นกัน

“แล้วมะลิล่ะ” ตัดสินใจถามออกไป

“มะลิไม่ได้บอกพี่เหรอคะ ว่าจะกลับบ้าน

“กลับบ้านหมายความว่ายังไง” ภาคินขมวดคิ้วเข้าหากัน
“แม่มะลิไม่สบายค่ะ มะลิเลยกลับไปเยี่ยมและค้างที่นั้นหนึ่งคืน

วันพรุ่งนี้เช้าก็กลับมาแล้วค่ะ”

“แล้วทำไมเขาไม่มาบอกพี่ด้วยตัวเอง”

“คงจะรีบมั้งค่ะ หรือว่าพี่ไปอาละวาดอะไรใส่มะลิหรือเปล่าคะ ถึง ได้ไปไม่บอกไม่กล่าวเลย”

“ช่างเถอะ ใครจะไปจะมามันก็ไม่ใช่เรื่องของพี่” พูดด้วยน้ำเสียง หงุดหงิด

“งั้นก็ไปอาบน้ำกันค่ะ” มินเป็นภาคินเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นก็ จัดการอาบน้ำให้ภาคินจนเสร็จเรียบร้อย

หลังอาบน้ำเสร็จมินก็เป็นภาคินไปทานข้าวที่บ้านใหญ่ ระหว่าง ที่ทานข้าวทุกคนในโต๊ะอาหารก็พูดคุยกันไป ส่วนภาคินเอาแต่นั่ง เงียบไม่พูดไม่จาอะไรเลยสักคำ

“คินเป็นอะไรหรือเปล่าลูก”อัมพรถามขึ้น

“เปล่าผมไม่ได้เป็นอะไร”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ มะลิก็กลับมาแล้วค่ะ ไม่ต้องคิดถึงหรอก แต่ถ้า อยากจะคุยเอาเบอร์ไหมคะ เดี๋ยวมินเอาให้
“ไม่ต้อง” วางช้อนลงจานด้วยความไม่พอใจ

“มินแค่พูดเล่นเอง พี่คินโกรธเหรอคะ”

“เปล่า”

“จริงสิ มะลิเขามาบอกแม่เมื่อตอนกลางวัน ว่าแม่ป่วยแล้วก็รีบ ออกไปเลย สงสัยจะเป็นห่วงมาก” อัมพรเอ่ยขึ้น

“ค่ะ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง”

“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จหนูก็โทรหามะลิเขาสักหน่อยสิลูก” อัมพร เอ่ยขึ้น

“ค่ะแม่” มินรับคำ

หลังมื้ออาหารมินก็โทรหามะลิเพื่อถามอาการของอิ่มแม่ของ มะลิ จากนั้นก็ไปหาภาคินที่บ้านหลังเล็กเพื่อส่งเข้านอน พอ เข้าไปในห้องก็เห็นภาคินถือกระดาษอะไรบ้างอย่างอยู่ในมือ

“พี่คินนั้นอะไรเหรอคะ” ชี้ไปที่กระดาษในมือภาคิน

“เปล่าไม่มีอะไร” วางการ์ดที่มะลิให้ลงบนโต๊ะหัวเตียง
“ขอมินดูหน่อยนะคะ” มินหยิบการ์ดขึ้นมาอ่านแล้วก็ยิ้มกว้าง ไม่ คิดว่ามะลิจะแอบเขียนการ์ดให้กำลังใจพี่ชายตัวเองด้วย

“ยิ้มอะไร พี่จะนอนแล้ว” หันไปมองหน้าน้องสาวตัวเอง

“ยิ้มก็ไม่ได้ มาค่ะมินช่วย” พยุงตัวภาคินขึ้นเตียงนอน

มินจัดแจงท่านอนให้ภาคินนอนสบายพร้อมกับห่มผ้าให้ จากนั้น ก็เดินไปปิดไฟจนมืดสนิท แล้วเดินออกจากห้องไป ภาคินพยา ยามข่มตานอนแต่ก็นอนไม่หลับนึกถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวันที่เขา โมโหใส่มะลิจนทำข้าวต้มหกใส่เธอ แต่เธอกลับไม่เดือดร้อนอะไร แถมยังให้คนเอาข้าวต้มถ้วยใหม่มาให้เขาอีก แต่พอเธอจะกลับ บ้านไม่มาบอกเขาเลยสักคำ ถอนหายใจเบาๆ แล้วหลับตาลง

ด้านมะลิกำลังนั่งใช้เจลว่านหางจระเข้ทามือตัวเองอยู่ แล้วก็อด นึกถึงภาคินขึ้นมาไม่ได้ เธอไม่อยู่หนึ่งคืนเขาคงจะไม่เดือดร้อน อะไรหรอก เพราะจากเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันเหมือนเขาจะ โกรธและโมโหเธอมาก ที่ไปเซ้าซี้ให้ภาคินทานข้าว แต่ที่เธอทำ ไปเพราะความเป็นห่วงทั้งนั้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ