บทที่8 ทำความรู้จัก
หลายวันต่อมา
มินกำลังจะออกจากบ้านไปที่ร้านกาแฟจึงไปแวะหาภาคินที่บ้าน หลังเล็กก่อน เจอภาคินอยู่ที่ริมสระบัวพอดี
“พี่คินเป็นยังไงบ้างเมื่อคืนหลับสบายดีไหมคะ”
“ก็ดี”
“อย่าลืมไปทานข้าวเช้าด้วยนะคะ”
“พี่รู้แล้ว”
“งั้นมินขอตัวไปทำงานก่อนนะ” พูดจบก็เดินออกไป
ภาคินหันไปมองหลังน้องสาวตัวเองเดินไปแวบหนึ่งแล้วหัน กลับไปทางเดิม
“คุณคินไปทานข้าวกันเถอะค่ะ” น้อยเดินมาทางด้านหลังภาคิน ภาคินได้ยินอย่างนั้นก็เคลื่อนวีลแชร์ไปทางบ้านหลังใหญ่ด้วยตัวเอง น้อยได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินตามหลังไปเงียบๆ พอเข้าไปในบ้านภาคินก็ตรงไปที่โต๊ะอาหาร อัมพรกับสุวัตรนั่งรอ อยู่ก่อนแล้ว ระหว่างที่ทานอาหารไปอัมพรกับสุวัตรก็ชวนภาคิน คุย
“ช่วงนี้ลูกได้ทำกายภาพบ้างไหม” อัมพรเอ่ยขึ้นเพราะความเป็น
ห่วง
“อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลยครับเสียเวลาเปล่าๆ ” ภาคินเริ่มหงุดหงิด จะทำหรือไม่ทำมันก็มีค่าเท่ากัน
“แต่แม่อยากให้ลูกทำบ้างก็ยังดี”
“ผมอยากทำเมื่อไหร่เดี๋ยวผมจะทำเอง”พูดด้วยความหงุดหงิด
“คุณก็อย่าไปกดดันลูกให้มากเลย” สุวัตรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นภาคิน เริ่มไม่พอใจ
“ก็ได้จ้ะ ตามใจลูกก็แล้วกัน” อัมพรหันหน้ามาทางสามีตัวเอง
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จก็เหมือนทุกวันภาคินเอาแต่เก็บตัวอยู่ใน ห้อง ออกมาตรงริมสระบ้าง ไม่ยอมให้น้อยเข้าใกล้เพื่อทํากายภาพให้ แล้วยังอาละวาดทำลายข้าวของในห้องจนตก แตกกระจายไปทั่วห้องอีก
ด้านมินกำลังช่วยพนักงานในร้านจัดเตรียมของอยู่ตรงเคาร์ เตอร์ หมอตันก็เดินเข้ามาในร้าน ตรงมายังเคาร์เตอร์เพื่อสั่ง กาแฟทันที
“เอสเพรสโซ่ร้อนๆ แก้วหนึ่งครับ คุณมิน”
“คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไงคะ” มินถามออกไปด้วยความแปลกใจ
“ผมถามพนักงานของคุณเมื่อวันก่อนครับ”
“อ่อ เหรอคะ รอสักครู่นะคะ”
“ครับ” เดินไปนั่งโต๊ะมุมหนึ่งของร้านรอ
รอสักพักมินก็นำกาแฟไปเสิร์ฟให้หมอหนุ่มด้วยตัวเองถึงโต๊ะ
“ได้แล้วค่ะ” ยกถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะแล้วหมุนตัวไปตรงเคาร์เตอร์
“ผมขอเค้กวนิลาเพิ่มอีกหนึ่งชิ้นครับ” หันไปบอกมินตรงเคาร์
เตอร์
“ได้ค่ะ”
มินหยิบเค้กใส่จานพร้อมช้อนไปเสิร์ฟให้หมอต้น
“ขอบคุณครับ”
“ทานให้อร่อยนะคะ”
“ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ผมชื่อต้นครับ” เอ่ยยิ้มๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ส่งยิ้มให้หมอต้น
“เช่นกันครับ”
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“ตามสบายครับ”
มินเดินกลับไปที่เคาร์เตอร์แล้วยกแก้วกาแฟร้อนๆ ไปเสิร์ฟให้ ผู้ชายอีกโต๊ะหนึ่งที่กำลังคุยโทรศัพท์กับปลายสายอย่างดุเดือดเหมือนกำลังทะเลาะกัน
“ก็บอกแล้วยังไง ว่าผมไม่ได้มีอะไรผู้หญิงคนอื่น” ยกถ้วยกาแฟ ร้อนๆ ขึ้นดื่ม
“เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป
“มีอะไรค่ะคุณลูกค้า” มินหยุดเดินแล้วหันไปทางลูกค้า
“คุณเอากาแฟอะไรมาให้ผมดื่ม รสชาติหมาไม่แดก!” ตะคอกใส่ หน้ามิน
“ฉันก็ชงตามที่ลูกค้าสั่งแล้วนะคะ”
“งั้นก็ชงดื่มเองสิวะ” พูดจบก็ยกถ้วยกาแฟร้อนๆ สาดไปทางมิน จนลวกไปที่แขนข้างซ้ายของเธอ
“โอ้ย!”
“คุณ!”หมอตันรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เข้าไปหามินทันทีด้วยความ ตกใจ พร้อมจับดูแขนที่โดนกาแฟลวก
“คุณเจ็บมากไหม”
“นิดหน่อยค่ะ ” จับแขนของตัวเองไว้
“นี้คุณมันจะมากไปแล้วนะ” หมอต้นหันไปต่อว่าลูกค้า
“ก็มันไม่อร่อย”
“ไม่อร่อยก็ไปร้านอื่น คุณไม่ควรมาทำร้ายคนอื่นอย่างนี้ ทำไม ไม่บอกกันดีๆ”
“ก็ได้เอาค่าเสียหายไปก็แล้วกัน” ควักเงินในกระเป๋าออกมาวาง ลงบนโต๊ะแล้วจะเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน!” หมอต้นเรียกเอาไว้ก่อน
“อะไรอีกผมมีธุระจะต้องไปทำ
“ผมว่าไปคุยกันที่โรงพักดีกว่า”
พอหมอต้นบอกไปอย่างนั้นลูกค้าผู้ชายที่ก่อเรื่องก็หน้าถอดสี ทันที เพราะตัวเองผิดเต็มๆ ที่เอากาแฟไปสาดมิน
“คุณอย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยค่ะ” มินพูดขึ้น
” ทำไมล่ะเขาทำร้ายคุณถึงขนาดนี้คุณจะไปใจดีกับมันทำไม”
“อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลยค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก
“ก็ได้ แต่คุณต้องขอโทษก่อนถึงจะออกจากร้านไปได้ ถ้าไม่ อย่างนั้นก็ไปโรงพักกัน
“ผมขอโทษ พอใจหรือยัง” มองหน้ามินแวบหนึ่งแล้วหันไปทาง
อื่น
“ค่ะ” มินรับคำขอโทษเพราะไม่อยากจะให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต
หลังจากที่ลูกค้าคนที่ก่อเรื่องออกไปหมอต้นก็พามินไปล้างแขน ที่โดนน้ำกาแฟลวก โชคดีที่โดนแค่นิดเดียวและน้ำกาแฟก็ไม่ถึง กับร้อนมาก จึงทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีรอยแดงขึ้นมานิดหน่อย
“คุณทําเหมือนคุณเป็นหมอเลยนะคะ” มินนั่งให้หมอต้นใช้ผ้าก๊อ ซพันแขนให้
“ใช่ครับผมเป็นหมอ” เงยหน้าขึ้นมองหน้ามิน
“จริงเหรอคะ ไม่น่าละถึงดูคล่องจัง”
“ผมเพิ่งย้ายมาอยู่โรงพยาบาลประจำอำเภอนี้เองครับ”
“เหรอคะ เพื่อนฉันก็เป็นพยาบาลอยู่ที่นั้นเหมือนกันค่ะ”
“เหรอครับ แล้ว ออะไรครับ เผื่อผมจะรู้จัก”
“ชื่อมะลิค่ะ”
“ชื่อมะลิเหรอครับ ผมก็รู้จักนะครับแต่จะใช่คนเดียวกันไหมผมก็
ไม่แน่ใจ”
“เพื่อนฉันอยู่แผนกผู้ป่วยหญิงค่ะ”
“งั้นก็เป็นคนเดียวกันแล้วแหละครับ คุณเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว เหรอครับ”
“ค่ะ นานแล้วตั้งแต่เรียนมัธยมด้วยกัน”
“อ่อ”พยักหน้ารับรู้ “ยังเจ็บอยู่ไหมครับ”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณนะคะ””ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ” มองหน้ามิน
“ถ้าอย่างนั้นเพื่อแทนคำขอบคุณ เอาเค้กไปทานนะคะ”
มินลุกขึ้นแล้วไปหยิบเค้กสองชิ้นใส่กล่องยื่นให้หมอต้นทันที
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องก็ได้”
“รับไปเถอะค่ะ ไม่รับก็เสียน้ำใจฉันหมดสิคะ”
“ก็ได้ครับ” ยื่นมือไปรับกล่องเค้กจากมือมิน
“ทานให้อร่อยนะคะ” ส่งยิ้มให้หมอต้น
“ครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนก็แล้วกัน”
“งั้นฉันไปส่งคุณที่รถดีกว่า”
“ครับ” เดินนำหน้ามินออกมาตรงลานจอดรถข้างๆ ร้านกาแฟ
พอไปถึงรถหมอต้นก็ขึ้นไปนั่งด้านคนขับก่อนที่หมอจะออกรถ ไป มินก็ไม่ลืมขอบคุณหมอต้นอีกครั้ง อยู่รอจนรถลับตาไปจึงกลับเข้ามาข้างในร้าน นั่งลงบนเก้าอี้ใช้มืออีกข้างจับลงตรงผ้า ก๊อซ หมอต้นพันแขนให้เธอแล้วก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้
หมอนขับรถไปถึงอพาร์ตเมนต์ของตัวเองก็เข้าห้องทันที เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของเขา จึงได้หยุดพักผ่อนหลังจากที่ ทำงานอย่างหนักในโรงพยาบาล วางเค้กที่มินให้ลงบนโต๊ะแล้ว ก็อดที่จะนึกถึงใบหน้าของเธอไม่ได้ แต่ก็ต้องสลัดทิ้งเมื่อนึกถึง หน้ามะลิขึ้นมา เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามินกับมะลิจะเป็นเพื่อน กัน
มะลิกำลังทานข้าวอยู่ที่โรงอาหารคนเดียว ไอซ์ก็เดินเข้ามานั่ง ลงตรงข้ามเธอแล้วก็เปิดประเด็นขึ้นมา
“ทำไมวันนี้ทานข้าวคนเดียวล่ะ ปกติหมอต้นจะมานั่งทานด้วย ไม่ใช่เหรอ”
“วันนี้หมอหยุด ไอซ์มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าแค่ถามเฉยๆ ”
“แล้วไม่ทานข้าวเหรอ เที่ยงแล้ว”
“ไม่ฉันไม่หิว แล้วตกลงเธอกับหมอต้นคบกันเป็นแฟนหรือยัง” ไอซ์ถามออกไปตรงๆ
มะลิชะงักไปชั่วครู่ไม่คิดว่าไอซ์จะถามเธอแบบนี้
“ฉันกับหมอเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันก็มีสิทธิ์น่ะสิ”
“ก็คงงั้นมั้ง” ก้มหน้าทานข้าวต่อ
“ฉันไปก่อนนะ ทานข้าวให้อร่อยล่ะ” ไอซ์เดินยิ้มออกไป
มะลิส่ายหน้าให้กับท่าทางของไอซ์ที่แสดงความดีใจจนออก นอกหน้า เธอรู้ว่ามีพยาบาลหลายคนที่แอบชอบหมอต้น ตั้งแต่ที่ หมอตันย้ายมาประจำโรงพยาบาลนี้ ใครๆก็ต่างชื่นชมในตัวหมอ ต้นที่ทำงานอย่างหนัก เพื่อให้คนไข้ได้รับบริการที่ดี จนคนไข้ และคนในโรงพยาบาลต่างก็ชื่นชมในตัวหมอตันมาก หลังจากที่ ทานข้าวเสร็จมะลิก็กลับไปทำงานที่แผนกของตัวเองต่อ
ตกเย็นมินกลับบ้านก็ไปแวะหาภาคินที่บ้านหลังเล็กก่อนที่จะเข้า บ้านหลังใหญ่ เดินหาภาคินรอบบ้านแต่ก็ไม่เจอ จึงเดินเข้าไปใน ห้องเห็นภาคินกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่บนวีลแชร์ มองออกไปนอก หน้าต่างพร้อมกับถือโทรศัพท์ ที่เปิดรูปของกิ่งกับตัวเองค้างหน้าจอไว้
มินเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงด้านหลังภาคินจึงทำให้เห็นรูปที่เปิด ค้างไว้ ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้แสดงว่าภาคินยังอาลัยอาวรณ์กิ่ง อยู่ ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายบอกเลิกแท้ๆ
“พี่คินยังคิดถึง กิ่งอยู่เหรอคะ”
“มินทําไมมาเงียบๆล่ะ
“ถ้าพี่คินยังรักพี่กิ่งอยู่ทำไมถึงบอกเลิกล่ะคะ”
“ใครบอก ว่าพี่เป็นคน…. เรื่องนี้เด็ดขาด “หยุดพูดทันทีที่คิดได้ว่าจะไม่ให้ใครรู้
“บอกอะไรคะ พี่คิมหยุดพูดทําไมล่ะ มีอะไรที่มินไม่รู้หรือเปล่า”
“เปล่าไม่มีอะไร” ไหนๆ เขาก็เลิกกับกิ่งแล้วเขาไม่อยากจะพูด อะไรเกี่ยวกับกิ่งอีก
“ถ้างั้นมินขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนแล้วแขนไปโดนอะไรมา”
“พอดีมินชงกาแฟเลยโดนน้ำร้อนลวกนิดหน่อยค่ะ”
“จะทำอะไรก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน” พูดด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ มินระวังมากกว่านี้ พี่คินก็อาบน้ำได้แล้วจะได้ไปทานข้าวเย็น กัน”
“ไปเถอะไม่ต้องห่วงพี่หรอก”
“ค่ะ” เดินออกไปจากห้องทันที
ในระหว่างมื้ออาหารภาคินก็เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา มินจึงเปิด ประเด็นขึ้น
“พี่คินคิดถึงพี่กิ่งเหรอคะ”
“เปล่า”
“ถ้าคิดถึงก็โทรไปหาสิคะ ป่านนี้คงจะโกรธพี่แย่แล้วที่ไปบอก
เลิกเขา”
“พี่ไม่ได้รักเขาแล้ว พี่จะคิดถึงเขาอีกทำไม” พูดไปอย่างนั้นแต่ จริงๆ แล้วเขายังมีกิ่งอยู่เต็มหัวใจแต่สิ่งที่กิ่งทำกับเขามันเกินจะ
ให้อภัยได้
“ถ้ายังรักอยู่ก็ไปง้อเขาสิคะ จะให้มินตาม กิ่งมาบ้านเราเลย
ไหม”
“ไม่ต้อง!”ดวาดเสียงดังพร้อมกับก๋ามือแน่นด้วยความโกรธ
มินสะดุ้งตกใจกับท่าทางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟของภาคิน เพราะ พี่ชายของเธอไม่เคยจะเสียงดังกับเธอเลยสักครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้ง แรกที่ภาคินตวาดใส่เธอ
“คินลูกใจเย็นๆ น้องแค่ถามเพราะความเป็นห่วงเอง” อัมพรเดิน เข้าไปตบไหล่ภาคินเบาๆ
“พี่คินโกรธมินเหรอคะ มินขอโทษค่ะ” พูดพลางน้ำตาคลอเบ้า
“พี่ขอโทษก็แล้วกัน ขอตัวก่อน” เคลื่อนวีลแชร์ออกจากห้องรับ ประทานอาหารไป
ทำไมพอพูดถึงพี่กิ่งทีไร พี่คินจะต้องไม่พอใจตลอดเลยว่าไหม ” คะ” มินหันหน้าไปถามสวัตรกับอัมพร
“นั้นน่ะสิ แม่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ
“ก็คินเป็นฝายบอกเลิกเอง ธรรมดาแหละที่เขาจะโกรธ ไม่อยากจะพูดถึงอีก” สุวัตรเอ่ยขึ้น
“มินกลัวว่า คินจะเป็นโรคซึมเศร้าเข้าซักวัน”
“พ่อก็ว่าอย่างนั้นแหละ ” ถอนหายใจแรงๆ ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เพราะภาคินชอบเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง
ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกได้แต่มองหน้ากันแล้วถอนหายใจเท่านั้น ลงมือทานข้าวต่อคนละคําสองคํา จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำธุระ ส่วนตัวของตัวเอง
มินขึ้นไปบนห้องนอนนั่งมองแขนตัวเองที่โดนน้ากาแฟลวก จน เกิดรอยแดงแล้วก็อดนึกถึงหมอตันที่ช่วยปฐมพยาบาลให้เธอไม่ ได้ นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว
ภาคินพาตัวเองไปอยู่ตรงริมสระบัวมองออกไปในความมืดสลัว ซึ่งไม่ต่างอะไรกับชีวิตของตัวเองในตอนนี้ ที่มืดมนมองไม่เห็น อนาคตของตัวเองข้างหน้าเลย สำหรับเรื่องของกิ่งเขาอยากจะ บอกความจริงกับทุกคน ก็กลัวจะทำให้กิ่งเสียหายและทุกคนจะ รังเกียจเธอ แล้วอีกอย่างเขาก็ได้บอกเธอไปแล้วว่า เขาจะเป็น ฝ่ายที่ทําให้ทุกคนเข้าใจว่าเขาเป็นฝ่ายขอเลิกเองไม่ใช่เธอ
ด้านมะลิหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ยืนอยู่ตรงริมหน้าต่าง ในห้องมองออกไปข้างนอกในความมืดที่มีแสงไฟสลัวพอมองเห็นอยู่บ้าง ในหัวก็คิดถึงภาคินไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะ อ่านการ์ดที่เธอเขียนให้หรือยัง หรือถ้าอ่านแล้วก็ได้แต่หวังว่า ภาคินจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง ในการใช้ชีวิตต่อไปในวันข้างหน้า
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ