ตอนที่ 6 เข้าเฝ้าฮ่องเต้
ตอนที่ 6 เข้าเฝ้าฮ่องเต้
ที่นั่งบนบัลลังก์โม่ฉีสิงสวมชุดมังกรสีเหลืองนั่งอยู่บนบัลลังก์ มังกรด้านซ้ายและขวามีหญิงวัยกลางคนสองคนนั่งประกบสวม ชุดหรูหรามีสง่าราศี
“หม่อมฉันถวายพระพรเสด็จพ่อเสด็จแม่พระสนมเอก”โม่ฉีหมิง ไม่สามารถคุกเข่าลงได้จึงทำได้แค่ก้มหน้าเบาๆ
โล่หวินหลานคุกเข่าลงข้างๆ ไม่มีหมิงแล้วพูดว่า “หม่อมฉัน โล่หวินหลานถวายพระพรเสด็จพ่อเสด็จแม่พระสนมเอก
ภายในท้องพระโรงเงียบผิดปกติมันทำให้โล่หวินหลานที่คุกเข่า อยู่ไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมา ไม่รู้ว่าละครฉากนี้มันจะเป็นไปยัง ไงบ้าง?
“หมิงอ๋องทำไมเมื่อคืนนี้หลินอ๋องถึงได้ไปอยู่ในห้องหอของเจ้า ได้?” โม่ฉีสิงพูดขึ้นมาน้ำเสียงเหมือนกำลังจี้ถาม
ฮ่องเฮาที่อยู่ข้างๆ พูดแทรกขึ้นมาว่า “ฝ่าบาทเพคะท่านเชื่อ จริงๆหรอว่าผู่เอ๋อจะตัดของตัวเองทิ้งจริงๆ? อยู่ดีๆเขาจะตัดของ ตัวเองทิ้งทำไมกันน่าขำ หม่อมฉันคิดว่ามีคนตั้งใจทำร้ายผู่เอ๋ อมากกว่า”
โล่หวินหลานยิ้มมีคนคิดทำร้ายเขาหรอ? ทำไมไม่พูดมาตรงๆ เลยล่ะว่าโม่ฉีหมิงเป็นคนทำ
พระสนมเอกตอนเฟยนั่งน้ำตาตกอยู่ข้างๆ ก็พูดเสียงสะอื้นขึ้น มาว่า “ลูกชายที่น่าสงสารของหม่อมฉันอยู่ดีๆทําไมถึง…….ฝา บาทเพคะท่านจะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู่เอ๋อด้วยนะเพคะ”
ฮ่องเต้ฟังผู้หญิงสองคนพูดกรอกหูจนรู้สึกรำคาญใจ สีหน้า ของเขาเหมือนตาหนิเล็กน้อย พอได้แล้วขาก็กำลังถามอยู่นี่
ฮองเฮากับพระสนมเอกดวนเฟยเงียบ โล่หวินหลานคํานับ แล้วพูดว่า “ทูลฝาบาทเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหม่อมฉันอยู่ใน เหตุการณ์เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นหม่อมฉันขอเป็นคนเล่าเอง เพคะ”
โม่ฉีสิงมองไปที่โล่หวินหลานแล้วพูดว่า “เจ้าว่ามา
โล่หวินหลานหันหน้าไปข้างมองไปที่โม่ฉีหมิงที่ทำเป็นเหมือน มันไม่ใช่เรื่องของเขา เขามองมาที่นางโล่หวินหลานคิดว่าไม่ ฉีหมิงกำลังดูว่านางจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไงแล้วนางจะทำให้เขาผิด หวังได้ยังไงกัน
โล่หวินหลานแสร้งทำท่าทางหวาดกลัวแล้วพูดว่า “เมื่อคืนนี้จู่ๆ หลินอ๋องก็บุกเข้ามาในห้องหอหลังจากที่เขาผลักประตู เข้ามาก็บอกกับหมิงอ๋องว่าต่อไปเขาคงไม่อาจจะช่วยมีอะไรกับ ชายาของเขาได้อีกเพราะว่าเขาได้รับคัมภีร์สุดยอดวิชามาเล่ม หนึ่งในคัมภีร์เขียนไว้ว่าหากจะฝึกวิชานี้จะต้องตอนตัวเอง ดังนั้น หลินอ๋องก็เลยให้หมิงอ๋องเป็นพยานตอนตัวเองต่อหน้าหมิงอ๋อง เพคะ”
พูดจบก็ทำสีหน้าหวาดกลัวแบบสุดขีด
โม่ฉีหมิงขมวดคิ้วแอบด่านางในใจว่านังผู้หญิงคนนี้กล้าหยาง เกียรติเขาต่อหน้าคนอื่นแบบนี้เขาโกรธมาก
เมื่อพูดจบฮ่องเฮากับพระสนมเอกตอนเฟยก็ลุกขึ้นมาต่อว่า ยกใหญ่ “เหลวไหลสิ้นดี”
โม่ฉีสิงตบเก้าอี้มังกรแล้วตะคอกว่า “หุบปากเดี๋ยวนี้”
ฮ่องเฮากับพระสนมเอกตวนเฟยไม่กล้าส่งเสียงอีก ทั้งสอง จ้องไปที่โล่หวินหลานด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ
โม่ฉีสิงได้ยินชัดเจนสีหน้าของเขาเคร่งขรึมแล้วถามว่า “เมื่อกี้ เจ้าบอกว่าหลินอ๋องมีอะไรกับพระชายาแทนหมิงอ๋องเรื่องนี้จริง หรือเปล่า?”
โล่หวินหลานตอบกลับไปว่า “หลินอ๋องพูดกับท่านอ๋องเองหาก สํามาทไม่ทรงเชื่อทรงถามท่านอ๋องได้เพคะ”
“หมิงอ๋องเจ้าตอบมา” ไม่มีสิ่งจ้องไปที่ไม่มีหมิง
ไม่มีหมิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมานําเสียงของเขามันเหมือนกำลัง เยาะเย้ยตัวเอง เสด็จพ่อร่างกายของหม่อมฉันพิการไม่ต่าง อะไรกับคนไร้ประโยชน์ น้องเจ็ด เรื่องนั้นแทนหม่อมฉันมันก็ สมควรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
โม่ฉีสิงโกรธมากเขาลุกขึ้นมาจากเก้าอี้มังกรแล้วตะคอกว่า “ไป เอาตัวเจ้าลูกไม่รักดีมาที่นี่เดี๋ยวนี้”
คนที่อยู่ด้านนอกประตูเมื่อได้รับคำสั่งก็รีบไปทันที บรรยากาศ ในท้องพระโรงเคร่งเครียดทุกคนไม่กล้าพูดอะไรเลย โล่หวิน หลานถึงแม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาแต่ก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาสองคู่ที่ กําลังจ้องมาที่นางราวกับจะฆ่านางลงตอนนี้
ผ่านไปครู่หนึ่งโม่ฉีก็ถูกคนหามเข้ามาเขานอนอยู่บนเปล เนื่องจากเสียเลือดไปมากทำให้สีหน้าซีดเซียวเมื่อคืนหลังจากถูก ส่งกลับวังก็สลบไม่รู้เรื่อง ตอนนี้เพิ่งจะฟื้นก็ถูกหามมาที่นี่แล้ว
“หลินอ๋องก่อนหน้านี้หลายครั้งที่หมิงอ๋องแต่งงานเจ้ามีอะไรกับชายาของเขางั้นหรือ?”โม่ฉิสิงถามเขาด้วยน้ำเสียงเย็น ชา
โม่ฉี เพิ่งฟื้นมาร่างกายอ่อนแอเหมือนจะไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่ เสียงของโม่ฉีสิงถามดังอยู่ในหูของเขาจากนั้นก็พยักหน้าแล้ว พูดว่า “พี่ร่างกายไม่ดีหม่อมฉันทำแทนก็สมควรแล้ว
โม่ฉีสิงโกรธมากยังไม่ทันพูดอะไรออกมาฮ่องเฮาที่อยู่ข้างๆก็ ถามขึ้นมาว่า “งั้นแม่ขอถามเจ้าหน่อยทําไมเจ้าถึงได้กลายเป็น แบบนี้ไปได้?”
สายตาของทุกคนจ้องไปที่โม่ โม่ปูนอนอยู่บนพื้นสายตา มองไม่ชัดเขาตอบกลับว่า “หม่อมฉันได้คัมภีร์ทานตะวันมาเล่ม หนึ่งในนั้นเขียนเอาไว้ว่าหากต้องการฝึกวิชานี้จะต้องตัดของตัว เองทิ้งไปดังนั้นหม่อมฉันก็เลยทำตาม
โล่หวินหลานแอบยิ้มไม่หมิงเหมือนจะตะลึงไปส่วนฮ่องเต้ก็ กริ้วหนักมากฮ่องเฮากับพระสนมเอกตอนเฟยก็มีสีหน้าที่ไม่ค่อย อยากจะเชื่อ
“เหลวไหล”โม่ฉีสิงตะคอกโกรธจนควันออกหู
พระสนมเอกตอนเฟยพูดขึ้นมาว่า “ฝ่าบาทเพคะในเมื่อคัมภีร์ปีศาจเล่มนั้นทำร้ายผู่เอ๋อจนเป็นแบบนี้เราควรจะค้นมันออก มาแล้วหลายทิ้งซะจะได้ไม่เป็นภัยต่อคนอื่นอีก”
โล่หวินหลานได้ยินพระสนมเอกตอนเฟยพูดแบบนี้ในใจก็อึ้งไป แอบคิดในใจว่านางฉลาดมากเป็นผู้หญิงที่เหลี่ยมจัดเหมือนกัน หากว่าคันไม่เจอคัมภีร์ทานตะวันงั้นก็กลายเป็นว่าไม่มีหลักฐาน น่ะสิ?
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ