ร้ายพ่ายรัก

บทที่3 ความจริงที่เจ็บปวด



บทที่3 ความจริงที่เจ็บปวด

หลายวันต่อมา

มินนั่งกุมมือภาคินอยู่ข้างเตียง มองหน้าพี่ชายที่หลับใหลอยู่ ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาสักที แต่อยู่ๆ มือภาคินข้างที่มินจับไว้ ก็ขยับ เพื่อความแน่ใจอีกครั้งมินจึงปล่อยมือภาคินวางลงบน เตียง แล้วดูว่านิ้วมือขยับจริงไหม ปรากฏว่านิ้วมือภาคินขยับจริงๆ พร้อมกับขยับเปลือกตาลืมตาขึ้นช้าๆ

“พี่คินฟื้นแล้วได้ยินมินไหม เดี๋ยวมินเรียกหมอให้นะ” มินจับมือ ภาคินยิ้มทั้งนําตา

จากนั้นมินจึงรีบกดกริ่งตรงหัวเตียงเรียกหมอและเรียกพ่อกับแม่ ที่อยู่ข้างนอกให้เข้ามาข้างในห้องและไม่ลืมโทรไปบอกกิ่งเพื่อ ให้ทราบเรื่อง พอหมอกับพยาบาลเข้ามาในห้องก็ลงมือตรวจร่าง กายภาคินทันทีพร้อมกับทดสอบความจำโดยการสอบถามและ พูดคุย เพราะภาคินสลบไปหลายวัน

“คุณชื่ออะไรครับ” หมอถามออกไป

“ชื่อภาคินครับ” นอนกระพริบตาอยู่บนเตียง

“แล้วคุณจ๋าพ่อแม่และน้องสาวคุณได้ไหม” หมอหันหน้าไปทาง

ญาติคนไข้
“จําได้ครับ” หันหน้าไปมองตามหมอ

“โอเคปกติดี ไหนคุณลองขยับส่วนต่างๆ ของร่างกายคุณหน่อย สิครับ”

“ครับ” รับคําแล้วขยับแขนทั้งสองข้างก็ปกติดี จนภาคินขยับขา แต่กลับขยับไม่ได้ จึงทำให้ภาคินเริ่มแปลกใจมองไปที่ปลายเท้า ของตัวเองพร้อมกับมองหน้าหมอ

“ผมเป็นอะไรทำไมถึงขยับขาไม่ได้” มองหน้าหมอและหันไป มองหน้าครอบครัวของตัวเอง

“ไหนขอหมอทดสอบก่อน” เปิดผ้าห่มที่ปลายเท้าออก แล้วเคาะ ทีละข้าง

“เป็นไงครับ รู้สึกอะไรไหม” หมอถามหลังจากที่เคาะเสร็จ

“ไม่ผมไม่รู้สึกอะไรเลย” ตอบไปตามตรงตอนนี้เขาเหมือนคน ไม่มีขาเลย ขยับได้แต่ท่อนบนเท่านั้น

“หมอคงต้องเอ็กเซเรย์กระดูกสันหลังของคุณแล้วล่ะครับ” พูด จบก็หันไปบอกพยาบาลให้เตรียมห้อง

ไม่นานภาคินก็ถูกเข็นทั้งที่นอนอยู่บนเตียงเข้าไปในห้องเอ็กเซเรย์ พอเสร็จก็ถูกเข็นกลับเข้าในห้องพักฟื้นโดยมีมินอยู่ เป็นเพื่อน ส่วนอัมพรกับสุวัตรกำลังนั่งฟังผลการเอ็กซเรย์จาก หมออยู่อีกห้องหนึ่งด้วยใจจดใจจ่อ

“ผลเป็นยังไงบ้างครับคุณหมอ” สุวัตรถามด้วยความร้อนใจ

“จากที่หมอดูในฟิลม์เอ็กเซเรย์กระดูกสันไขสันหลังของคนไข้ ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทก จึงส่งผลทำให้ขยับขาทั้งสองข้าง ไม่ได้ครับ” ชูฟิลม์เอ็กเซเรย์ขึ้นแล้วชี้ให้ดู

“แล้วจะขยับขาได้เมื่อไหร่ค่ะ” อัมพรเริ่มเป็นกังวล

“หมอขอพูดตรง ๆ เลยก็แล้วกัน เนื่องจากกระดูกสันหลังได้รับ บาดเจ็บทำให้คนไข้เป็นอัมพาตเดินไม่ได้ครับ แต่ก็ยังมีทางรักษา ให้ดีขึ้นครับ”

สุวัตรกับอัมพรได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจกับสิ่งที่หมอบอกไม่คิดเลย ว่าพอลูกชายฟื้นขึ้นมาจะต้องมาเป็นอย่างนี้

“แล้วจะรักษายังไงครับหมอ” สวัตรถามต่อ

“มีสองทางครับคือ ผ่าตัดกับทำกายภาพบำบัด ถ้าผ่าตัดหมอไม่ รับรองนะครับว่าคนไข้จะกลับมาเดินได้เหมือนเดิมเพราะมีความ เสี่ยงสูง ส่วนการกายภาพบำบัดถ้าคนไข้หมั่นทำเป็นประจำก็จะดีขึ้นเองตามลำดับหรือถ้ามีปฏิหาริย์ก็อาจจะกลับมา เดินได้อีกครั้งครับ”

“แล้วคุณหมอว่าอันไหนดีกว่ากันครับ” สวัตรถามขอความเห็น ของหมอเพื่อคิดและตัดสินใจให้ดีที่สุด

“หมอว่ากายภาพเถอะครับ เพราะคนไข้เคสนี้ยังมีโอกาสกลับมา เดินได้อีก จากที่หมอดูกระดูกสันหลังถือว่าได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า เคสอื่นที่หมอเคยรักษามา แต่สิ่งที่สำคัญคือกำลังใจครับ”

“งั้นเราก็คงต้องทำตามที่คุณหมอแนะนำนั้นแหละครับ ” สวัตร ถอนหายใจแรงๆ เขาไม่คิดเลยว่าลูกชายคนเดียวของเขาจะเดิน ไม่ได้อีก

อย่างที่บอกครับกำลังใจสำคัญที่สุด หมอขอตัวก่อนนะครับต้อง ” ไปดูคนไข้ต่อ” ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป

พออัมพรกับสุวัตรออกมาจากห้องหมอก็เดินไปหยุดตรงหน้า ห้องภาคินกำลังชั่งใจกันอยู่ว่าจะบอกลูกชายกันยังไง กิ่งก็เดิน เข้ามาพอดี

“พี่คินเป็นยังไงบ้างคะ พอดีกิ่งติดงานค่ะ เลยมาช้าหน่อย” มอง หน้าสุวัตรกับอัมพรด้วยความแปลกใจที่ทั้งคู่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“คินเขาปกติทุกอย่างจ้ะ แต่ขาพี่เขา” อัมพรไม่กล้าพูดออกมา กลัวกิ่งรับไม่ได้

“ขา คินเป็นอะไรเหรอคะ” ขมวดคิ้วเข้าหากัน

“หนูกิ่งทำใจดีๆนะลูก คือขาพี่เขาขยับไม่ได้ เพราะกระดูกสัน หลังได้รับบาดเจ็บทำให้เป็นอัมพาต” สุวัตรตัดสินพูดออกไปตรงๆ

“อะไรนะคะ หมายความว่ายังไงกิ่งไม่เข้าใจ” กิ่งถามออกไปด้วย ความตกใจ

“คือพี่คินเขาจะเดินไม่ได้อีกแล้วลูก” สวัตรตอบออกไป

“กิ่งไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ”น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง เธอไม่ คิดเลยว่าอุบัติเหตุครั้งนี้มันจะทำให้ภาคินถึงกับเดินไม่ได้อีก

“แม่ไม่คิดเลยว่าคินจะต้องมาเป็นแบบนี้” อัมพรร้องไห้สะอึก สะอื้น

“พ่อยังไม่รู้เลยว่าจะบอกคินเขายังไงพ่อกลัวว่าเขาจะรับไม่ได้ แล้วก็คิดมาก” สุวัตรเอ่ยน้ำตาคลอเบ้า
“กิ่งเสียใจค่ะ ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้”ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หน้า

ห้อง

“พ่อว่าเราเข้าไปข้างในห้องกันเถอะ”สวัตรเอ่ยขึ้น

ทั้งสามคนพากันเดินเข้าไปในห้องโดยที่กิ่งเดินเข้าไปเป็นคน สุดท้าย มินกับภาคินหันไปมองพร้อมกัน พอภาคินเห็นหน้ากิ่งก็ หันหน้าหนีทันที

“คุณพ่อหมอว่ายังไงบ้างค่ะ มินกับพี่คนรอตั้งนาน” มินหันหน้า ไปทางภาคินที่นอนอยู่บนเตียง

“พ่อว่าให้ทุกคนออกไปก่อนดีกว่า พ่อขอคุยกับพี่เขาแค่สองคน” สุวัตรเดินเข้าไปยืนข้างเตียง

พอเหลือกันแค่สองคนพ่อลูกอยู่ในห้อง สุวัตรก็เริ่มเปิดประเด็น ขึ้นมา โดยการค่อยๆพูดและอธิบายก่อนเพื่อให้ภาคินได้เตรียมใจ

“คินจะรับได้ไหม ถ้าทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม”

“พ่อมีอะไรก็พูดมาตรงๆเลยดีกว่า ผมรับได้ทุกอย่าง”

“คือคุณหมอบอกว่ากระดูกไขสันหลังของลูกได้รับบาดเจ็บทำให้ขาลูกขยับไม่ได้แล้วก็” ไม่ยอมพูดต่อได้แต่มองหน้า ลูกชาย

“แล้วอะไรครับ บอกมาเถอะ” ภาคินเริ่มหงุดหงิด

“ลูกจะเดินไม่ได้อีก แต่ลูกไม่ต้องกลัวยังมีทางรักษาอยู่ ลูกอาจ จะกลับมาเดินได้เหมือนเดิมอีก” ตัดสินใจพูดออกไปตรงๆ

ภาคินได้ยินอย่างนั้นก็กํามือแน่นทั้งสองข้าง นํ้าตาคลอเบ้า เหมือนโลกทั้งใบแตกสลายไปต่อหน้า เขาจะเดินไม่ได้อีกแล้ว จริงๆใช่ไหม ส่ายหน้าไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินน้ำตาไหลอาบ แก้มทั้งสองข้างมองไปที่ขาของตัวเอง

“ไม่จริง ผมยังเดินได้อยู่” ดึงผ้าห่มออกทิ้งลงพื้นข้างเตียงมอง ขาตัวเองแล้วพยายามขยับ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเลยสักนิด

สวัตรเห็นอย่างนั้นจึงออกไปเรียกอัมพรกับมินให้เข้าไปในห้อง เพื่อปลอบภาคิน กิ่งก็เข้าไปเหมือนกันได้แต่มองอยู่ห่างๆ อัมพร

กับมินเข้าไปกอดปลอบภาคินไว้และให้กำลังใจ

“ลูกต้องเข้มแข็งไว้นะ ลูกจะต้องหายได้ยินไหม” อัมพรพูด

ปลอบภาคิน
“มินจะเป็นกำลังใจให้พี่นะ มินเชื่อว่าพี่จะต้องทำได้” มินเพิ่งจะ รู้ว่าพี่ชายตัวเองจะเดินไม่ได้อีก ก็ตอนที่ออกไปข้างนอกห้อง เพราะแม่ตัวเองเป็นคนบอก

“ผมไม่อยากจะเป็นภาระให้ใคร ผมน่าจะตายไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว” ถ้าเขาตายไปก็คงไม่ต้องมาอยู่ในสภาพนี้ จากคนที่เดินได้ปกติ ต้องมากลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้เหมือนคนอื่น

“อย่าพูดอย่างนั้นสิลูก ไม่ว่าคนจะเป็นอย่างไงพ่อกับแม่และน้อง ก็ยังรักลูกเหมือนเดิม ยังดีกว่าที่พวกเราเสียลูกไปไม่มีวันกลับมา จริงไหม” สุวัตรเดินเข้าไปสวมกอดลูกชายไว้แน่น

ภาคินเอาแต่ร้องไห้ไม่โต้ตอบใดๆ ส่วนกิ่งได้แต่มองดูทั้งน้ำตา อยากจะเข้าไปปลอบภาคินก็เหมือนจะไปซ้ำเติมให้เสียใจมากกว่า เดิม เธอเลยตัดสินใจเดินออกไปจากห้อง ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ หน้าห้อง

สักพักมินก็ออกมาจากห้องทั้งน้ำตา เจอกิ่งนั่งอยู่ตรงหน้าห้อง มินก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ อัมพรกับสวัตรก็เดินตามหลังมินออก มาเช่นกัน

“อ้าวหนูกิ่งเข้าไปหาพี่เขาสิ ไปให้กำลังใจ เขาหน่อย หนูลืมไป แล้วเหรอว่าหนูเป็นคนรักของพี่คิน” อัมพรเอ่ยขึ้น

“ค่ะ” กิ่งลุกขึ้นยืนพร้อมกับเช็ดน้ำตาทิ้งเดินเข้าไปข้างในห้อง

ภาคินนอนอยู่บนเตียงปล่อยน้าตาไหลย้อยลงมาข้างแก้ม กิ่ง เดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆเตียง ภาคินหันหน้าไปมองตามเสียงเท้า เดินเข้ามา

มาหาไมจะมาสมเพช ใช่ไหม”

“ไม่ใช่นะคะ กิ่งบอโทษ กิ่งอยากให้พี่เข้มแข็ง กิ่งเชื่อว่าพี่จะผ่าน มันไปได้ กิ่งจะเป็นกําลังใจให้ค่ะ”

“ถ้าไม่รักก็ไม่ต้องมาสนใจ พี่จะเป็นจะตายยังไงก็ไม่ต้องมา สนใจ” เบือนหน้าไปทางอื่น

“พี่ดิน งบอโทษ” นําตาไหลอาบแก้ม

“ออกไป! แล้วไม่ต้องกลับมาอีก”ตวาดใส่กิ่ง

ไว้กิ่งจะมาเยี่ยมใหม่ก็แล้วกัน” กำลังจะหมุนตัวเดินออกไป แต่ ภาคินเรียกไว้ก่อน

“เดี๋ยวก่อน เรื่องถอนหมั้นพี่จะบอกพ่อกับแม่พี่เอง ถอนๆไปก็ดี ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะอยู่กับคนพิการ อยู่ไปก็เป็นภาระเสีย เปล่าๆ จริงไหม” ยิ้มเย้ยให้กับตัวเองทั้งน้ำตา
“แล้ว จะบอกว่ายังไงค่ะ”

“ไม่ต้องห่วงหรอก พี่จะบอกว่าพี่เป็นฝ่ายขอถอนหมั้นเอง พอใจ หรือยัง”

“ขอบคุณค่ะ ที่พี่เข้าใจ งั้นกิ่งขอตัวกลับก่อนนะคะ” พูดจบก็เดิน ออกจากห้องไป

ภาคินได้แต่มองตามหลังกิ่งที่เดินลับตาไปพร้อมทั้งน้ำตา เขา ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดจะหักหลังเขาได้ลงคอ กำ แน่นด้วยความเจ็บปวด ยิ่งเขามีสภาพแบบนี้ใครเขาอยากจะอยู่ ด้วย ยื่นมือไปคว้าแก้วน้ำตรงหัวเตียงขว้างลงพื้นอย่างแรงเพื่อ ระบายความอัดอั้น

เพลง! แก้วแตกกระจายเต็มพื้นห้อง

“โธ่ เว้ย! ร้องตะโกนระบายออกมาเสียงดัง พร้อมกับใช้มือทั้ง สองข้างจับขยี้หัวตัวเองแรงๆ

เสียงแก้วแตกกับเสียงตะโกนของภาคิน ทำให้คนที่อยู่ข้างนอก ตกใจรีบวิ่งเข้าไปข้างในห้องทันที

“พี่คินใจเย็นๆ นะคะ ” มินเดินเข้าไปกุมมือภาคินไว้ ตาก็มองไปที่ พื้นห้องเห็นเศษแก้วแตกกระจายเต็มพื้น
“คินลูกเป็นอะไร ให้แม่ตามหนูกิ่งให้ไหม” ถามออกไปด้วยความ ห่วงใยเพราะกิ่งเพิ่งจะลากลับไปเมื่อกี้นี้เอง

“เปล่าผมไม่ได้เป็นอะไร ส่วนกิ่งปล่อยเขาไปมีความสุขเถอะ ครับ”

“ลูกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” อัมพรถามกลับด้วยความ

สงสัย

“เราถอนหมั้นกันแล้วครับ ผมขอถอนหมั้นเอง”ตัดสินใจบอกออก

ไป

“ทำไมล่ะ แม่ไม่เข้าใจก็ลูกรักหนูกิ่งจะตายทำไมอยู่ๆถึงไปขอ ถอนหมั้นเขา” อัมพรถามด้วยความร้อนใจ

“ไม่มีใครอยากจะอยู่กับคนพิการเดินไม่ได้อย่างผมหรอกครับ ปล่อยเขาไปเถอะ”

แล้วหนูกิ่งว่ายังไง”สวัตรถามขึ้น ”

“ก็ตกลงครับ”

“มินไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่สองคนจะเลิกกัน ทะเลาะกันมาก่อน หน้านี้แล้วใช่ไหม พี่ถึงไปดื่มเหล้าแล้วขับรถไปชนใช่ไหมคะ” มินหันไปถามภาคิน

“ออกไปให้หมดเลยผมอยากอยู่คนเดียว” พูดจบก็หลับตาลง

ทั้งสามคนจึงจำใจเดินออกมาจากห้องไม่อยากเซ้าซี้ถามภาคิ นอีก ปล่อยให้อยู่คนเดียวไปก่อน เพราะสภาพจิตใจของภาคิ นตอนนี้ค่อนข้างจะเปราะบาง ส่วนมินก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า ระหว่างพี่ชายตัวเองกับกิ่งมันเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่กันแน่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ