บทที่7 เห็นใจ
วันต่อมา
มะลิตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อไปใส่บาตรจากนั้นก็ไปเข้าเวรเช้าต่อที่ แผนกผู้ป่วยหญิง กำลังเดินเข้าไปในแผนกก็เจอหมอต้นเดินออก มาพอดี
“อ้าว พี่ต้นกำลังจะออกเวรเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ พี่ง่วงมากเลย ว่าจะไปหากาแฟร้อนๆ ดื่มสักหน่อย”
“งั้นมะลิขอตัวก่อนนะคะ
“จ๊ะ ไปเถอะ พี่ก็จะกลับแล้วเหมือนกัน” ส่งยิ้มให้มะลิแล้วเดิน ออกไป
ด้านมินกำลังวุ่นอยู่กับการจัดร้านกาแฟของตัวเองกับพนักงาน อีกสองคน เพราะใกล้เวลาที่ร้านจะเปิดแล้ว ถึงจะเป็นร้านเล็กๆ แต่เธอก็ภูมิใจที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก มินกำลังเช็ดทำความ สะอาดแก้วอยู่ตรงเคาร์เตอร์ ลูกค้าคนแรกก็เดินเข้ามาพอดี
“คุณครับผมขอเอสเพรสโซ่ร้อนๆ ที่หนึ่งครับ”หมอตันเอ่ยขึ้น
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ คุณลูกค้า” มินพูดทั้งที่ยังหันหลังอยู่
“ครับ” เดินไปหาโต๊ะนั่งที่อยู่มุมหนึ่งของร้าน สายตาก็กวาดไป ทั่วร้านปกติเขาจะดื่มอีกร้านหนึ่งแต่วันนี้ร้านปิดเขาเลยต้องมา ร้านนี้
มินจึงรีบลงมือชงกาแฟด้วยตัวเองเพราะให้พนักงานอีกสองคน ออกไปซื้อของช่วยกันเพื่อเอามาเติมในร้าน พอชงเสร็จมินก็ยก ไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะด้วยตัวเอง
“ได้แล้วค่ะ จะรับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ” พูดพลางยกแก้วกาแฟลง วางบนโต๊ะ
“ผมขอเค้กอีกสักชิ้นหนึ่งก็ได้ครับ” เงยหน้าขึ้นมามองหน้ามิน
พอหมอตันเห็นหน้ามินก็หยุดมองไม่ได้ เหมือนกับต้องมนต์ สะกด เพราะเธอทั้งสวยและน่ารัก จนมินเริ่มประหม่าทำตัวไม่ถูก ที่อยู่ๆ ก็ถูกผู้ชายแปลกหน้ามองไม่ยอมละสายตา
“คุณจะรับเค้กอะไรดีคะ”
“เอ่อ ผมขอเป็นเค้กนมสดก็แล้วกันครับ”
“ขอโทษค่ะ ทางร้านเราไม่มี
“เอ่อ แล้วมีเค้กอะไรบ้างครับ”
“มีเค้กช็อคโกแลต กับวนิลาค่ะ”
“งั้นผมเอาเค้กช็อคโกแลตก็แล้วกันครับ” ยกแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม
“ค่ะ ” เดินตรงไปที่ตู้เก็บเค้กแล้วหยิบเค้กช็อคโกแลตที่ตัดเป็น ชิ้นออกมาใส่ในจานเล็กๆ แล้วยกไปเสิร์ฟให้หมอหนุ่ม
“มาแล้วค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ”
“ขอโทษนะครับ ร้านนี้เพิ่งเปิดเหรอครับ ทุกอย่างยังดูใหม่อยู่ เลย”
“ใช่ค่ะ เพิ่งเปิดมายังไม่ถึงปีเลย”
“อ่อ เหรอครับ” พยักหน้ารับรู้แล้วทานเค้กกับกาแฟต่อ
มินเห็นพนักงานสองคนเดินถือของที่ให้ออกไปซื้อเดินเข้ามา ในร้านพอดี เธอจึงรีบเข้าไปช่วยถือแล้วเอาไปเก็บช่วยกันที่เคาร์ เตอร์
“ครบหมดตามที่สั่งให้ชื้อแล้วใช่ไหมจ้ะ”
“ครบหมดแล้วค่ะ พี่มิน” ขิงเอ่ยขึ้นที่เรียกเจ้านายตัวเองว่าพี่ เพราะมินอยากให้เป็นกันเองมากขึ้น
“เก็บตังครับ” หมอต้นหันไปตรงเคาร์เตอร์
“ครับ”เอส พนักงานชายอีกคนจึงรีบเดินไปที่โต๊ะของหมอหนุ่ม ทันที พอคิดเงินเสร็จกำลังจะเดินกลับไปทำงานของตัวเองต่อ แต่ ถูกเรียกเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนครับ ไม่ทราบว่าผู้หญิงสวยๆ คนนั้นชื่ออะไรเหรอ ครับ” หันไปมองทางมิน
“ชื่อพี่มินครับ เป็นเจ้าของร้าน” เอสเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณครับ ไว้ผมจะมาอุดหนุนใหม่” หันไปมองหน้ามินแวบ หนึ่งแล้วเดินออกจากร้านไป
“ครับ”
ด้านภาคินกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงริมสระบัวมองออกไปข้าง หน้าอย่างไร้จุดหมายน้ำตาคลอเบ้า
“คุณคินไปทํากายภาพกันเถอะค่ะ” น้อยเอ่ยขึ้น
“ผมไม่อยากทํา จะไปไหนก็ไปไม่ต้องมายุ่ง
“งั้นทานผลไม้ก่อนก็ได้ค่ะ” วางจานผลไม้ไว้บนโต๊ะ
“ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงออกไป!” ตวาดเสียงดัง
“ค่ะ พี่ไปเดี๋ยวนี้แหละ” รีบออกไปจากตรงนั้นทันที
พอน้อยออกไปภาคินก็หันไปปัดจานผลไม้แรงๆ จนตกแตก กระจายเกลื่อนพื้น เพื่อระบายความเก็บกดที่อยู่ข้างใน กำมือแน่น จนเห็นเส้นเลือดปูดปูนอย่างเห็นได้ชัด น้อยได้แต่มองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าไปใกล้ จึงรีบวิ่งไปบอกอัมพรกับสวัตรที่อยู่ในบ้าน ปกติจะเรียกมินแต่มินไปที่ร้านตั้งแต่เช้าแล้ว
อัมพรกับสุวัตรทราบเรื่องก็รีบมาที่บ้านหลังเล็กด้วยความร้อนใจ เห็นภาคินนั่งหันหลังอยู่ และเศษจานแตกกระจายเต็มพื้น อัมพร จึงเดินเข้าไปปลอบด้วยการกอดและลูบหัวเบาๆ
“คินเป็นอะไรไหนบอกแม่มาสิ อย่าเก็บไว้คนเดียวเลยนะลูก”
“ผมอยากตายครับแม่ ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม” กอดอัมพรไว้แน่นน้ำตาไหลอาบแก้ม
“อยู่เพื่อแม่กับพ่อและน้องยังไงล่ะ เราทุกคนรักลูกมากนะรู้ ไหม”
“ครับผมรู้ ผมแค่ไม่อยากเป็นภาระให้ใครจะต้องมาดูแลอีกแล้ว”
“ไม่มีใครเป็นภาระใครทั้งนั้นแหละ ขอให้ได้อยู่ดูแลกันไปตลอด ชีวิตก็พอแล้ว แม่ขอแค่นี้แหละ” พูดพลางน้ำตาคลอเบ้า
“ผมเป็นห่วงสวนสัมครับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกลูกคนงานเขาทำตามที่ลูกสั่งไว้ทุกอย่าง
แล้ว”
ภาคินไม่ตอบหรือพูดอะไรอีก แต่กลับสวมกอดอัมพรไว้แน่น เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้ตัวเอง เพราะตอนนี้เขารู้สึกว่าเหมือนอยู่ ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ ส่วนสวัตรได้แต่ยืนมองปล่อยให้อัมพร ปลอบลูกชายไป ยิ่งนับวันภาคินก็ยิ่งเกรี้ยวกราดและอารมณ์ร้อน ขึ้นทุกวันไม่เหมือนเมื่อก่อน
ตอนเย็นของวันถึงเวลาเลิกงานมะลิเก็บของเสร็จกำลังจะเดินออกไปจากแผนก ไอซ์ก็เดินเข้ามาพอดี
“อ้าว มะลิจะกลับแล้วเหรอ”
“แล้ววันนี้มีนัดกับหมอตันเหรอ”
“เปล่าจะไม่มีขอตัวก่อนนะ” เดินผ่านหน้าไอซ์ออกไป
ไอซ์ได้แต่มองตามหลังมะลิที่เดินออกไปด้วยความหงุดหงิด เล็กน้อย เพราะเธออยากรู้ความสัมพันธ์ของหมอต้นกับมะลิให้ มากกว่านี้
ด้านมะลิพอไปถึงหอพักก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดพยาบาล สีขาวเป็นเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ขายาว พร้อมกับกระเป๋า สะพายบ่าสีดำใส่ของเล็กน้อย และไม่ลืมการ์ดที่เขียนข้อความ ข้างในเตรียมไว้กับคุกกี้อีกหนึ่งกล่องเพื่อเอาไปฝากภาคิน
มะลิออกมายืนรอมินตรงหน้าโรงพยาบาล ไม่นานรถเก๋งสีดำ ของมินก็แล่นมาจอดตรงหน้ามะลิ มินจึงเรียกมะลิให้ขึ้นรถ จาก นั้นก็แล่นรถออกตรงไปยังบ้านพงษ์ไพศาลที่อยู่ไม่ไกลจากโรง พยาบาลมากนัก ระหว่างทางทั้งคู่ก็พูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย
“เป็นไงบ้างเหนื่อยไหมวันนี้” มินเอ่ยถามขึ้น
“ก็เหนื่อยเป็นปกตินั้นแหละ แล้วมินล่ะ”
“ฉันเพิ่งเข้าร้านวันนี้เป็นวันแรกเอง หลังจากที่ไปเที่ยวทะเลมา”
“แล้วลูกค้าเยอะไหม”
“ก็เรื่อยๆ ไม่ถึงกับเยอะอะไรหรอก”
“งั้นเหรอ ฉันว่าจะไปอุดหนุนร้านเธอสักหน่อย” ส่งยิ้มให้มิน
“ก็ไปสิ ฉันจะบริการเธอเป็นอย่างดีเลยล่ะ” มินพูดปนหัวเราะ
“เจ้าของร้านออกตัวซะขนาดนี้ ไม่ไปคงไม่ได้แล้วล่ะ” มะลิพูด
ยิ้มๆ
“จ๊ะ แม่พยาบาลคนสวย” หันมาส่งยิ้มให้มะลิ
มินขับรถไปเรื่อยๆ ไม่นานก็มาถึงบ้านจึงเลี้ยวเข้าไปจอดตรงลานจอดรถภายในบ้าน พอรถจอดสนิททั้งคู่ก็ลงมาจากรถ มิ นพามะลิตรงเข้าไปในบ้านหลังใหญ่เพื่อไปพบพ่อกับแม่ ก่อนที่ จะไปที่บ้านหลังเล็ก แต่กลับไม่เจอใครเลยสักคน มันจึงไปถามป้า ชุ่มแม่ครัวใหญ่
“ป้าค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปไหนเหรอคะ” เดินเข้าไปในครัว
“ไปอยู่เป็นเพื่อนคุณคินที่บ้านหลังเล็กค่ะ”
“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ ”
“จะว่ามีก็มีนะคะ”
“หมายความว่ายังไงคะ มันไม่เข้าใจ”
“คือคุณคินไม่เอาใครเลยค่ะตอนนี้นอกจากพ่อกับแม่ แก อาละวาดใหญ่เลยนะคะ จะทำกายภาพให้ก็ไม่ยอมให้ทำค่ะ” ป้า ชุมพูดเสียยืดยาว
“โธ่ พี่คิน งั้นมินขอตัวไปดูพี่คืนก่อนนะคะ เดินออกจากห้องครัว
ไป
“ค่ะ”
“มะลิไปบ้านหลังเล็กกันเถอะ พ่อกับแม่ฉันอยู่ที่นั้น” เดินนำหน้า มะลิออกไป
มะลิเดินตามหลังมินไปตามทางเดินที่แยกออกมาจากบ้านหลัง ใหญ่ เดินไปไม่กี่เมตรก็ถึงบ้านไม้ชั้นเดียวถึงจะไม่ใหญ่มากแต่ก็ น่าอยู่
“คุณพ่อคุณแม่ค่ะ พี่คินล่ะคะอยู่ไหน”มันเดินเข้าในบ้านเจอ อัมพรกับสุวัตรนั่งอยู่ตรงโซฟากลางบ้าน
“อยู่ข้างในห้องจ๊ะ” อัมพรเอ่ยขึ้น
“สวัสดีค่ะ คุณลุงคุณป้า” มะลิยกมือไหว้
“สวัสดีจ้ะ หนูมะลิใช่ไหม”อัมพรรับไหว้
“ใช่ค่ะ ”
“โตเป็นสาวแล้วสวยขึ้นเยอะเลย จริงไหมคะคุณ” หันไปถามสามี
ตัวเอง
“ใช่สวยขึ้นเยอะเลย เมื่อก่อนยังร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่เลย” สวัตร พูดพลางหัวเราะ
“แม้พ่อกับแม่ชมมะลิกันใหญ่เลยนะ ทีกับลูกตัวเองไม่เคยชม
“จะไปหา ไม่ใช่เหรอก็ไปสิ” อัมพรเอ่ยขึ้น
“มาพอดีเลย พี่คินจะไปไหนเหรอคะ ” ภาคินเคลื่อนวีลแชร์ออก มาจากห้องพอดี
พอมะลิเห็นสภาพของภาคินก็อดที่จะสงสารไม่ได้เพราะสภาพ ของเขาตอนนี้ต่างจากเมื่อหลายปีก่อนมาก หน้าตาไม่สดใส เหมือนอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา แววตาแข็งกระด้างปนเศร้า แล้วก็ ผอมซูบลงและที่ทำให้ยิ่งน่าเห็นใจมากไปกว่านั้นก็คือขาทั้งสอง ขาที่เดินไม่ได้อีกแล้ว
“มาค่ะ มินช่วยไปตรงริมสระบัวกันดีกว่า” เป็นพี่ชายตัวเองออก ไปจากตัวบ้านแล้วไปหยุดตรงริมสระ โดยที่มะลิเดินตามไปติดๆ
“มะลิเข้ามาสิ ” มินเรียกมะลิให้เข้าไปหาภาคินใกล้ๆ
“สวัสดีค่ะ พี่คิน” ยกมือไหว้พร้อมกับส่งยิ้มให้
ภาคิมหันมามองหน้ามะลิแล้วหันกลับไปทางเดิม โดยไม่ตอบรับ หรือพูดอะไรสักคํา แต่ความสวยสดใสของมะลิทําให้ภาคินชะงักไปชั่วครู่หนึ่งเหมือนกัน มะลิหุบยิ้มลงทันทีที่ภาคินทำ อย่างกับเธอเป็นธาตุอากาศไม่มีตัวตน
“พี่คินรู้ไหมคะ ว่ามะลิเป็นพยาบาลอยู่โรงพยาบาลประจำอำเภอ เรานี้เอง” มินพูดขึ้นทำลายความเงียบ
ภาคินเอาแต่เงียบไม่พูดไม่จาอะไรกับใครทั้งนั้น จนมินหันไป มองหน้ามะลิแล้วก็ไปสะดุดตากับของฝากที่มะลิถืออยู่ในมือ เธอ ว่าจะถามตั้งแต่อยู่ในรถแล้วแต่ก็ลืมไป
“นั้นของฝากพี่คินใช่ไหม”
“ใช่จ้ะ คุกกี้กล่องนี้ฉันตั้งใจเอามาฝากพี่คิน” หันไปมองหน้าภาคิ นที่เอาแต่นั่งนิ่ง
“มาเดี๋ยวฉันจะเอาไปใส่จานมาให้พี่คนดีกว่า ฝากพี่คินด้วยนะ มะลิ” รับกล่องคุกกี้แล้วเดินเข้าไปในบ้าน
“พี่คืนชอบดอกบัวเหรอคะ” เดินไปยืนอยู่ข้างๆวีลแชร์
“ฉันจะชอบหรือไม่ชอบอะไรมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย แล้วเลิก เรียกฉันว่าพี่ได้แล้ว ฉันไม่ใช่พี่เธอ” พูดด้วยน้ำเสียงกระด้าง
มะลิได้ยินอย่างนั้นก็หน้าเจื่อนลง ไม่รู้ว่าภาคินคิดอะไรถึงได้พูด แบบนั้นออกมา เหมือนต้องการสร้างกำแพงกั้นไว้ไม่ให้ใครเข้า ถึงได้
“มาแล้วค่ะ พี่คินลองชิมหน่อยนะคะ มะลิอุตส่าห์ซื้อมาฝาก” มิน ถือจานใส่คุกกี้เดินเข้าพร้อมกับหยิบคุกกี้ยื่นไปป้อนภาคินถึงปาก
“พี่ไม่อยากกิน” เบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“ก็ได้ค่ะ ไม่ทานก็ไม่ทาน” มองหน้าพี่ชายตาละห้อย
“หนูมะลิอยู่ทานข้าวเย็นกับพวกเราก่อนนะ แล้วค่อยกลับ” อัมพร เดินเข้ามา
“จะดีเหรอคะ หนูเกรงใจค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก”อัมพรเอ่ยขึ้น
“คุณแม่พูดถูกค่ะ จะเกรงใจอะไรเราเป็นเพื่อนกันนะ เดี๋ยวฉันจะ ไปส่งเอง” มินส่งยิ้มให้มะลิ
“เดี๋ยวแม่กับพ่อกลับไปบ้านใหญ่ก่อนนะ ตามสบายนะ หนูมะลิ”
“ค่ะ”
“พี่ขอตัวก่อนก็แล้วกัน” พูดจบภาคินก็เคลื่อนวีลแชร์หายเข้าใน
ห้อง
มินจึงชวนมะลิไปนั่งคุยกันตามประสาผู้หญิงตรงโซฟากลาง บ้านเล็กด้วยกันอย่างสนุกสนาน จนน้อยเดินเข้ามาพอดี
“พี่น้อยค่ะ วันนี้พี่คินอาละวาดอีกแล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับพี่เลย”
“อดทนหน่อยนะคะ พี่น้อยลองดูไปก่อนเผื่อพี่คินจะอารมณ์เย็น ลงบ้าง”
“ค่ะ” รับคําแล้วเดินออกไป
“มะลิฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเดี๋ยวมา”มินเอ่ยขึ้น
“จ๊ะ ตามสบาย” มะลินั่งทานของว่างต่อ
โครม! เสียงดังออกมาจากห้องภาคิน มะลิจึงรีบลุกแล้วเดิน เข้าไปข้างในห้องทันที สิ่งที่เห็นตรงหน้าภาคินนอนกองอยู่กับ พื้นพยายามจะลุกขึ้นด้วยตัวเอง
“มาค่ะ มะลิช่วย” จับพยุงตัวภาคินขึ้น
“เธอจะมาช่วยฉันทำไม” จ้องหน้ามะลิ
“มะลิเต็มใจช่วยค่ะ แล้วพี่คนจะนั่งตรงไหนคะ”
“ที่เตียง”
มะลิจึงพยุงตัวภาคินไว้ค่อยๆขยับถอยหลังไปที่เตียงโดยที่เธอ อยู่ตรงด้านหน้าภาคิน จนขามะลิไปชนเข้ากับขอบเตียง และ ด้วยความที่ตัวภาคินหนักทำให้เธอรับน้ำหนักไม่ไหว จึงทำให้ตัว ภาคินล้มลงมาทับตัวเธอ ลงไปนอนบนเตียงอย่างแรง ทำให้ริม ฝีปากหนาหยักของภาคินจูบเข้าไปที่แก้มของมะลิเต็มๆ มะลิเบิก ตากว้างด้วยความตกใจ จากนั้นทั้งคู่ก็มองสบตากันโดยไม่ได้นัด หมาย
“มะลิเธออยู่ไหนอะ”เสียงมินเรียกอยู่ข้างนอกห้อง
มะลิจึงรีบขยับตัวเองออกมาจากตัวภาคิน แล้วพยุงให้ภาคินนั่ง ลงบนเตียงตามที่เขาต้องการ
“อ้าว! อยู่นี้เอง” มินเดินเข้ามาในห้อง
“พอดีพี่คินตกวีลแชร์ฉันก็เลยเข้ามาช่วยพยุงขึ้น” พูดพลางแก้มแดงไปด้วย
“เอาอีกแล้วนะคะพี่คิน บอกแล้วว่าจะทำอะไรให้เรียก ดื้อจริงๆ พี่ ชายคนนี้”
“ออกไปได้แล้ว พี่อยากอยู่คนเดียว” มองหน้ามะลิแวบหนึ่ง
“ก็ได้ค่ะ นี้ก็จะเริ่มมืดแล้ว เดี๋ยวมินจะเรียกพี่น้อยให้มาช่วย เตรียมตัวอาบน้ำเลยนะ ไปมะลิออกไปข้างนอกกัน” หันไปมอง มะลิที่เอาแต่ยืนก้มหน้าอยู่
มะลิเดินตามหลังมินไปที่บ้านหลังใหญ่ นั่งคุยกันไปสักพักก็ได้ เวลารับประทานอาหารเย็น ระหว่างอยู่ในโต๊ะอาหารมินก็ตักโน้น นั้นนี้ใส่ไปในจานของภาคินจนเต็มจานไปหมด
“มินพอได้แล้วพี่ทานไม่หมดหรอก”
“ค่ะ พี่คินตักเพลินไปหน่อย” ส่งยิ้มให้พี่ชาย
แม่ว่าเปลี่ยนจากตักให้พี่คนเปลี่ยนมาตักให้มะลิดีกว่าไหม ดูสิ ” ไม่ยอมตักสักทีไม่รู้จะเกรงใจอะไรนักหนา” อัมพรเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณป้า”
“มาฉันตักให้เธอเอง” มินตักแกงใส่จานให้มะลิทันที
“ขอบใจจ้ะ” ตักข้าวเข้าปาก
หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จมะลิก็เตรียมตัวจะกลับหอพักของตัว เองในโรงพยาบาล พอเปิดกระเป๋าออกก็เจอการ์ดที่ตัวเองตั้งใจ จะเอาให้ภาคินยังอยู่ในกระเป๋าอยู่ จึงรีบเดินตามหาภาคินจนไป ถึงบ้านหลังเล็ก ก็เห็นภาคินนั่งอยู่ข้างนอกพอดี เธอจึงเดินเข้าไป
“พี่คินพอดีมะลิมีของจะให้ค่ะ”
“อะไรของเธออีกฉันนึกว่ากลับไปแล้ว”
“นี้ค่ะ” ยื่นการ์ดไปให้ภาคิน
“ฉันไม่อยากได้
“รับไปเถอะค่ะ มะลิตั้งใจทำให้เลยนะคะ”
“รับก็ได้ พอใจหรือยังกลับไปได้แล้ว” ยอมรับการ์ดจากมะลิเพื่อ
ตัดรําคาญ
“อย่าลืมเปิดอ่านด้วยนะคะ มะลิกลับก่อนล่ะ สวัสดีค่ะ” ยกมือขึ้นไหว้แล้วเดินออกไป
พอมะลิออกไปภาคินก็ถือการ์ดเข้าห้องไป แต่ยังไม่ยอมเปิด อ่าน ส่วนมะลิเดินไปถึงหน้าบ้านมินก็ออกมาพอดี จากนั้นทั้งคู่ก็ ขึ้นรถแล่นออกไปจากบ้าน ระหว่างก็คุยกันไป
“เธอไปไหนมาเมื่อกี้ฉันเห็นเธอเดินมาจากทางบ้านหลังเล็ก มินถามขึ้นตามองทางข้างหน้า
“ฉันก็ไปเดินเล่นแถวๆ นั้นแหละ”
“จริงอะ ฉันนึกว่าแอบไปหาพี่คิน” มินพูดหยอกมะลิ
“จะบ้าเหรอ” พยายามเก็บอาการเขินไว้
“แม้ไม่ต้องเขินหรอก ฉันรู้ว่าเธอชอบพี่คิน”
“เปล่าสักหน่อย ไม่ได้ชอบ”
“ก็ได้ฉันไม่เถียง แต่ถ้าวันไหนพี่คนชอบมะลิขึ้นมาฉันเชียร์เต็ม ที่เลยแหละ ถ้าเธอไม่รังเกียจคนพิการนะ
“รังเกียจอะไรกัน เธอก็รู้ว่าฉันอยากเป็นพยาบาลเพราะอะไร
“ฉันรู้ คงไม่มีใครเข้าใจคนไข้เท่ากับหมอพยาบาลแล้วล่ะ ” มิน หันไปส่งยิ้มให้มะลิ
มะลิพยักหน้ารับแล้วก็นั่งเงียบไปตลอดทาง นึกถึงภาพที่ริม ฝีปากของภาคินจูบเข้าไปที่แก้มของเธอเต็มๆ อดที่จะเขินอาย ขึ้นมาไม่ได้ ไม่นานรถก็แล่นไปส่งเธอถึงที่หน้าหอพัก รอจนรถ มินลับตาไปมะลิจึงเดินเข้าห้องอาบน้ำแต่งตัว เสร็จก็ไปล้มตัวลง นอนบนเตียงแล้วหลับตาลง
ด้านภาคินนอนอยู่บนเตียงกำลังจะหลับตาลง ตาก็เหลือบไป เห็นการ์ดที่มะลิให้วางตรงโต๊ะหัวเตียง จึงหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน
ไม่ว่าพี่คินจะเจอกับปัญหาหรืออุปสรรค อะไรก็ตามที่เข้ามาใน ชีวิตของพี่ตอนนี้ มะลิขอให้พี่สู้ต่อไปนะคะ อย่าเพิ่งท้อ หวังว่าสัก วันจะมีปฏิหาริย์ที่ทำให้พี่กลับมาเดินได้อีกครั้ง
สู้ๆ นะคะ จากมะลิ
พออ่านจบภาคินก็เอาการ์ดวางไว้ที่เดิม ปิดไฟหัวเตียงแล้วนอน ราบลงไปกับเตียงหลับตาลง แต่ในหัวกลับมีภาพใบหน้าของมะลิ ลอยเข้ามา กลิ่นหอมๆจากแก้มของมะลิยังคงติดอยู่ตรงปลาย จมูกของเขาอย่างตรึงใจ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ